บทสัมภาษณ์ “เกรท-สพล” ชายหนุ่มผู้แสนดี (เกินไป) บนโลกใบนี้ ?!!? ใน “MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม”
บทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
ในเรื่องนี้ผมก็รับบท “ดอม” นะครับ ดอมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แล้วก็ไม่อินกับเทคโนโลยีอะไรเลยนะครับ โทรศัพท์ที่เขาใช้อยู่ยังเป็นรุ่นที่แบบปาหัวหมาแตกอยู่เลยครับ (หัวเราะ) ใช้ได้แค่แบบโทรออกรับสายอย่างเดียวเท่านั้นแหละ แล้วเขาก็เป็นคนที่อยากจะแต่งงานมีครอบครัว อยากจะไปมีชีวิตข้างนอกเหมือนกัน แต่ว่าด้วยภาระหน้าที่เขาก็ต้องสืบทอดกิจการต่อจากครอบครัว ซึ่งก็เป็นร้านขายของมงคล จัดงานอีเวนต์หรือว่างานมงคลต่างๆ แบบคนจีน ก็เป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในกรอบพอสมควร ไม่ค่อยกล้าก้าวมาจาก Comfort Zone เท่าไหร่ แล้วครอบครัวก็ค่อนข้างกดดัน ไม่ว่าจะเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต หรือว่าการจะมีแฟน ครอบครัวจะคอยสกรีน คอยดูหมดเลยอะไรอย่างงี้
“MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
หนัง “มอนโด” เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตัว “ยี่หวา” หรือว่า “น้องพลอย” (พลอยไพลิน) ของเรานั่นเอง เขาก็จะเป็นยูทูบเบอร์สาวซึ่งมี Subscriber ที่หลักแสนแต่อยากจะไปแตะหลักล้าน แต่เขาก็มีแฟนก็คือผมแต่ก็ไม่สามารถเปิดตัวได้ เป็นความสัมพันธ์ที่แบบจะต้องปกปิดไว้ เพราะว่าเขาเป็นเจ้าของช่องรายการท่องเที่ยว “โสดไปไหน” ด้วยชื่อช่องมันก็บอกอยู่แล้วว่าโสดไปไหน จะเปิดตัวว่ามีแฟนมันก็ไม่โสดแล้ว มันก็คงจะไม่สามารถรันช่องต่อไปได้
แต่ว่าความสัมพันธ์และเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นมาหลังจากที่เขาไปงานเลี้ยงรุ่นและเจอกับ “คุณหวัง” ที่ “น้องมีน” (พีรวิชญ์) รับบท ซึ่งหวังก็จะเป็นนักธุรกิจ สตาร์ตอัปหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีข้อเสนอด้านเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง “เม-บอต” และ “มอนโด” มานำเสนอยี่หวาว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จได้มั่นคงและก็เร็วมากยิ่งขึ้นเนี่ย ก็ลองเข้ามาทำกับเราดูว่าจะก้าวไปถึงล้านซับหรืออาจ Beyond มากกว่านั้นเลยก็ได้ มันก็เลยเกิดเป็นความสัมพันธ์วุ่นวายเกิดขึ้นมาระหว่าง 3 คนนี้ เพราะว่าด้วยความสัมพันธ์ของผมคือมันก็เป็นความสัมพันธ์ที่เราก็ไม่รู้จุดหมายปลายทางนะ เราแค่รู้สึกว่าอยากจะแค่แต่งงานมีครอบครัวกับยี่หวาแค่นั้นก็พอแล้ว แต่สำหรับหวังเขาเอาความฝันความสำเร็จมามอบให้ยี่หวา มันก็เลยกลายเป็นเหมือนทางแยกว่ายี่หวาจะเลือกอะไรระหว่างความฝันความสำเร็จหรือว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง นั่นแหละก็เหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหนต่อ เพราะคบกันมานานแล้ว และด้วยทั้งครอบครัวของฝั่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเปิดรับตัวยี่หวามากแค่ไหน นางเอกของเราก็เลยลังเลว่าจะเลือกเส้นทางไหนกันแน่ มันก็เลยเกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ขึ้นมากมายเลย
