ปรับลดน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เร่งระบายสู่อ่าวไทย

S__30728199_0

กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมเร่งระบายสู่อ่าวไทย คาดระดับน้ำลดต่อเนื่องช่วง 20–24 พ.ย. 68

วันที่ 18 พ.ย.68 ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 69,438 ล้าน ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 91 ของความจุรวมทุกอ่าง สะท้อนให้เห็นว่าปีนี้ประเทศไทยมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณฝนที่มากกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 18 พฤศจิกายน 2568 มีปริมาณน้ำสะสมรวมกันกว่า 53,680 ล้าน ลบ.ม. สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 16 ปี ถึง ร้อยละ 33

โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 24,562 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่างฯรวมกัน

ในส่วนของสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา เวลา 12.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณไหลผ่านในอัตรา 2,856 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทานรับน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกอย่างเต็มศักยภาพ รวม 647 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปัจจุบันระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณไหลผ่าน 2,688 ลบ.ม./วินาที

คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2568 จะสามารถ ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ลงเหลือ 2,400 – 2,700 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ลดลงเพิ่มอีก 0.40 – 0.75 เมตร

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง มีการใช้โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงจังหวะน้ำทะเลลง ออกสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เข้าสู่ฤดูการส่งน้ำฤดูแล้งปี 2568/69 แล้ว ได้มีการกำหนดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ เพื่อให้การใช้น้ำของทุกภาคส่วนเพียงพอและยั่งยืน ครอบคลุมด้านอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนหน้า การเกษตร อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม และการท่องเที่ยว

กรมชลประทาน ยังคงติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างพอเพียงและเสริมความมั่นคงด้านน้ำของประเทศ พร้อมกันนี้ ยังได้ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมเครื่องจักรกล เครื่องมือ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง

About Author