ตำรวจกองปราบฯ เรียก “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เปลี่ยนข้อหา!

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 68 เวลา 13.20 น. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” อดีตนักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วย นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความส่วนตัว ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งในฐานะผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายประมาณและ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เปิดเผยภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ว่า วันนี้ไม่มีรายละเอียดคดีใหม่เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงในข้อหาที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ถูกกล่าวหา จากเดิมเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ฟิล์มพร้อมทนายความได้เข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.ท.สธาปน์ ปัญญาพยัคฆ์ รอง ผกก.2 บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์และหมิ่นประมาท
ข้อหาดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ฟิล์ม รัฐภูมิ และนางสาวกฤษณ์อนงค์ หรือ “เจ๊พัท” เพื่อเรียกรับเงินจำนวน 20 ล้านบาทจาก “บอสพอล ดิไอคอนฯ” รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาทนักจัดรายการชื่อดัง
แต่ในการเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้ ข้อหาได้ถูกเปลี่ยนแปลงจาก “พยายามกรรโชกทรัพย์” เป็น “พยายามฉ้อโกง” แทน ซึ่งนายประมาณได้ตั้งคำถามถึงการเปลี่ยนแปลงข้อหานี้ โดยให้เหตุผลว่า ข้อหากรรโชกทรัพย์คือการทำให้เกิดความกลัวเพื่อหวังทรัพย์สิน แต่ข้อหาฉ้อโกงหมายถึงการหลอกลวงให้หลงเชื่อและส่งมอบทรัพย์สินโดยทุจริต ซึ่งหากกระทำไม่สำเร็จจะเรียกว่าพยายามฉ้อโกง
นายประมาณยังกล่าวเสริมว่า แม้เจ๊พัทจะถูกศาลตัดสินจำคุกอยู่ในเรือนจำแล้ว แต่กรณีของเจ๊พัทไม่เกี่ยวข้องกับฟิล์ม รัฐภูมิ และพยายามโยงเรื่องให้เกี่ยวข้องกัน ซึ่งดูแล้วไม่เข้าองค์ประกอบความผิดใดๆ เลย และยังได้ย้ำข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนข้อหาเป็นพยายามฉ้อโกงว่า “ฉ้อโกงตรงไหน?” โดยระบุว่าการฉ้อโกงจะต้องมีการหลอกลวง ทำให้หลงเชื่อ ส่งมอบทรัพย์สิน และมีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยทุจริต ซึ่งหากทำไม่สำเร็จจึงจะเป็นการพยายามฉ้อโกง