ความรักความผูกพันของตัวละคร และความสัมพันธ์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันส่งผลต่อชีวิตอย่างไรบ้าง
แม้ว่าความสัมพันธ์ของผมอาจจะไม่ได้ดูมีจุดหมายปลายทางใช่ไหมครับ แต่สำหรับตัว “ดอม” กับ “ยี่หวา” ก็รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ คือเราก็ไม่ได้มองใครอื่นแล้ว เรารู้สึกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว ก็อยากมีชีวิตอยากใช้เวลาร่วมกับเขาก็พอแล้ว ไม่ต้องมีเงินเยอะแยะมากมาย ขอแค่เขามีเวลาแล้วก็มีความรักให้เรา แค่นี้เราก็รู้สึกว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับตัวดอมนะ มันไม่จำเป็นต้องแบบเป็นล้านซับหรือต้องไปเหนื่อยถีบตัวเอง ต้องพยายามขนาดนั้น แต่ว่าจริงๆ แล้วผมก็เป็นคนที่คอยรับฟัง และก็เป็นคนที่คอยให้กำลังใจยี่หวาตลอดอยู่แล้ว ส่วนความสัมพันธ์หลายๆ อย่างที่มันเกิดปัญหาขึ้นมา มันก็มีผลมาจากเทคโนโลยีที่ “หวัง” และ “ยี่หวา” คิดว่ามันจะสามารถพาเขาไปถึงเป้าหมายได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา เขาอาจมีเราเป็นแค่ของตายคอยแก้ปัญหา เวลามีความสุขก็ไปอยู่ด้วยกัน ไม่มีผมอยู่เลยนะครับ
ตัวละครนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างจากตัวเองยังไงบ้าง
ผมว่าตัวละคร “ดอม” กับผมมีความเหมือนกันตรงที่ผมเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน ชอบอยู่กับครอบครัว ก็จะคล้ายๆ ดอมที่ว่าเขาก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ชอบอยู่บ้าน ช่วยธุรกิจที่บ้าน อยู่แต่กับครอบครัวที่แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่มาก อยู่กันแค่ 4-5 คนอะไรอย่างนี้ แม้จะมีความวุ่นวายอยู่ข้างใน แม้จะตีกันทุกวันก็จริง แต่ว่าเราก็จะมีความรักให้กันอยู่เสมอ ผมรู้สึกว่ามันมีความคล้ายคลึงกับตัวผมอยู่พอสมควรครับ
ถ้าด้วยเรื่องนิสัยผมว่าก็มีความคล้ายกัน แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของคาแร็กเตอร์หรือสิ่งแวดล้อมภายนอกน่าจะเป็นอันนั้นมากกว่าที่แตกต่างกัน แล้วก็มีอีกอย่างหนึ่งครับที่แตกต่างคือดอมค่อนข้างจะโลว์เทค แต่ผมจะเป็นคนที่ใช้เทคโนโลยีในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ได้ใช้มากขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้ไม่ใช้เลยอย่างตัวดอมเขา
ขยายความชื่อเรื่อง “Mondo” หน่อย มันคืออะไร
