“มาริโอ้” พลิกคาแรกเตอร์ทุกมุมมอง รับบท “เสือมเหศวร” ที่ท้าทายที่สุดในชีวิตใน “ขุนพันธ์ 3”
“มาริโอ้ เมาเร่อ” นักแสดงหนุ่มสุดฮอตที่พลิกคาแรกเตอร์ทุกมุมมอง รับบท “เสือมเหศวร” เสือร้ายผู้เก่งฉกาจ ปราดเปรื่อง หาตัวจับยากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีวิชาลิงลม แคล้วคลาด อาคมเก่งกล้า บทบาทที่ท้าทายที่สุดในชีวิตใน “ขุนพันธ์ 3”
ครั้งแรกที่รู้ว่าจะได้มาเล่นเป็นเสือมเหศวรใน ขุนพันธ์ 3 ความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างไร
ผมรู้สึกว่าโหดแน่ครับ เพราะเราเป็นแฟนของหนัง ขุนพันธ์ มา 2 ภาคแล้ว ตั้งแต่เราเป็นคนดูเราก็รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้พลัง ใช้แรงในการเล่นเยอะมาก ดูจาก ขุนพันธ์ เสือใบ เสือฝ้าย แล้ว ชีวิตเขาไม่ได้ผ่านมาง่าย ๆ เลยครับ และแคสติ้งแต่ละตัวละครของขุนพันธ์ ที่ผ่านมาเนี่ยโอ้โหเบอร์ใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลยครับ ทั้ง พี่น้อย ทั้งผู้พันเบิร์ด ทั้ง พี่เป้ อารักษ์ ผมรู้สึกตื่นเต้นครับที่จะได้เป็นหนึ่งในตัวละครของ ขุนพันธ์ 3
สำหรับ ขุนพันธ์ แล้ว อาจะต้องเรียกว่าเป็นความฝันในวัยเด็กของนักแสดงชายบางคนที่จะได้มาขี่ม้า ยิงปืน ได้ทำอะไรหลายอย่างที่ผู้ชายเขาทำกัน โอ้รู้สึกอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า
ครับ ผมก็คงเป็นเหมือนผู้ชายหลายๆ คนที่อยากเล่นภาพยนตร์เรื่อง ขุนพันธ์ เพราะอยากมาบู๊ อยากขี่ม้า อยากยิงปืน แต่ผมเองโชคดีตรงที่ผมได้เคยร่วมงานกับพี่โขมผู้กำกับมาก่อน ผมเลยมีโอกาสได้ขี่ม้าและได้ตกม้า ได้ยิงปืน ระเบิด พอมา ขุนพันธ์ 3 ความต้องการตรงนั้นมันก็น้อยลง แต่เปลี่ยนเป็นเริ่มกลัวแล้ว เริ่มรู้สึกว่าเออ เราไม่ต้องเหนื่อยมากก็ได้นะ เราลองติ๋มๆบ้างก็ดี แต่พอกลับมาเจอพี่โขม ก็โหดเหมือนเดิม ใน ขุนพันธ์ 3 ก็ได้เจอทุกอย่างเลยครับ
บทบาทและคาแรกเตอร์ของเสือมเหศวรเป็นอย่างไรบ้าง
เสือมเหศวรเป็นจอมโจรคุณธรรมครับ เป็นอีกหนึ่งเสือที่โด่งดังในภาคกลาง คือมีทั้งเสือฝ้าย, เสือใบ, เสือดำ แล้วก็เสือมเหศวร เขาเป็นเสือที่ท้าทายอำนาจรัฐ ทั้งเรื่องของการปล้นอะไรต่าง ๆ ทำให้ทางรัฐส่งขุนพันธ์มาปราบ แต่ว่าจริงๆแล้วเขาก็เป็นคนทั่วไปครับ แต่มาเข้าพวกกับสี่เสือภาคกลาง เพราะเสือมเหศวรไม่ชอบความเหลื่อมล้ำในสังคม เขาก็เลยลุกขึ้นมาเป็นโจรเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ เขาอยากจะช่วยเหลือผู้คน เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรเชิ้ตขาว และเขายังเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ แล้วก็มีอาชีพหลากหลาย ซึ่งอีกอาชีพหนึ่งของเขาก็คือนักข่าว เป็นคนที่ชอบปลอมตัว เป็นเสือที่มีความแคล่วคล่องว่องไวเหมือนลิงลมครับ พลิ้วไหวเหมือนสายลม เป็นคนฉลาด เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มีไหวพริบ สิ่งที่เขาห้อยติดตัวอยู่ตลอดก็คือพระมเหศวร นอกจากนี้เขายังมีคาถาที่เบี่ยงกระสุนได้ และเขายังเป็นเสือคนเดียวที่กระตุกหนวดของขุนพันธ์ได้ครับ
ชอบอะไรในบทนี้บ้าง
ผมชอบเพราะเป็นคาแรกเตอร์ที่มีหลากหลายอารมณ์ ทั้งเรื่องของคิวบู๊ การต่อสู้ และการวางแผนรวมทั้งทัศนคติของตัวเขา แล้วจะได้เห็นมุมโรแมนติก มุมดราม่าด้วย และสิ่งที่ผมชอบมากในตัวมเหศวรก็คือการปลอมตัว เขามีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายมาก ซึ่งก็ท้าทายตัวผมเอง ผมรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เล่นเป็นเสือมเหศวรครับ และต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ทั้งขี่ม้า ยิงปืน เล่นมายากล และเขายังมีการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในทุกครั้งที่เขาปลอมตัว แล้วผมก็ภูมิใจมากด้วยกับบทเสือมเหศวร จริงๆ แล้วเป็นบทที่ไอดอลของผมรับบทนี้มาหมดแล้วนะครับ ทั้งอามิตร ชัยบัญชา, อาแอ๊ด สมบัติ เมทะนี, พี่ต็อก ศุภกรณ์ จนมาปี 65 เป็นมาริโอ้ครับ
อยากให้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสือมเหศวรกับตัวละครสาวิตรีคุณหมอประจำชุมโจรที่ได้ชื่อว่าเป็นสาวคนสนิทในเรื่อง
ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างจะใกล้ชิดกันครับ เพราะว่าเสือมเหศวรก็ชื่นชมความสามารถและจิตใจของสาวิตรีครับ เพราะสาวิตรีเป็นหมอที่ไม่เลือกคนไข้ เธอรักษาหมดไม่ว่าจะเป็นโจรหรือเป็นคนทั่วไป สาวิตรีจะรู้ถึงอุดมการณ์ และทัศนคติของเสือมเหศวรค่อนข้างมาก จริงๆ แล้วเสือมเหศวรเป็นคนลักพาตัวคุณหมอสาวิตรีมา เพื่อให้เธอมาช่วยรักษาคนที่อยู่ในชุมโจรนี้ ทั้งสาวิตรีและเสือมเหศวรต่างเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ
การร่วมงานกับ ฟ้า ษริกา ที่รับบท สาวิตรี เป็นอย่างไรบ้าง
การที่ฟ้ามาเล่นหนัง ขุนพันธ์ ผมรู้สึกว่าเป็นบทที่โหดนะครับ ต้องใช้ความสามารถค่อนข้างเยอะ และเธอมีหลายบทบาทในเรื่องนี้ที่เป็นเซอร์ไพรส์ ในบทบาทหมอก็จะเป็นคุณหมอนักบู๊ เขารักษาคนไปและยิงโจรไปด้วย ฟ้าเป็นนักแสดงที่ทนและอึดมากๆครับ การที่ต้องมาเจอทีมขุนพันธ์เนี่ยต้องบอกว่า โหดทุกคิว ต้องหลบกระสุน หลบบาซูก้า หลบระเบิด ไหนยังต้องเผชิญหน้ากับจระเข้อีก
นอกจากเสือมเหศวรแล้วยังมีเสือดำที่เป็นอีกหนึ่งโจรในตำนานที่ต้องมาอยู่ร่วมชุมโจรเดียวกัน อยากให้พูดถึงความเหมือนและความแตกต่างของสองเสือ
