คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแซ่บ ซาร่า คาซิงกินี เปิดชีวิตหลังมรสุมดราม่าหนัก ถูกกล่าวหาทั้งรับงานอย่างว่า เป็นเด็กเอ็นฯแถมลือหนักถึงขั้นเป็นแม่เล้า โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์, หนิง ปณิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ก่อนที่จะแกร่งขนาดนี้ที่ผ่านมาเจอเรื่องราวดิ่งมากมาย ยังไงบ้าง? ซาร่า : เป็นข่าวช่วงที่เราเพิ่งคลอดลูกได้ 2 เดือน แล้วมันมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด แล้วข่าวมันแรงมากๆ แรงขณะที่ว่าเวลาเราเดินไปซื้อของกินสายตาคนที่มองเรามา หรือเราไปซื้อชานมไข่มุก พอร้านเห็นหน้าเรา เขาไม่ขาย เขาบอกหมดแล้ว พอเราเดินออกมาปุ๊บเขาก็ขายคนนั้นต่อ เหมือนมันกระทบหนักมาก แล้วเหมือนข่าวจากช่อง รายการต่างๆในโซเชียล พอเราเสพเข้ามาเยอะๆ มันมีอยู่จุดจุดหนึ่งมันมีแว๊บเข้ามาในหัว หรือว่าเราจะต้องไม่อยู่เหรอ หมายถึงคิดสั้น? ซาร่า : ใช่ มันหนักมาก มันเป็นปัญหาเขาเรียกเคมีในสมองด้วยในช่วงนั้น ภาวะหลังคลอดไง เราก็คิดแบบว่าหรือเราเป็นคนไม่ดีเหรอ เป็นแม่ที่ไม่ดีเหรอ ทำไมคนถึงมารุมประนามด่าเราขนาดนี้ เราไปทำอะไรให้ใคร หรือมันเป็นชาติที่แล้ว เหมือนมันคิดวนไป วนมา จรเรารู้สึกว่าหรือเราต้องไปถึงจะพอใจทุกคน ทุกคนถึงจะได้รู้ว่าความเป็นจริงแล้วมันคืออะไร แล้วอะไรทำให้เราหยุดได้? ซาร่า : ตอนนั้นที่คิดเยอะว่าเราจะไปแล้ว เราตัดสินใจเดินไปหาแม็กซ์เวลล์ ถ้าย้อนกลับไปได้ไม่อยากทำเลย คือเราเดินไปบอกกับลูกว่า แม่จะไม่อยู่แล้วนะ แม็กซ์ดูแลตัวเองนะ ดูแลน้องด้วยนะ เราก็พูดเยอะ ก่อนเราจะไป เราก็กอดเขาแล้วเขาก็พูดว่าแม็กซ์ไม่ให้ไป คือคำเดียว เหมือนความรู้สึกมันตีกลับมาแล้วเราก็ร้องไห้ แล้วเราก็ขอโทษเขา ก็เลยผ่านจุดนั้นได้ แล้วจากนั้นมาเราก็ไม่คิดอีกแล้ว หนิง : อยากจะบอกคนดูที่ดูตอนนี้บางทีในการจะวิพากษ์วิจารณ์ใครสักคน เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องราวของเขามันตื้นลึกหนาบางจริงๆ มันคืออะไร เราอยากจะให้เป็นอย่างนี้ แต่เรื่องจริง ๆ มันคืออะไรไม่รู้ แต่มันเป็นผลกระทบกับคนคนหนึ่งที่ถ้าวันนั้นเขาตัดสินใจอะไรก็แล้วแต่ ชีวิตของลูกๆ เขา อนาคต หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันจะต้องเดินต่อไปอย่างสวยงามมันคืออะไร คือตอนนี้สังคมมันบูลลี่กันหนักมาก พอเรากลับไปแข็งแรงแล้ว ใจเราแข็งแรงแล้ว การเงินเราดีด้วยไหม? ซาร่า : มันเป็นช่วงที่เราต้องทำมาหากินหนักแหละ เพราะลูกเราก็ต้อง 2 คน กว่าเขาจะโต ทั้งการเรียน ทั้งอะไรอย่างนี้บางคนก็ถามว่าเราใช้เดือนหนึ่งเท่าไหร่ถึงจะพอ สำหรับซาร่ามองว่าอย่าถามว่าเท่าไหร่ถึงจะพอ เราต้องบอกตัวเองว่าเราต้องหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอนาคตมันเป็นอะไรที่ไม่แน่ไม่นอน ด้วยอายุที่มากขึ้นเรื่อยๆเศรษฐกิจโลก ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทุกวันนี้ถ้าเรามีแรง มีกำลัง เรายังมีความสามารถ เราก็ทำทุกวันให้มันดีที่สุดพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด ค่าเลี้ยงดูต่อเดือนของแม็กซ์เวลล์และเอมมิลี่? ซาร่า : เราก็ไม่ได้คิดเป็นตัวเลขขนาดนั้น แต่เราก็พยายามหาให้ได้มากที่สุดเพื่อจะซัพพอร์ตทุกอย่าง เพราะในพาสของเอมมิลี่เราก็ดูแลอยู่คนเดียว ส่วนในพาสของแม็กซ์เวลล์ก็มีคุณพ่อน้องมาช่วยคนละครึ่งในค่าใช้จ่ายของน้อง ซึ่งความเป็นแม่ เหมือนลูกก็ต้องเลี้ยง เงินก็ต้องหา มันจะต่างกับคนที่ไม่ต้องเลี้ยงลูกไปทำงาน100% เลย แต่เหมือนเราลูกก็ต้องเลี้ยง เงินก็ต้องหา เพราะฉะนั้นการหาเงินของเรามันไม่ได้มีเวลาทั้งหมด 100% เพราะเราต้องแบ่งทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นอะไรที่เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นงานในวงการหรือว่าธุรกิจส่วนตัวเราก็เต็มที่กับทุกอย่าง เห็นบอกว่ามีครั้งหนึ่งลูกอยากกินขนม แต่เงินในกระเป๋า? ซาร่า : มี 20 บาท คือเรามีเงินในธนาคาร แต่ช่วงนั้นเหมือนเป็นภาวะที่เรามีเรื่องเครียด เหมือนเป็นจังหวะที่เขาชี้ไปที่มาการองในห้าง ซึ่งมันร้อยกว่าบาท เราก็บอกโอเคแป๊นหนึ่งลูก เราก็เปิดกระเป๋ามี 20 บาท อยู่ดีๆ ก็รู้สึกสะท้อนชีวิตมากว่าแบบถ้าวันนี้เราไม่เหลือแล้ว ถ้าในบัญชีเราไม่มี แล้วมีแค่ 20 บาทเราไม่สามารถซื้อมากาลองที่อยู่อยากกินได้เลย มันเหมือนจุกอยู่ในใจ เรากลัวมากที่จะไม่มี เราต้องทำทุกวันให้มันดีที่สุด เพื่อที่แบบ เราอดได้ เราไม่มี มาม่า ไข่ต้ม เรากินได้นะ แต่ถ้าลูกไม่ได้กินไม่ได้ ลูกอยากกินอะไร เราก็อยากให้ลูกได้กิน ทุกวันนี้ลูกโอเคหรือยังเรื่องกิน? ซาร่า : โอเค เขาเป็นเด็กที่กินง่ายมากๆ แบบข้าวเหนียว หมูปิ้ง ไก่ทอด ไข่เจียว ไข่ดาว เมนูไข่คือเมนูที่มีประจำติดบ้าน เขาก็จะเป็นเด็กที่กินอะไรง่าย ๆ หลายคนคิดว่าสวยอย่างนี้ ชีวิตหรู สบาย แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย? ซาร่า : มันจะเป็นพาสของการทำงานมากกว่า ออกงานเราก็จะรู้แล้ว เราจะมีสปอนเซอร์ บางทีเราถ่ายรูปเราก็ต้องดูสวยงาม คนที่สนิทกับเราจะรู้ว่าเราเป็นคนที่ติดดินมากๆ บางทีเราทำงานได้เงินเยอะๆ เราสามารถใช้เวลาที่จะไปฉลองกับลูก พาลูกไปกินมื้อดีๆ วันครบรอบ วันเกิดก็เป็นตามบางโอกาส แต่ไม่ใช่ทุกวันเราต้องกินหรู อยู่แพงขนาดนั้น...