“มอนโด” จริงๆ แล้วมันก็คือMetaverse หรือว่าโลกเสมือนจริง อาจจะเรียกว่าเป็นขั้นกว่าของ Social Media ของสมัยนี้ ของ Virtual Realityที่พอเราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง ทุกๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมหรือผู้คนที่เราเจอที่เราจะไปพบปะพูดคุยทำกิจกรรมมันจะเหมือนจริงมากๆ คือบอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่และน่าสนใจมาก คือเราสามารถอยู่บ้านหรือว่าอยู่ตรงนี้แค่ใส่แว่นใส่อุปกรณ์แล้วก็สามารถเข้าไปอยู่โลกเสมือนจริง ได้ไปเจอกับผู้คนที่บางทีเขาอาจจะมาจากต่างประเทศก็ได้ อยู่ตรงมุมไหนของโลกก็ได้ เราจะเข้ามาเจอกันอยู่ในมอนโดนี้ได้เลย
แล้ว “เม-บอต” (May-Bot) มันคืออะไร
จริงๆ แล้ว “เม-บอต” นี่มันเป็นเหมือนโปรแกรมหรือ Application หนึ่งที่จะเป็นเหมือนทั้งผู้ช่วยเป็นเพื่อนคู่คิด ไม่ว่าเราจะมีปัญหาอะไร ตัวเม-บอตจะคอยจัดการ จะหาความน่าจะเป็นที่มันดีที่สุดสำหรับเรา เพราะว่าตัวเม-บอตเนี่ยมันจะเก็บ Data ทั้งหมดที่เราเคยใช้ในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน มันเลยสามารถตอบออกมาได้ว่าความน่าจะเป็นหรือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามหรือปัญหาที่เราถามเขาเนี่ยแบบไหนมันดีที่สุด แต่ว่าผมมองว่าเม-บอตมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะว่ามันก็ขุดตั้งแต่อดีตขึ้นมาเลย คือมันรู้มากกว่าเราอีกนะครับ
ชีวิตจริงติดโซเชียลมากน้อยแค่ไหน
จริง ๆ ผมก็ค่อนข้างจะติดพอสมควร มันเหมือนเป็น Addicted ตรงที่ว่าเราติด Feeling ในการไถโซเชียลแบบก็ไม่ได้มีจุดหมายว่าเราจะต้องแบบจะดูอะไรหรือว่าจะไปค้นหาหรือไปเสิร์ชอะไร แค่รู้สึกว่าตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะไปโฟกัสสายตาที่ไหน เราก็เปิดโทรศัพท์มาเล่น ไถนู่นไถนี่ไป ไลน์ถึงจะไม่มีใครทักมาหา เราก็ไถๆ ไปอยู่นั่นแหละ น่าจะเป็นติดประเภทนั้นประมาณนั้นมากกว่า
ถ้ามี “May-Bot” หรือ “Mondo” ขึ้นมาจริงๆ ส่วนตัวจะลองใช้มั้ย
เอาแบบแวบแรกเลยก็คงอยากลอง เพราะว่ามันจะมีความทรงจำบางอย่างที่เราคงลืมไปแล้วแหละ แต่ว่าถ้าให้สะกิดขึ้นมานิดนึงมันก็จะพอนึกขึ้นมาได้ แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้แบบชัดเท่าสิ่งที่เม-บอตเขาได้เก็บไว้เลยขนาดนั้น แต่ว่าด้วยพอลองคิดภาพถ้ามันมีเทคโนโลยีที่สามารถขุดข้อมูลของเราได้หมดขนาดนั้นมันก็เป็นอะไรที่น่ากลัวเหมือนกันนะ การที่เราจะไปใช้อันนั้นมันก็ต้องคิดหนักพอสมควรก่อนที่จะกดยอมรับว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้ทุกอย่าง แต่ถ้าถามว่าอยากจะลองใช้มั้ย ก็อยากลองครับ
เรื่องนี้ถือว่าเปลี่ยนแนวหรือแตกต่างจากการแสดงเรื่องที่ผ่านมายังไงบ้าง
