เจ้าอาวาสวัดสวนขันรับเจ็บปวด! ปม “อ.เชียง” กอดจูบ “พระอุเชนทร์” ศิษย์แจงแค่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

เจ้าอาวาสวัดสวนขันรับเจ็บปวด “อ.เชียง” กอดจูบลูบคลำ “พระอุเชนทร์” ลูกศิษย์โต้แทน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฟีลกอดพ่อแม่
กรณี “อ.เชียง ปัณณวิชญ์” ถูกโซเชียลโยงเป็นผู้วิเศษคนที่ 3 ต่อจาก หมอบี , เจน ญาณทิพย์ พร้อมดราม่านำพระอุเชนทร์ ของศักดิ์สิทธิ์คู่วัดสวนขัน โบราณวัตถุ 1,600 ปี ไปประกอบพิธี มีภาพกอดจูบออกมา พร้อมอดีตลูกศิษย์ที่เคยศรัทธาอ.เชียง ข้องใจปมเงินบริจาค ที่โอนเข้าบัญชีอ.เชียงแทนเข้าบัญชีวัด

รายการ โหนกระแส วันที่ 9 ก.ย.ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ บัว อดีตลูกศิษย์ , นก (นามสมมติ) อดีตทีมงานเคยบริจาค, อ.จตุรงค์ จงอาษา ผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา , ปุ๊กกี้ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม , ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล

คุณบัวรู้จักอ.เชียงนานหรือยัง?
บัว : น่าจะนานมาก ๆ รู้จักตั้งแต่เริ่มจะดัง ไปออกรายการแฉก็ดู ก็รู้สึกอยากเชิญมาที่ร้าน ตอนนั้นทำร้านอาหาร แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำตรงนั้นแล้ว ออกมาสักพักแล้ว หลายปี ตอนนั้นเราใช้ร้านอาหารเราให้คนมาดูดวง เรารู้สึกว่าเราได้ช่วยคน อาจารย์ดีนะ ช่วยคนไม่คิดเงิน เราไม่รู้ว่ามันเป็นปลาเล็กกินปลาใหญ่ ไม่คิดตังค์ แต่ไปเสียเงินทีหลังเยอะกว่า
คุณดูรายการแฉแล้วศรัทธา เชื่อมดดำ?
บัว : ด้วย เชื่อพี่หนุ่มด้วย (หัวเราะ) มูไนท์ ก็เลยลองเชิญดู ปรากฏว่าเขามาง่าย ๆ มาบวงสรวง มีแค่พฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ชอบในแนวที่อาจารย์เป็น
เจอครั้งแรกเป็นยังไง?
บัว : ก็โอเค แต่ว่าเป็นหรือเปล่า ตุ้งติ้ง มันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ เขาเป็นผู้วิเศษหรือเปล่าเราก็ไม่ได้สงสัย เพราะต้องพิสูจน์ก่อน เขาก็มีทายตรงบ้างไม่ตรงบ้าง บางอย่างถ้าเรามีความรู้ เรื่องดวง วันเดือนปีเกิด มันก็ดูรวม ๆ ได้ คนมาดูก็มีตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ส่วนตัวเคยพาคนไปดู เขากำลังจะมีคดี อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวสิ้นปีมีอภัยโทษ เหมือนจะรอด แต่ก็ไม่รอด มันก็หลายอย่างชัดเจน เราพาเพื่อนฝูงมา เราอยากออกมารับผิดชอบตรงนี้ เพราะเราลากคนมาเจอ เสียเงิน ตัวเราก็เสีย
เสียเงินยังไง?
บัว : ทำบุญ ทุกบุญเลยก็ตามแหลก ไปจังหวัดอะไรก็ตาม เสียเงินเสียทอง สัก 7-8 ปี ช่วงแรก ๆ ออกแฉ พอมาบวงสรวงที่ร้านอาจารย์ไม่คิดค่าใช้จ่าย อุ้ยซึ้ง ประทับใจ หลังจากนั้นก็..(หัวเราะ) ควักเลย เขาให้ทำบุญอะไรก็ทำ อย่างองค์พระพิฆเนศจะมีหลายไซส์ 3 แสน 1.5 แสน 8.8 แสน 5 หมื่น เราตัวเล็กก็ 5 หมื่น เรียกแม่มาด้วย 5 หมื่น ส่วน 8.8 แสนเพื่อนทำ เป็นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ แล้วได้ยินทีหลังว่าไปให้วัดแค่ล้านกว่า ๆ จำไม่ได้ เพราะไม่ได้ตามยอดเงิน
หมายถึงเขาทำกับวัด?
บัว : ให้โอนชื่อเขา ทุกครั้งโอนชื่อเขาอย่างเดียว ทุกบุญ แต่ที่ฟังอาจารย์สัมภาษณ์ตอนหลัง บอกว่าเข้าวัดตลอด และมีอาจารย์บ้าง อันนี้มันไม่ตรงอยู่แล้ว
พระพิฆเนศเขาสร้างเองหรือมาจากวัด?
บัว : เขาสร้างเอง หล่อเอง ไม่ได้มาจากวัด
แต่เขาจะเอาเงินไปทำบุญวัด?
บัว : ใช่ เช่นวัดจะสร้างโบสถ์ ทำบุญโบสถ์ อาจารย์จะไปทำบุญเราก็ไม่รู้ว่ามีค่าดำเนินการเท่าไหร่
คุณเองเช่าพระพิฆเนศจากอ.เชียง อาจารย์เอาเงินไปให้วัดเพื่อสร้างโบสถ์?
บัว : ถูก พระพิฆเนศไม่ได้ออกจากวัด ออกจากอ.เชียง สร้างวัตถุมงคลเพื่อทำบุญ ที่ฟังจากเขาสัมภาษณ์เขาบอกว่าอาจารย์ไม่ได้ดูดวง แต่คนที่มาที่ร้าน บางที 40-50 คน มารอดูดวง เราก็ช่วยเขาจัดคิว ดูแลความสะดวกให้ ก็รู้สึกผิดตรงนี้ เหมือนเราเป็นตัวกลางในการเชื่อมให้เขามาตรงนี้ พ่อแม่พี่น้อง เพื่อน ๆ เราอีก
คุณเห็นความแปลกตรงไหน หรือสะกิดใจตรงไหนที่คิดว่าไม่ใช่แล้ว คุณจะบอกว่าคุณเป็นผู้เสียหายคนนึง?
บัว : เราเสียหายด้วยความเต็มใจในตอนนั้น เพราะเราเชื่อว่าเขาดี เขาพาเราไปทำสิ่งที่ดี แต่ก็มีเอ๊ะว่าทำไมต้องโอนเข้าบัญชีตัวเอง เราจะรู้ยอดเงินได้ยังไง แต่บรรดาศิษย์บอกว่าพระได้เงินไม่ครบกันนะ
ตอนนั้นเป็นวัดอะไร?
บัว : มีหลายวัด วัดสระมณีที่อุดรฯ วัดเชียงพญา อยู่เชียงราย ทุกอย่างเขาจะเอาคล้าย ๆ ชื่อเขาหมด
วัดไม่ได้เงินเหรอ?
บัว : ได้ไม่ครบ
ทราบได้ไงว่าเขาไปตกลงกับวัดแบบไหน?
บัว : อันนี้เราไม่อยากพูด เพราะเราฟังจากเขาบอกมา อย่างพระพิฆเนศ 8.8 แสน จะมี 10 องค์ ก็จะตก 10 ล้านแล้ว 5 หมื่นมีเป็นร้อยองค์ เราไม่รู้ยอด แต่พอไปถึงประกาศยอด มันเท่านี้ แต่ยอดที่รวบรวมมาจากสร้างองค์พ่อมันเยอะกว่านั้น สักพักก็ได้บ้านหลังนึง
ประเด็นคืออาจารย์เชียงเอาเงินให้วัดหรือเปล่า?
ทนายแก้ว : อ.เชียงบอกลูกศิษย์หรือเปล่าว่าเงินไปถึงวัด แล้วต้องหักแบบนี้ ๆ
บัว : ไม่มีแน่นอน ไม่เคยบอกว่าต้องมีการหักค่าใด ๆ
จตุรงค์ : ปัญหามีมากกว่านั้นอีก ตอนแรกวัดไปรับข้อเท็จจริงกับคุณพุทธว่าไม่ได้เงิน ได้เงินไม่ครบ แต่ตอนหลังให้สัมภาษณ์สื่ออีกสื่อว่าได้เงินแล้ว ขออภัยพระคุณเจ้า พระคุณท่านต้องยืนยันชุดใดชุดนึง
ไม่งั้นคุณพุทธเขาก็เสีย เพราะที่คุณพุทธเปิด พระคุณเจ้าบอกไม่ได้เงิน แต่ไปบอกอีกที่ว่าได้แล้ว หรือเป็นเพราะว่าตอนแรกอยู่กับคุณพุทธยังไม่ได้ แต่โดนตามเก็บงาน จนท่านออกมาบอกว่าได้แล้ว หรือยังไง เขาใช้ร้านคุณบัวดูดวง ดูดวงแม่นมั้ย?
บัว : มันแล้วแต่คน ร้อยคน เหมือนไปบน บางคนถูกหวย บางคนไม่ถูก เขาดูวันเดือนปีเกิด
นก : ของเราดูโหงวเฮ้ง
บัว : แต่เขาให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ดูดวง
เรื่องพระอุเชนทร์พระเก่าแก่ อาจารย์เชียงเอาไปที่บ้านทำพิธีโน่นนี่นั่น เหล่าสาธุชนเวลาไปวัด จะเข้าไปกราบยังไม่มีโอกาส ทางกรมศิลป์บอกว่าเป็นเรื่องไม่สมควร อยากให้ออกมาชี้แจงตรงนี้ ว่าถืออภิสิทธิ์ชนตรงไหน ถึงเอาพระไปทำพิธีที่บ้านได้ ฝั่งน้อง เรื่องราวเป็นยังไง?
นก : เรารู้จักอาจารย์จากเพื่อนบอก เขาไปทำบุญที่ไหนเราก็ตามไป แล้วเชิญอาจารย์มาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน ตอนนั้นเราก็ติดลบ อาจารย์บอกว่าเดี๋ยวเราจะดีขึ้น เราก็จริงเหรอ ทั้งที่เราแย่อยู่ จากนั้นเราก็ดีขึ้นตามที่อาจารย์ทำนาย เราติดตามอาจารย์ อาจารย์ไปทำพิธีที่ไหนเราก็พยายามติดตาม เราเอะใจตอนเราไปเชียงพญา อาจารย์ถามว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ กองกฐินหรือผ้าป่าไม่แน่ใจ จำไม่ได้แล้ว กองละ 3 หมื่น ผ่านมาสัก 1 สัปดาห์ พระที่นั่นโทรมาทวงเงินว่ายังไม่ได้โอนให้ อาจารย์ยังไม่ให้พระ ให้เราโอนให้พระโดยตรง เราบอกว่าเราโอนให้ เราเป็นเจ้าภาพ 3 หมื่น เราขอใบอนุโมทนาด้วย แต่พอโอนปุ๊บใบอนุโมทนาก็ไม่ได้
คุณทำบุญที่วัดเท่าไหร่?
นก : 3 หมื่น แต่เป็นกองที่ตอนนั้นอาจารย์ไปทำพิธี เขาก็หาเจ้าภาพ เราเป็นหนึ่งในเจ้าภาพ พระโทรมาทวงเงินเรา ว่าเรายังไม่โอนไป 3 หมื่น สมมติอ.เชียงรับปากเชียงพญาว่าจะให้เงิน 1 ล้าน แต่ไม่ได้ให้ เจ้าภาพทั้งหลายที่มีชื่อ พระก็โทรมาตามเงิน ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังเฉย ๆ ถือว่าเราทำบุญ เราก็โอนไป พอเราติดตามอาจารย์ มันจะมีเรื่องการโอนเงินเข้าบัญชีอาจารย์โดยตรง เราก็คุยกับแฟนว่าแล้วต้นบุญมันปิดที่ยอดไหน สมมติที่วัดเอ อาจารย์บอกเปิดทำบุญจะไปวัดนี้ ให้ร่วมบริจาคทำบุญ ไปวัดเอ พอหน้างานอาจารย์ก็ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดถือถาด เพื่อให้ทุกคนทำบุญเป็นเงินสด ทุกครั้งเป็นแบบนี้ แล้วยอดบุญแต่ละยอด สมมติไปเชียงพญา ยอดบุญที่อาจารย์บอกให้เราทำบุญโอนไปให้ อาจารย์ก็ไม่ได้ปิดยอด เหมือนเงินมันไหลไปเรื่อย ๆ
ไม่ได้ปิดยอดเหรอ แล้วเข้าบัญชีของใคร?
นก : ชื่ออาจารย์เชียง สมมติไปวัดแรกเราควรปิดไปแล้ว และแจ้งยอด แล้วค่อยเปิดของวัดสอง แต่เงินไหลเข้าตลอด ไม่แยกให้ชัดเจน เราสงสัยว่าสมมติเราเป็นต้นบุญ เราจะบอกว่าบุญของเดือนนี้เราปิดแล้วนะ เราได้ยอดเท่านี้ เราทำบุญให้วัดเท่านี้ อันนี้เราสงสัยเองไม่ได้บอกใคร เราทำบุญให้อาจารย์เราทำด้วยสัจจะกับองค์พ่อพระพิฆเนศ เราเชิญอาจารย์มาบวงสรวงที่บ้าน อาจารย์ไม่เอาเงิน บอกว่าเอาไว้เป็นขวัญถุง แต่เวลามีงาน อาจารย์บอกว่าให้ร่วมทำบุญเท่านี้ ๆ
ทนายแก้ว : เราปฏิเสธได้มั้ย
นก : ปฏิเสธได้ แต่ ณ ตรงนั้นส่วนใหญ่ไม่ปฏิเสธ ตอนนั้นเราเชื่อมั่นเขา เขามาดูบ้านแล้วเราก็ดีขึ้น แต่พอเราอยู่กับแกสักพัก เราก็นิ่ง ไม่มีงานเลย ทั้งที่เราบอกว่าเราจะทำแบบนี้ ๆ ได้มั้ย เขาบอกว่าเอาแพง ๆ เลย สมมติเราจะยื่นงาน เขาบอกให้เรายื่นแพงที่สุด แต่ปรากฏว่าไม่ได้เลย ทุกคนที่อยู่กับอาจารย์จะรู้ว่าของอาจารย์ต้องดีที่สุด ต้องพรีเมียมที่สุด อย่างโต๊ะบวงสรวง ถ้าแกบวงสรวงจะไม่ให้คนอื่น เราจะตั้งเองไม่ได้ เพราะมันจะไม่สวย ไม่เริ่ด องค์พ่อจะไม่ปลื้ม ก็จะมีคนของอาจารย์ทำโต๊ะบวงสรวง มีเซ็ตเอ บี ซี แล้วแต่จะเลือก แต่ตอนนี้รู้สึกว่าราคาอัปไปเป็นแสนแล้ว สำหรับโต๊ะบวงสรวง
หรือแล้วแต่คน?
นก : แล้วแต่เจ้าภาพเลือกค่ะ
บัว : ที่บอกว่าอาจารย์เชียงให้เงินขวัญถุงคืน พี่ทำอะไรให้เขาตอบแทน
นก : ก็ไปทำบุญ เราเห็นอาจารย์ทำเรือนพระ เราก็เข้าไปติดแอร์ให้ ทำไฟให้ หมดไปเกือบ 5 แสน เดินไฟรอบเรือนพระ เดินสายไฟใต้ดินที่เรือนพระเรือนใหม่

คุณจ่ายเงินให้?
นก : หนูออกทั้งของทั้งแรง แฟนหนูไปทำให้
ปุ๊กกี้ : เหมือนถ้ากี้จะทำบุญ เขาจะบอกว่าไม่ต้องทำ เอาเก็บไว้เป็นขวัญถุง เดี๋ยวไปช่วยทำไฟที่บ้านให้ก็ได้ เพราะเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็จะเป็นลักษณะนี้ ปลาน้อยกินปลาใหม่
ทำไฟมากกว่าทำบุญอีก?
บัว : แล้วแต่แกจะขออะไรมา
คุณทำไฟ ระบบแอร์ 5 แสน แล้วเก้าอี้หลุยส์คืออะไร?
นก : อาจารย์ไปที่ไหนต้องมีเก้าอี้หลุยส์ให้นั่ง อย่างหนูไปวัดที่สุพรรณฯ หลวงพ่อบอกว่าวัดนี้อาจารย์ไม่มาหรอก เพราะไม่มีเก้าอี้หลุยส์ให้อาจารย์นั่ง หนูได้ยินแล้วยังงง
นั่งแล้วสบายดากหรือเปล่า?
บัว : กาแฟก็ต้องสตาร์บั๊กเท่านั้น
นก : น้ำก็ต้องเป็นน้ำพรีเมียม
องค์ข้างในอยากกินหรือเปล่า?
ทนายแก้ว : ทำเก้าอี้หลุยส์ให้เขายังไง
นก : หนูขึ้นบ้านใหม่ หนูซื้อบ้านใหม่ แกบอกว่าให้เอาโซฟาหลุยส์ มันจะได้เป็นหน้าเป็นตาเรา เพราะบ้านเราหลังใหญ่ เราก็ไปซื้อไว้บ้านเรา ทั้งเซ็ตเลย แกบอกให้ซื้อ จะได้เหมือนบ้านแก
ไม่เจออาจารย์หลายปี อาจารย์ขยับนั่งเก้าอี้หลุยส์แล้วเหรอ?
นก : ลูกศิษย์สนิทส่วนใหญ่จะมี
ผมโทรหาอ.เชียงหลายสาย อ.เชียงไม่รับเลย รับเถอะจะได้คุยกัน ไม่ต้องกังวลใจ เรื่องเกิดขึ้นแล้ว?
ทนายแก้ว : อธิบายจะได้เกิดความชัดเจนนะครับ
นก : องค์พระพิฆเนศอีก แกจะทำทุก 2 ปีหรือทุกปี แต่เผอิญปีที่แกทำเราอยากได้ เราเป็น 1 ใน 10 คนแรก ก็จะได้ราคาพิเศษ หลังจากนั้น คนที่ 11 ก็จะได้ราคาที่อาจารย์ตั้งไว้ รู้สึกแกเอาไปทำพิธีที่นครปฐม
กองละครบางกอง เขาก็ไปทำให้ แต่ไม่คิดเงินนะ?
นก : แต่อย่างอื่นค่ะ เวลามีบุญ ก็จะโทรหาขอให้เป็นเจ้าภาพอันนี้ ๆ ก็ว่าไป ไปถามเลย ผู้จัดละครช่อง 3 ว่าเขาโดนมั้ยเรื่องทำบุญ
พี่ผู้จัดที่ส่งมาหาผม เขาถามผมตั้งแต่แรกว่าใครกันแน่ เขาลงชื่อคนนี้หรือเปล่า พี่บอกพี่ไม่รู้ พุทธรู้ บิ๊กเกรียนรู้?
นก : จริง ๆ บ้านเก่าแกอยู่ไม่ได้ เวลาคนมาหาเยอะ ๆ มีปัญหากับข้างบ้าน ก็เลยไปหาที่
บัว : เพราะร้านเราไม่ให้แล้วไง เขาก็เลยต้องหาที่ใหม่
นก : แล้วบังเอิญได้ที่ตรงนี้ เขาขาย
ทนายแก้ว : กรณีที่ให้โดยเสน่หากับการถูกหลอกคนละเรื่องกันนะ การที่เราสมยอมให้เอง
นก : อันนี้เข้าใจค่ะว่าให้โดยเสน่หา แต่เราติดประเด็นเรื่องเงินบริจาคที่เป็นชื่ออาจารย์ เส้นเงินตรงนี้ คือเงินไหลเข้ามาเรื่อย ๆ
น้องแค่ตั้งข้อสังเกต ในฐานะลูกศิษย์ลูกหามาก่อน ว่าการที่อาจารย์เชียงทำแบบนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ เปิดบัญชีแล้วไม่ปิดบัญชี แล้วเงินไหลไปเรื่อย ๆ แล้วจะแยกยังไง?
นก : แล้วมีเงินสดที่หน้างานอีก
บัว : เผลอ ๆ เอาแค่ตรงนั้นให้วัดหรือเปล่า ไปปิดหน้างาน
นก : คนไปมหาศาลมากค่ะ จะมีคนเดินเก็บเรี่ยไร แล้วมานับหลังบ้าน
อยากให้อาจารย์ชี้แจง ดีกว่าเงียบไปแบบนี้ อาจารย์เชียงก็เป็นคนที่คนในวงการบันเทิงพอจะรู้จัก ทำเรื่องพระพิฆเนศ ทำโต๊ะหมู่บูชา แกก็ดังอยู่ แต่ไม่ได้ดังเหมือนหมอปลาที่แมสขนาดนั้น ถามว่าอ.เชียงกับหมอบี ใครดังกว่ากัน ชื่อใกล้ ๆ กันแหละ แต่ความแมส หมอบีจะแมสกว่า เพราะเขาออกทีวีบ่อย แต่อาจารย์เชียงไม่ค่อยได้ออกทีวี แต่เป็นปากต่อปากมากกว่าในวงการที่คนจะไปรู้จัก กราบไหว้ ไปที่บ้าน คนร่ำรวย เศรษฐีจะรู้จักอ.เชียง อาจไม่ได้เหมือนเจน ญาณทิพย์ อันนั้นเขาจะแมส หรือหมอปลายที่แมส แต่คนจะรู้จักเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มไฮโซ อาจารย์เกี่ยวข้องอะไรกับเขา?
จตุรงค์ : เอฟซีผม ทั้งลูกศิษย์รักและลูกศิษย์ชังอ.เชียง เป็นเอฟซีผมทั้งสิ้น อย่างคุณเก่ง ธชย นั่นก็ลูกศิษย์อ.เชียง หรือคนบ้านเดียวกับผม ที่ไปร้องกองปราบสอบสวนกลางเมื่อวานก็เป็นเอฟซี ก็เจอกัน ก็คิดว่าอะไรกันวะ จริง ๆ ไม่ได้อยากให้ตีกันเลย สำหรับผมถ้าให้วิเคราะห์ ผมคิดว่าอ.เชียงแกมีปัญหาหนึ่งอย่าง คือแกบริหารลูกศิษย์ได้สุดขั้วมาก คือคนที่รักก็รักเลย กราบไหว้ แต่อีกกลุ่มก็จะเกลียด สาป ผมก็เลยงงว่าอาจารย์ทำอะไรไว้ ทำไมลูกศิษย์มาคนละทางกันเลย อย่างเมื่อวานผมก็ไปกองปราบ ไปเรื่องหลวงพ่อแย้ม หลวงพ่ออลงกต ไปตาม เห็นเขาว่าจะมีหลวงพ่อแย้มเฟส 2 ก็ไปแล้วเจอเอฟซีเรานี่แหละ เขาก็ต้องไปหาท่านเอนกเหมือนกัน เราไปพร้อมกันเป็นเพื่อนเขา ก็ได้ยินเต็มสองรูหูว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อเท็จจริงเมื่อวานไม่ได้แจ้งความนะครับ แต่เมื่อวานคือการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้ว แสดงว่ามีคนแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว แล้วตร.เรียกหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อวานที่ยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ผมเข้าใจว่าน่าจะมาจากสองกลุ่ม กลุ่มนึงคือลูกศิษย์ อกหักสด ๆ เพราะอยู่ในซองใส ๆ กับซองน้ำตาลเป็นลูกศิษย์อกหักมานานแล้ว มันถูกเอามาขยำรวมกันแล้วยื่นให้ท่านเอนกเมื่อวานนี้ หลักฐานเลขบัญชี ทั้งระดมทุนต่าง ๆ ผมเข้าใจว่ามีการเรียกสอบพยานหลักฐานไปแล้ว แต่มีการขอเพิ่ม คดีไม่ได้เพิ่งถูกแจ้งความเมื่อวาน เขาขอหลักฐานเพิ่มเติม
อาจารย์เชียงโดนคนแจ้งความไปแล้ว?
จตุรงค์ : ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะ ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัย ถ้าผมเป็นอ.เชียง ก็คงรีบติดต่อแบงก์ หาสเตทเมนต์ย้อนหลัง 5-10 ปี ติ๊กไว้เลยว่าเอาเงินไปทำอะไรบ้าง พอตร.มีหมายเรียก อาจารย์จะได้ยืนยันกับเขาได้ อย่าเพิ่งคิดว่าเมื่อวานคือการแจ้งความ ผมว่ามันงวดมาแล้ว เป็นการเรียกหลักฐานเพิ่ม
ผมพยายามโทรหาอาจารย์หลายสาย ก็อยากให้พูดคุยกันว่าเป็นยังไง อย่างน้อยจะได้ชี้แจง อย่าดึงเวลานาน ดึงนานจะเป็นเหมือนหมอบี แล้วอย่าชะล่าใจว่าเดี๋ยวชี้แจงได้ เดี๋ยวรู้ หมอบีก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่งั้นสุดท้ายตร.เขามีอะไรอยู่ในมือ ไม่สามารถรู้ได้ คุณปุ๊กกี้เป็นพยานใช่มั้ย?
ปุ๊กกี้ : กี้ไปทำบุญกับอาจารย์เชียงเหมือนกัน รู้จักกัน แต่ไม่ได้มีประเด็นเสียหายเรื่องเงิน ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย เป็นคนที่นับถือศรัทธาหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ และพระอุเชนทร์ วันที่กี้ไปวันนั้นน่าจะเป็นวันสุดท้าย และไม่ได้เห็นดีเห็นงาม กับการที่เอาพระอุเชนทร์มาทำพิธีแบบนั้น ซึ่งมีการเขย่า เรามองว่าเป็นวัตถุโบราณที่ควรเก็บไว้ในสถานที่เหมาะสม เราก็งงเหมือนกันว่าเอามาได้ยังไง ขนาดชาวบ้านปกติ จะเข้าไปกราบไหว้ยังเข้าไม่ได้เลย คนพื้นที่มาจากที่ไกล ๆ กระบี่ สงขลา มาแล้วปิดเรือน เปิดได้แค่ห้องวัตถุมงคล เข้าไปที่เรือนไม่ได้ ปิดค่ะ กลัวเสียหาย แต่ดูการกระทำแบบนี้สิคะ เสียหายมั้ย ช้ำใจคนภาคใต้มากนะคะ เรารู้สึกว่าตัวเราเองเป็นลูกศิษย์ เราเป็นคนพื้นที่ เรามอง เราศรัทธา เรากราบไหว้กันอยู่ไกล ๆ แต่เนี่ย การอัญเชิญมา ยิ่งใหญ่อลังการมากค่ะ ที่เป็นประเด็นบิ๊กเกรียนเปิดไว้ มีองค์จำลองด้วยนะคะ แล้วถามว่าที่เอามาองค์จริง เอากลับไปเป็นองค์ไหน ตรงนี้กรมศิลป์ต้องตรวจสอบค่ะ มันมีความเอ๊ะค่ะ มันช้ำใจนะคะ เป็นของคู่บ้านคู่เมืองของคนใต้ พระอุเชนทร์เป็นพระคู่บุญคู่บารมีหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ มองว่าหลวงพ่อคล้ายคงไม่ทำแบบนี้
ทนายแก้ว : ตรงนี้ใครก็ตามทำให้ศิลปวัตถุเสื่อมค่า มีโทษจำคุก 10 ปี
ปุ๊กกี้ : ขอถามเจ้าอาวาสตรง ๆ ว่าได้รับเงินจากอาจารย์เชียงไปเท่าไหร่ถึงยอม แล้วเขาให้เงินเท่าไหร่ ชี้แจงด้วยนะคะ เงินกฐินที่เขาไปเป็นเจ้าภาพชี้แจงด้วยนะคะว่าเท่าไหร่ เข้าวัดเต็มที่มั้ย อีกอย่างเงินที่สร้างฐานให้พระอุเชนทร์ ได้เท่าไหร่ ชี้แจงด้วยนะคะ แล้วกรมศิลปากรต้องมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดด้วยนะคะ กับสิ่งที่เขาทำว่ากรมศิลป์ยอมได้มั้ย กับพระอุเชนทร์ซึ่งเป็นโบราณวัตถุ 1,600 ปี มีใครทำแบบนี้กันมั้ย
เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง?
ปุ๊กกี้ : ถูกต้องค่ะ แล้วเจ้าอาวาสไม่ต้องโยนให้กรมศิลป์ กรมศิลป์ก็ไม่ต้องโยนให้เจ้าอาวาส ทั้งเจ้าอาวาสทั้งกรมศิลป์เป็นภาพนี้มันขยี้ใจชาวใต้ ขยี้ใจฉันด้วยค่ะ กอดจูบลูบคลำเลยค่ะ มีการดำเนินคดีหรือเอาผิดเรื่องนี้มั้ยคะ กรมศิลป์กับเจ้าอาวาสไม่ต้องโยนกันค่ะ หาข้อยุติ จะได้รู้ว่าใครเป็นเจ้าภาพในความผิดเรื่องนี้
จตุรงค์ : กอดจูบลูบคลำ เข้าข่ายทำให้เสื่อมค่ามั้ย
ทนายแก้ว : ใช่ครับ ที่ผมพูด คุก 10 ปี เขาเรียกว่าศิลปวัตถุ เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยบุคคลและมีคุณค่า ไม่จำเป็นต้องขึ้นทะเบียน มันออโต้ กฎหมายเขาเรียกว่าโบราณสถานปี 2504 กำหนดไว้เลย จะมีอยู่ 3-4 ประเภท โบราณสถานคือวัดวาอาราม ที่เป็นของติดตราตรึง โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุครับ
มีพยานมือขวามาด้วย เชื่อว่าอาจารย์เชียงดูอยู่ มั่นใจ ผมมีเซ้นส์ มองตาผมอาจารย์ ติดต่อมาเถอะ เชื่อผม คุยกัน อาจารย์จะได้ชี้แจงในมุมอาจารย์ ผมโทรหาอาจารย์ตั้งแต่เช้าแล้ว ผมรู้ว่าอาจารย์รู้ว่าผมโทรไป อาจารย์รู้จักเบอร์ผม แต่อาจารย์ไม่รับ ผมอยากให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ลูกศิษย์ต้องแนะนำอาจารย์ในทางที่ถูกที่ควร ตอนนี้ไฟไหม้บ้านจะนั่งเฉย ๆ ก็คงไม่ได้ โทรมาเหอะ ต่อสายอาจารย์เชียงอีกที แต่แกไม่รับ เรื่องราวที่ค้างคาใจคือเรื่องพระอุเชนทร์ คุณมองยังไง?
ปุ๊กกี้ : กี้ก็ดันไปถึงกรมศิลป์ที่ดูแลท่านอยู่ และจี้เจ้าอาวาส ว่าสรุปพระอุเชนทร์ต้องอยู่ในการดูแลของใคร กรมศิลป์หรือเจ้าอาวาส เพราะปัดกันไปปัดกันมา ยังหาเจ้าภาพไม่ได้ แล้วใครมีอำนาจเอาวัตถุโบราณ 1,600 ปี เอาออกไปได้ด้วยเหรอ ประชาชนชาวใต้กว่าจะได้ดูแต่ละครั้งลำบากมาก แต่กี้ได้เข้านะคะ กี้รู้จักเจ้าอาวาส ท่านก็น่ารักกับเรามุมนึง แต่ไม่รู้ไม่ค่อยตอบคำถามเราเท่าไหร่ กี้โทรไปวันนั้น ตัดสายกี้ทิ้งเลย กี้เลยบอกว่าแล้วแต่พ่อท่านแล้วแหละ แล้วแต่เวรแล้วแต่กรรม ฉันไม่ช่วยแล้ว เราถามในฐานะเป็นคนใต้ โทรไปถามแล้วไม่รับโทรศัพท์ มีอะไรอยู่ในใจทำไมไม่บอก

นมัสการ “พระครูกิตติวิมล สมาจาโร” เจ้าอาวาสวัดสวนขัน ขอถามตรงไปตรงมา ทำไมพระอาจารย์ปล่อยให้พระอุเชนทร์ออกจากวัดไปกับอ.เชียง?
พระครูกิตติวิมล : อาจารย์เชียงแกเคยมาที่นี่ มากราบไหว้พระอุเชนทร์ แกมาครั้งสองครั้ง เขาบอกว่าจะจัดนิมนต์อัญเชิญพระอุเชนทร์ไปประกอบพิธีจตุรถีพระพิฆเนศ ด้วยกระแสคนมีมาก ๆ เราก็บอกว่างั้นถามก่อนนะ เพราะตอนนั้นพระอุเชนทร์ขึ้นทะเบียนแล้ว แต่ก่อนไม่ได้ขึ้นทะเบียน ไม่ระมัดระวังเท่าไหร่ แม้แต่การไว้ก็จัดเก็บไว้ แต่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดมากมายเท่าไหร่ แต่พอขึ้นทะเบียนแล้วก็ดูแลรักษาระวังมากขึ้น เราก็บอกว่าต้องถามดูกรมศิลป์ก่อนว่าจะอนุญาตมั้ย แค่พูดไม่ได้ ต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์ขึ้นไป ก็เลยปรากฎว่าเขาเห็นชอบด้วย แต่ก่อนย้ายไปไหนเขาตรวจสอบดูว่าลักษณะเป็นอย่างไร เขาเก็บรายละเอียดเอาไว้เบื้องต้นก่อน แต่จะไปนานไม่ได้ ไปแค่วันเดียว แล้วฉันต้องไปด้วย
ตกลงให้เขาเอาออกไปได้เหรอ?
พระครูกิตติวิมล : ความเป็นจริงก็อนุญาตได้ เป็นครั้งแรก พอครั้งต่อไปก็ไม่ได้แล้ว
ปุ๊กกี้ : ไม่ วันที่ 12 ท่านยังให้เอาไปอยู่เลย จะให้เอาไปไหน
พระครูกิตติวิมล : วันที่ 12 เป็นรูปที่หล่อเอาไว้ครับ ไม่ได้เอาองค์จริงไป
ปุ๊กกี้ : แต่เขามีประกาศว่าท่านจะเอาองค์จริงไป
พระครูกิตติวิมล : ไม่ได้เอาองค์จริงไป เขาแค่จะขอใช้รูปหล่อที่ทางวัดหล่อไว้เท่านั้น คือองค์จำลอง
ปุ๊กกี้ : เพิ่งมาสลับกันใช่มั้ย ตอนมีเรื่อง
พระครูกิตติวิมล : ไม่มี ๆ อันนี้หล่อเอาไว้ก่อน
ปุ๊กกี้ : ที่เอารูปหล่อไป เพิ่งจะมาเปลี่ยนใช่มั้ย ตอนแรกเขาขอองค์จริงใช่มั้ย
พระครูกิตติวิมล : ไม่ เขาขอจริง แต่เราปฏิเสธไปแล้ว บอกเอาไปไม่ได้
เอาไปกี่ครั้ง?
พระครูกิตติวิมล : ครั้งเดียว วันที่ 15 ก.ย. 66 เอาไปวันเดียว ไปถึงที่นั่นเช้า เย็นก็กลับ ด้วยรถตู้ วัดพาไปพร้อมเจ้าหน้าที่ตร.ไปด้วย แต่ตอนนั้นตร.มีปัญหาอยู่เลยไม่ได้ไป ก็ให้ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ไปด้วยสองคน
ตอนเขามายืม เขาอ้างกับอาจารย์ว่าอะไร?
พระครูกิตติวิมล : เขาอ้างอย่างเดียวว่าทำพิธีจตุรถีพระพิฆเนศ แล้วจะให้บุคคลที่อยากกราบบูชา ที่ไม่สามารถมาได้ เพื่อความสะดวกไปสักครั้งนึง แค่นี้
ทำไมพระอาจารย์ใจอ่อน?
พระครูกิตติวิมล : เขาอ้างด้วยความศรัทธาที่เขาเชื่ออยู่ ด้วยความเกรงใจจึงให้ไป อีกอย่างทางกรมศิลป์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉันก็ไม่ยอม ต้องกำกับไปดูเองด้วย
เห็นเขาจูบมั้ย เขาจูบได้เหรอ
พระครูกิตติวิมล : มันเป็นสำนึกของแต่ละคน บางทีเราไปกั้นเขาไม่ได้
ต่อไปนี้นายสี นายสา เข้าไปแล้วจูบได้เหรอ?
พระครูกิตติวิมล : ไม่ได้แล้วครับ ตอนนี้ใส่ตู้แล้ว ไม่เคลื่อนย้ายไปไหนแล้ว
ปุ๊กกี้ : ทำได้คนเดียวเหรอ
พระครูกิตติวิมล : ไม่ใช่ อันนั้นมันเป็นเรื่องเขาทำเมื่อครั้งนั้น
จะบอกว่าอะไรก็แล้วแต่ ให้แยก ตอนนั้นอาจารย์เชียงไปจูบยังไม่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลป์?
พระครูกิตติวิมล : ไม่ใช่ เขาขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เวลาเขาไปบูชาสักการะ บางทีเราไปห้ามเขาไม่ได้
ขึ้นทะเบียนเมื่อไหร่?
พระครูกิตติวิมล : ประมาณ 5 ปีได้
อาจารย์เชียงเอาไปต้องไปขออนุญาตกรมศิลป์มั้ย?
พระครูกิตติวิมล : เขาให้วัดขออนุญาตเอง ว่าถ้าขอเคลื่อนย้ายสักวันนึงได้มั้ย กรมศิลป์ไม่ปฏิเสธ
กรมศิลป์ที่ไหน?
พระครูกิตติวิมล : กรมศิลป์ที่นครฯ ครับ
ยืนยันมั้ย?
พระครูกิตติวิมล : ยืนยันครับ แต่หลังจากนี้ไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเราก็ลังเลเหมือนกัน ก็ตัดสินใจว่าจะดีหรือไม่ดี

เอาแค่ว่าพระอาจารย์ยืนยันว่ากรมศิลป์นครฯ อนุญาตให้พระอาจารย์เอาพระอุเชนทร์ให้อ.เชียงไปได้ กรมศิลป์เป็นคนยืนยันนะ?
พระครูกิตติวิมล : มีเอกสารอยู่ครับ
ทนายแก้ว : องค์ที่กลับมาเป็นองค์เดิมใช่มั้ย ไม่มีการสับเปลี่ยนใด ๆ ทั้งสิ้น
พระครูกิตติวิมล : องค์เดิม เฝ้าดูแลรักษาอยู่ 3 คนที่นั่นครับ
ทนายแก้ว : พิธีกรรมรดน้ำ ราดน้ำ หลวงพ่อได้อยู่ในเหตุการณ์มั้ย
พระครูกิตติวิมล : เขาไม่ได้ไปทำอะไรมากมาย ไปรดน้ำหน่อย ๆ เท่านั้นเองครับ
ทนายแก้ว : โบราณวัตถุแบบนี้เจอน้ำมันได้เหรอครับ มันเป็นพันปีนะหลวงพ่อ
พระครูกิตติวิมล : แต่ว่าที่วัดมาอย่างนั้นทุกปี ที่เขารดน้ำ ไม่ได้รดน้ำอะไรมากมาย รดน้ำแค่คนละนิดละหน่อยแค่นั้นเอง มีดอกไม้สักการะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไปทำอยู่ตรงนั้น และช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เกินชม. แต่ก่อนมีคนปิดทองด้วย แต่ตอนนี้ไม่อนุญาตใด ๆ ทั้งสิ้น ปิดทองก็ไม่ได้
แสดงว่ากรมศิลป์นครฯ อนุญาตให้อ.เชียงเอาพระคู่บ้านคู่เมืองไปที่บ้านเขาได้?
พระครูกิตติวิมล : ครับ มีหนังสือครับ
หนังสือจากกรมศิลป์ ไม่ขัดข้อง ลงชื่อ นางเสริมกิจ ชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากร 12 นครศรีธรรมราช 15 ก.ย.66?
ทนายแก้ว : แต่เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยขนย้าย บรรทัดสุดท้ายนะครับ ไม่ทราบว่ามามั้ย
พระครูกิตติวิมล : เขามาตรวจที่วัดตั้งหลายคน ท่านผอ.ก็มาด้วย
ปุ๊กกี้ : แต่ไม่ได้ร่วมขนย้ายด้วย
การขนย้ายเขาเอาใส่รถตู้แล้วนั่งข้าง ๆ ไปใช่มั้ย?
พระครูกิตติวิมล : ครับผม
ปุ๊กกี้ : มัดไป น่าสงสาร อย่างนี้เรียนถามว่าถ้าวัดดูแลไม่ได้ หรือกรมศิลป์หละหลวมแบบนี้ เป็นสมบัติชาติมั้ย
พระครูกิตติวิมล : ไม่ ตอนนี้ดูแลอย่างดี เรียบร้อย
ปุ๊กกี้ : ถ้าไม่เกิดเรื่อง ท่านก็เอามาอีกวันที่ 12
พระครูกิตติวิมล : ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ก็ปฏิเสธไปแล้ว
กรมศิลป์ทราบมั้ยว่ามีการไปจูบไปหอม ทำอะไรแบบนี้?
พระครูกิตติวิมล : น่าจะไม่ทราบ
พระอาจารย์อนุญาตได้เหรอ?
พระครูกิตติวิมล : ไม่ใช่เรื่องอนุญาต เป็นวิถีชีวิตที่เขาทำกัน ก็ไม่ได้ดูตลอด นั่งดูไม่ไกลกันเท่าไหร่ในพิธี
ปุ๊กกี้ : กี้อยู่กับหลวงพ่อ ท่านเปรยวาจามาว่าฉันใจหาย ที่เขาเอาไปขย่มตอนแห่ ซึ่งฉันไม่ถูกใจ นั่นคือคำพูดของท่านวันนั้น แต่ไม่คิดว่าจะให้ไปทำอีกซ้ำไง ให้ไปกอดจูบลูบคลำ ไม่มีเรียกมาอบรม เขาให้เงินทำบุญท่านเท่าไหร่
พระครูกิตติวิมล : จ่ายค่าน้ำมันรถให้ และมีเงินมาให้หมื่นนึงครับ น่าจะสองหมื่น เขาเลี้ยงค่าอาหารด้วย
ปุ๊กกี้ : ส่วนตัวหรือวัด
พระครูกิตติวิมล : เขาให้เป็นธรรมเนียม
ปุ๊กกี้ : แล้วเงินกฐินที่เขาไปรับบริจาค ที่เขาไปเป็นประธาน มีการแจกแจงมั้ย
พระครูกิตติวิมล : ไม่ ๆ กฐินก็รวมที่ได้มานั่นแหละ
ปุ๊กกี้ : ที่เขาไปทำพิธีที่วัดสวนขันไง
พระครูกิตติวิมล : เขาเป็นเจ้าภาพในการหล่อองค์พระด้วย ราคา 6 แสน
ปุ๊กกี้ : เลยมีอภิสิทธิ์เอาพระอุเชนทร์ออกไปได้เหรอ
พระครูกิตติวิมล : ไม่ใช่คนละเรื่อง อย่าเอาไปรวมกันสิ เขาเป็นเจ้าภาพกฐิน และสร้างพระประธานคนละเรื่องกัน
จากสอบถามเดี๋ยวจะกลายเป็นสอบสวน?
ปุ๊กกี้ : พอเป็นประธานก็อยากรู้ว่าเงินส่วนนี้เข้าวัดหรือยังไง
พระครูกิตติวิมล : เข้าวัดครับ
ปุ๊กกี้ : นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านสงสัย หนูแค่ถามแทนชาวบ้านเท่านั้นเอง
กรณีนี้ อ.เชียงเคยปรึกษาหรือพูดคุยกับหลวงพ่อมั้ยว่าเขาเคยดูดวงได้?
พระครูกิตติวิมล : ไม่เคยพูดครับ แต่จังหวะช่วงปี 62 กำลังสร้างศาลาการเปรียญ อาจารย์บอกว่าจะขออาสาเป็นเจ้าภาพกฐิน ก็แค่นั้น ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แล้วจะขอเป็นเจ้าภาพจัดสร้างหล่อพระประธานในศาลา แค่นั้น ไม่มีเรื่องอื่น แต่เรื่องมารอบที่สอง อาจารย์จะจัดงานบูชาพระพิฆเนศจตุรถี ถ้าเป็นไปได้จะเป็นบุญที่สุด เป็นบุญมาก ๆ กับพี่น้องเครือข่าย ผู้ที่จะมาร่วมงานในวันนั้น อาตมาก็ไม่ได้ตอบอย่างไร แต่เรื่องนี้อาตมาตอบไม่ได้ต้องถามที่กรมศิลป์ก่อนว่าเขาจะอนุญาตหรือไม่ เพราะแต่ก่อนพระอุเชนทร์ไม่ได้ขึ้นทะเบียน พอขึ้นทะเบียนต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลป์ก่อน
ทนายแก้ว : ตอนอ.เชียงมาขอยืมไปตอนนั้นวัดมีองค์จำลองหรือยัง
พระครูกิตติวิมล : องค์จำลองฉันเพิ่งมาปรารถเมื่อปีที่แล้ว เผื่อว่าจะมีการสงฆ์น้ำพระประจำปี จะเคลื่อนย้ายองค์นี้มาไม่เหมาะ ก็เทหล่อไว้
มีพยานคนนึงเขาได้ยินว่ามีบุคคลคนนึงมาคุยกับหลวงพ่อ ให้หลวงพ่อบอกสาธุชนว่าเขาเป็นผู้วิเศษ?
พระครูกิตติวิมล : อ.เชียงไม่ได้คุยในฐานะอย่างนั้น ไม่มีคนมาพูดแบบนี้ครับ
แล้วอ.เชียงบอกอะไรหลวงพ่อ?
พระครูกิตติวิมล : แกก็ไม่ได้บอกไร แค่นำคนมาสวดมนต์ ไหว้พระเท่านั้นเอง ขอพรจากพระพิฆเนศ จะมาอยู่เรื่อยๆ ครับ
หลังจากนี้พระอุเชนทร์จะไม่ออกจากวัดอีกแล้ว?
พระครูกิตติวิมล : ครับ แต่ว่าปีนี้ท่านสุรเชษฐ์ ขอนำองค์หล่อไปที่สมาคมปักษ์ใต้ องค์หล่อ ไม่ใช่องค์จริง
ทนายแก้ว : ไม่ทราบว่ากรมศิลป์ที่อนุญาตเขาเข้าใจกระบวนการหรือเปล่า เพราะเขาใช้คำว่าไม่ขัดข้อง
พระครูกิตติวิมล : เขาเป็นเจ้าของเรื่อง คงเข้าใจอยู่แล้ว เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง เราก็คิดว่าคงได้ เราไม่รู้ข้อกฎหมาย
ทนายแก้ว : กฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องคือพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ปี 2504
พระครูกิตติวิมล : ตรงนั้นฉันไม่รู้ ฉันยอมรับ แต่ถ้าถามกรมศิลป์ เขาบอกไม่ขัดข้อง ก็คิดว่าคงได้
ทนายแก้ว : มีมาตรา 33 บุคคลใดทำให้เสียหาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ กับโบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุต่าง ๆ มีโทษจำคุก 10 ปี กรณีบุคคลใดก็ตามมาจูบ เอามือมากอด มันทำให้เกิดไร้ค่าไร้ประโยชน์แบบนี้ มันอาจมีความผิดได้นะครับ หลวงพ่อ
พระครูกิตติวิมล : (ถอนใจ) นี่แหละฉันเองก็หนักใจ พอเห็นกิริยาแบบนั้นก็หนักใจมาก ๆ
ทนายแก้ว : ทำไมหลวงพ่อไม่ห้ามตอนนั้น
พระครูกิตติวิมล : เป็นช่วงคนอยู่มาก ๆ ฉันเข้าไปก็ลำบาก มันมั่วกันไปหมด
ปุ๊กกี้ : จริง ๆ ต้องบอกตั้งแต่แรก ก่อนทำพิธีมั้ย
พระครูกิตติวิมล : ยอมรับว่าเกิดอย่างนี้ขึ้นเพราะความไม่เข้าใจ แล้วคาดไม่ถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ฉันเจ็บตรงนี้แหละ ต้องยอมรับกับความเป็นจริง เห็นเขาทำเราก็เจ็บ ฉันมองว่าเขาคงคิดว่าเขาได้ใกล้ชิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ เป็นบุญกุศลของเขา
ทนายแก้ว : แค่กราบไหว้ก็พอแล้วครับ เท่าที่ฟังด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านก็คงพูดแบบนี้
จตุรงค์ : สงสัยว่างานนี้ใครสักคนจะโดน 157 มั้ย กรมศิลป์หรือตัวหลวงพ่อเอง จะ 157 หรือเปล่า
ทนายแก้ว : ต้องดูว่ากระบวนการขนย้ายก็ดี กรมศิลป์เข้ามามั้ย กรมศิลป์รู้มั้ย ถ้ากรมศิลป์อนุญาตโดยตัวเองก็รู้แล้วเขาเอามาทำแบบนี้ กรมศิลป์ก็เป็นความผิด เจ้าอาวาสถือเป็นเจ้าพนักงาน ถ้ากระทำโดยมิชอบก็ผิดอยู่แล้ว เอาโบราณวัตถุออกไปให้คนอื่นอย่างนี้ ก็ต้องมาตีความว่าเขามีอำนาจมั้ย
คุณวัชรินทร์ลงเฟซบุ๊กเขาเอง บอกว่าผู้หญิงที่ออกรายการรู้จริงกี่เรื่อง มีคนมาตอบว่าทุกเรื่องค่ะ ตอแหลทุกเรื่อง ในฐานะคุณเป็นลูกศิษย์อาจารย์เชียง อยากให้ชี้แจงเหมือนกัน คุณติดต่อมาได้เลยนะ โทรมาได้เลย จะได้ไม่ต้องไปพิมพ์แบบนี้ โทรเข้ามาเลยเพื่อปกป้องอ.เชียง เพื่อความเป็นธรรมนะ ทีมงานติดต่อไปสิ เผื่อเขาจะได้พูดอีกมุม ไม่งั้นเหมือนทางนี้พูดอยู่มุมเดียว ส่วนเรื่องน่าสนใจ กรมศิลป์นครฯ การเอามาจัดงาน นี่ไม่ใช่งานภาครัฐด้วย เป็นงานเอกชน?
ปุ๊กกี้ : เขาใช้คำว่ามณฑลพิธีนะคะ
จตุรงค์ : โดยปกติกรรมการก็ดี เจ้าอาวาสส่วนใหญ่เขาก็ไม่ยอม แปลกใจว่าหลวงพ่อวัดสวนขันเองได้ถามจ้าคณะปกครองมั้ยว่าเขาโอเคจริง ๆ เหรอ ในฐานะท่านเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง เข้าใจเป็นสมบัติท่าน แต่เจ้าคณะปกครองไม่ได้เซย์เยสลงมา ผมว่าไม่น่าปล่อยออกมา แต่ทำไงได้ พลาดไปแล้ว ก็กลับมาสู่คำถาม สรุปงานนี้จะมีใคร 157 มั้ย จะมีใครต้องไปดำเนินคดีอ.เชียงเพิ่มหรือเปล่า แล้วมีภาพปิดทองอีก
ทนายแก้ว : ไปแต่งเติมตามหลักมันทำไม่ได้ ไปยุ่งอะไรไม่ได้เลย เมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว
ไปรดน้ำแบบนี้ได้มั้ย?
ทนายแก้ว : ผมว่าน่าจะไม่ได้
บัว : เขาบอกว่านิดหน่อย
ปุ๊กกี้ : พอขึ้นเป็นวัตถุโบราณแล้ว ควรอยู่ในตู้ไงคะ
จตุรงค์ : บางทีก็เห็นใจหลวงพ่อ เกรงใจเขา เอ็นเราขาด
ทนายแก้ว : ตอนบอกว่าเราไปทำบุญ ตอนนั้นเราเข้าใจว่าจะเอาเงินไปทำบุญที่วัดใช่มั้ย
บัว : มันจะมีบุญอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะบูชาพระพิฆเนศ อย่างทำโบสถ์ โอนเข้าเขาตลอด เราก็มีเอ๊ะ แต่เราก็ผ่านไป แต่พอมีหลายเหตุการณ์ เรารู้สึกว่ามันไม่โอเค
ทนายแก้ว : เราตั้งข้อสงสัยว่าเงินเข้าวัดหมดมั้ย ใช่มั้ย
บัว : ได้ยินมาว่าไม่หมด เพราะเราไม่ได้ไปนับกับเขาตรงนั้น เราเลยไม่รู้ว่าหลักฐานแท้จริงเป็นยังไง ได้ยินคลิปว่าเจ้าอาวาสวัดนึงเห็นว่ามีคนบริจาค 5 แสน แต่เงินไม่ไป เขาก็มาทวงว่าเงินก้อนนี้อยู่ตรงไหน
จตุรงค์ : ตอนนี้มีกลุ่มไลน์สองกลุ่ม กลุ่มไลน์ลูกศิษย์ กับศิษย์ชัง ที่เป็นผู้เสียหาย ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างสู้กันในเชิงกฎหมาย ทางนี้ก็ไปอัดไว้ที่กองปราบเต็มที่ หลักฐานไม่ได้มาจากคน ๆ เดียว มาจากคนละแหล่งกัน วันนั้นผู้เสียหายมีคนเดียว แต่พยานหลักฐาน 3 ซอง มีการคุยกันแล้ว เท่าที่เห็นมีคนกลางอีกคนจะส่งหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มอีก
เมื่อกี้คุณวัชรินทร์เขาบอกว่าเขาดูนิดเดียว รู้จริงกี่เรื่อง มีคุณกันยามาบอกว่าตอแหลทั้งหมด ก็ติดต่อคุณกันยา อยากรู้เรื่องไม่ตอแหล เพื่อความเป็นธรรมของอ.เชียงด้วย เพราะเขาไม่ได้ชี้แจงในมุมของเขา ถ้าลูกศิษย์ลูกหาชี้แจงได้ก็ดีนะ ผมสงสัยเรื่องกรมศิลป์อนุญาตได้ไง ต่อไปนี้ใครก็ได้เหรอ แล้วจะยกอันนี้มาเป็นบรรทัดฐานว่าทำไมล่ะ ทีอ.เชียงยังเอาไปได้เลย ถ้าคนอื่นเอาไปทำในมุมสาธารณะล่ะ?
จตุรงค์ : มีคนเมนต์ในเพจบิ๊กเกรียน ขอชี้แจงในส่วนคณะสงฆ์ มีคนชี้เป้าพระผู้ใหญ่ อยากให้เข้าใจแบ็กกราวด์อ.เชียง ว่าแกบวชทุกวัดที่มีสังฆราชประทับ ดังนั้นพฤติการณ์ที่แกจะไปซี้เจ้าคุณโก๋ ที่ไปบ้านแก มีการย้ายสมเด็จพระสังฆราชองค์เก่า สิ้นไป ก็มีองค์ใหม่ขึ้นมา แกก็มาบวชวัดนี้ใหม่ ดังนั้นอย่าไปโทษว่าเพราะพระองค์นี้หรือเปล่า องค์นั้นหรือเปล่า องค์ที่ท่านกล่าวก็มรณภาพไปแล้ว ดังนั้นองค์ปัจจุบันท่านไม่มีลูกศิษย์คนเดียว ท่านมีลูกศิษย์มากมาย การที่ไปชี้ว่าองค์นี้แน่เลยไปช่วยอ.เชียงมันก็ดูไม่แฟร์ ขอให้เห็นใจนะ ไม่ได้ว่าบิ๊กเกรียนนะ ท่านก็ไม่รู้ แต่มีภาพคู่ไปแล้ว ก็เรียนตรง ๆ ว่าเลยตามเลยแล้วกัน แต่ไม่เชื่อว่าท่านจะมาเป็นคนสั่งเรื่องพระอุเชนทร์อะไรก็แล้วแต่ แต่แค่อ.เชียงเคยบวชวัดบวรฯ บ้าง วัดราชบพิตรฯ บ้าง เลยมีความคุ้นเคยกับเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชวัดบวรฯ หรือวัดราชบพิตรฯ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่โยมไปทำบุญเฉย ๆ ก็อยากให้อาจารย์ชี้แจง ตอนนี้ใครก็ตามถ่ายรูปคู่กับอ.เชียง โดนขุดลามกันหมด ตอนนี้ไปถึงเลขาฯ สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันก็โดนไปด้วย อ.เชียงชี้แจงได้ก็ชี้แจงเถอะอย่าให้พระชั้นผู้ใหญ่ต้องมาเจ็บตัวไปกับอ.เชียงไปด้วยเลย

โทรหาอ.เชียงกลางรายการ ผู้ช่วยรับแทน อยากให้อาจารย์ชี้แจง นี่ใครพูด ม่อนเหรอ?
ม่อน : ใช่ครับ
เปาไม่ได้ทำแล้วใช่มั้ย?
ม่อน : น้องไม่ได้อยู่แล้วครับ
อาจารย์จะออกมาชี้แจงเมื่อไหร่ มันกลายเป็นการพูดไปมุมเดียว?
ม่อน : ผมทราบครับว่าเป็นการพูดมุมเดียว ตอนนี้ไม่ได้ให้อาจารย์รับฟังอะไรเลย ตอนนี้อาจารย์ก็ไม่ได้ฟังอยู่นะครับ เพราะพวกผมยึดหมดเลย รักษาสภาพจิตใจสภาพอาจารย์ผมครับ อาจารย์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเดือดเนื้อร้อนใจ ทุกอย่างเราก็เชื่อว่าเราสามารถแจกแจงได้แต่ตรงนี้ขอเป็นขั้นตอนกฎหมายหรือทนาย แค่นั้นเองครับ เมื่อกี้ผมเองก็ฟังอยู่ พี่หนุ่มโทรมาก็คิดว่าผมน่าจะบอกอะไรบางอย่างได้ ผมก็เลยรับสาย ถ้ามั่นใจผมตอบได้ ผมตอบครับ
เรื่องให้เช่าพระพิฆเนศ มีการนำเงินไปให้วัด เงินนี้ถึงวัดมั้ย?
ม่อน : จริง ๆ แล้วต้องแยกประเด็น เหมือนทางพี่ทนายแก้วพูด ในส่วนตรงนั้นต้องดูตั้งแต่เจตนาแรกก่อน เขารู้หรือเปล่าว่าแต่ละอัน อาจารย์เอาไปไหน เพราะหลาย ๆ อย่างต้องมีจุดประสงค์หรือเจตจำนง ตรงนี้ไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ส่วนตัวหรือไม่ผมไม่ทราบกับเขา ผมพูดในฐานะเป็นลูกศิษย์ ผมไม่ได้ปอยู่ตรงนั้น ต้องแยกส่วน
หมายถึงพระพิฆเนศเป็นของอาจารย์ส่วนจะเอาเงินไปบริจาคมั้ยเป็นมุมของอาจารย์?
ม่อน : มุมนั้นครับ ประมาณนี้
แต่อาจารย์บอกว่าจะเอาเงินไปให้ทางวัด เขาสงสัยว่าเอาไปให้จริงมั้ย?
ม่อน : พูดลอย ๆ พูดได้ ถ้าผมพูดแบบนี้กับใครบ้าง ผมก็พูดได้สิครับ หลักฐานอยู่ตรงไหนล่ะครับ หลายคนบอกว่าลูกศิษย์เก่าจะรู้ อาจารย์ไม่เคยอยู่คนเดียวอยู่แล้ว ในการทำบุญอาจารย์มีลูกศิษย์อยู่รอบข้างอยู่แล้ว เราไม่ได้อยู่กันคนสองคน เราอยู่กันเป็นสิบ เหมือนทุกวันนี้ผมรู้จักอาจารย์มาเกือบ 20 กว่าปี ถ้าอาจารย์ไม่ดีอย่างที่เขาพูด ผมนี่แหละคนแรกที่จะไม่อยู่ แต่ผมอยากแจกแจงทีเดียว ไม่อยากพูดพร่ำเพรื่อ เหมือนเป็นเด็ก สิ่งตรงนี้ผมมั่นใจในสิ่งที่อาจารย์ผมทำ เมื่อกี้เห็นประเด็นเรื่ององค์เรื่องอะไร ต้องลองแจกแจง เอาหลักฐานมา ไม่ได้พูดลอย ๆ แล้วผมก็มีพยานยืนยันตัวตน คุณยืนยันมาดิว่าวันนั้นเอาไปกี่คน คนตรงนั้นได้ยินพร้อมคุณมั้ย
หมายถึงเรื่องอะไร?
ม่อน : หมายถึงเรื่ององค์ ที่บอกว่าเอาไปทำเป็นบุญมีมั้ยล่ะหลักฐาน มีอาจารย์บอกมั้ยว่าเช่าอันนี้แล้วต้องเข้าวัดนี้ ลูกศิษย์ทุกคนที่รู้จักอาจารย์จริง ๆ เวลาเราไปหน้าวัด อาจารย์ทำบุญ อาจารย์ไม่มีการใส่ซองหรือเรี่ยไรซอง ถ้าเป็นลูกศิษย์อาจารย์จริง ๆ จะไม่มีการทำซองหรือเรี่ยไรกฐิน
บัว : ไม่ใช่แล้ว
ม่อน : อาจารย์จะไปตามเจตจำนงของวัด วัดขาดอะไร เขาเขียนเป็นกองบุญมา ใครอยากทำบุญสิ่งไหน คุณยกมือครับ จะทำสิ่งไหน เขาโอนเข้าวัดโดยตรงนะครับ หรือปวารนาแล้ว บอกว่าจะทำ แต่คุณยังไม่พร้อม คุณก็ยกมือไว้ วัดมีหน้าที่ติดต่อกลับไปสิครับ เรามีเบอร์บุคคลเหล่านั้นให้ วัดก็มีหน้าที่ติดต่อไป หรือผู้บริหารวัดติดต่อไป อาจารย์ไปโปรโมตให้เพื่อให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา คุณก็ต้องมองสิว่าสิ่งเหล่านี้ที่อาจารย์ทำมันจบที่หน้างาน ไม่ใช่อาจารย์ต้องไปตามลูกศิษย์ทั้งหมดที่เขาปวารนา ผมว่าตรงนี้มันไม่เมคเซ้นส์นะ
นี่มุมนึง เรื่องที่สอง เรื่องเงิน ที่บอกว่าทำไมไม่ยอมปิดยอดโครงการแต่ละโครงการ แต่ปล่อยให้เงินไหลไปเรื่อย ๆ จนแยกไม่ออก?
ม่อน : อันนี้ผมว่าไม่น่าทั้งหมดนะครับ การแจกแจงมันอาจต้องแจกแจงเรื่องตัวนี้อยู่แล้ว เดี๋ยวผมอาจให้อาจารย์แจกแจงเอง ทั้งตรงนี้และตัวอื่น ๆ ตรงนี้ผมไม่ได้ทราบเอง ผมจะไม่สามารถบอกทั้งหมดได้ แต่เอาสิ่งที่ผมเห็นดีกว่า
เรื่องพระอุเชนทร์ ที่มาที่ไปคือยังไง?
ม่อน : เราไปกันตั้งแต่สมัยก่อนอยู่แล้วครับ สมัยก่อนพระอุเชนทร์ยังไม่ได้โดนปิด ยังอยู่ด้านล่าง สมัยก่อนตามวิถีชาวบ้าน ก่อนมีใครเข้าไป ผมถามว่าแต่ก่อน ไม่เห็นมีใครรู้จักวัดนี้เลย ไม่เห็นมีใครจำพระอุเชนทร์ได้เลยครับ
ปุ๊กกี้ : ทำไมพูดแบบนั้น พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ
ม่อน : ผมไม่เห็นมีใครลงไปพัฒนาหรืออะไรเลยครับ
ปุ๊กกี้ : มันคนละส่วนกันนะคะ
ม่อน : อันนี้ส่วนตัวของผมไงครับ ถามความคิดเห็นผมไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่ได้พูดในสิ่งที่ไม่ปรารถนาดีนะครับ เราพูดเพราะเรารักในองค์พ่อพระพิฆเนศ นี่คือสิ่งที่เราศรัทธา แล้วพอพวกเราไป ศรัทธาที่เรามีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ ที่เรารู้ว่าเป็นของท่านพ่อคล้าย ทุกคนดีใจที่ได้อยู่ตรงนั้น และใกล้ชิดกับตรงนี้ เราไปตอนที่พระอุเชนทร์ยังอยู่ข้างนอก เราศรัทธาและเราก็รัก ด้วยความรักที่ผมมี เหมือนการกอดพ่อแม่ เข้าใจฟีลลิ่งผมมั้ยครับ เรากอดเหมือนกอดพ่อแม่ การกอดพระอุเชนทร์เหมือนการเติมพลังใจครับ เราเชื่อเรื่องพลังงาน เรากอดสิ่งที่เรารัก นี่คือเจตจำนง แต่มีช่วงที่เราไม่ได้ทราบ เพราะเราไม่ได้ไปถี่ ๆ เราเลยอาจแสดงความรักความศรัทธาที่พวกเรารู้สึกเป็นแบบนั้น เลยเป็นภาพที่ออกไป ส่วนภาพถ้าผมพูดตรง ๆ ไม่รู้คนจะมองแบบไหน แต่มุมอาจารย์ที่บอกว่าจูบ วันนั้นตอนสุดท้าย โอเคแตะตามภาพ แต่อาจารย์ไม่ได้เอาปากไปแนบสนิดชิดเชื้อ โนครับ อาจารย์พูดคำว่าเศรษฐี แล้วถ่ายภาพให้ฉันหน่อยสิ เหมือนแสดงความรักต่อองค์พ่อ แต่ตรงนั้นไม่มีใครรู้สึกอยากไปปรามาสสิ่งที่ตัวเองรักเหมือนพ่อแม่ครับ ส่วนตัวผมนะ ผมรู้สึกว่าผมอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์มั้งครับ ไม่มีใครตั้งใจอยากทำลายของประเทศชาติบ้านเมือง อาจารย์ทำบุญต่าง ๆ ผมเชื่อว่าคนเห็นอยู่แล้ว เราโพสต์อยู่ตลอด เราทำเพื่อสังคมประเทศชาติบ้านเมือง ทำเพื่อส่งต่อสิ่งต่าง ๆ ให้รักและศรัทธาสถาบัน แต่ผมไม่เห็นมีใครตีแผ่เรื่องนั้นเลย ผมไปช่วยทำบุญวัดเพื่อให้สาธารณประโยชน์สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น อย่างตรงศาลา ตอนไปช่วยเรื่องหล่อพระอุเชนทร์องค์จำลองปีที่แล้วเราก็ไปนะครับ บุญต่าง ๆ ที่เราทำ คนก็คงเห็นบ้าง รักมี ริษยามี มีทุกอย่าง แต่ผมก็เข้าใจมุมนี้ เข้าใจความปรารถนาดีของทุกคนครับ
อ.เชียงจะออกมาใช่มั้ย?
ม่อน : เดี๋ยวยังไงผมจะบอกพี่หนุ่มแล้วกันครับ เมื่อกี้พูดตามตรงเป็นข้อทางกฎหมาย ไม่มีอะไรครับ
ตอน อ.เชียงเอาพระอุเชนทร์มา แกไม่ทราบเรื่องพรบ.ใช่มั้ย?
ม่อน : พูดตรง ๆ ว่าไม่ได้ทราบครับ สิ่งที่รักและเทิดทูนมาตลอดชีวิต รักพระพิฆเนศสุดหัวใจ ที่มาเรารู้สึกซาบซึ้งยินดี ปีติใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเดียวที่เรามีในอารมณ์ตอนนั้นครับ
ทนายแก้ว : ไม่ได้เถียงว่าการทำบุญเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่อ.เชียงอาศัยสิทธิ์อะไร ไปกอดจูบลูบสัมผัส หรือรดน้ำพระอุเชนทร์ครับ
ม่อน : เราไม่ได้ใช้สิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้นนะครับ มุมผมที่อยู่สัมผัสกับท่าน อาจารย์เหมือนพี่ชายผม เขาไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใด ๆ เหนือใคร เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนนึง ที่ยึดหลักทำนองคลองธรรม สิ่งที่เราทำมันคือความรักที่เราอาจใช้คำว่าไม่รู้ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ตั้งใจครับ ถ้าเรารู้เราจะไม่ทำครับ
ทนายแก้ว : สรุปได้คำตอบว่าอาจารย์น่าจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ใช่มั้ยครับ
ม่อน : ครับ อาจารย์มีคำเดียวคือคิดถึงองค์พ่อ รักในองค์พ่อ จะพูดแบบนี้เสมอครับ
ทนายแก้ว : ทำไมอาจารย์ต้องนั่งเก้าอี้หลุยส์ด้วยครับ
ม่อน : เวลาไปงาน ผมเชื่อว่าก็ต้องเห็นคนอื่นนั่งเก้าอี้หลุยส์เหมือนกัน ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านอาจารย์ เขาจัดแบบนั้นอยู่แล้ว เป็นออแกไนซ์หรืออะไร อาจารย์นั่งที่ไหนก็ได้ นั่งพื้นก็นั่งได้ครับ นั่งได้หมดแหละครับ แต่ภาพเวลานั่งเก้าอี้ เหมือนภาพท่านนึง ผมไม่พูดถึงแล้วกัน อาจารย์เวลาพูดสอนคน 6-7 ชม. แกไปทีต้องไปรพ. เรียกคนมานวด หมอเขาก็บอกว่าอย่างน้อยให้อาจารย์นั่งเป็นเก้าอี้หน่อย มันจะได้ไม่หนักไปกว่านี้
ทนายแก้ว : แต่น้องเขาบอกว่าอาจารย์บอกให้ไปซื้อเก้าอี้หลุยส์มานั่ง
ม่อน : ถ้าเป็นบ้านผม มันเป็นสิ่งที่ผมต้องตัดสินใจมั้ยครับ ใครพูดก็พูดได้ ผมก็พูดแบบที่เขาพูดได้ครับ แต่คุณรู้จักมากน้อยแค่ไหน ไม่ได้หมายถึงใครนะครับ คุณมีประเด็นในใจหรือเปล่า คุณทำอะไรผิดไว้หรือเปล่า หรือคุณพูดให้หมดเลยครับ พูดให้หมดเถอะครับ ผมไม่ได้หมายถึงใครครับ แต่พูดออกมาเถอะครับ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายหรอกครับ
มันมีเรื่องอะไรเหรอ?
ม่อน : ผมตอบแบบนี้แล้วกันครับ นี่คือผม ไม่ใช่อาจารย์นะครับ พี่ว่าคนในสังคม มีทั้งคนดีและไม่ดีมั้ยครับ พี่ว่าถ้าบางอย่างเป็นสวะที่ลอยขึ้นมา คนบางคนเห็นแล้วอดทนมาอย่างยาวนาน เขาลุกขึ้นมาเขี่ยสวะนี้ออก พี่คิดว่าสวะนั้นจะเกิดอารมณ์แบบไหนล่ะครับ
แสดงว่ามีสวะอยู่?
ม่อน : มีทุกที่อยู่แล้วครับ
เขาไปทำอะไร ยกตัวอย่างกว้าง ๆ ไม่ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์?
ม่อน : พี่หนุ่มพูดออกมาแล้วครับ ประมาณนั้นครับ ผมไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจงใครครับ
เสียประโยชน์จากอะไร?
ทนายแก้ว : รับประมูลงาน
ม่อน : ไม่มีครับ ที่นี่เป็นสถานธรรมไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนั้นครับ จะเกิดจากตัวบุคคลเท่านั้น เหรียญมีสองด้าน เราไม่แจกแจงเพราะเราไม่ทำพร่ำเพรื่อ ไม่ทำมั่ว ๆ ซั่ วๆ เหมือนเด็ก ไม่ทำแบบนั้นครับ ฝากนะครับ รักเคารพทุกคน จะบอกว่าให้สังคมมองอีกด้านนึงด้วย ต้องตีแผ่สองมุม ว่าอาจารย์ทำอะไรบ้าง ผมเห็นเขาหยิบแค่เรื่องนี้มา อาจารย์ทำอะไรให้กับรพ. สังคม สถานที่ต่าง ๆ ไม่เห็นหยิบยกอะไรพวกนี้มาเลยเหรอครับ
ตรงนี้อธิบายได้ อะไรก็แล้วแต่ อย่าพูดถึงปลายทาง ถ้าปลายทางบอกว่าอาจารย์ทำรพ. อันนี้คือปลายทาง แต่ต้องดูต้นน้ำ เพิ่งมีเรื่องแบบนี้ กับคำพูดแบบนี้ที่เพิ่งโผล่มาไม่นานนี้เอง?
ม่อน : เข้าใจครับ รอชี้แจงอีกทีแล้วกันครับ ผมตอบในฐานะของผมแบบนี้
เรื่องเดินไฟให้ 4-5 แสน มีจริงมั้ย?
ม่อน : (หัวเราะ) ให้เขาพูดออกมาให้หมดเถอะครับ ผมไม่ปิดกั้นใคร มันเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ใช่สิทธิ์ของผม พูดมาก่อนครับ อยู่ที่ตัวเขาครับ ผมก็ต้องตอบในมุมของผม
จตุรงค์ : ม่อนเข้ามาช่วยอ.เชียงแทนเปากี่ปีแล้ว
ม่อน : ผมช่วยเต็ม ๆ ประมาณ 6 ปี แต่รู้จักกับอาจารย์ประมาณ 22 ปีครับ
จตุรงค์ : เปาไปกี่ปีแล้ว
ม่อน : ไม่ทราบครับ นั่นน้องผมเหมือนกันครับ ตอนผมมา เปายังไม่ไปครับ
บอกให้อาจารย์มาชี้แจงก็ดีนะ?
ม่อน : ถ้าถึงตรงนั้นเดี๋ยวผมแจ้งให้ครับ
เขาบอกคุณเสียผลประโยชน์?
นก : ไม่ได้เสียค่ะ เราไปทำเพราะเราให้สัจจะวาจากับหลวงพ่อ เราไปทำ อาจารย์ไม่ได้ว่าอะไรเรา แต่คนรายล้อมมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ อาจารย์ไม่ได้ว่าเรา เขายินดี
ทนายแก้ว : เขาว่าเรายังไง
นก : เขาจะถามว่าสายไฟมาตรฐานมั้ย ยี่ห้ออะไร ที่เราไปทำคือวิศวะเข้าไปทำเอง เราเอาลูกน้องไปลากสายไฟลงใต้ดิน ทุกอย่างเราทำเซฟตี้ ทำเหมือนบ้านเราอยู่เอง
จตุรงค์ : เห็นสำนวนเมื่อวาน ของเขาถูกเขียนง่าย ๆ มากเลยว่าทางนี้ตั้งใจทำบุญด้วยการเดินสายไฟ วางระบบแอร์จำนวนเท่านี้บาท แต่ฝั่งอาจารย์บอกว่าของไม่ดีหรือเปล่า ของไม่มีมาตรฐานหรือเปล่า เขาผิดใจกันแค่นี้แหละ ทางนี้ก็น้อยใจ
นก : อาจารย์ไม่ได้พูดนะคะ

ต่อสายหา “ภัทรพงษ์ เก่าเงิน” ผอ.สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ผอ.คนปัจจุบัน ส่วนคนเก่าออกไปแล้ว ท่านมองยังไงกับการที่ผอ.คนเก่าอนุญาตให้อ.เชียงเอาพระอุเชนทร์ไปกรุงเทพฯ ประกอบพิธี?
ภัทรพงษ์ : ขอแก้ข่าวนิดนึง ในหนังสือเราไม่ได้บอกว่าอนุญาตนะครับ เราบอกว่าไม่ข้ดข้อง พระอุเชนทร์เป็นโบราณวัตถุอยู่ในการครอบครองของวัดสวนขัน มีความสำคัญ เราเลยประกาศขึ้นทะเบียน การขึ้นทะเบียนเป็นการคุ้มครอง ไม่ได้ครอบครอง กรรมสิทธิ์ของชิ้นนี้ยังเป็นของวัดสวนขันอยู่ ประเด็นที่เกิดขึ้น หลังขึ้นทะเบียนแล้ว เรามีการควบคุมเรื่องซ่อมแซมแก้ไขเปลี่ยนแปลงดัดแปลง ต้องได้รับความเห็นชอบ ได้รับการอนุญาตก่อน สองถ้าโบราณวัตถุชิ้นนี้ มีการชำรุด หักพังเสียหาย หรือมีการย้ายสถานที่เก็บรักษา ต้องแจ้งให้กรมศิลปากรทราบภายใน 30 วัน ไม่ใช่ขออนุญาตนะครับ สามเรื่องบทลงโทษ ถ้ามีใครก็ตามทำให้โบราณวัตถุชิ้นนี้ เสียหาย เสื่อมค่า ทำให้สูญหาย จะมีโทษทั้งเรื่องจำคุก และค่าปรับ หลัก ๆ มีสามประการนี้
ตอนนี้มีสาธุชนเขาไม่สบายใจ มีคนนำไปรดน้ำ ปิดทองซ้ำต่าง ๆ นานา รวมทั้งมีการจูบ ท่านมองยังไง?
ภัทรพงษ์ : ถ้าดูความเหมาะสมมันคงไม่เหมาะสม เพราะพระอุเชนทร์มีสองลักษณะ ลักษณะแรก ท่านเป็นวัตถุโบราณ สองท่านเป็นศาสนวัตถุ เนื่องจากของชิ้นนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของทางวัด กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเพื่อคุ้มครองไม่ให้เสียหาย แต่ว่า ตราบใดก็ตามที่ของมีเจ้าของอยู่ เราก็เข้าไปควบคุมได้แค่บางอย่าง กรณีนี้มีคนมาขอวัดย้ายไปกรุงเทพฯ หน่วยงานก็ดูวัตถุประสงค์ในการนำไป เขาบอกว่าเชิญไปประดิษฐานชั่วคราวในเรื่องการบวงสรวงในงานพระพิฆเนศจตุรถี ซึ่งดูทั้งชื่องานและกำหนดการก็ไม่ได้มีอะไรที่ดูแล้วก่อให้เกิดความไม่เหมาะสม เราก็อนุญาต แต่ตอนอนุญาตเราบอกว่าเราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก่อนเคลื่อนย้าย แล้วพอกลับมาก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าเป็นพระองค์เดิมมั้ย มีความชำรุดเสียหายหรือเปล่า แต่ถ้าให้ไปดูตลอดทั้งงาน คงเกินกำลังเจ้าหน้าที่ที่เรามีอยู่ครับ
วันจัดงานมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย?
ภัทรพงษ์ : เจ้าหน้าที่ของผมมีไปแค่วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช ไปตรวจสอบ ก่อนเคลื่อนย้าย และตอนกลับมาก็ดูว่าเป็นองค์เดิมมั้ย มีแตกเสียหายอะไรมั้ย ไม่ได้ไปในงานครับ
ทนายแก้ว : ความเห็นผอ. เข้าข่ายทำให้เสื่อมค่าตามพรบ.วัตถุโบราณหรือเปล่า
ภัทรพงษ์ : ถ้าจะตีความตรงนี้ ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ ข่าวนี้ผมเพิ่งรู้เมื่อวาน ยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วนครับ ยังไม่สามารถตอบตรงนี้ได้ครับ
ทนายแก้ว : ตกลงแล้วกรมศิลป์อนุญาตหรือไม่อนุญาตครับ คำว่าไม่ขัดข้อง
ภัทรพงษ์ : อย่างที่บอกว่าวัดสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย เพียงแต่ต้องแจ้งเราภายใน 30 วัน เราไม่มีอำนาจห้ามเคลื่อนย้ายครับ
กรมศิลป์เหมือนเป็นไฟแนนซ์ แต่วัดเป็นผู้เช่าซื้อครอบครองรถ ทางวัดมีสิทธิ์เอารถไปให้ใครก็ได้ แต่ถ้ามีความเสียหาย หรือผิดพรบ. เดี๋ยวท่านไปดูอีกที?
ภัทรพงษ์ : ถูกครับ ถ้าชำรุด ผมถึงเข้ามามีบทบาทตรงนี้ครับ
ถ้านำไปรดน้ำ ปิดทอง ถือว่าไม่มีความผิด?
ภัทรพงษ์ : ถ้าการกระทำนั้นไม่ทำให้เกิดความเสียหายชำรุดครับ ต้องย้อนไปที่วัดครับเพราะเขาเป็นเจ้าของครับ
พอถามวัดโยนมาให้กรมศิลป์?
ทนายแก้ว : วัดอาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของ
ภัทรพงษ์ : การขึ้นทะเบียนคือการคุ้มครอง ไม่ใช่ครอบครอง ถ้าเราครอบครอง เราเก็บของพวกนี้ทั้งหมดมาไว้ที่กรมศิลป์แล้ว แต่ทุกวันนี้ของยังอยู่กับวัดต่าง ๆ ครับ
ทนายแก้ว : โดยทั่วไปประชาชนสามารถยืมของโบราณวัตถุทำพิธีได้มั้ย
ภัทรพงษ์ : ต้องถามเจ้าของครับ เมื่อหลายเดือนก่อนมีคนมาขอทำเรื่องพระอุเชนทร์แบบนี้เหมือนกัน อย่างแรกที่ทำก็ให้เขาไปถามวัดก่อน ถ้าวัดยินดีผมก็เดินเรื่องต่อ ถ้าวัดไม่ยินดีก็จบเรื่องกันไป ซึ่งอันนั้นวัดไม่อนุญาตก็จบเรื่องกันไปครับ วัดเป็นเจ้าของครับ
อยากฝากอะไรมั้ย?
ภัทรพงษ์ : คดีนี้ต้องช่วยกันดูหลาย ๆ ฝ่าย กรมศิลปากรก็ส่วนนึง ภาคส่วนต่าง ๆ ก็ต้องช่วยกันครับ
กรมศิลป์แค่คุ้มครอง ผู้ครอบครองคือวัด ที่มีสิทธิ์จะให้หรือไม่ให้ ถ้าวัดรู้สึกว่าฐานความผิดเกิดขึ้นก็ไปฟ้องเขาได้ ขณะเดียวกัน องค์กลับมาก็ไม่มีประเด็นอะไร แต่คิดว่าหลังจากนี้ คงไม่ได้แล้ว เพราะสังคมจับตามองแล้ว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่วัดหรือตัวกรมศิลป์แล้ว เคลียร์มั้ย?
จตุรงค์ : เคลียร์ครับ
ปุ๊กกี้ : น่าจะชัดเจนแล้ว พอชี้แจงสองฝั่ง ก็รู้แล้วว่าเป็นใครกันแน่เป็นคนตัดสินใจ ตอนนี้รู้ชัดเจนหมดแล้ว จริง ๆ กี้จะลงไปแล้วถามท่านผอ.ว่าสรุปใครกันแน่ที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่วันนี้ชี้แจงครบหมดแล้ว ถือว่าเคลียร์ค่ะ
ถือว่าเคลียร์เรื่องพระอุเชนทร์ แต่ความไม่เหมาะสม มันมีอยู่แล้ว แยกกันนะ ถึงแม้ฐานความผิดไม่ได้มี เพราะวัดเป็นคนอนุญาต กรมศิลป์แค่คุ้มครอง พระกลับมาในลักษณะคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กรมศิลป์เขาทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่วัดจะอะไรหรือเปล่า แต่ดูแล้วพระคงไม่ไปร้อง ขณะเดียวกัน คนนครฯ ที่เขามองเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเขา เขาคงไม่อยากให้เอาพระไปทำแบบนี้อีก ตัวฝั่งอ.เชียง ก็ให้ลูกศิษย์ชี้แจงว่าเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ไปทำแบบนั้น เป็นสิทธิ์ที่เขาจะพูดแบบนี้ได้
ทนายแก้ว : กฎหมายอาจยังไม่เข้า
ปุ๊กกี้ : แต่ความไม่เหมาะสมเข้าแน่นอน
ส่วนเรื่องที่อ.เชียงต้องชี้แจงคือเงินในบัญชี ตกลงกระทบยอดแล้วไปอยู่ไหน เข้าบัญชีวัดไหน หรือเข้าที่ไหน อยากให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งอ.จตุรงค์บอกว่าตร.มีแล้ว ส่วนเรื่องวัตถุมงคล ที่ให้เช่าแล้วเอาเงินไป ก็แยกไม่ได้อีก เพราะเราไปซื้อในนามเขาจริง ๆ เขาพยายามบอกว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าวันนี้มีโบรชัวมาหนึ่งใบ บอกว่าองค์พระพิฆเนศทำออกมาเพื่อหาเงินเข้าวัดนี้ เข้ารพ.นี้ อันนั้นอีกเรื่องนึง ฉะนั้นวันนี้ผมมองว่าติดอยู่แค่เรื่องเดียว อ.เชียงต้องชี้แจง คือเส้นเงินในบัญชี ที่รับเงินเข้ามาแล้วบอกว่าจะทำบุญวัดไหน หวังว่าอาจารย์คงไม่ได้เอาเงินสดไปถวายวัดเหมือนหมอบีนะ?
จตุรงค์ : เมื่อวานตร.ก็ชมอ.เชียงว่า 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา อ.เชียงก็มีเส้นทางการเงินที่ดี ดูดี ไม่ผิดปกติ แต่ก่อนหน้านั้นผมไม่ทราบนะครับ ผมไม่รู้ครับ
ทนายแก้ว : สับขาหลอกหรือเปล่า
จตุรงค์ : ผมไม่รู้ครับ
ไม่รู้ว่าเป็นผู้วิเศษคนที่สามหรือเปล่า แต่มั่นใจว่ามีคนที่ สี่ ห้า แน่นอน?
ปุ๊กกี้ : เจน ญาณทิพย์ยังพาไปแจ้งความไม่หมดเลยค่ะ (หัวเราะ)