ประวัติที่มา ความสำคัญ “วันเข้าพรรษา” ๒๕๖๖
วันเข้าพรรษา ๒๕๖๖ ตรงกับวันพุธที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา พระสงฆ์นิกายเถรวาทจะจำพรรษาที่วัดใดวัดหนึ่งเป็นเวลา ๓ เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ และสิ้นสุดในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ในปีนี้มีประกาศวันหยุดยาว ๖ วัน ซึ่งรวมวันเข้าพรรษา ๒๕๖๖ ด้วย ดังนั้นจึงเหมาะที่จะไปร่วมทำกิจกรรมทางศาสนากับครอบครัว
ประวัติวันเข้าพรรษา มีความเป็นมาอย่างไร
ในอดีตสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้กำหนดเรื่องราวการจำพรรษาในวันเข้าพรรษาไว้ พระสงฆ์ผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้เหยียบย่ำพืชผลชาวบ้านที่ปลูกไว้ในฤดูฝน สัตว์น้อยใหญ่ที่ออกหากินบนผิวดินถูกเหยียบย่ำ ชาวบ้านได้รับความเสียหาย เมื่อเรื่องนี้ทราบถึงพระพุทธเจ้าจึงเกิดการบัญญัติเรื่องวันเข้าพรรษาไว้ให้ภิกษุจำพรรษาอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลา ๓ เดือน
ตามประวัติบันทึกไว้ ประเพณีวันเข้าพรรษาสมัยโบราณกาลมีระบุไว้ตั้งแต่สมัยสุโขทัย เกี่ยวกับการทำบุญวันเข้าพรรษาของพระมหากษัตริย์ และประชาชน เกี่ยวกับการถวายผ้าอาบน้ำฝนและถวายเทียนพรรษา
การเข้าพรรษาตามพระวินัย มี ๒ แบบ ได้แก่
- เข้าพรรษาตามปกติ เรียกว่า “ปุริมพรรษา” – เริ่ม แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หากมีเดือน ๘ สองหนก็จะเริ่มในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง และออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบ ๓ เดือน ก็จะมีสิทธิ์รับกฐิน
- เข้าพรรษาหลัง เรียกว่า ปัจฉิมพรรษา – เริ่ม แรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ และออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ในกรณีที่พระภิกษุติดกิจต้องเดินทางไกลหรือมีเหตุสุดวิสัยให้ไม่สามารถเข้าพรรษาในรอบแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ได้
กรณีพระภิกษุต้องออกไปจำพรรษาที่อื่น สามารถขออนุญาตทำได้ เรียกว่า “สัตตาหกรณียะ” และต้องกลับมาภายใน ๗ วัน เพื่อไม่ให้พรรษาขาด ไม่ถือว่าอาบัติ ได้แก่
- พระภิกษุต้องดูแลบิดามารดาที่เจ็บป่วย
- ทำสังฆกรรม อาทิ จัดหาอุปกรณ์ซ่อมกุฏิที่ชำรุด
- รับนิมนต์ให้ไปทำบุญค้างคืน
ความสำคัญวันเข้าพรรษา
ในวันเข้าพรรษาที่มักตรงกับฤดูการเกษตรนี้ชาวบ้านจะปลูกพืชผล และภิกษุสงฆ์จะจำวัดเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนพุทธศาสนิกชนก็ร่วมบำเพ็ญกุศล ตักบาตร ถวายเทียนพรรษา รักษาศีล โดยความสำคัญของวันเข้าพรรษามี ๕ ข้อ ดังนี้
- พืชผลที่ชาวบ้านปลูกเป็นต้นกล้า จะได้เติบโตแข็งแรงไม่ถูกทำลายจากกรณีกิจของพระสงฆ์ที่ต้องเดินทางรับกิจนิมนต์
- ให้พระภิกษุสงฆ์ได้หยุดพักผ่อนจากการเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- พระภิกษุสงฆ์จะได้ฝึกปฏิบัติธรรมสำหรับตนเองเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรม
- บวชเรียนบุตรหลานที่ถึงวัยบวช หรือบรรพชา เพื่อเป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- เปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้บำเพ็ญกุศล ถือศีล เจริญภาวนา ฟังเทศน์ ถวายเทียนพรรษา และถวายผ้าอาบน้ำฝน
พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาจนครบ จะได้สิทธิ์ยกเว้นพระวินัย ๕ ข้อ ดังนี้
๑. เที่ยวเดินทางออกจากวัดโดยไม่ต้องแจ้งเจ้าอาวาสหรือพระสงฆ์รูปอื่นได้
๒. เที่ยวเดินทางได้โดยไม่ต้องถือจีวรครบ ๓ ผืน
๓. ฉันล้อมวงแบบคณะโภชน์ได้
๔. เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา
๕. เก็บจีวรเมื่อมีผู้มาถวายได้ หากเกินกว่าไตรครอง โดยไม่ต้องสละเข้ากองกลาง
กิจกรรมวันเข้าพรรษา
เมื่อใกล้ถึงวันเข้าพรรษา พระภิกษุสงฆ์ในอาวาสต่าง ๆ จะเตรียมตัวซ่อมแซมบูรณะวัดให้พร้อมแก่การจำพรรษา เจ้าอาวาสจะเป็นผู้ประกาศ “วัสสูปนายิกา” เกี่ยวกับการเข้าพรรษาไว้อย่างชัดเจน และหลังจากจบประกาศแล้วก็จะมีการขอขมาลาโทษกันเพื่อให้พระสงฆ์ในวัดมีความสามัคคีกัน
การเริ่มต้นจำวัดเข้าพรรษา พระสงฆ์สามเณร จะกล่าวคำอธิษฐานพร้อมกันว่า อิมสฺมึ อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ
พุทธศาสนิกชนนิยมเดินทางไปวัดเพื่อช่วยทำความสะอาด บูรณะสถานที่ต่าง ๆ ในวัดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พระภิกษุสงฆ์ที่จะอยู่จำพรรษา รวมถึงเตรียมตัวเพื่อถวายทานอื่น ๆ อาทิ
- บวชบุตรหลานที่อายุถึงวัยบรรพชา
- ถวายผ้าอาบน้ำฝน
- ถวายเทียนพรรษา
- ถวายหลอดไฟ
- ตักบาตร
- การถวายเทียนพรรษา
การถวายเทียนพรรษาในประเทศไทย มักนิยมทำมาแต่โบราณ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และสามเณร ได้มีแสงสว่างใช้อ่านคัมภีร์ ศึกษาพระธรรม แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้มีไฟฟ้าใช้แล้ว ก็นิยมถวายหลอดไฟเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานมากขึ้น ปัจจุบันจังหวัดต่าง ๆ นิยมประกวดเทียนพรรษา และจัดงานมหรสพ
นอกจากกิจกรรมภายในวัดแล้ว ทางรัฐบาลได้ประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และมีแคมเปญรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาจาก สสส. เป็นกิจกรรมที่นิยมงดดื่มสุราเป็นระยะเวลา ๓ เดือน ที่ร่วมทำกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เพื่อให้ประชาชนหันมาดูแลตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย ซึ่งการงดเหล้าเป็นส่วนหนึ่งของการถือศีล ๕ ด้วย กิจกรรมงดเหล้าจึงสอดคล้องกับหลักธรรม พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสจึงนิยมปฏิบัติงดเหล้าอย่างเคร่งครัดในช่วงวันเข้าพรรษา
Cr_ข้อมูลจาก : กรมศาสนา