ผมว่าสิ่งที่มันแตกต่างที่สุดเลยมันคือการที่เราได้เล่นกับ Virtual Reality หรือว่าเล่นกับพวกแบบกรีนสกรีน เล่นกับสิ่งที่มันไม่มีอยู่จริงตรงหน้าเราขนาดนั้น แต่ว่าเราจะต้องแบบจินตนาการทุกอย่างขึ้นมา พี่มะเดี่ยวและทีมงานอาจจะบอกภาพว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นนะ มันจะมีอะไรขึ้นมา แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราจะต้องจินตนาการภาพข้างหน้าเอง อันนี้ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ต้องเล่นแบบนี้เยอะพอสมควรเลย ก็สนุกดีครับ ถือว่ายากไหมเหรอครับ ก็ระดับหนึ่งมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ยากถึงขั้นที่จะทำไม่ได้เลย เพราะว่าก็อาจจะเคยผ่านการจินตนาการอะไรบางอย่างกับผลงานอื่นมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้วอะไรอย่างงี้ อาจจะเยอะขึ้นมาหน่อยแต่ก็พยายามทำการบ้านให้มันแมตช์กับสิ่งที่พี่ๆ เขาต้องการมากที่สุดครับ
การร่วมงานกับทีมนักแสดงทีมนี้เป็นอย่างไรบ้าง
จริง ๆ เราเห็นหน้าค่าตา “น้องพลอย” มานานแล้วล่ะ แต่คือจะเจอตัวจริงน้อยมาก ก็จะเจอน้องพลอยใน Social Media มากกว่า เพราะตัวจริงของน้องพลอยก็ทำเป็นแบบยูทูบเบอร์ เป็น Influencer สายท่องเที่ยวเหมือนกัน ผมก็รู้สึกว่ามัน Relate กับน้องพลอยพอสมควรนะ แล้วก็พอได้เจอน้องตัวจริง ในจอ
น้องเป็นยังไงตัวจริงก็เป็นอย่างนั้น จะเป็นคนสนุกสนานเฮฮาร่าเริง แม้ว่าผมจะเป็นคนที่ค่อนข้างนิ่ง น้องก็จะร่าเริงคอยชวนผมคุยตลอดเลย น้องน่ารักดีครับ
ส่วน “น้องมีน” ก็รู้จักกันอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่เรียนที่ธรรมศาสตร์ แต่ว่าก็ไม่เคยได้ร่วมงานกันจริงๆ จังๆ ซักทีนอกจากจะเจอกันตามงานอีเวนต์ต่างๆ มากกว่า ก็ถือว่าเป็นคนที่ตั้งใจแล้วก็ทำการบ้านมาดี น้องมีนจะเป็นคนที่มีคำถามมีไอเดียมานำเสนอพี่มะเดี่ยวอยู่เสมอ ก็รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนที่ตั้งใจกับผลงานมากๆ เลยครับ
การเข้าฉากร่วมกันทุกอย่างมันไหลลื่นมากๆ สำหรับในการแสดง นอกจากจะมีการแบบผิดบทกันบ้าง แต่ว่าน้อยครั้งมากที่มันจะมีการติดขัดอะไรอย่างงี้ครับ นอกจากว่าลองเปลี่ยนแนวการเล่นที่พี่มะเดี่ยวอยากได้ เออ…ลองเปลี่ยนแนวมาให้ลองเล่นแบบนี้ๆ ดู หรือว่าอยากลองเล่นแบบไหนกันก็ลองเล่นกันไปเลยนะมากกว่า แต่ว่าถ้าถามเรื่องแบบปัญหาในการถ่ายทำหรือการเข้าฉากเข้าซีนกัน ผมว่าแทบไม่มีเลย
ส่วนนักแสดงรุ่นพี่ๆ ทั้ง 3 คนอย่าง “พี่พิช – พี่ต๊งเหน่ง – พี่แอนนา” คือเป็นการเจอแล้วก็ร่วมงานกันกับพี่ๆ เขาเป็นครั้งแรกทั้งสามคนเลย ก็รู้สึกว่าทำไมเขาน่ารักกันจังเลย คือในเรื่องเราจะต้องเป็นครอบครัวกันใช่ไหม ในชีวิตจริงผมก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ พี่ต๊งเหน่งก็เหมือนแม่ผมเหมือนกันนะ บางอย่างแบบเขาจะคอยบอกคอยสอนโดยที่แบบเราไม่ต้องถามเขา บางทีเขาก็พูดขึ้นมาเลยว่าแบบนี้ไหม แกก็จะเป็นคนน่ารัก ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่น
ที่อบอุ่นที่สุดเลยน่าจะเป็นพี่พิช พอเราเจอและได้อยู่ใกล้เขา เรารู้สึกว่าเขาน่ารัก เขาเป็นผู้ฟังที่ดี มีอะไรปรึกษาเขา แล้วเหมือนแบบเขาไม่ได้นั่งฟังเราแบบผ่านๆ เขาเหมือนตั้งใจฟังในสิ่งที่เราพูดจริงๆ ก็รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้สึกว่าพี่เขาน่ารักมาก
แล้วก็พี่แอนนา จริงๆ ผมเป็นแฟนคลับพี่แอนนา เขาจะเป็นสายตลกที่พูดจีนๆ พูดไม่ชัดแบบนี้ ผมก็ชอบดูผลงานของเขาอยู่แล้ว พอได้มาเห็นฉากดราม่าที่พี่แอนนาเล่น ผมก็รู้สึกแกเก่งว่ะ เป็นนักแสดงที่มากความสามารถ ไม่ใช่แค่ตลกโปกฮาอย่างเดียว เขาสามารถเล่นแบบดราม่าได้ดีด้วย มันมีซีนที่เค้าจะต้องเล่นกับตัวเองด้วย เล่นคนเดียวด้วย อันนั้นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า เฮ้ย…พี่แอนนาแกมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่มันออกมาจากตัวพี่เขาอีกแบบหนึ่งด้วย ขนาดเราไม่ได้ต่อไดอะล็อกกัน แต่การอยู่ใกล้ๆ กันเราก็รับรู้ถึงฟีลลิงที่เขาสื่อออกมาได้แล้ว
การร่วมงานกับผู้กำกับ “มะเดี่ยว ชูเกียรติ” เป็นยังไง
เรื่องนี้ “พี่มะเดี่ยว” ลงมากำกับเต็มตัวเลย อย่างเรื่องอื่นๆ ที่ผมเคยได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยว อย่างเรื่องแรกก็จะเป็นพี่มะเดี่ยวร่วมเขียนบท อีกเรื่องที่เป็นซีรีส์ก็จะมาคอยช่วยดูงาน คอยเป็น Backup ให้ แต่ว่าเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกของผมที่พี่มะเดี่ยวลงมากำกับแบบเต็มตัว ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน แล้วก็กดดัน เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าเราจะแบบถูกใจพี่เขาไหม หรือว่าจะเป็นอย่างที่พี่เขาหวังได้หรือเปล่า ก็ตื่นเต้น แต่ว่าดีใจที่พี่ ๆ ทีมงานชวนเรากลับมาร่วมงานอีกครั้ง
พี่มะเดี่ยวตั้งใจมาก พี่เขามีภาพอยู่ในหัวทุกอย่างอยู่แล้ว แค่ว่าเราพยายามเล่นออกมาแต่ไม่ต้องเหมือนที่เขาอยากได้เป๊ะก็ได้ พี่มะเดี่ยวต่อให้เขามีภาพในหัวแต่เขาค่อนข้าง Open กับการแสดงของนักแสดงทุกคนอยู่แล้ว ถ้าคุณไป Direction นี้ที่มันดูแบบไม่ได้ติดขัดหรือว่าดูแอ็กติงจนเกินไป พี่มะเดี่ยวแกก็ยินดี ค่อนข้างให้อิสระกับพวกเราเยอะมากเลย
โลเคชันการถ่ายทำ
อันนี้ก็ถือว่าดี เพราะว่าปกติแล้วถ้าใครจะรู้จัก “พี่มะเดี่ยว” จะรู้ว่าแกจะไม่ค่อยยอมลงมากรุงเทพฯ จะต้องขึ้นไปถ่ายที่เชียงใหม่กัน เพราะว่าอย่างพวกซีรีส์ผมก็ขึ้นไปอยู่เชียงใหม่กันเป็นเดือน ๆ เลยครับ เรื่องนี้พอลงมาก็ดีนะ ผมรู้สึกว่ามันก็เป็นอีกฟีลลิงหนึ่งที่ได้ถ่ายในเมืองบ้าง แม้ว่าไปชลบุรีจะมีอุปสรรคเรื่องฟ้าฝนพอสมควร แต่ว่านอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาหนักสุดก็คงเป็นฝนแหละครับ เพราะว่าบ้านของ “ยี่หวา” ก็มีหลังคาสังกะสีไม่ว่าจะหลบอะไรยังไงก็คงหลบไม่พ้น ถ้าถ่ายก็ต้องไปลงเสียงใหม่อยู่ดี หรือเป็นพวกแบ็กกราวด์ข้างหลังที่พี่มะเดี่ยวอยากได้เป็นแบบแสงสว่างฟ้าเรืองรองส่องอำไพ แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นแบบมืดฟ้ามัวดิน เขาก็เลยแบบค่อยมาถ่ายใหม่ดีกว่า อุปสรรคส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องสภาพอากาศมากกว่าเรื่องปัจจัยอื่นๆ
