นางร้ายมือตบในตำนาน อย่าง เมย์ เฟื่องอารมย์ ที่วันนี้จะมาเม้าท์ให้ฟังถึงพฤติกรรมสุดแสบของลูกสาว น้องมายู จนต้องโร่ไปปรึกษาคุณหมอ เผยเครียดถึงขั้นต้องพึ่งความเชื่อยกให้เป็นลูกพระ พร้อมเล่าตำนานมือตบ 10 รุม1 เหตุเพราะแย่งผู้ชาย? โดยเจ้าตัวมาเปิดทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี พีเคปิยะวัฒน์ เบนซ์ พรชิตา และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ น้องมายูเลี้ยงยากมาก? เมย์ : ถ้าทุกคนติดตามจริง ๆ จะรู้ว่าเป็นตัวของตัวเองสูงมาก และเป็นเด็กที่มีอารมณ์แปรปรวนค่อนข้างสูง ณ ตอนนั้นในวัยเด็ก จะไม่เหมือนในเด็กคนอื่น ๆ บางคนเชื่อฟังไม่มีงอแง มายูแบบไม่ฟังไม่เอา มีอารมณ์แปรปรวนในเรื่องของอารมณ์พีคเยอะ พูดไรนิดนึงก็ลงไปดิ้นร้องไห้ ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจ เราก็พยายามพูดคุยกับเค้า ต้องใช้เวลากับเค้านิดนึงเค้าจะไม่เข้าใจ เค้าจะไม่เคยชินกับคนที่ไม่รู้จักมาแตะมาสัมผัส ปรับตัวในการเลี้ยงลูกยังไง? เมย์ : ตอนนั้นก็หนักอยู่ค่ะ หลาย ๆ อย่าง เหมือนที่โรงเรียนเค้าจะมีใส่ชุดไทยน่ารักๆเราก็อยากให้ลูกใส่ พอเอาไปให้เค้าใส่เค้าไม่ใส่มันคัน ก็จะใส่เสื้อยืดของเค้า มายูไม่ใส่กระโปรง? เมย์ : ใช่ค่ะ นอกจากกระโปรงแล้วก็เนื้อผ้าด้วย ณ ตอนนั้นนะคะ จะไม่ใส่กระโปรง ทำไมเด็กไม่เข้าใจ? เมย์ : ตอนนั้นด้วยวัย เค้าปรับความรู้สึกไม่เข้าใจ บางทีเราก็มีโออารมณ์พีคเหมือนกัน ว่าทำไมลูกไม่ทำตามที่เรามองบอก มีทะเลาะกันเหมือนกัน ลูกก็จะยิ่งวี้ดใส่ แรงกระทบแรง จนเรารู้สึกบางทีเด็กในห้องใส่กันหมดมีมายูคนเดียวไม่ใส่ ความรู้สึกในความเป็นแม่ของเราตอนนั้น เรารู้สึกไม่ดี ทำไมเราคอนโทรลลูกเราไม่ได้ ตอนนั้นจนตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอทางด้านของเด็ก เพ่อให้รู้ว่าเราจะต้องปรับตัวเราเองยังไง ปรับตัวลูกเรายังไง มันต้องปรับทั้งคู่ ณ วันนั้นเรายังไม่เข้าใจ เราไม่เคยมีลูกมาก่อน ไม่มีความรู้ พอเรารู้แล้วมันผ่านไป จริง ๆ เค้ามีสิทธิ เค้ามีความคิดที่ไม่จำเป็นต้องไปบังคับเค้า เค้าอายุยังน้อยที่ยังไม่สามารถประมวลเหตุการณ์หรือความคิดถูกต้อง เราต้องให้โอกาสปล่อยแล้วหยุดไปก่อน พออารมณ์ดีขึ้นเราค่อยหาเวลาคุยกับเค้าอธิบายกับเค้า วิธีในการจัดการอารมณ์แปรปรวนของตัวเอง? เมย์ : เมื่อเราเข้าใจเค้าแล้ว ง่ายๆเลยคือแค่เราเข้าใจเค้า เข้าใจอารมณ์ของเค้าเข้าใจบริบทของเค้า เราจะรู้สึกว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับอะไรเลย เราไม่ได้ต้องการอะไรเลย เราเข้าใจเป็นผู้ช่วยเค้า สนับสนุนเค้าทำให้เค้าผ่านตรงนี้ไปได้อย่างดี มันก็จะดีขึ้น มันเมือนเป็นจิตวิทยาที่ต้องแบบอยู่ข้างเค้าก่อน แล้วพอเย้นลงค่อยมาพูดคุยกัน น้ำเสียงด้วย เด็กจะฟังจากน้ำเสียง ดูแววตา ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจ แต่พอลองทำ มันได้ผล ปัญหาของตัวเราเองก็มี ทำยังไง? เมย์ : ลูกเป็นอยางนี้เราก็ร้องไห้คนเดียว ณ ตอนนั้น ทำไมเป็นแบบนี้ๆ เพราะเราไปคาดหวังเค้าเยอะเกินไป จนมาคุยเราไม่ควรคาดหวังอะไรเค้ามาก ปรึกษาคุณหมออย่าคิดว่าเด็กเป็นผ้าขาวแล้วเราแต้มอะไรลงไปเป็นสีนั้น เด็กทุกคนเกิดมามีสีของแต่ละคน เราค่อยๆเติมสีให้เค้าเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ มือใหม่จะสับสนทุกคนพอผ่านไปแล้วเราจะรู้...