“จูน นาตาชา” หอบสัญลักษณ์ มวยไทย มอบให้ เมืองดูไบ เผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สากลโลก
จูน นาตาชา สร้างชื่อ หอบสัญลักษณ์มวยไทยมอบให้เมืองดูไบ เผยแพร่วัฒนธรรมไทยและธุรกิจการท่องเที่ยวสู่สากลโลก
บินลัดฟ้าไปดิวธุรกิจถึงดูไบ เมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐเอมิเรตส์ อันลือชื่อในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่งคั่งทางการเงิน จนทำให้หนุ่มๆ หลงใหลในความสวยรวยเสน่ห์ ของสาว จูน- นาตาชา มณีสุวรรณ์ นางเอกภาพยนตร์จากเรื่อง “ปิดป่าหลอน” เล่นประกบคู่ “แน็ก ชาลี” และเจ้าของซิงเกิ้ลเพลง Boys Don’t Cry แต่สาวจูนก็ยังไม่ลืมที่จะหอบหิ้วศิลปะวัฒนธรรมมวยไทยไปเผยแพร่ ร่วมผลักดันส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของการท่องเที่ยวประเทศไทยเผยแพร่สู่สากลโลก โดยเฉพาะบ้านเมืองแห่งความมั่งคั่งอย่างดูไบ โดยสาวจูนได้นำกางเกงมวยไทย รูปปั้นมวยไทยอันล้ำค่าไปมอบให้ สร้างความฮือฮาเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักธุรกิจชาวดูไบเป็นอย่างมาก
จูน- นาตาชา กล่าว “มาดูไบรอบนี้คุ้มค่ามาก ๆ เลย เหมาะสมกับคำว่าเมืองของมหาเศรษฐีค่ะ เมืองเขาสวยมาก ตึกสวยและหรูมาก ยิ่งถนนคือเนี๊ยบมาก เป็นระเบียบที่สุดค่ะ ส่วนเรื่องธุรกิจที่นี่ก็มั่งคั่งมากจริง ๆ ค่ะ เพราะคนที่นี่หรือนักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่มีกำลังซื้อ มีกำลังใช้เงินคือคนใช้เงินกันจริง ๆ ทำให้เราเล็งเห็นธุรกิจที่นี่หลายด้านมากเลย โดยรวมแล้วถือว่าที่นี่ตรงกับรสนิยมที่จูนชอบ ทำเอาจูนอยากไปปักหลักอยู่ที่ดูไบเลยค่ะ มาดูไบครั้งนี้ จูนมีธงในใจเสมอว่า ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ เราจะต้องสร้างประโยชน์ สิ่งดี ๆ ภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ตัวเราเองและบ้านเมืองของเราเสมอ มาดูไบครั้งนี้ก็เช่นกัน ก็เพื่ออยากเผยแพร่วัฒนธรรมไทยและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยของเราให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างลึกซึ้งในสากลโลก ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ ผลักดันวัฒนธรรม และกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ พร้อมเชื่อมความสัมพันธ์มิตรภาพอันดีระหว่างประเทศ ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น และจูนไม่ได้อยากให้มีความขัดแย้งด้านวัฒนธรรมเกิดขึ้นไม่ว่ากับชาติใดก็ตาม เจตนารมณ์เราเพียงเพื่อขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจทั่วไป เพราะประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามล้ำค่าติดอันดับโลกไม่แพ้ชาติใดเลย จูนมองว่าการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยทุกด้านให้แก่ต่างชาติให้เขาอยากมาเที่ยวไทยนี่แหล่ะ สามารถเป็นอีกแรงนึงที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ดีมากเลยทีเดียว เมื่อเงินเข้าประเทศเม็ดเงินก็จะสะพัด ค่า GDP ของเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศจะได้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นด้วยตามลำดับด้วย มองว่าหลังจากเปิดประเทศจากเหตุการณ์โควิดที่ผ่านมานี่แหล่ะ เราต้องช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจทุก ๆด้าน จูนมองว่าเรื่องการเผยแพร่นี้ไม่ใช่วาระของใครคนใดคนนึง แต่เป็นวาระระดับชาติที่ต้องช่วยกันเท่าที่ทำได้เมื่อมีโอกาส เพราะผลดีที่ได้ก็เป็นของคนไทยเราอยู่แล้วค่ะ
แล้วที่จูนมายิมในรัฐดูไบนี้ เนื่องจากในยิมเขามีการสอนมวยไทย Thai boxing ด้วย ที่นี่เป็นยิมที่ใหญ่ ครบวงจร และมีมาตรฐานมาก ๆ ครูมวยเก่งทุกคน อยู่ใจกลางเมืองดูไบเลย ถือว่าเป็นยิมที่ไฮโซเลยนะสำหรับเรา เพราะอยู่ในตึกที่หรูหราในดูไบ ทำเราปลื้มใจมาก ๆ ค่ะ ที่เขาชื่นชอบในศิลปะมวยไทย ทั้งแบบสากลและแบบไทย เพราะอย่างที่รู้กัน มวยไทยเรานั้นเข้าโอลิมปิกแล้ว และได้ลงกินเนสบุ๊ค Guinness Book of World Records กับการไหว้ครูมวยไทยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึงแม้เราเป็นคนไทย ปลื้มใจมาก ๆ กับสิ่งนี้ค่ะ หวังว่าคนไทยทุกคนก็ปลื้มใจเช่นกัน จูนตั้งใจเอาสัญลักษณ์มวยไทยมาให้ที่ดูไบอยู่แล้ว เพราะอยากเผยแพร่วัฒนธรรมไทยอย่างมวยไทยให้ออกสู่สายตาต่างชาติเพิ่มขึ้นไปอีก และเราเลือกยิมที่มีสอนมวยไทย เพราะเราอยากจะขอบคุณที่ชื่นชอบมวยไทย และเราก็อยากจะไปเผยแพร่ เขาชอบกางเกงมวยของเมืองไทยที่จูนเอาไปให้มากค่ะ เราบอกเขาว่าจากไทยแท้ออริจินอลเลย คือกางกางมวยไทยบ้านเราก็สวยมากจริง ๆ ค่ะ เค้าเลยมองเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เขาถามว่า จะให้เขาจริง ๆ เหรอเนี่ยะ เพราะมันดูล้ำค่ามาก เราประทับใจมาก จูนบอกพาร์ทเนอร์จูนที่ดูไบค่ะ ว่าอยากไปค่ายมวย หรือยิมที่มีสอนมวยไทย เราจะเอาของมวยไทยไปมอบให้เขา ปรากฎว่ามวยไทยมีเกือบทุกยิมในดูไบเลยค่ะ นั่นหมายความว่าเขาชอบมวยไทยมาก แบบจริงจัง เพราะมีการแข่งขันมวยอยู่ตลอด ทำให้รู้ว่าต่างชาติรู้จักมวยไทยระดับนึงอยู่แล้ว และโค้ชสอนมวยเคยเข้าแคมป์สัมมนาเกี่ยวกับมวยไทยที่เชียงใหม่หลายวันคะ เขาเล่าให้ฟังว่าชอบมาก รักเมืองไทยเลย เราก็ยิ้มแทนคนไทยเลยค่ะ จูนเลยเลือกที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมไทยของเราทุกครั้งที่มีโอกาส ครั้งนี้ก็เอาของจากเมืองไทยติดไม้ติดมือไปมอบให้ต่างแดนอย่างชาวดูไบ เพื่อเป็นการเผยแพร่ ผลักดัน วัฒนธรรมไทยให้ต่างชาติจับต้องได้อย่างลึกซึ้ง เขาจะได้อยากมาเที่ยวเมืองไทย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นเราเลยอยากให้เขาจดจำเมืองไทยในภาพที่งดงามและเป็นมิตรภาพที่ดีกับทั่วโลก ซึ่งวัฒนธรรมและทรัพยากรเมืองไทยนี่แหล่ะ ที่จะเป็นตัวเชื่อมให้ทั่วโลกเกิดมิตรภาพกับเราเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะจูนมองว่าประเทศไทยเรามีวัฒนธรรมและทรัพยากรที่สวยงามล้ำค้าตระการตาไม่แพ้ชาติอื่นเลย ไม่ว่าจะวัดวาอาราม ทรัพยากรธรรมชาติแหล่งท่องเที่ยวอย่างทะเลที่สวยงามระดับโลก หลังจากเปิดประเทศหลังเหตุการณ์โควิด มองว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศกันอีกครั้งเพราะผลพวงจากการที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองไทยนั้น เป็นผลพวงทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดได้ พ่อค้าแม่ค้าก็จะกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง เมื่อคนในประเทศรายได้เพิ่ม ชีวิตการเป็นอยู่คนประชาชนก็ดีขึ้นไปด้วยตามลำดับ จูนในฐานะคนไทยคนหนึ่ง อาจเป็นกระบอกเสียงที่ไม่ใหญ่มากนัก ก็ต้องอาศัยคนไทยทุกคนช่วยกันเผยแพร่วัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวให้เขามาเที่ยวเมืองไทยเยอะ ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสนะคะ”