“มิตร มิตรชัย” เปิดใจครั้งแรก เล่าชีวิตในเรือนจำ พร้อมเคลียร์ดราม่าครอบครัวทอดทิ้ง
เปิดใจที่แรก มิตร มิตรชัย กับบทเรียนชีวิตหลังออกจากเรือนจำ ซึ่งต้องโทษ 1 ปี 6 เดือน จากความผิดพลาดในอดีต เล่าชีวิตในเรือนจำ เผยต้องปิดบังคนในครอบครัวจนได้ทราบเรื่องจากข่าว พร้อมห้ามครอบครัวไปเยี่ยม และเคลียร์ดราม่าครอบครัวไม่ช่วยเหลือ ย้ำไม่ขอโอกาสจากสังคมแต่อยากให้เปิดใจว่าเป็นคนที่ดีขึ้นหรือไม่? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มีหนิง ปณิตาและเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ เกิดเหตุการณ์อะไรทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ? มิตร : เมื่อ 5 ปีกว่า ผมมีปัญหากับแฟนเก่าเกี่ยวกับเรื่องเงินทองด้วย ด้วยที่เรายังเด็กมาก เราตัดสินใจด้วยความใจร้อนหลายสิ่งหลายอย่างจนเกิดความผิดพลาดเป็นคดีขึ้นมา เลยถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 ปีครับ ตอนนั้นอายุประมาณ 20 พอศาลสั่งจำคุกตอนนั้นรู้สึกยังไง? มิตร : มันยังไม่อยากจะเชื่อมากกว่าตกใจ อยู่ในอาการช็อคประมาณ 3 วัน แม้ในวันที่เราเข้าอยู่ในเรือนจำแล้วเราก็ยังช็อคอยู่ มันยังไม่ได้เครียด ยังไม่ได้อยู่ในขั้นตอนความเครียดด้วยซ้ำ มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ผมจะต้องทำใจยอมรับมันแล้ว เป็นดราม่าในโซเชียลด้วยว่า พี่เอ พี่แอนและครอบครัว ทำไมไม่มีใครช่วย? มิตร : ไม่ใช่ครับ ทุกคนในครอบครัวผมเนี้ยผมกล้าพูดได้เลยว่าเรารักกันมาก รักและอบอุ่นกันมาก แต่เราต้องรักและแยกแยะ เพราะเรื่องทุกอย่างผมเป็นคนก้าวพลาดและเดินผิด เวลาผมไปศาลแต่ละครั้งผมจะบอกกับครอบครัวทุกครั้งว่ามันไม่ใช่วันรวมญาติ ไม่อยากให้ทุกคนมา มันเป็นเรื่องของผมกับทนายที่ต้องไปต่อสู้คดี แล้วครอบครัวไม่มีปล่อยมือหรือทอดทิ้งเลยจะมีการถามตลอด วันนี้ผมไปทุกครั้งถ้าใครว่างเค้าจะไปให้กำลังใจกัน ไม่มีทิ้งเลยครับฉะนั้นข่าวนี้ตัดได้เลยครับ ตอนคุณแม่ทราบข่าวเป็นยังไงบ้าง? มิตร : จริง ๆ ผมไม่ได้อยากบอกคนในครอบครัวเลย ตอนนั้นเรามีไรเราก็คุยกับเพื่อน ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่นเราตัดสินใจไปเอง บางทีเราคิดว่าเราทำได้ แต่จริงๆแล้วเราทำไม่ได้ แม่เนี่ยปิดไม่ได้เพราะผมอยู่กับแม่ แม่จะถามทนายทุกครั้งว่าผมไปศาลวันไหน บางทีทนายก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะผมบอกแล้วว่าอยากไปบอกแม่ เราไปกันเองดีกว่า ไม่อยากให้แม่หรือคนในครอบครัวมาเครียด มันเป็นปัญหาเราเอง คำสั่งศาลออกมาที่บ้านว่าไง? มิตร : ผมได้เจออีกทีตอนที่ผมเข้าไปแล้ว หลังจากที่พิพากษาแล้ว ผมไม่ได้บอกใครเลย เค้ารู้จากข่าว เราคิดอย่างนึงว่าทุกคนถึงจะเป็นคนครอบครัว แต่เราก็มองว่าเค้าก็มีครอบครัวของเค้าอีก หน้าที่การงานที่เค้าจะต้องดูแล แล้วมันไม่ใช่สถานที่ที่เค้าต้องมา เค้าจะถามกันตลอดจะมา แต่ผมบอกพี่ไม่ต้องมา มี 2 คนที่จะไม่บอกและไม่อยากให้มาเลยคือใคร? มิตร : พี่ชายกับพี่สาวครับ ผมว่าผมอาจจะยังไม่แข็งแรงพอ ณ จุดนั้น ผมรักและใช้คำว่าศรัทธาพี่ทั้ง 2 คนมาก ด้วยตัวผมเองผมจะเป็นเด็กดื้อ ดื้อมาก แต่วันนั้นเป็นวันที่ผมตั้งสติแล้วคิดว่าเค้าไม่น่ามาที่นี่มากกว่า ผมก็ไม่อยากให้เค้ามาเห็นเราในสภาพแบบนั้นด้วย ก็เลยเป็นห่วงมากกว่า เลยคิดว่าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมขาติดีกว่า กลัวพี่เอ กับพี่แอนคิดมากมั้ยว่าน้องชายมีอะไรไม่ยอมบอก? มิตร : ผมคิดนะครับ ผมก็บอกเท่าที่ผมบอกได้ แต่ว่าเรื่องบางเรื่องถ้าบอกแล้วเค้าจะต้องลงมาเพื่อไปกับเราตลอดผมไม่อยากให้เกิดขึ้น มันไม่ควรเกิดขึ้น มันเป็นความผิดพลาดของเรา มีคำพูดของคุณพ่อที่เคยเตือน? มิตร : ผมเข้าไปในเรือนจำพ่อถามปรับตัวได้หรือยังลูก ผมพูดกับพ่อว่าผมปรับตัวได้ใจผมไม่อยากให้พ่อเครียด แต่พ่อรู้ทันทีเลยว่าผมปรับตัวไม่ได้หรอก แสดงว่าเครียด พ่อเลยพูดกับผมว่า วันนี้เรามาชดใช้เวรชดใช้กรรมแล้วอยู่ในนี้เราเดินผิดพลาดเราก็มารับผลขอลความผิด แต่เมื่อเราทำผิดเราทุกข์แล้วเราสำนึกแล้ว เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองนะลูก ไม่ใช่ลูกทุกข์ สำนึกกลับมาทุกข์วนอยู่แบบนั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับลูก ลูกย้อนเวลาไม่ได้ แต่ลูกทำปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง วันนั้นแหละครับที่ทำให้ผมมีสติและปรับตัวได้ บางทีเราอยู่ตรงนั้นเราเครียด ไหนจะงานข้างนอกตอนนั้นผมมีคณะลิเกของผมไปเล่นกับน้องแป้ง ลิเกจะมีการรับงานไว้ล่วงหน้าข้ามปี เครียดมาก ทีมงานอีก ...