ฉากไฮไลต์หรือฉากประทับใจ
ส่วนใหญ่ฉากที่ผมประทับใจคือฉากที่ได้อยู่กับครอบครัว เพราะผมรู้สึกว่าฟีลลิงที่เราได้อยู่ด้วยกัน 3-4 คนมันเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันจริงๆ มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นจริงๆ แม้ว่าจะทะเลาะกันแต่สุดท้ายมันก็กลับมารักกันอยู่ดี มันเหมือนครอบครัวจริงๆ ที่แบบมันก็ไม่ได้รักกันทุกวัน มันจะมีแบบทะเลาะกันบ้าง ตีกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมารักกันอยู่ดี เพราะว่าสุดท้ายคนที่รักเรามากที่สุดก็คือคนในครอบครัวเรานั่นแหละ
จุดขายและความน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้
ผมว่าหนังเรื่องนี้ที่น่าสนใจเลย เพราะว่ามันเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ผสมไซไฟด้วย แล้วก็ที่สำคัญเราคงไม่ค่อยได้เห็นหนังที่เล่าครบทุกความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคนรัก กับเพื่อน กับครอบครัว หรือแม้แต่เอาเทคโนโลยีความเป็นไซไฟมาเล่นด้วย ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้บอกเล่าชีวิตของคนยุคใหม่ได้ดีมากๆ เลยนะครับว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ชีวิตของเราทุกวันนี้มันพัฒนาไปถึงไหนแล้ว แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ เลยสำหรับเรื่องนี้คือแม้เทคโนโลยีที่มันทำให้คนเราใกล้กันมากขึ้น แต่หนังก็สะท้อนให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่ทำให้คนเราใกล้กันเลย มันอาจทำให้คนเราห่างกันมากขึ้นด้วยซ้ำ แล้วก็ปัญหาต่างๆ ที่ทุกคนคิดว่าเทคโนโลยีจะแก้ได้ บางทีมันอาจจะสร้างปัญหาขึ้นมาก็ได้ ผมเลยมองว่าเรื่องนี้น่าสนใจ อยากให้ทุกคนเข้ามาลองดูว่าพวกเราแล้วก็ทีมงานทุกคนบอกเล่าเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ความโรแมนติกคอมเมดี้ความเป็นไซไฟออกมาเป็นรูปแบบไหน เล่าถึงคนปัจจุบันเป็นยังไง ก็อยากให้ลองเข้ามาดูกันว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับคุณยังไงตรงไหนมั้ย ก็ลองเข้ามาดูกัน ผมว่าทุกคนน่าจะได้รับอะไรกลับไปหลังจากได้ชมเรื่องนี้แน่ ๆ
ก็ฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยนะครับ “MONDO รัก | โพสต์ | ลบ | ลืม” จะเข้าโรงภาพยนตร์ให้ทุกคนได้ชมกันวันที่ 10 สิงหาคมนี้แล้วนะครับ ก็ถือว่าเป็นอีกผลงานที่พวกเราทุกคนตั้งตารอคอยเหมือนกัน แล้วก็ตั้งใจทำมากๆ ก็อยากให้ทุกคนได้เข้าไปดูกันนะครับว่าสิ่งที่เราบอกไปทั้งความโรแมนติกคอมเมดี้ ความเป็นไซไฟ ความสัมพันธ์ของเพื่อน คนรัก ครอบครัวอะไรก็ตาม เราจะบอกเล่าผสมผสานออกมายังไง ก็อยากให้ทุกคนลองเข้าไปติดตามกันดูในโรงภาพยนตร์นะครับ