IPOWER แจ้งข่าวดีปีใหม่ ! บริษัทย่อย “บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ฯ” คว้างานใหม่มูลค่า 144.76 ลบ.
IPOWER แจ้งข่าวดีปีใหม่ ! บริษัทย่อย “บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ฯ” คว้างานใหม่มูลค่า 144.76 ลบ. โครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี Tap Line จากกฟภ.
แจงข่าวดีรับปีใหม่ ! บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ฯ หรือ ILINK ส่งบริษัทย่อย “บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์เพาเวอร์แอนด์เอ็นจิเนียริ่งจำกัด“ ลงนามสัญญางานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี Tap Line มูลค่า 144.76 ล้านบาท หนุนผลงานโค้งสุดท้ายของปี เพิ่มผลงานในปี 2568 โดยภาพรวมธุรกิจเติบโตตามแผน พร้อมรอข่าวใหญ่ปีหน้าคว้างานบิ๊กโปรเจ็กต์ และจะมีข่าวงานโครงการทยอยเซ็นต์สัญญาต่อไป
นายสมบัติอนันตรัมพรประธานกรรมการบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์คอมมิวนิเคชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า “บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์เพาเวอร์แอนด์เอ็นจิเนียริ่งจำกัดหรือ IPOWER ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ฯร่วมลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี Tap Line [สถานีไฟฟ้าแรงสูงสีคิ้ว 2 (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) – สถานีไฟฟ้าสีคิ้ว 2] – สถานีไฟฟ้าด่านขุนทดจังหวัดนครราชสีมาของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมาตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 แผนงานที่ 2 มูลค่างาน 144,760,000.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยงานโครงการนี้มีระยะเวลาการส่งมอบงานภายใน 360 วันนับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2567 ทั้งหมด
“การที่บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์เพาเวอร์เอ็นจิเนียริ่งจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้รับงานใหม่ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพความสามารถประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะด้านการติดตั้งงาน Turnkey วิศวกรรมโครงการต่างๆ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งเป็นลูกค้าหลักรายใหญ่มาอย่างยาวนาน ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคต บริษัทฯ ยังรอผลการประกวดราคางานโครงการ Turnkey วิศวกรรมโครงการอีก 2 – 3 งาน ซึ่งคาดว่าน่าจะทยอยประกาศในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เพื่อหนุนต่อเติม Backlog สร้างผลงานโดดเด่นผลักดันให้บริษัทฯก้าวหน้าและสามารสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วยตอกย้ำการเติบโตของบริษัทฯอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนแบบมีคุณภาพ ซึ่งบริษัทฯได้ยืนยันจะเติบโตทั้งรายได้และผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมาและจะได้เห็นผลชัดเจนแล้วในปี 2566 นี้”