ไทยพร้อม!! ศูนย์กลางงานไมซ์ด้าน Wellness ระดับโลก

จากสถานการณ์โควิด-19 และการระบาดของเชื้อไวรัสและโรคภัยต่าง ๆ ทำให้ประชาชนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้เกิดโรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวแบบ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และเชิงส่งเสริมสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ประมาณการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยในปี 2566 มีมูลค่าถึง 3.1 แสนล้านบาท และอาจสูงถึง 7.6 แสนล้านบาทในปี 2570

ล่าสุด นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) และเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ได้เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ หรือ Wellness Tourism ของประเทศไทยเคยติดอันดับ 7 ของโลกในช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายและด้วยปัจจัยความพร้อมทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการแพทย์ ด้านสถานที่ท่องเที่ยว ด้านอาหาร ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น และด้านการต้อนรับนักท่องเที่ยว ประเทศไทยจะสามารถกลับขึ้นไปอยู่ในอันดับ TOP 5 ประเทศยอดนิยมใน Wellness Tourism ในอนาคตได้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IDF World Diabetes Congress 2025 ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติทางด้านการแพทย์โรคเบาหวานที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ผู้เข้าร่วมงานทั้งในและต่างประเทศกว่า 10,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศและก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท เกิดผลประโยชน์จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจในประเทศประมาณกว่า 300 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 300 อัตรา ก็ยิ่งตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฮับด้าน Wellness Tourism ที่มีความพร้อมในการรองรับการจัดประชุมทางด้านการแพทย์ระดับโลกและความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว ประกอบกับภาครัฐให้การสนับสนุน โดยมี ทีเส็บ หรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่นำทีมดึงงานประชุมระดับนานาชาติเข้ามาจัดในประเทศไทย เป็นการเพิ่มองค์ความรู้ต่างๆ จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน Wellness Tourism ระดับโลกในอนาคต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เติบโตเพิ่มมากขึ้น

นอกจากงานประชุม IDF 2025 แล้ว ประเทศไทยยังจะได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมนานาชาติทางด้านการแพทย์ที่สำคัญอีกมากมายในระหว่างปี 2568-2571 ซึ่งเป็นการประกาศศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฮับงานไมซ์ด้าน Wellness Tourism ระดับโลก อาทิ
- The Asian-Pacific Hepato-Pancreato-Biliary Association วันที่ 28-31 ตุลาคม 2568 งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- World Congress on Pain วันที่ 27-31 ตุลาคม 2569 งานประชุมวิชาการนานาชาติเรื่องความเจ็บปวดและการบำบัดความปวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- World Hepatitis Summit 2026 การประชุมไวรัสตับอักเสบ
- The 65th Annual Conference of Particle Therapy Co-Operative Group 2027 (PTCOG 65) งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านรังสีรักษาเพื่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
- Congress of The Asian Society of Transplantation (CAST) 2027 งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ
- World Congress of Pediatric Surgery 2028 (WOFAPS) วันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2571 งานประชุมวิชาการด้านกุมารศัลยแพทย์