“WHERE THE CRAWDADS SING” ปมรักในบึงลึก
ข้อมูลงานสร้าง
จากนวนิยายขายดีมาสู่ความลึกลับที่น่าหลงใหล Where the Crawdads Sing บอกเล่าเรื่องราวของ ไคยา เด็กสาวที่ถูกทิ้งขว้าง ผู้เลี้ยงตัวเองจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในที่ลุ่มอันตรายของนอร์ธ แคโรไลนา เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ข่าวลือเรื่อง “เด็กสาวบึง” แพร่กระฉ่อนอยู่ในบาร์คลีย์ โคฟ ทำให้ไคยา เด็กสาวผู้เฉียบแหลมและหัวรั้น ถูกกีดกัดออกจากชุมชน เมื่อเธอรู้สึกถูกดึงดูดเข้าหาชายหนุ่มสองคนจากเมือง ไคยาก็ได้เปิดตัวเองสู่โลกใบใหม่ที่น่าตกใจ แต่เมื่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิต เธอก็ถูกคนในชุมชนมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยหลักทันที เมื่อรายละเอียดของคดีถูกเผยออกมา คำตัดสินที่ว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ ก็ยิ่งไม่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเปิดโปงความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในบึงแห่งนั้น
3000 พิคเจอร์ส ร่วมกับฮาร์เปอร์คอลลินส์ พับลิชเชอร์ส ภูมิใจเสนอผลงานสร้างโดยเฮลโล ซันไชน์ Where the Crawdads Sing นำแสดงโดยเดซี เอ็ดการ์-โจนส์, เทย์เลอร์ จอห์น สมิธ, แฮร์ริส ดิคคิสัน, ไมเคิล ไฮแอตต์, สเตอร์ลิง เมเซอร์, จูเนียร์ และเดวิด สตราเธร์น กำกับการแสดงโดยโอลิเวีย นิวแมน อำนวยการสร้างโดยรีส วิทเธอร์สปูนและลอเรน นิวสแต็ดเตอร์ บทภาพยนตร์โดย ลูซี อาลีบาร์ สร้างจากนวนิยายของเดเลีย โอเวนส์ ผู้ควบคุมงานสร้างคือรอนดา เฟห์และเบ็ทซี แดนเบรี ผู้กำกับภาพคือพอลลี มอร์แกน, เอเอสซี ผู้ออกแบบงานสร้างคือ ซู ชาน มือลำดับภาพคืออลัน เอ็ดเวิร์ด เบล, เอซีอี ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือเมอร์เรน กอร์ดอน-โครเซียร์ ดนนตรีโดยไมเคิล แดนนา
เกี่ยวกับภาพยนตร์
เรื่องราวของการเอาชีวิตรอดใน Where the Crawdads Sing เริ่มต้นการเดินทางสู่หน้าจอเมื่อรีส วิทเธอร์สปูน ผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงสาวเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด แต่ยังเป็นผู้อำนวยการสร้างชื่อดังเจ้าของเฮลโล ซันไชน์ ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชันมูลค่าพันล้านเหรียญของเธอ ได้รับต้นฉบับที่เขียนโดยเดเลีย โอเวนส์ “ฉันอ่านนิยายเรื่องนี้ภายในวันเดียว ฉันวางมันไม่ลงเลยค่ะ” วิทเธอร์สปูนกล่าว “ฉันตกหลุมรัก ไคยา ในฐานะตัวละครหลัก ในฐานะเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เติบโตขึ้นมาในพื้นที่ชนบท ถูกสังคมรังเกียจและพยายามหาวิธีที่จะช่วยเหลือตัวเอง แค่เอาตัวรอดเท่านั้นน่ะค่ะ ประสบการณ์ที่เธอมีกับผู้ชายสองคนในชีวิตของเธอช่างน่าประทับใจแต่ก็น่ากลัวเช่นกัน เดเลีย โอเวนส์ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยความสมจริงจนคุณสามารถบอกได้เลยว่าเธอเติบโตขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้น่ะค่ะ”
“เดเลียได้สร้างเรื่องราวที่คลาสสิกและไร้กาลเวลาขึ้นมาด้วยหนังสือเล่มนี้” โอลิเวีย นิวแมน ผู้กำกับภาพยนตร์กล่าว “มันเป็นเรื่องรัก เรื่องของคนที่ด้อยกว่า ปริศนาฆาตกรรม การไต่สวนคดีอาชญากรรม ที่มีฉากที่โดดเด่น เข้ากับดรามาและสโคปของเรื่อง เราอยากจะยกย่องสิ่งนั้นด้วยการดัดแปลงเรื่องอย่างตรงไปตรงมาและฉันก็ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับทีมผู้หญิงที่น่าทึ่งนี้ ทั้งผู้บริหาร มือเขียนบท ผู้อำนวยการสร้าง หัวหน้าแผนกส่วนใหญ่ ผู้มีความพิถีพิถันในการรักษาลุคและความรู้สึกของหนังสือเรื่องนี้ ที่ผู้อ่านทุกหนทุกแห่งยอมรับน่ะค่ะ”
หนังสือเรื่องนี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางวรรณกรรม ได้พุ่งขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของลิสต์เบสต์เซลเลอร์เมื่อวิทเธอร์สปูนได้เลือกมันสำหรับชมรมหนังสือและมันก็ได้ทำลายสถิติด้วยการครองอันดับในลิสต์นานถึง 191 สัปดาห์ ด้วยยอดขายรวมกว่า 12 ล้านเล่ม หนังสือเรื่องนี้จึงกลายเป็นหนังสือที่มียอดขายสูงสุดในปี 2019 และ 2020 และสร้างสถิติใหม่ด้วยการครองอันดับหนึ่งหลายสัปดาห์ในลิสต์เบสต์เซลเลอร์นิยายปกแข็งของนิวยอร์ก ไทม์
ความนิยมของหนังสือเล่มนี้ขจรขจายออกไปไกลจนแม้แต่เทย์เลอร์ สวิฟท์ก็ยังได้รับแรงบันดาลใจในการแต่งและร้องเพลงต้นฉบับสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ “การที่เทย์เลอร์ สวิฟท์แต่งเพลงสำหรับหนังเรื่องนี้โดยอิงจากตัวละครเหล่านี้เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราจะได้รับค่ะ” วิทเธอร์สปูนกล่าว “เราได้รับโทรศัพท์จากเทย์เลอร์และทีมของเธอที่บอกเราว่าเธอได้แต่งเพลง ‘Carolina’ ที่รวมเอาองค์ประกอบที่หลอกหลอนมากมายในหนังเรื่องนี้เข้าไว้ด้วยกัน ฉันได้คุยกับเธอสองสามครั้งเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของเพลงและวิธีที่เธอเขียน เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นนักแต่งเพลงที่งดงาม ผู้เข้าใจดนตรีโฟล์คและคันทรีเป็นอย่างดี และความชื่นชมแนวเพลงเหล่านั้นของเธอนั่นเองที่ทำให้เพลงนั้นสมบูรณ์แบบสำหรับหนังเรื่องนี้ แล้วใครล่ะคะที่จะไม่ชอบเพลงที่งดงามและตราตรึงใจของเทย์เลอร์ สวิฟท์”
สวิฟท์ใช้เครื่องดนตรีจากยุคสมัยของภาพยนตร์เรื่องนี้ในการทำเพลง “ Where The Crawdads Sing เป็นหนังสือที่ฉันหลงใหลในตอนที่ฉันได้อ่านมันเมื่อหลายปีก่อน” สวิฟท์กล่าว “ทันทีที่ฉันได้ยินว่ากำลังมีการสร้างหนังเรื่องนี้ ที่นำแสดงโดยเดซี เอ็ดการ์-โจนส์ที่น่าทึ่งและอำนวยการสร้างโดยรีส วิทเธอร์สปูน ผู้ยอดเยี่ยม ฉันรู้ว่าฉันต้องการเป็นส่วนหนึ่งของมันทางด้านดนตรี ฉันได้แต่งเพลง ‘Carolina’ คนเดียวและขอให้เพื่อนของฉัน แอรอน เดสเนอร์ เป็นคนอำนวยการสร้างเพลงนี้ ฉันต้องการสร้างบางสิ่งที่หลอกหลอนและงดงามเกินจริงเพื่อให้เข้ากับเรื่องราวที่ชวนให้หลงใหลนี้ค่ะ”
จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ Where the Crawdads Sing คือเมื่อโอเวนส์ ผู้เกษียณจากอาชีพที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านสัตว์ป่าและนักเขียนหนังสือนอนฟิคชันขายดีหลายเล่ม เกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนนวนิยายเรื่องแรกของเธอขึ้นมา
“ทั้งชีวิตของฉันนำมาสู่เรื่องราวนี้ค่ะ” โอเวนส์กล่าว “แรงบันดาลใจเบื้องหลังหนังสือของฉันเริ่มต้นเมื่อฉันยังเป็นเด็ก ฉันโตมาในป่า ป่าจริงๆ เมื่อฉันยังเด็ก แม่ของฉันจะสนับสนุนให้ฉันเข้าไปในป่า เธอต้องการให้เราไปให้ไกลที่สุด แม่ของฉันจะพูดว่า ‘ออกไปที่โน่นที่พวกกุ้งร้องเพลง’ แน่นอนค่ะว่าพวกกุ้งไม่ได้ร้องเพลงจริงๆ แต่ความหมายของเธอจริงๆ คือเธอต้องการให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติในธรรมชาติ หากคุณเข้าไปในป่าได้ลึกพอ ด้วยตัวคุณเอง และไม่มีอะไรอื่นนอกจากคุณและธรรมชาติ คุณก็จะได้ยินเสียงกุ้งร้องเพลงค่ะ”
แม้ว่าเธอจะรักการเขียน แต่โอเวนส์ก็ตัดสินใจยึดอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาสัตววิทยาจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียและปริญญาเอกด้านพฤติกรรมสัตว์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เดวิส โอเวนส์ใช้เวลามากกว่าสองทศวรรษในการใช้ชีวิตและทำงานในถิ่นทุรกันดารในแอฟริกาเพื่อศึกษาสัตว์ที่เธอรัก และท้ายที่สุด เธอก็ได้บันทึกการสังเกตและประสบการณ์เหล่านั้นลงในหนังสือนอนฟิคชันที่ขายดีที่สุดสามเล่มที่เธอร่วมเขียน
“ชีวิตของฉันในฐานะนักชีววิทยาสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ตามลำพังในส่วนต่าง ๆ ของแอฟริกาก็เป็นแรงบันดาลใจให้เรื่องราวนี้เช่นกัน” โอเวนส์กล่าว “เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ได้จากธรรมชาติ เราลืมไปว่าเราเองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราไม่ได้แยกจากมัน เรามีความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับธรรมชาติ ที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าพวกเขามีค่ะ”
“เราพูดถึงพระแม่ธรรมชาติ แต่เราไม่ได้ปฏิบัติต่อธรรมชาติเหมือนกับว่าเธอเป็นแม่ของเรา และการจดจำเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญค่ะ” โอเวนส์กล่าว “ฉันหวังว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้ชมได้รับจากหนังเรื่องนี้คือพวกเขาจะได้รับรางวัลเป็นฉากธรรมชาติ บึง และสิ่งแวดล้อมเอง ตัวบึงต้องปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ค่ะ”
“ฉันจำได้ตอนที่รีสเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้เป็นครั้งแรก” ผู้อำนวยการสร้างลอเรน นิวสแต็ดเตอร์ ประธานฝ่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเฮลโล ซันไชน์กล่าว “เรารักไคยา เรารักโลกใบนั้น เรารักเรื่องราวการการฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อเอาตัวรอดของเธอ เมื่อเราคิดถึงมันในฐานะหนังเรื่องหนึ่ง มันก็มีหลายสิ่งที่น่าสนใจมากเหลือเกิน ฉากหลังนั้นงดงามอย่างยิ่งและเรื่องราวก็มีสโคปที่ยิ่งใหญ่ บึงเองก็เหมาะกับหนังอย่างเหลือเชื่อ ความเขียวขจีและโลกที่เธออาศัยอยู่ ทะเลสาบ ชายหาด สภาพแวดล้อมทั้งหมดช่างสวยงามและโรแมนติกอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วตัวไคยาเองก็เป็นตัวละครที่ไม่ธรรมดา เป็นนางเอกที่ไม่ธรรมดาและแน่นอนว่าเธอก็เป็นฮีโรในเรื่องราวของเธอ การได้เห็นผู้หญิงที่น่าทึ่งคนนี้กับฉากหลังที่สวยงามเช่นนี้ให้ความรู้สึกที่เหมาะกับความเป็นหนังเหลือเกิน และมันก็เพอร์เฟ็กต์ต่อการนำมันขึ้นสู่จอเงินด้วยค่ะ”
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าหนังสือของฉันจะอยู่ที่ไหนถ้าไม่ได้รีส วิทเธอร์สปูนน่ะค่ะ” โอเวนส์กล่าว “อย่างแรกคือ Book Club ของเธอ จากนั้นเป็นรายการขายดี และตอนนี้คือภาพยนตร์ เธอทำสิ่งต่าง ๆ มากมายสำหรับหนังสือเล่มนี้และสำหรับผู้แต่งหลายคน”
หลังจากซื้อสิทธิสำหรับ Where the Crawdads Sing มาแล้ว กาเบลอร์ก็ได้นำวิทเธอร์สปูนและเฮลโล ซันไชน์มาอำนวยการสร้าง และภายหลัง กาเบลอร์ก็ได้นำโปรเจ็กต์นี้มากับเธอด้วยเมื่อเธอก่อตั้งค่าย 3000 พิคเจอร์ส ของเธอที่โซนี พิคเจอร์ส “พวกเขาเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่เรารักมากที่สุด” กาเบลอร์กล่าว “พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัว เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ที่เราแวะไปเยี่ยมเยือนกันตลอดเวลา มันเพอร์เฟ็กต์ที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังเรื่องแรกของ 3000 พิคเจอร์สเท่านั้น แต่ยังเป็นหนังเรื่องแรกจากเฮลโล ซันไชน์ด้วย”
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทีมเฮลโล ซันไชน์ได้รวบรวมทีมผู้สร้างภาพยนตร์หญิงล้วนและทีมงานเบื้องหลังที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มาร่วมกันดัดแปลงนวนิยายเรื่องนี้ให้กลายเป็นภาพยนตร์ “ที่เฮลโล ซันไชน์ เรามุ่งเน้นที่การค้นหาผู้สร้างหญิงที่นำเสนอมุมมองและเรื่องราวใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็นในหนังมาก่อน” วิทเธอร์สปูนกล่าว “สำหรับหนังเรื่องนี้ ผู้หญิงเหล่านี้สร้างโลกที่รุ่มรวย โดยมุ่งเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ค่ะ”
“Where the Crawdads Sing เป็นเรื่องราวที่เหมือนกับความฝันของผู้สร้างค่ะ” ผู้กำกับโอลิเวีย นิวแมนกล่าว “มีนางเอกสาวที่น่าทึ่งคนนี้เป็นศูนย์กลางในแบบที่เราไม่เคยเห็นบนหน้าจอมาก่อน เธออ่อนแอและอารมณ์อ่อนไหวแต่ก็แข็งแกร่งและอดทนด้วย เรื่องราวของเธอครอบคลุมไปในหลากหลายแนว มันเป็นทั้งเรื่องรักที่สวยงาม มีเรื่องปริศนาฆาตกรรม มีเรื่องเล่าของการเอาชีวิตรอด ตอนที่ฉันอ่านหนังสือเรื่องนี้และได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ ฉันก็คิดว่ามันได้นำเสนอโลกและองค์ประกอบต่างๆ ของเรื่องราวเหล่านี้ ที่ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเจาะลึกเข้าไปในฐานะคนทำหนังค่ะ”
เกี่ยวกับตัวละคร
“สิ่งสำคัญที่ฉันชอบเกี่ยวกับไคยาคือว่าเธอมีความทรหดอดทนแค่ไหน่ะค่ะ” เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ ผู้เนรมิตชีวิตให้กับไคยา คลาร์คกล่าว
“ความสัมพันธ์ของเธอกับเชสจบลงแบบไม่ดีนัก เมื่อเชสถูกพบว่าเสียชีวิตในบึง ไคยาก็ถูกไต่สวนในคดีฆาตกรรมของเขา ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอในระหว่างการพิจารณาคดี แต่เธอก็ยังคงแสดงความอดทนและความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ และรักษาความอยากรู้อยากเห็นอย่างเงียบๆ และความเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติเอาไว้ได้”
“ไคยาบอกว่าธรรมชาติไม่มีด้านมืด มีแต่วิธีสร้างสรรค์ที่จะอดทน” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว
“สำหรับไคยา แม้จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกครอบครัวทารุณกรรมและการที่ผู้คนทอดทิ้งเธอไป สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่เสมอคือธรรมชาติค่ะ มันอยู่ที่นั่นเสมอสำหรับเธอและฉันคิดว่ามันกลายเป็นครอบครัวของเธอค่ะ”
“เดซี เอ็ดการ์-โจนส์คือนักแสดงพรสวรรค์แบบหาตัวจับยากค่ะ” วิทเธอร์สปูนกล่าว
“เธอสามารถแปลงร่างเป็นตัวละครต่าง ๆ ได้มากมาย คุณจะรู้สึกถึงความอ่อนแอและความดุร้ายของเธอในการแสดงนี้ เดซีและลีวีทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการแสดงที่บางครั้งก็มีขนาดเล็กมากและเกิดขึ้นภายใน และบางครั้ง ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและดุร้าย ไม่มีการเสแสร้ง ไม่มีการโกหก เธอแค่กลายเป็นตัวละครตัวนี้ และฉันต้องบอกว่า ฉันค่อนข้างจะเน้นสำเนียงภาษาใต้ และเดซีก็ทำได้อย่างสวยงาม ด้วยความเคารพในภาษาและวิธีที่เดเลียเขียนอย่างแท้จริงค่ะ”
ในการเตรียมพร้อมสำหรับบทนี้ เอ็ดการ์-โจนส์ ซึ่งเป็นชาวลอนดอนโดยกำเนิด จะต้องสร้างตัวเองใหม่เป็นไคยา คลาร์ค ทั้งด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอ ประสบการณ์การล่องเรือในบึง พรสวรรค์ของเธอในการวาดภาพและระบายสี และแน่นอน สำเนียงแคโรไลนาของเธอ
“ฉันอ่านหนังสือเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าค่ะ” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว
“แล้วพอฉันได้บทมา ฉันก็อ่านทุกฉากอย่างละเอียด แล้วฉันค่อยเขียนส่วนสำคัญของบทนั้น ๆ เอาไว้ข้าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์จริงๆ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับการพายเรือและบึง ทั้งสัตว์ป่า และภูมิทัศน์ด้วยค่ะ”
เอ็ดการ์-โจนส์ได้ทำงานร่วมกับโค้ชภาษาถิ่น ฟรานซี บราวน์ เพื่อซ่อนสำเนียงลอนดอนของเธอและพูดให้เหมือนกับผู้หญิงอเมริกันช่วงกลางศตวรรษที่อาศัยอยู่บนชายฝั่งของนอร์ธ แคโรไลนา “ฉันชอบการทำงานโดยใช้สำเนียง เพราะการแสดงโดยใช้เสียงของตัวฉันเองทำให้ฉันประหม่ามาก” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “ด้วยความที่ฉันเล่นเป็นไคยาระหว่างที่เธออายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การแสดงความละเอียดอ่อนของเสียงของไคยาก็เลยเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเธออายุมากขึ้นจาก 15 ไปเป็น 20 และ 23 นั่นเป็นจุดเชื่อมต่อที่แท้จริงสำหรับฉันเพราะเสียงของไคยามีความนุ่มนวลพิเศษบางอย่างที่แตกต่างจากเสียงของฉัน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากในการแยกตัวฉันออกจากตัวละครตัวนี้ค่ะ”
ด้วยความที่ไคยาเป็นศิลปินที่มีความสามารถ เอ็ดการ์-โจนส์จึงได้พัฒนาทักษะของเธอด้วยการเรียนวาดภาพกับ เคอร์บี้ ฟีแกน ผู้กำกับศิลป์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งรับผิดชอบภาพเขียนส่วนใหญ่ของไคยาในภาพยนตร์เรื่องนี้ “ฉันมีช่วงเวลาที่วิเศษสุดในการทำงานร่วมกับเคอร์บี้ เธอมีความสามารถมากค่ะ” เอ็ดการ์-โจนส์กล่าว “ตอนที่ฉันไปถึงนิวออร์ลีนส์ครั้งแรก ตอนที่เรากำลังเตรียมงานกันอยู่ ฉันถามเธอว่า ‘ได้โปรด ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม’ เราวาดเปลือกหอยสองสามอัน เราไปที่ซิตี้ ปาร์ค และเธอก็สอนให้ฉันหาเนรมิตชีวิตให้กับขนนกที่สวยงามบนกระดาษแผ่นหนึ่ง มันค่อนข้างพิเศษสุดทีเดียวค่ะ”
“ตอนที่พวกเขายังเด็ก ไคยาและเททเคยรักการค้นหาขนนกครับ” เทย์เลอร์ จอห์น สมิธ ผู้รับบทเทท วอล์คเกอร์กล่าว
“หลังจากการตายของแม่และน้องสาวของเขา เททก็ตัดสินใจกลับเข้ามาในโลกอีกครั้ง และเมื่อเขาเจอขนนกที่เขาคิดว่าเธอชอบ เขาก็เริ่มทิ้งพวกมันไว้ตามตอไม้เพื่อล่อให้เธอเข้ามา และเธอก็เริ่มปล่อยขนนกทิ้งไว้เป็นการตอบแทน มันกลายเป็นเกมสำหรับพวกเขา แบบกลับไปกลับมา ที่เชื่อมโยงกันผ่านความรักในธรรมชาติของพวกเขา จนกระทั่งพวกเขาได้บังเอิญพบกัน เกมจบลง และความสัมพันธ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น”
สมิธเล่าว่า นิวแมนได้สร้างคุณภาพแบบเทพนิยายให้กับเรื่องรักนี้ “พวกเขารักอิสระและชื่นชอบการสำรวจ พวกเขาค้นหาคำตอบว่าพวกเขาเป็นใครและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใคร แล้วก็ค้นหาว่าพวกเขามีตำแหน่งแห่งที่อย่างไรในชีวิตของกันและกันน่ะครับ” เขากล่าว “มีความเชื่อมโยงมากมาย ที่ถูกสำรวจผ่านบึงน้ำและการตกปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ต้นมะเดื่อครับ”
ผู้ที่เติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิตของเธอคือเชส แอนดรูว์ส ซึ่งถูกดึงดูดเข้าหาไคยาด้วยชื่อเสียงที่ลึกลับและแปลกประหลาดของเธอ “คนในเมืองมักพูดถึงเธอว่าเป็นแกะดำ เป็นสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่อาศัยอยู่ในส่วนที่โหดร้ายและน่ากลัวของธรรมชาติ” แฮร์ริส ดิคคินสันผู้แสดงบทนี้กล่าว
“ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้เชสสนใจไคยามากคือความจริงที่ว่าเธอลึกลับ ผมคิดว่าผู้คนมักจะถูกดึงดูดเข้าหาสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เด็กสาวส่วนใหญ่ในเมืองของเขาไม่มีความซับซ้อนแบบไคยา และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ความรอบคอบ ความหลังของเธอ ความลึกซึ้งของเธอ ความบอบช้ำของเธอ ทำให้เขาสนใจ ทำให้เขากลัว และทำให้เขาตื่นเต้น การได้อยู่กับเธอทำให้เขาได้เป็นตัวเขาในเวอร์ชันใหม่ เวอร์ชันที่อยู่นอกเหนือจากขอบเขตของเมืองและครอบครัวของเขาน่ะครับ”
“เป็นเรื่องสำคัญสำหรับลีวี นิวแมนและฉันที่เชสไม่ได้มองเห็นไคยาว่าเป็นคนที่เขาต้องเอาชนะ แต่ว่าเขารู้สึกรักเธออย่างแท้จริงในแบบที่จำกัดของเขาเอง” อาลีบาร์กล่าว
“เขาอยากให้มีโลกที่เขาสามารถมีชีวิตร่วมกับเธอได้จริงๆ แต่น่าเสียดายที่เชสอ่อนแอ และเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแบบแผนทางสังคมและความคาดหวังที่เมืองนี้กำหนดไว้สำหรับเขาได้ ซึ่งแตกต่างจากเททค่ะ”
เกี่ยวกับการงานสร้าง: การสร้างภาพยนตร์ในบึงน้ำ
Where the Crawdads Sing ถ่ายทำในพื้นที่รอบ ๆ เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียนา ทีมผู้สร้างเลือกสถานที่แห่งนี้เพราะความหลากหลายของโลเกชันที่เป็นพื้นที่หนองบึงและปลักโคลน และเมืองเก่าแก่ทางใต้ ที่จะถูกใช้เป็นบาร์คลีย์ โคฟและบ้านของไคยาในบึงน้ำ
“ฉากหลังที่เป็นธรรมชาติมีความสำคัญต่อหนังเรื่องนี้มาก ภูมิทัศน์คือทุกสิ่งทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ค่ะ” นิวแมนกล่าว
“การสำรวจสถานที่หลายครั้งคือความพยายามค้นหาภูมิประเทศที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจำเป็นต่อการบอกเล่าเรื่องราวของไคยา นี่คือโลกของไคยา บึงเกลือ ชายหาด หนองน้ำ… โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉันต้องการให้แน่ใจว่าเราจะสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างบึงไซเปรสกับทุ่งหญ้าราบเรียบที่ประกอบเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำได้”
มือเขียนบทลูซี อาลีบาร์กล่าวว่า บึงน้ำมีชีวิตขึ้นมาด้วยตัวมันเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ “ฉันเชื่อว่าบึงน้ำมีลักษณะเฉพาะของมันเองค่ะ” เธอกล่าว
“ในตอนเริ่มต้นของหนังสือ เดเลียจะบอกคุณว่าไคยาเป็นใครด้วยการพูดถึงบึง บึงเป็นตัวละครที่ไม่สามารถแยกออกจากไคยาได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่บึงจะต้องมีความเป็นตัวละครมากพอ ๆ กับตัวไคยาเองน่ะค่ะ”
สำหรับเรื่องนี้ ผู้กำกับโอลิเวีย นิวแมนได้รวบรวมทีมงานเบื้องหลังที่ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกเหนือจากมือเขียนบทลูซี อาลีบาร์และผู้อำนวยการสร้างรีส วิทเธอร์สปูนและลอเรน นิวสแต็ดเตอร์ รวมถึงผู้บริหารอลิซาเบธ กาเบลอร์แล้ว ทีมงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังรวมถึงผู้กำกับภาพพอลลี มอร์แกน, ผู้ออกแบบงานสร้างซู ชานและผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเมอร์เรน กอร์ดอน-โครเซียร์ ปิดท้ายอลัน เอ็ดเวิร์ด เบลและนักประพันธ์ ไมเคิล แดนนา
“มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ในตอนที่ฉันเริ่มสร้างหนัง แต่มักจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติค่ะ” นิวแมนกล่าว “เมื่อฉันต้องการจ้างทีมงานและหัวหน้าแผนกของฉัน ฉันจะทำให้แน่ใจว่ารายชื่อที่เรากำลังดูนั้นมีความหลากหลาย จากตรงนั้น เราก็จะจ้างคนที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกัน บังเอิญแค่ว่าทุกคนที่ฉันจ้างมาเป็นผู้หญิง อาจเป็นเพราะผู้หญิงเหล่านี้สนใจโครงการนี้และมีวิสัยทัศน์เดียวกันด้วยเหตุผลนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเธอเหมาะที่สุดสำหรับงานนี้ค่ะ”
ตั้งแต่เริ่มแรก นิวแมนและมอร์แกนได้พัฒนาภาษาภาพที่ใช้ร่วมกันสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ “ตั้งแต่การสนทนาครั้งแรกของฉันกับ ลีวี เราก็รู้สึกเชื่อมโยงกันทันทีเกี่ยวกับการที่พวกเรารู้สึกว่าควรจะบอกเล่าเรื่องราวนี้อย่างไร” มอร์แกนกล่าว
“บทสนทนาทั้งหมดที่เรามีในช่วงแรก ๆ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับการบอกเล่าเรื่องราวที่มีความเป็นส่วนตัวในภูมิประเทศที่สวยงามนี้ ด้วยการวาดภาพที่อลังการของหนองน้ำ แต่ก็ยังคงรักษาเรื่องราวของไคยาและการเดินทางของเธอที่ถูกเผยออกมาให้มีความเป็นส่วนตัวและมีขนาดเล็ก”
ในการออกแบบลุคของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้ออกแบบงานสร้าง ซู ชาน เจอกับความท้าทายมากมาย ซึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างบ้านของไคยา “ทุกอย่างในบึงมีชีวิตชีวาเหลือเกินค่ะ” เธอกล่าว
“มันมีวิธีการสื่อสารของตัวเองและมีจังหวะขึ้นลงของมันเอง ใครก็ตามที่จะอาศัยอยู่ในหนองน้ำเหมือนไคยาจะรู้สึกแบบนั้นโดยสัญชาตญาณ จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของเธอ เพิงของเธอ บึง และธรรมชาติมีความสำคัญต่อเรื่องราวมาก เพราะพวกมันเป็นหนึ่งเดียวกับไคยา พวกมันเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเธอค่ะ”
ในการสร้างบ้านของไคยา ชานและทีมของเธอเริ่มต้นด้วยการค้นคว้าข้อมูล “โดยปกติแล้ว เราจะสร้างฉากภายในขึ้นบนซาวด์สเตจ แต่เราอยากได้ความรู้สึกภายนอกของบึงน้ำในบ้านจริงๆ เราตัดสินใจว่าจะสร้างบ้านทั้งหลังขึ้นมา ทั้งภายในและภายนอก แล้วถ่ายทำที่นั่นเลยค่ะ”
“เรื่องราวของบ้านหลังนั้นคือเรื่องราวของครอบครัวค่ะ” ชานกล่าว “มันจะมีวิวัฒนาการตั้งแต่สมัยที่มันเป็นบ้านที่มีห้องเดียวในครอบครัวของพ่อจนถึงตอนที่ครอบครัวเริ่มขยายออก” ชานกล่าว
“ความคิดของเราคือมันเป็นกระท่อมตกปลา มีห้องหนึ่งห้องที่มีระเบียง เมื่อครอบครัวขยายตัวออก พวกเขาก็เปลี่ยนระเบียงหลังบ้านให้กลายเป็นครัว ห้องนอนของแม่และพ่อสร้างขึ้นจากส่วนหนึ่งของระเบียง จากนั้น เมื่อครอบครัวหายไป บ้านหลังนี้ก็เริ่มทรุดโทรมลง สีลอกเป็นชั้น ๆ และถูกแทนที่ด้วยสีที่พวกเขาไปรื้อค้นมาได้ วอลล์เปเปอร์ก็ไม่ได้เข้ากันเลยค่ะ”
เคอร์บี้ ฟีแกน ผู้กำกับศิลป์กล่าวว่า ถ้าบ้านของไคยาดูเหมือนจริง นั่นก็เพราะว่าบ้านนั้นมีอยู่จริง
“ทุกอย่างอยู่ในสถาปัตยกรรม ทั้ง คานขวางบนเพดาน วิธีที่เราสร้างแผ่นไม้กระดานและแปด้านนอก ไม้สนซีดาร์ แผ่นกระเบื้องบนหลังคา” เธอกล่าว “เราใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการค้นหากระเบื้องมุงหลังคา ที่เหมือนกับสิ่งที่ผู้คนใช้กันในนอร์ธ แคโรไลนาในตอนนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ใช้มันอีกต่อไปแล้ว ทุกองค์ประกอบของเสื่อน้ำมัน พื้นไม้เนื้อแข็ง ลักษณะที่แผ่นไม้กระดานแคบและกว้าง รายละเอียดทั้งหมดมีความสำคัญ มันดูสมจริงเพราะมันถูกสร้างจากวัสดุแท้ๆ ซึ่งท้ายที่สุดก็ช่วยบอกเล่าเรื่องราวได้ค่ะ”
ที่นั่น พวกเขาได้สร้างบ้านของไคยาขึ้นบนทะเลสาบ ใต้ร่มเงาของต้นไซเปรสอันร่มรื่นและต้นโอ๊คเก่าแก่ที่มีชีวิต บนคุ้งน้ำที่สวยงามของแม่น้ำเชอฟังเต้ ใกล้กับคฤหาสน์โอทิสอันเก่าแก่ ซึ่งเป็นคฤหาสน์สไตล์ควีนแอนน์ที่สร้างขึ้นในปี 1885 โดยเศรษฐีค้าไม้ที่ชื่อ วิลเลียม ธีโอดอร์ เจย์ และปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ภายใต้การขึ้นทะเบียนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ
โลเกชันที่แฟร์วิว-ริเวอร์ไซด์มีคุณสมบัติตรงกับคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับบ้านของไคยาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้นโอ๊คอายุ 100 ปี มอสสเปน บึงไซเปรส ทะเลสาบ ที่ลุ่มน้ำ และสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยมีพื้นที่ว่างสำหรับรถเทรลเลอร์ รถบรรทุก และยานพาหนะอยู่ใกล้เคียง แต่พวกเขาต้องทำอะไรหลายอย่างเพื่อซ่อนความจริงที่ว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากผู้คน “สถานที่แห่งนี้มีทะเลสาบที่สมบูรณ์แบบสำหรับสิ่งที่เราต้องการอยู่แล้ว เรามีภาพท้องฟ้าที่ยอดเยี่ยมและภูมิทัศน์ที่ดีที่เราจะทำงานด้วยได้แล้ว เราก็แค่ต้องนำส่วนที่เหลือเข้าไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์” ชานกล่าว “สถานที่นี้อยู่ติดกับบ้านเก่าแก่โดยมีรั้วกั้น มีแม่น้ำเชอฟันเต้ ชายหาด และแน่นอน ผู้คนค่ะ เราได้สร้างทางเดินในป่าและได้นำต้นไม้มาตั้งไว้เป็นระยะทางหลายไมล์ เพื่อให้ดูเหมือนว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่กลางป่าลึกน่ะค่ะ”
นอกจากเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟท์แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอเพลงต้นฉบับจากไมเคิล แดนนา นักแต่งเพลงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ดด้วย แดนนาใช้เครื่องดนตรีที่ไม่ธรรมดาในการบันทึกเสียงของบึงน้ำ
“ทันทีที่โอลิเวียฉายหนังที่ตัดต่อแล้วของเธอให้ผมดู ด้วยภาพที่สวยงามของเปลือกหอยในงานศิลปะของไคยา และคอลเล็กชันของเธอ ผมก็รู้ทันทีว่า ดนตรีของเรื่องจะต้องมีศูนย์กลางอยู่ในเสียงของเปลือกหอย” เขากล่าว “ผมเคยพบนักดนตรีที่เก่งกาจ ที่เก็บสะสมเปลือกหอย หอยสังข์ และเครื่องดนตรีจากทะเลอื่นๆ และเขาก็เล่นเครื่องดนตรีพวกนั้นในแบบที่มีการเล่นกันมาตั้งแต่สมัยโบราณในวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก พอเป่ามันเหมือนกับเครื่องดนตรีทองเหลือง พวกมันก็จะมีเสียงเรียกที่ลึกล้ำ ดิบเถื่อน และตราตรึงใจ ซึ่งเป็นเสียงที่มีความดึกดำบรรพ์ของบึงน้ำเองน่ะครับ”
แดนนาได้จับคู่สิ่งเหล่านี้กับเครื่องดนตรีดั้งเดิมของภูมิภาคนี้ “เปลือกหอยและหอยสังข์ที่โดดเด่นได้ถูกผสมผสานเข้ากับเครื่องดนตรีพื้นบ้านในท้องถิ่น เช่น แบนโจ ซอ ฮาร์ป ออโตฮาร์ป รวมไปถึงเสียงท่วงทำนองที่รุ่มรวยและเติมเต็มของวงซิมโฟนีออร์เคสตรา” เขากล่าว “ด้วยเครื่องดนตรีที่หลากหลายนี้ เราก็เลยสามารถติดตามความเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวทางดนตรีได้ เนื่องจากมันครอบคลุมอารมณ์ที่หลากหลาย เช่น รักแรก การถูกทอดทิ้ง ความสิ้นหวัง และความตายครับ”
“หนึ่งในตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ก็คือฉาก ซึ่งก็คือหนองน้ำของเซาธ์ แคโรไลนา ไคยาเติบโตที่นี่ในบึงน้ำ มันคือชีวิต ความรัก และการศึกษาของเธอ เธอพบสิ่งที่เธออยากจะทำในฐานะนักธรรมชาติวิทยา ด้วยการวาดภาพและศึกษาชีวิตของบึง” เขากล่าวสรุป “เป็นเรื่องสำคัญสำหรับลีวีและผมที่จะต้องให้ดนตรีเป็นศูนย์กลางในโลกแห่งธรรมชาติที่แผ่ซ่านอยู่ในแทบทุกเฟรมของภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากบึงเป็นหัวใจของไคยาและเป็นหัวใจของเรื่องราวด้วยครับ”
เกี่ยวกับเพลง
“การที่เทย์เลอร์ สวิฟท์ได้แต่งเพลงสำหรับหนังเรื่องนี้โดยอิงจากตัวละครเหล่านี้เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราจะได้รับค่ะ” รีส วิทเธอร์สปูน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กล่าว “เราได้รับโทรศัพท์จากเทย์เลอร์และทีมของเธอเพื่อบอกเราว่าเธอได้แต่งเพลง ‘Carolina’ ที่รวมเอาองค์ประกอบที่ตราตรึงใจมากมายของหนังเรื่องนี้เข้าด้วยกัน ฉันได้คุยกับเธอสองสามครั้งเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของเพลงและวิธีที่เธอแต่งเพลงนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นนักแต่งเพลงที่งดงามและเข้าใจดนตรีโฟล์คและเพลงคันทรีเป็นอย่างดี และเธอก็ชื่นชมแนวเพลงเหล่านั้นที่ทำให้เพลงนั้นสมบูรณ์แบบสำหรับหนังเรื่องนี้ด้วย ใครล่ะคะที่จะไม่ชอบเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟท์ที่งดงามและตราตรึงใจน่ะ”
“ประมาณหนึ่งปีครึ่งที่แล้ว ฉันได้แต่งเพลงเกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ เรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่มักจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกและมองเข้าไปด้านในเสมอ ทั้งในแบบเปรียบเทียบและตรงไปตรงมา ความย้อนแย้งระหว่างความเหงาและความเป็นอิสระของเธอ ความปรารถนาและความเงียบงันของเธอ ความอยากรู้อยากเห็นและความกลัวของเธอ ทุกอย่างพัวพันกันยุ่งเหยิงไปหมด ความอ่อนโยนที่คงอยู่ของเธอ… และการทรยศของโลก ฉันได้แต่งเพลงนี้ขึ้นมาตามลำพังในกลางดึก แล้วฉันกับแอรอนน เดสเนอร์ก็ได้ทำงานอย่างพิถีพิถันกับเสียงที่เรารู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับช่วงเวลาที่เรื่องนี้เกิดขึ้น ฉันภาวนาว่าวันหนึ่งคุณจะได้ฟังเพลงนี้นะคะ ‘Carolina’ ถูกปล่อยออกมาแล้วในตอนนี้ 🥺” เทย์เลอร์ สวิฟท์
ประวัตินักแสดง
นักแสดงชาวอังกฤษ เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ (ไคยา) ได้รับการฝึกฝนที่โรงละครเนชันแนล ยูธ เธียเตอร์ ก่อนที่จะได้รับบทแรกของเธอเมื่ออายุ 17 ปีในฐานะนักแสดงประจำในดรามาคอเมดีของอังกฤษเรื่อง “Cold Feet” ประกบเจมส์ เนสบิทท์สำหรับไอทีวี
เอ็ดการ์-โจนส์ได้รับบทนำเป็น มารีแอนน์ ในซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “Normal People” (2020) ของแซลลี รูนนีย์ ที่กำกับโดยเล็นนี อับราฮัมสัน ซีรีส์นี้ได้รับเสียงชื่นชมเช่นเดียวกับการแสดงของเอ็ดการ์-โจนส์ ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงแจ้งเกิด สตาร์มิเตอร์ จาก IMDb, รางวัลดาราดาวรุ่งมาดาม ฟิกาโร่, รางวัลนักแสดงดาวรุ่งโรส ดิ ออร์ ซึ่งทำให้เดซีเป็นผู้ได้รับรางวัลนี้คนแรก นอกจากนั้น เธอยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในดาราแห่งอนาคตประจำปี 2020 ของนิตยสารสกรีน อินเตอร์เนชันแนล, รางวัลผู้ให้ความบันเทิงแจ้งเกิดจากสมาพันธ์สื่อปี 2020 และได้รับเลือกจากนิตยสารฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ให้ติดหนึ่งในลิสต์เน็กซ์ เจน 2020 ของพวกเขาด้วย นอกจากนั้น เอ็ดการ์-โจนส์ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลคริติกส์ ชอยส์, ลูกโลกทองคำและบาฟตา ทีวี อวอร์ด เมื่อเร็วๆ นี้ เอ็ดการ์-โจนส์เพิ่งเปิดตัวในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก Fresh ที่กำกับโดยมีมี เคฟ ทริลเลอร์ทางสังคมเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอึดอัดและความกลัวที่ผู้หญิงต้องเผชิญทุกวันเนื่องจากร่างกายของพวกเธอถูกสังคมสร้างให้กลายเป็นสินค้า ในภาพยนตร์คอเมดีชวนหัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์และเข้าฉายทางฮูลูในอเมริกาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม และทางดิสนีย์พลัส ในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 18 มีนาคม
เอ็ดการ์-โจนส์ได้รับบทนำของเธอประกบแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ในซีรีส์จำกัดทางเอฟเอ็กซ์/ฮูลูเรื่อง “Under the Banner of Heaven” ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ในอเมริกาในเดือนเมษายน ซีรีส์นี้เป็นผลงานของมือเขียนบทดัสติน แลนซ์ แบล็ค และสร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของจอน คราเคาเออร์ ในซีรีส์นี้ ศรัทธาของนักสืบผู้เคร่งศาสนาได้รับการทดสอบเมื่อเขาสืบสวนคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการดำดิ่งเข้าไปในลัทธินิกายฟันดาเมนทัลลิสท์ วิสุทธิคุณยุคสุดท้ายของครอบครัวที่ได้รับการนับหน้าถือตาในยูทาห์ที่นับถือ และความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลของพวกเขา
เทย์เลอร์ จอห์น สมิธ (เทท) กำลังพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในเด็กรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ในปี 2017 เขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 10 นักแสดงที่น่าจับตามองของวาไรตี้ ล่าสุด สมิธได้แสดงใน The Outpost ประกบสก็อตต์ อีสต์วู้ด, คาเล็บ แลนดรี โจนส์ และออร์ลันโด บลูม รวมถึง Shadow in the Cloud ประกบโคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ นอกจากนี้ สมิธยังได้รับการวิจารณ์อย่างล้นหลามสำหรับการแสดงของเขาในดรามาดิบเถื่อนเรื่อง Wolves ประกบไมเคิล แชนนอนและคาร์ลา กูจิโน และรับบทเป็นจอห์น คีน ผู้มีอารมณ์รุนแรงในซีรีส์จำกัดเรื่อง “Sharp Objects” ของกิลเลียน ฟลินน์ ซึ่งออกอากาศทางเอชบีโอ ประกบเอมี อดัมส์ ภายใต้การกำกับของฌอง มาร์ค วัลลีบทบาทที่ผ่านมาของเขารวมถึงภาพยนตร์แอ็กชันระทึกขวัญเรื่อง Hunter Killer ประกบเจอราร์ด บัตเลอร์ โดยมีโดโนแวน มาร์ชกำกับการแสดง, ซีรีส์เน็ตฟลิกซ์เรื่อง You Get Me ประกบเบลลา ธอร์นและ Halston Sage ซึ่งเป็น Fatal Attraction สมัยใหม่
นักแสดงชาวอังกฤษ แฮร์ริส ดิคคินสัน (เชส) เป็นดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องจากผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่หลากหลายของเขา ในปี 2022 ดิคคินสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงดาวรุ่งของบาฟตา เมื่อไม่นานมานี้ ดิคคินสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเวทีบริติช อินดีเพนเดนท์ ฟิล์ม อวอร์ดจากผลงานของเขาใน County Lines เขาได้แจ้งเกิดในวงการด้วยบทแฟรงกี้ในเรื่อง Beach Rats ของเอไลซา ฮิตแมน ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2017 บทบาทของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลก็อทแธม อินดีเพนเดนท์ สำหรับนักแสดงหน้าใหม่ ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้แสดงในซีรีส์เอฟเอ็กซ์เรื่อง “Trust” ในบทจอห์น พอล เก็ตตี้ที่สาม ประกบโดนัลด์ ซัทเธอร์แลนด์และฮิลลารี สแวงก์ หลังจากนี้ ดิคคินสันจะแสดงใน Triangle of Sadness ของรูเบน ออสท์ลุนด์ ประกบวู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งฉายรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์และได้รับการยืนปรบมือให้ 7 นาทีก่อนที่จะได้รับรางวัลปาล์มทองคำ ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว ดิคคินสันเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง See How They Run ที่เขาแสดงประกบแซม ร็อคเวลและเซียร์เซ โรแนน
ประวัติผู้สร้างภาพยนตร์
โอลิเวีย นิวแมน (ผู้กำกับ) ถูกวางตัวให้เป็นผู้กำกับและผู้ร่วมควบคุมงานสร้างซีรีส์เรื่อง “The Last Thing He Told Me” สำหรับ แอปเปิลผ่านทางทเวนตี้ ที่สร้างจากนวนิยายระทึกขวัญลึกลับของลอรา เดฟ และนำแสดงโดยเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์และนิโคไล คอสเตอร์-วัลเดา ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของนิวแมนเรื่อง First Match ได้รับเงินทุนและจัดจำหน่ายโดยเน็ตฟลิกซ์และฉายรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลเซาธ์บายเซาธ์เวสต์ในปี 2018 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลออเดียนซ์ อวอร์ดสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานเทศกาลดังกล่าว
นิวแมนเป็นศิษย์เก่าของซันแดนซ์ สกรีนไรเตอร์ส แอนด์ ไดเร็คเตอร์ส แล็บส์ อันทรงเกียรติ และได้รับเลือกให้เข้าร่วมหลักสูตรฟีเมล ฟอร์เวิร์ดที่เอ็นบีซี เธอได้รับรางวัลไอเอฟพี/เดอร์ก้า ฟาวน์เดชัน ฟิล์มเมคเกอร์ อวอร์ด, ทุนผู้สร้างภาพยนตร์จากมูลนิธิเอเดรียน เชลลี ฟาวน์เดชัน และทุนผู้สร้างภาพยนตร์แห่งรัฐแมรีแลนด์ นอกจากนี้ นิวแมนยังได้รับเงินทุนจากสถาบันซันแดนซ์, เอชบีโอ, สถาบันภาพยนตร์ไทรเบกา, สมาคมภาพยนตร์ซานฟรานซิสโกและมูลนิธิคอคัส รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากไอเอฟพีและฟิล์ม อินดีเพนเดนท์อีกด้วย ภาพยนตร์สั้นของเธอได้ฉายในเทศกาลต่างๆ มากมาย รวมถึงเทศกาลภาพยนตร์นิวยอร์ก, เทศกาลภาพยนตร์สั้นนานาชาติปาล์มสปริงส์และเทศกาลภาพยนตร์ขนาดสั้นแอสเพน และได้ออกอากาศทางพีบีเอส, ชอร์ตส์ เอชดีและทีวีโฟร์ นิวแมนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและปริญญาตรีจากวิทยาลัยวาสซาร์ เธออาศัยอยู่ในลอสแองเจลิสกับสามีและลูกสองคนของเธอ แต่นิวยอร์กก็ยังคงเป็นบ้านของเธออยู่ดีนั่นเอง
รีส วิทเธอร์สปูน (ผู้อำนวยการสร้าง) เป็นนักแสดงเจ้าของรางวัล ผู้ประกอบการ ผู้อำนวยการสร้าง และนักเขียนหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทม์ส เธอได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดจากบทจูน คาร์เตอร์ แคช ใน Walk the Line และต่อมา เธอก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขาเดียวกันจากภาพยนตร์เรื่อง Wild ในปี 2014 ซึ่งเธออำนวยการสร้างด้วย วิทเธอร์สปูนได้แสดงในภาพยนตร์อันเป็นที่รักเรื่อง Sweet Home Alabama, Legally Blonde และ Election รวมถึงซีรีส์ได้รับรางวัลเรื่อง “Big Little Lies,” “Little Fires Everywhere” และ “The Morning Show” ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ A Wrinkle in Time ของดิสนีย์ และภาพยนตร์มิวสิคัลคอเมดีอนิเมชันเรื่อง Sing และ Sing 2 ของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส นอกเหนือจากบทบาทการแสดงและอำนวยการสร้างของเธอแล้ว วิทเธอร์สปูนยังเป็นนักเขียนและผู้ประกอบการอีกด้วย ในปี 2016 เธอได้ก่อตั้งเฮลโล ซันไชน์ ซึ่งเป็นแบรนด์สื่อและคอนเทนท์ ที่อุทิศให้กับการประพันธ์และการเล่าเรื่องของผู้หญิงในทุกแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ เฮลโล ซันไชน์ยังเป็นที่ตั้งของชมรมหนังสือและชมรมหนังสือเยาวชนของรีส ซึ่งเน้นที่การเล่าเรื่องโดยมีผู้หญิงเป็นศูนย์กลาง วิทเธอร์สปูนเพิ่งขายเฮลโล ซันไชน์ให้กับแบล็คสโตนในเดือนกันยายนปี 2021 ตอนนี้ เฮลโล ซันไชน์เป็นรากฐานที่สำคัญของบริษัทสื่อขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า แคนเดิล มีเดีย วิทเธอร์สปูนเป็นผู้สนับสนุนและนักเคลื่อนไหวในประเด็นเกี่ยวกับผู้หญิงทั่วโลก
เดเลีย โอเวนส์ (จากหนังสือโดย) เป็นนักเขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์อันดับ 1 ของนิวยอร์กไทม์ เรื่อง Where the Crawdads Sing และผู้เขียนร่วมของหนังสือสารคดีขายดีระดับโลก 3 เล่มเกี่ยวกับชีวิตของเธอในฐานะนักวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าในแอฟริกา รวมถึง Cry of the Kalahari และ Secrets of Savanna เธอได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาสัตววิทยาจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียและปริญญาเอกด้านพฤติกรรมสัตว์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเดวิส โอเวนส์ได้รับเหรียญรางวัลจอห์น เบอร์โรห์ มีดัลสาขาการเขียนเกี่ยวกับธรรมชาติ และได้รับการตีพิมพ์ใน Nature, African Journal of Ecology และ International Wildlife และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน เธออาศัยอยู่ในนอร์ธ แคโรไลนาและ Where the Crawdads Sing ก็เป็นนวนิยายเรื่องแรกของเธอ
นักร้อง นักแต่งเพลง ผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับ เทย์เลอร์ สวิฟท์ (เพลงประกอบดั้งเดิม) เป็นผู้ชนะรางวัลแกรมมี 11 สมัย เธอเป็นศิลปินหญิงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลแกรมมี อวอร์ดสาขาอัลบัมแห่งปีสามครั้ง รางวัลที่นับไม่ถ้วนของเธอรวมถึงการเป็นผู้ได้รับรางวัลสตรีแห่งทศวรรษสองครั้งของบิลบอร์ดคนแรกและคนเดียว เป็นศิลปินที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกัน มิวสิค อวอร์ด พร้อมกับได้รับการเสนอชื่อให้เป็นศิลปินแห่งทศวรรษ เป็นศิลปินเดี่ยวคนเดียวในศตวรรษนี้ที่มีสามอัลบัมขึ้นถึงอันดับ 1 ในหนึ่งปี ได้รับรางวัลผู้กำกับวิดีโอ มิวสิค อวอร์ดแห่งปีสำหรับ “The Man” และได้รับรางวัลศิลปินเดี่ยวหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีจากบริท ในปี 2015 และรางวัลโกลบอล ไอคอน อวอร์ดในปี 2021 ด้วยยอดชมมิวสิค วิดีโอนับพันล้านครั้งและอัลบัมที่ติดอันดับชาร์ต 11 อัลบัม ความสำเร็จของเธอจึงไม่มีใครเทียบได้