“หนุ่ม กรรชัย” ตัดสัมพันธ์! “ฟิล์ม รัฐภูมิ”
เป็นเรื่องราวที่เดือดในโซเชียลกรณีที่มีคลิปเสียงของ ฟิล์ม รัฐภูมิ, บอสปัน และ คุณกฤษอนงค์ มีการพูดคุยกันพาดพิงถึงตัวผมเองและรายการโหนกระแส มีการเรียกรับเงิน 20 ล้านเพื่อที่จะไปออกรายการโหนกระแส
ซึ่ง หนุ่ม กรรชัย ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ฟิล์มโทรมาหาผมครั้งนึง แต่ผมไม่ได้รับสายและไม่ได้โทรกลับ ส่วนเรื่องเขาจะสำนึกหรือไม่สำนึกตอบไม่ได้ ตอนนี้ไม่ใช่ไม่อยากคุย แต่ไม่คุยดีกว่านะครับเพราะไม่มีอะไรต้องคุย ในส่วนของกฏหมายผมตอบไม่ได้ว่าจะจบลงตรงไหน แต่ในส่วนของความสัมพันธ์ของผมกับเขาจบแล้ว
เรื่องที่ผมโทรไปหาเขา ผมวัดใจเขา 3 ครั้งนะครับ ครั้งแรกโทรไปบอกว่ามีคนมาบอกว่าฟิล์มไปทำแบบนี้ เขาก็ตอบมาว่าไม่ใช่ครับมันอย่างโน้นอย่างนี้ ครั้งที่สองผมหวังว่าเขาจะตั้งสติได้ แต่เขาก็ยังตอบเหมือนเดิม จนครั้งที่สามเมื่อวันจันทร์ตอน 5 ทุ่ม ผมได้ตัดสินใจบอกว่าผมได้ยินเสียงหมดแล้วนะ แต่ผมไม่ได้บอกว่าผมมีคลิปอยู่ในมือ และผมก็เล่าผมได้ยินอะไรบ้าง ฟิล์มพูดอะไรบ้าง ฟิล์มขอเงินสด เขาก็บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นอาจจะเป็นการตัดต่อให้ดูเหมือนผมเองไปเรียกเงินเขา ซึ่งผมทำรายการมานาน ได้เห็นหลักฐานต่างๆ ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่ได้มีการตัดต่อ ก่อนทิ้งท้ายว่าถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นฟิล์มรับผิดชอบเองนะ จากนั้นผมติดต่อทนายตุ๋ยและแจ้งความ
วันนั้นคืนนั้นเขายอมรับความจริง ตอนเช้าผมจะไม่เปิดคลิปนี้ แต่จะแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่จะให้ฟิล์มออกมาชี้แจง แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่เวรแต่กรรม
อย่างที่บอกนับจากวินาทีที่วางหูไป เขาจะออกมาพูดอะไรเป็นสิทธิ์ของเขา ผมไม่ชอบคนที่ทำอะไรแบบนี้มันทำให้สังคมเสื่อมทราม
ไม่รับกระเช้า กระเช้าที่บ้านเยอะแล้ว อยากได้กระเช้าสีขาวไม่ได้อยากได้กระเช้าสีเทา
และ พี่หนุ่ม ลั่นตอบมาว่า! “เขาเป็นน้องผมตอนไหน ไปถามเขาดูดีกว่า ผมไม่มีน้องทำอะไรแบบนี้”
“ผมไม่ได้สนิทอะไรกับเขานะครับ ผมรู้จักเขามานานก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าคนรู้จักนานจะต้องสนิทนะ คนสนิทคือคนที่โทรปรึกษากัน มีอะไรไหม ไปเที่ยวกัน แต่ผมกับเขาไม่มี ผมแค่ทำงานร่วมกัน แยกย้าย ก็เท่านั้นก็จบความสัมพันธ์ วันหนึ่งมีอะไรทำร่วมกันก็คุยกัน มันจะใช้คำว่าสนิทได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับผมแค่คนรู้จัก”
นอกจากนี้ กรรชัย ยังบอกว่าที่ผ่านมารายการโหนกระแสมีการถูกแอบอ้างเยอะ “มีตั้งแต่หลักพันหลักหมื่นมีตามสืบและนำตำรวจไปจับก็เคยเกิดขึ้น และครั้งนี้ 20 ล้านมันเกิดไปมันเป็นจำนวนที่เยอะ ที่สำคัญคนที่กระทำคือคนที่มีหน้ามีตาในสังคม คุณลำบากยากแค้นขนาดที่จะต้องทำแบบนี้เลยเหรอ มันไม่มีศักดิ์ศรี มนุษย์คนหนึ่งมันต้องมีศักดิ์ศรี แต่สิ่งที่คุณทำมันไร้ซึ่งศักดิ์ศรี “
“เตือนแล้วจะฟังไหม ไม่เตือนดีกว่า ผมว่าผิดชอบชั่วดี เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ครูบาอาจารย์ต้องสอน สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้คุณต้องย้อนกลับไปดูในตอนเด็กว่าที่บ้านคุณสอนหรือเปล่าว่าให้คุณเป็นคนดียังไง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่นสอน”