กรมชลฯ MOU กยท. พัฒนาเครือข่ายวิจัยวัสดุยางเพื่อชลประทานอย่างยั่งยืน

กรมชลฯ จับมือ กยท. ลงนาม MOU พัฒนาเครือข่ายวิจัยวัสดุยางเพื่อชลประทานอย่างยั่งยืน พร้อมนำร่องใช้ยางพาราผลิตท่อและทุ่นลอยน้ำเพื่อใช้ในระบบระบายน้ำชลประทาน หนุนใช้ยางพาราในภาครัฐ
วันที่ 2 ตุลาคม 2568 นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ในโครงการเครือข่ายงานวิจัย ทดสอบ และวิเคราะห์คุณภาพวัสดุที่มีส่วนผสมของยาง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิชาการ และพัฒนาวัสดุยางให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ในงานชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์,นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ และนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา,นายอัครา พรหมเผ่า รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายองอาจ วงษ์ประยูร รมช.ศึกษาธิการ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมธารทิพย์ อาคาร 99 ปี ม.ล.ชูชาติ กำภู กรมชลประทาน สามเสน

ในการนี้ ยังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยางพาราในภาครัฐ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ ลดการพึ่งพาการส่งออกวัตถุดิบ สร้างเสถียรภาพด้านราคา และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรชาวสวนยาง โดยกรมชลประทานจะเป็นหน่วยงานนำร่องในการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพารา อาทิ การนำยางไปผลิตท่อและทุ่นลอยน้ำเพื่อใช้ในระบบระบายน้ำชลประทาน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำและสนับสนุนภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน

ภายใต้ MOU นี้ หน่วยงานภาครัฐจะสนับสนุนการใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่ผลิตจากยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) โดยในระยะแรกจะมีการรับซื้อน้ำยางสดเพื่อนำไปใช้ในการผลิตอุตสาหกรรมยางล้อ ท่อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาและขยายการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราในภาคส่วนอื่น ๆ เช่น การศึกษา กีฬา การท่องเที่ยว และการพัฒนาสังคม

ความร่วมมือระดับ 4 กระทรวงครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเสถียรภาพราคายางพารา ยกระดับผลิตภัณฑ์ยางพาราไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศให้มีความยั่งยืนต่อไป