“เจมส์ ธีรดนย์” คลานสู้ “ผีเตียงซี” ทุ่มสุดชีวิต ใน “เทอมสอง สยองขวัญ : เดอะซี”

ต้องรอด! “เจมส์ ธีรดนย์” คลานสู้ “ผีเตียงซี” ทุ่มสุดชีวิตรับบท “เดอะแบก” ตัวจริง ใน “เทอมสอง สยองขวัญ: เดอะซี”

นานทีปีหนจะมีงานแสดงภาพยนตร์ออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมกัน ล่าสุดนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ “เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ก็หวนสู่จอใหญ่อีกครั้งในภาพยนตร์ “เทอมสอง สยองขวัญ ตอน เดอะซี” ซึ่งเป็นครั้งแรกกับการแสดงหนังผีและท้าทายความสามารถขึ้นไปอีกขั้น เพราะเขาต้องคลานสู้กับ “ผีเตียงซี” แทบทั้งเรื่องเพื่อเอาชีวิตให้รอดจากตำนานผีมหา’ลัยสุดหลอนเรียกได้ว่าทุ่มทั้งตัวและหัวใจเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ จนผู้กำกับหนุ่มไฟแรง “ก๋วยเตี๋ยว-จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์” ออกปากชมว่าเลือกนักแสดงมาเป็น “เดอะแบก” ของเรื่องได้ไม่ผิดคน

“เดอะซี” เล่าตำนานสุดหลอนที่ว่ากันว่า “ผีนักศึกษาแพทย์” จะกลับมานอนที่ “เตียงซี” ของเขาในวันสถาปนามหาวิทยาลัยของทุกปีจนไม่มีใครกล้าอยู่ในหอพัก แต่ปีนี้ “แทน” (เจมส์ ธีรดนย์) หนุ่มนักศึกษาแพทย์ปี 1 จำเป็นต้องอยู่หอเพียงคนเดียวในคืนนั้น เพราะเขามี “ความลับ” บางอย่างปกปิดไว้ นั่นทำให้เขาต้องเผชิญหน้าและเอาชีวิตรอดจากเจ้าของเตียงซีในตำนาน!

“เจมส์ ธีรดนย์” เผยถึงบทบาทล่าสุดของเขาว่า

“เรื่องนี้มันมาจากตำนานของมหาวิทยาลัยหนึ่งที่ทุก ๆ วันครบรอบวันสถาปนา เด็กหอจะไม่กล้าอยู่ในหอในคืนนั้น เพราะเชื่อว่าจะมีผีกลับเข้ามานอนที่เตียงซี แล้วในห้องของแทนมันก็ดันเป็นห้องที่มีเตียงซีอยู่ และคืนนั้นแทนมันก็อยู่หอเพียงคนเดียว เพราะว่ามันมีความลับบางอย่างปกปิดไว้ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่พาให้แทนไปเจอกับความสยองที่เป็นตำนานมหา’ลัยโดยไม่คาดฝัน

คือผมว่าเล่นเรื่องนี้เนี่ย เรื่องข้อมูลเรื่องอินเนอร์ก็เป็นเบสิกที่เราต้องเตรียมมาอยู่แล้ว ทีนี้พอมันต้องใช้ร่างกายเยอะมาก สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวให้ดีเลยคือสุขภาพหรือบอดี้ของเรา เพราะมันต้องใช้ร่างกายแบบสุดมาก ๆ คือประมาณครึ่งเรื่องเลยครับที่ต้องเจอผีแล้วคลาน ไม่ได้เดินเลยครับ ตอนอ่านบทก็โอเค มันคงไม่ได้คลานหนักมากหรอก เค้าคงมีมุมแบบคลาน ๆ หยุด ๆ ตัดมาของจริงคือเหมือนเราวิ่งห้าสิบเมตรแล้วคลานห้าสิบเมตรอะไรอย่างนี้เลย มันเหนื่อยมาก สมจริงมาก เหนื่อยแต่มันส์ ได้แผลทุกวัน มันยากแบบที่เราต้องบาลานซ์ร่างกายที่มันเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มร้อย มันก็ต้อง Keep อินเนอร์ที่เรารู้สึกว่าเรากลัว จุดประสงค์ที่เราต้องการหนีจากที่นี่ ทุกอย่างมันต้องบาลานซ์กันทั้งหมด

มันเป็นแอ็กชันสยองเลยครับในเรื่องนี้ ในแง่ความสยองก็ลองจินตนาการดูว่าต้องอยู่หอในคนเดียวทั้งหอ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผีโผล่มา แค่นี้ผมว่ามันก็สยองแล้วนะ ตัวละครผมโดนผีเล่นงานสาหัสมากครับ ต้องลุ้นกันว่าจะเอาชีวิตรอดออกมาจากห้องนั้นได้ยังไงครับ แล้วจริงๆ มันก็คือทางแยกของชีวิตวัยรุ่นแบบว่าเฮ้ย…สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดเนี่ย วันนี้มันกำลังจะพังทลายลงเพราะอะไรบางอย่างจริงๆ เหรอ มันก็จะมีคอนฟลิกซ์สำหรับตัวเองอยู่ด้วยครับ”

ด้านผู้กำกับ “ก๋วยเตี๋ยว จตุพงศ์” ก็ได้กล่าวถึงการทุ่มสุดชีวิตของพระเอกหนุ่มว่า

“เจมส์นี่ผมยังไม่เคยร่วมงานด้วยเลย ซึ่งตอนแรกก็กังวลอยู่ เพราะผมถือว่าเจมส์เป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์โชกโชน คืองานในวงการผมว่าเจมส์ทำมาแล้วแทบทุกอย่าง เราเลยรู้สึกว่าคนนี้คือทักษะสูง ตอนแรกก็เกร็งๆ แต่ว่าพอมาคุยกันแล้วด้วยวัยมันใกล้กันด้วยก็รู้สึกสนุกมากที่ได้ทำงานด้วยกัน แล้วเจมส์ก็โปรมาก คือพอเราตั้งกล้องเสร็จ เทกแรกเจมส์จะเล่นได้เลยตามบทเป๊ะไม่มีพลาด ถึงจะบ่นว่าบทตรงนี้ยาวจังเลยพี่ แต่พอเข้าเฟรมปุ๊บ เขามาเลยเล่นได้เลย อันนี้คือความพิเศษ มันคือสกิลในขั้นที่สูงมากแล้ว ซึ่งอันนี้ถือว่าเจมส์ก็ช่วยให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไกลขึ้นในการทำงานเลยนะครับ

คือเราช่วยกันค้นหาทั้งตอนเวิร์กชอป แล้วก็ตอนที่เล่นอยู่ด้วย มันมีแง่มุมที่เราจะแลกเปลี่ยนกัน มันได้ทำงานไปด้วยกันตั้งแต่ช่วงเตรียมตัวไปจนถึงช่วงถ่ายทำ ซึ่งนักแสดงต้องแบกทั้งเรื่องด้วยเราก็ต้องฟังความคิดเห็นของนักแสดงด้วย ซึ่งเจมส์ก็ทำออกมาได้ดีทั้งทาง Physical และ Mentality เลยครับ”