จริง ๆ แล้วเสือมเหศวรและเสือดำเป็นสองเสือที่สนิทกันนะครับ แต่ว่าพวกเขามีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะ เรียกว่าคนละขั้วเลย เสือดำจะเป็นคนที่มีความคับแค้น และมีอะไรในใจค่อนข้างเยอะ มีเรื่องราว มีแบ็คกราวน์ไม่ค่อยดีกับตำรวจ ซึ่งทำให้เสือดำจะไม่ค่อยถูกกับตำรวจ และอยากจะแก้แค้นล้างแค้นเอาคืนกับขุนพันธ์ แต่ว่าเสือมเหศวรก็นับถือเสือดำนะครับ ทั้งคู่อาจมีทัศนคติที่คล้ายกันคืออยากจะพาคนในชุมโจรออกไปจากตรงนั้นให้ได้ พวกเขาต่างอยากให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมหายไป และทั้งคู่ต่างก็เป็นหัวหน้าแก๊งโจรคนละกลุ่ม เสือดำจะเป็นหัวหน้าแก๊งโจรเชิ้ตดำ เสือมเหศวรเป็นหัวหน้าแก๊งโจรเชิ้ตขาว แต่สิ่งที่สองเสือยังมีเหมือนกันคือพวกเขารักศักดิ์ศรี และรักพวกพ้องอย่างมาก
เป็นยังไงบ้างสำหรับการร่วมงานกับ โตโน่ ที่รับบท เสือดำ
ผมอยากให้จับตาดูพี่โตโน่เลยครับ เพราะหลังจากผมได้แสดงกับพี่โน่ ผมรู้สึกว่าพี่โน่เป็นคนที่เข้าถึงคาแรกเตอร์ได้ดีมากๆ เขาจะไม่หลุดจากบทเลย เวลาอยู่ที่กองถ่ายเขาจะอินกับคาแรกเตอร์ตลอด เวลาเขาแต่งชุดเสือดำมา ผมก็เชื่อเลยครับว่าเขาคือเสือดำ เพราะว่าทั้งรอยแผล ทั้งรอยสัก ทั้งคาแรกเตอร์ที่พี่โตโน่ได้วางเอาไว้ พอเรามองเราจะรู้สึกว่าเขาคนนี้ไม่ใช่พี่โตโน่ที่เรารู้จัก เพราะตัวจริงเขาจะน่ารักกว่านี้ พอเขาเป็นเสือดำเขาไม่ค่อยน่ารัก เขาจะดุๆ และมีความแค้น มีอะไรในใจ เหมือนคาแรกเตอร์ของเสือดำเลยครับ ซึ่งเราก็รับรู้ได้เวลาที่เราเล่นกับเขา ก่อนเข้าฉากเราจะเห็นพี่โตโน่เตรียมตัวอยู่ตลอด
มาที่ตัวละครขุนพันธ์บ้าง อยากให้เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเสือมเหศวรกับขุนพันธ์
ขุนพันธ์ก็เป็นหมากที่สำคัญตัวหนึ่งในภารกิจที่เสือมเหศวรอยากจะทำ จนเสือมเหศวรต้องหาทางตะล่อม และหาวิธีทำให้เขาเข้าไปในทางของเราให้ได้ ทั้งที่สองคนเป็นคนที่มีความคิด และทัศนคติในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสังคมคล้ายๆกัน แต่มันก็มีเส้นแบ่งของความเป็นผู้รักษากฎหมาย กับคนที่อยู่นอกกฎหมายที่มาคั่นกลางครับ
พูดถึงการร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่อย่าง อนันดา เอเวอริงแฮม ที่รับบท ขุนพันธ์ หน่อย
จริงๆผมมีพี่อนันดาเป็นไอดอลมาตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ แล้วพอได้มาแสดงหนังร่วมกับพี่อนันดาใน ขุนพันธ์ 3 เวลาผมแสดงกับพี่อนันดา ผมก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะพี่อนันดาเขาเป็นคาแรกเตอร์นี้ไปแล้ว การแสดงเป็นขุนพันธ์ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ ต้องเล่นฉากบู๊ด้วย ต้องมีความอดทนสูงมากในการแสดงเป็นตัวละครตัวนี้ คิวบู๊ก็โหดมาก ทั้งเอฟเฟกต์ ระเบิด ปืน คิวในการต่อสู้ ทุกอย่างมันค่อนข้างยาก แต่พี่อนันดาก็ทำได้ดีมากๆ ผมชื่นชม แล้วในขณะที่ถ่ายอยู่ด้วยกันผมก็คิดไม่ออกว่าถ้าเป็นคนอื่นใครจะมาแสดงเป็นขุนพันธ์ได้ ถ้าไม่ใช่พี่อนันดา ซึ่งเคมีที่พี่เขาส่งมา ผมแทบไม่ต้องเล่นเลยครับ เราเชื่อเลยว่าคนๆนี้คือขุนพันธ์จริงๆ เวลาเราเล่นกับเขา แอ็กชันมาก็รู้สึกเชื่อเลย
พูดถึงลูกน้องคนสนิทของเสือมเหศวรคือ เสือเจิด เล่าถึงตัวละครตัวนี้หน่อย
สำหรับเสือเจิดเขาเป็นเหมือนน้องชาย และเป็นเพื่อนรักของเสือมเหศวรด้วย เสือเจิดเป็นใบ้ และหูหนวก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ เสือเจิดเป็นมือขวาของเสือมเหศวร เป็นคนที่คอยระวังภัย คอยปกป้อง คอยระวังหลังให้เสือมเหศวร เป็นเหมือนตาหลังให้เสือมเหศวร
การได้กลับมาร่วมงานกับฟิลลิปส์ (ทินโรจน์) ที่รับบท เสือเจิด อีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง
ใช่ครับ เราเคยเจอกันมาตั้งแต่เรื่อง ขุนแผนฟ้าฟื้น พอมาถึง ขุนพันธ์ 3 พลังและความน่ารักของเขากลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเขาเป็นเหมือนพลังของกองครับ เวลาหันไปเจอเราจะไม่เคยเห็นฟิลลิปส์ง่วงเหงาหาวนอนเลย เขาจะวิ่งหรือถอดเสื้อเดินอยู่ ผมก็รู้สึกดีมากๆ เลยครับที่ได้มาร่วมงานกับฟิลลิปส์อีกครั้งหนึ่ง เขาเป็นเสือเจิดได้สมบูรณ์แบบครับ ก็อยากฝากให้ติดตามเสือเจิดด้วยครับ เพราะเป็นบทที่เขาไม่ได้พูด แต่ได้แสดงอารมณ์ ซึ่งผมเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเป็นบทที่ท้าทายมาก เพราะต้องแสดงอารมณ์ สีหน้า แววตา ทุกอย่าง แต่ห้ามพูดออกมา มีหลายซีนมากที่ฟิลลิปส์ต้องเล่นโดยต้องแสดงอารมณ์ และต้องแสดงแอ็กชันด้วยซึ่งซีนแอ็คชั่นของเขาก็ไม่ธรรมดาครับ ต้องลองไปติดตามในหนังครับ
การร่วมงานกับพี่โขม ผู้กำกับขุนพันธ์ 3 ได้เห็นไหมว่าผู้กำกับผู้นี้รักและทุ่มเทกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
พี่โขมถือว่าเป็นไอคอนนิคของภาพยนตร์บู๊ของไทย ซึ่งผมว่าพี่โขมก็เป็นผู้นำด้านนี้มานานแล้วครับ ผมเองก็เห็นผลงานของพี่โขมมานานและเคยได้ร่วมงานกับพี่โขมมาก่อน ทำให้ผมรู้ว่าพี่โขมเป็นคนที่มีความตั้งใจมากๆ ในการทำหนัง และความทุ่มเทของพี่โขมคือรู้เลยว่าพี่โขมทุ่มเทสุดๆ บางทีถ้าถ่ายไม่เสร็จ พี่โขมก็ยังกลับบ้านไม่ได้ ยากมากที่พี่โขมจะบอกว่าเลิกกอง วันไหนที่เขาพูดว่าเลิกกอง มันปิ๊งเลย มันดีใจขึ้นมาเลย รู้สึกว่ามันมีชั่วโมงแบบนี้ด้วยเหรอ แต่เราก็รู้ว่าพี่เขาตั้งใจ พอมาถึง ขุนพันธ์ 3 ผมก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าโหดแน่ และน่าจะโหดกว่า ขุนแผนฟ้าฟื้น ที่เคยเจอมา แต่กลับกลายเป็นว่าโหดน้อยกว่าครับ เพียงแต่ว่าพี่โขมคงจะไปโหดกับคนอื่นแทน เพราะต้องบอกว่า ขุนพันธ์ 3 มีตัวละครเยอะ ก็จะหนักกันคนละแบบไปครับ ซึ่งผมเองเป็นเสือมเหศวร เรื่องนี้ก็จะหนักในเรื่องของการปลอมตัว
อยากให้พูดถึงฉากที่ถือเป็นไฮไลท์ของเสือมเหศวรหรือฉากที่โอ้ประทับใจเป็นพิเศษ
จริงๆ มันมีหลายฉากมาก แต่ผมขอพูดถึงฉากที่จำไม่ลืมดีกว่าครับ มันเป็นฉากบู๊ใหญ่มาก เป็นฉากที่ต้องมีสเปเชียลเอฟเฟกต์ มีระเบิด ซึ่งในฉากนี้เสือมเหศวรต้องปีนขึ้นหอคอย แล้วระเบิดดันถล่มมาก่อน ก็คือโดนอีกฝ่ายยิงปืนใหญ่ใส่ ตอนถ่ายจริงตอนแรกลูกไฟมันไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ พี่โขมบอกไม่ชอบ เขาก็เลยเพิ่มระเบิดเข้าไปอีก ทีนี้พอเขากดระเบิด มันไม่ติด ก็เลยเอาใหม่อีกรอบ เที่ยวนี้ติดใหญ่มาก ใหญ่จนผมร้อนวาบไปทั้งหลังไปทั้งหน้าเลยครับ ผมจำได้ว่ามันเกิดผิดพลาดนิดหน่อย ระเบิดมันลึกและมันกวักหินขึ้นมาด้วย หินมันกระเด็นเข้าหน้าผมเต็มที่เลยครับ ตอนนั้นผมบอกเลยว่าเหวอ ใจหายเลย คิดว่าหน้าเราจะเป็นแผลไหม จะโดนอะไรที่ตาไหม มันเจ็บมากครับ แต่ก็ผ่านมาได้โดยปลอดภัยดี แต่ตอนนั้นก็ยอมรับว่าใจหายวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ฝากให้ไปดูฉากนี้ด้วยนะครับ เรียกว่าฉากใจหายครับ
สำหรับแฟน ๆ หนัง ขุนพันธ์ หรือแฟน ๆ ของโอ้เอง จะได้เห็นอะไรจากตัวโอ้บ้างในหนัง ขุนพันธ์ 3
บอกเลยว่าโอ้ทุ่มเทสุดๆจัดหนัก จัดเต็มแน่นอนครับ ทั้งเรื่องของการขี่ม้า การยิงปืน คิวบู๊ที่โอ้โห โหดเหลือเกินกับระเบิดที่ใกล้เรามาก มันเฉียดหัวเราไป ความร้อน ความเสี่ยงตายที่เราเจอ คิดแล้วก็กลัวเหมือนกัน แล้วก็ยังได้รู้ว่าการถือปืนแล้วล้มลงไป จริงๆแล้วเราต้องปล่อยปืน ไม่อย่างนั้นมันจะตีเข้าเล็บเราเจ็บมาก
รู้สีกยังไงที่ได้มีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้และเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขุนพันธ์
ต้องบอกเลยว่า ขุนพันธ์ 3 เป็นภาพยนตร์ที่เต็มที่ครับ ทั้งในเรื่องของนักแสดง ทั้งเรื่องของบท ทั้งเรื่องของคิวต่าง ๆ และเอฟเฟกต์ต่างๆ ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นเซอร์ไพรส์ครับ ทั้งในเรื่องของบทด้วย เรื่องของนักแสดงด้วย และเรื่องของคิวบู๊ต่างๆ ที่ผมคิดว่าเราไม่น่าจะเห็นในภาพยนตร์เรื่องอื่น
สำหรับคนดูแล้ว ทำไมถึงต้องดูหนัง ขุนพันธ์ 3
เพราะภาคนี้เป็นบทสรุปของหนัง ขุนพันธ์ ใครที่เป็นแฟนหนังห้ามพลาดเลยครับ และสำหรับคนที่ไม่เคยดูหนัง ขุนพันธ์ มาก่อน ก็ต้องไปดูภาค 1 และภาค 2 ครับ แล้วมาดูภาค 3 ต่อ ก็จะยิ่งได้อรรถรสขึ้นไปอีกครับ สิ่งที่ต้องดูเลยใน ขุนพันธ์ 3 คือเรื่องของนักแสดง เรื่องของบท เรื่องของคิวบู๊ เรื่องของเอฟเฟกต์ ผมเชื่อว่าหนังจะเซอร์ไพรส์คนดูแน่นอน เป็นภาพยนตร์ที่ผมบอกได้เลยว่า หลังจากเรื่องนี้แล้วคงไม่ได้เจอภาพยนตร์ที่อลังการขนาดนี้อีกบ่อยๆ มันคือความตั้งใจของทั้งทีมงานและนักแสดงที่จะทำหนังเรื่องนี้ออกมา ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะถูกใจแฟน ๆ ขุนพันธ์ และคนไทยทุก ๆ คนนะครับ ก็อยากฝากให้ติดตาม ขุนพันธ์ 3 ด้วยครับ เข้าฉายในวันที่ 1 มีนาคมนี้นะครับ