โครงการอ่างพวง : แนวทางการจัดการน้ำที่ยั่งยืนสู้ภัยแล้งและน้ำท่วม

ในยุคที่สภาพภูมิอากาศโลกผันผวนอย่างรุนแรง ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมได้กลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของผู้คนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย กรมชลประทาน ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการจัดการทรัพยากรน้ำจึงเร่งเดินหน้าแผนพัฒนา “โครงการเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ (อ่างพวง) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อ่างพ่วง” เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

“โครงการเครือข่ายอ่างเก็บน้ำ” เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงริเริ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมที่ต้องการแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างระบบการจัดการน้ำที่ยั่งยืน โดยการพัฒนาเครือข่ายอ่างเก็บน้ำหลายๆ แห่งที่เชื่อมโยงกันไปในลักษณะของ “อ่างพวง” เพื่อการเก็บกักน้ำและการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า กรมชลประทาน มีบทบาทสำคัญตั้งแต่การสำรวจ ออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงบริหารจัดการระบบอ่างพวง เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารทรัพยากรน้ำให้เพียงพอ ป้องกันภัยแล้งและน้ำท่วม รวมถึงสนับสนุนการใช้ประโยชน์น้ำอย่างเป็นธรรม แนวคิดอ่างพวงจึงไม่เพียงช่วยเกษตรกรและชุมชน แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ที่ค้ำจุนเศรษฐกิจ สังคม และอุตสาหกรรมของประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ หลักการของอ่างพวงคือ เมื่ออ่างใดอ่างหนึ่งมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ระบบจะสามารถผันน้ำจากอ่างที่มีน้ำเหลือไปเติมได้ทันที ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี อีกทั้งยังทำให้การใช้ทรัพยากรน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะน้ำส่วนเกินจะไม่สูญเปล่า แต่ถูกส่งไปช่วยพื้นที่ที่ต้องการ การวางระบบอ่างพวงยังตอบโจทย์ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ช่วยรองรับปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือโครงการอ่างพวงในพื้นที่หัวหิน–ชะอำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องที่สำคัญ เป็นการเชื่อมโยงอ่างห้วยตะแปด บ้านทุ่งขาม ห้วยทราย หุบกะพง ห้วยไม้ตาย และห้วยไทรงาม รวมความจุกว่า 28 ล้าน ลบ.ม. ระบบท่อและคลองผันน้ำส่งได้สูงสุดถึง 380 ลิตร/วินาที หรือราว 33,000 ลบ.ม.ต่อวัน ช่วยให้กว่า 2,000 ครัวเรือนและพื้นที่เกษตรราว 29,500 ไร่มีน้ำใช้อย่างต่อเนื่องทั้งปี ลดผลกระทบจากภัยแล้ง และเพิ่มรายได้ชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ

แนวคิดเดียวกันถูกต่อยอดสู่โครงข่าย “อ่างพวงภาคตะวันออก” รองรับความต้องการใช้น้ำในเขต EEC โดยใช้อ่างประแสร์เป็นศูนย์กลาง เชื่อมต่อกับหนองปลาไหล ดอกกราย คลองใหญ่ หนองค้อ และบางพระ รวมความจุสะสมกว่า 600 ล้าน ลบ.ม. ระบบนี้สามารถผันน้ำได้วันละหลายแสน ลบ.ม. ช่วยรักษาสมดุลซัพพลายน้ำดิบ ป้องกันการสะดุดของภาคอุตสาหกรรม และลดผลกระทบเอลนีโญที่ทำให้ฝนทิ้งช่วง


อีกหนึ่งพื้นที่สำคัญคือ โครงการอ่างพวงลุ่มน้ำชีตอนบน จ.ชัยภูมิ โดยมีอ่างพระอาจารย์จื่อ ความจุ 33.45 ล้าน ลบ.ม. และอ่างลำน้ำชี ลำสะพุง และลำเจียงที่อยู่ระหว่างพัฒนา เมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มน้ำต้นทุนและช่วยพื้นที่เกษตรหลายหมื่นไร่ พร้อมบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างยั่งยืน

“โครงการอ่างพวง เป็นโครงการที่แสดงถึงความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน และกรมชลประทานได้ขับเคลื่อนโครงการนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำ” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว


