พันธมิตรจับมือ CP LAND ส่งมอบ นวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ชุมชน
24 กรกฎาคม 2566, นครศรีธรรมราช – พันธมิตรภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (British Chamber of Commerce Thailand: BCCT) บริษัท ซันโย เอส.เอ็ม.ไอ. (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SANYO S.M.I. บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ PCS ผนึกกำลังกับ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย พร้อมด้วยธุรกิจในเครือ CP LAND ประกอบด้วย บริษัท ซี.พี. ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ CPFM โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช และอาคาร CP Tower นครศรีธรรมราช คิกออฟโครงการ ‘Solar Cell For Life ความสุขเดินทางได้’ ส่งมอบนวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 80 ต้น ระยะทางรวมราว 5 กิโลเมตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ให้แก่ชุมชนคีรีวง นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นโครงการต้นแบบตามแนวทางการตอบแทนสังคม (Social Contribution) ภายใต้ปรัชญาพื้นฐาน ‘คุณภาพเพื่อทุกชีวิต’ หรือ ‘Accessible Communities for Life’ ของ CP LAND ที่ต้องการส่งมอบความสุขให้แก่ชุมชนที่ห่างไกล “แม้ในพื้นที่ ที่ห่างไกล ความสุขก็จะไปเป็นแสงสว่าง”
นายสุทธิพงษ์ มะลิอ่อง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโย เอส.เอ็ม.ไอ. (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ SANYO S.M.I กล่าวว่า “SANYO S.M.I. รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Solar Cell for Life ความสุขเดินทางได้’ ที่ได้เกิดขึ้นในชุมชนคีรีวง นับเป็นความภูมิใจใหญ่ของเราที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ แม้ว่าพื้นที่จะห่างไกล แต่ความสุขก็สามารถแบ่งปันเป็นแสงสว่างให้แก่ทุกคนได้ ขอขอบคุณ CP LAND ที่มีความตั้งใจและสื่อสารโครงการนี้ผ่านภาพยนตร์โฆษณา ทำให้เราได้เห็นความสำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์ในชีวิตประจำวันของเรา”
นายอิบราฮิม โคคากอซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมโซลูชันส์ บริษัท รักษาความปลอดภัย พีซีเอส และฟาซิลิตี้ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ PCS กล่าวว่า PCS รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘Solar Cell for Life ความสุขเดินทางได้’ โครงการที่มีความหมายต่อชุมชน และมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่นครศรีธรรมราชรวมทั้งการให้การความรู้ของชุมชนเพื่อสามารถดูแลและบํารุงรักษาระบบไฟที่มีเทคโนโลยีล่าสุดได้เอง อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืนของ PCS ที่มีเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลกในปี 2583 โดยการใช้พลังงานหมุนเวียนและการใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อลดการใช้พลังงาน และลดข้อจำกัดในการดูแลและบำรุงรักษาระบบต่างๆ ต้องขอขอบคุณ CP LAND ที่มีส่วนในการริเริ่มโครงการดีๆอย่างนี้
ด้านผู้บริหาร CP LAND นายจักรพันธ์ ปิยะพฤกษพรรณ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ CPFM เปิดเผยว่า “CP LAND มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้การการตอบแทนสังคม (Social Contribution) และความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย อาทิ ลูกค้า ลูกบ้าน พันธมิตรคู่ค้า รวมถึงชุมชนใกล้เคียง และสังคม โดยอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ มาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความยั่งยืนในสังคม ตามปรัชญาพื้นฐานของ CP LAND ที่ว่า Accessible Communities For Life หรือ คุณภาพเพื่อทุกชีวิต CP LAND จึงริเริ่มโครงการ ‘Solar Cell For Life ความสุขเดินทางได้’ โครงการที่ส่งมอบแสงสว่างจากพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไปสร้างความปลอดภัย ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล และไฟฟ้าเข้าไม่ถึง โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชน ส่งมอบนวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 80 ต้น คิดเป็นระยะทางราว 5 กิโลเมตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ให้กับชุมชนบ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
โครงการ ‘Solar Cell For Life ความสุขเดินทางได้’ ได้นำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด งานระบบออกแบบโดยทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ จากฝ่ายวิศวกรรมพลังงาน และฝ่ายวิศวกรรมความปลอดภัย โดยเลือกใช้เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์สำหรับใช้กับถนน (Solar Street Light) ที่มีคุณภาพดี ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย การติดตั้งดำเนินการโดยทีมงานปฏิบัติการภาคใต้ CP LAND ร่วมกับชาวชุมชนบ้านคีรีวง รวมถึงพันธมิตร ทั้งนี้โครงการดังกล่าวถือโครงการต้นแบบแรกการตอบแทนสังคม (Social Contribution) ของ CP LAND ก่อนศึกษาและต่อยอดกระจายไปช่วยพัฒนายังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งทาง CP LAND ก็พร้อมเปิดรับพันธมิตรที่ต้องการขยายความร่วมมือไปดำเนินโครงการยังพื้นที่อื่นๆ
“CP LAND รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่โครงการ ‘Solar Cell for Life ความสุขเดินทางได้’ เกิดขึ้นจริง จากส่วนหนึ่งของภาพยนตร์โฆษณา ‘ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ’ นำแสดงโดยคุณสิงโต นำโชค ศิลปินนักร้องชื่อดัง ที่ได้เผยแพร่ทุกช่องทางโซเชียลมีเดียเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยในภาพยนตร์โฆษณา คุณสิงโตได้ช่วยติดตั้งและเปิดไฟจากเสาไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับชาวบ้านที่กำลังขับรถอยู่ในที่มืด และพูดว่า “แม้ในพื้นที่ ที่ห่างไกล ความสุขก็จะไปเป็นแสงสว่างให้ทุกคน” นับเป็นการทำให้ภาพยนตร์โฆษณาของ CP LAND ที่มีการสื่อสารออกไปเกิดขึ้นจริงแล้วในวันนี้ ที่ชุมชนคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช” นายจักรพันธ์ กล่าว
นายเลอพงศ์ กาลัญณุตา ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานบริหารและปฏิบัติการภูมิภาคใต้ CP LAND กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจของทีมงาน CP LAND พบปัญหาว่า ชุมชนคีรีวง เช่น หมู่ 9 และ 10 มีเส้นทางขึ้นลงเขา การสัญจรค่อนข้างมืด และไฟฟ้าไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนในชุมชน อีกทางเส้นทางดังกล่าวยังเป็นเส้นทางลำเลียงผลไม้ อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด สินค้าทางการเกษตรของชุมชนออกไปขายในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งชุมชนคีรีวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย’ ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา รายล้อมด้วยป่าไม้และสายน้ำ เป็นทัศนียภาพที่งดงาม ควรค่าแก่การรักษาไว้ CP LAND และพันธมิตรภาคเอกชน จึงเล็งเห็นความจำเป็นที่เข้าไปสร้างเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อสร้างแสงส่องสว่างจากพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความปลอดภัยให้กับคนในชุมชม รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย
“จากข้อมูลสถิติของจ.นครศรีธรรมราช พบว่า นครศรีธรรมราชจัดเป็นเมืองรองที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเที่ยวมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากจ.จันทบุรี และเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองรองภาคใต้ รวมทั้งจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ที่คนกรุงเทพฯนิยมมาท่องเที่ยว โดย 1 ในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ ชุมชนคีรีวง ซึ่งมีนักท่องเที่ยวในวันธรรมดาเฉลี่ยวันละ 400 – 500 คน ส่วนช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น 2 เท่า เฉลี่ยวันละ 800 – 900 คน การที่ CP LAND และพันธมิตร เข้ามาช่วยติดตั้งนวัตกรรมเสาไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 80 ต้น ระยะทางรวมกว่า 5 กิโลเมตร นับเป็นการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของพื้นที่ เปิดพื้นที่ทางสัญจรให้กับชุมชนคีรีวง ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ส่งผลให้สามารถเพิ่มกิจกรรมทางการท่องเที่ยวในช่วงกลางคืนได้อีกทาง รวมทั้งยังเป็นการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวและรายได้โดยรวมของจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนในชุมชน และคนในจ.นครศรีธรรมราชตามมาเป็นห่วงโซ่” นายเลอพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย