“เชียร์ ฑิฆัมพร” เปิดใจใช้เส้นดันน้องชายรับไม้ต่อจากพี่สาวที่เตรียมโบกมือลาวงการจริงไหม?!
นางเอกสาวเชียร์ ฑิฆัมพร ที่วันนี้ควงน้องชายสุดหล่อ ชู๊ต เชิดชนินทร์ เปิดโมเมนต์พี่สาวจอมห้าวสุดน่ารัก พร้อมเคลียร์ข่าวที่ชาวเน็ตเม้าท์สาวเชียร์ผันตัวเป็นเจ๊ดัน ใช้เส้นดันน้องชายเข้าวงการ อีกทั้งเปิดปมครอบครัว โดนกระแสดราม่าหลังเปิดตัวคบไฮโซบิ๊ก แถมมีข่าวแว่ว ๆ มาว่าสาวเชียร์จะโบกมือลาวงการบันเทิงอีกด้วย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ คุณบิ๊กเขาน่ารักยังไง? เชียร์ : น่ารักมาก คือเขาจะมีความใจเย็น มีอะไรที่เหมือนเป็นการเติมเต็มแล้วกัน นิสัยบางอย่างต่างกัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกัน เขาเป็นคนใจเย็นแสดงว่าเราเป็นคนใจร้อน? เชียร์ : ใช่ คือเราเป็นคนทำอะไรเร็ว คือด้วยวิธีการทำงานเราตั้งแต่เด็กทำหลายอย่าง พอเราเจอบางอย่างที่เป็นเรื่องเดียวกัน ตัดสินใจจังหวะไม่เหมือนกัน กว่าเขาจะตัดสินใจใช้เวลา บางทีเรารีบไปมันก็ไม่ได้มีผลดีนะ ความเย็นของเขาทำให้เห็นว่าบางอย่างไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้ มันเหมือนเติมเต็มกัน ความแข็งแรงของเธอ เข้าใจว่าเธอชอบในสปีชีส์เดียวกัน เชื่อว่าหลายคนรู้สึกแบบนี้ แต่พอวันนี้เปิดตัวเป็นผู้หญิงหวาน ก็ขอโทษที่เข้าใจผิดมาตลอด? เชียร์ : เชียร์ว่ามันไม่แปลก นิสัยเราเชียร์ว่ามันเป็นอย่างนั้นแหละ ตัวตนของเชียร์มีนิสัยเหมือนผู้ชายหลายอย่าง ถ้าถามเรื่องความรู้สึกเชียร์ว่าอยู่ที่บุคคลนะว่ามันรู้สึกดีกับใคร เราไปพอดีกับใครมากกว่า ซึ่งจริงๆ เชียร์เป็นคนเฉยๆกับความรักมาก ไม่ได้หมายความว่าเราจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เหมือนชีวิตเราเกิดมาโฟกัสแต่งานมาโดยตลอดแล้วการที่จะมีแฟนหรือไม่มีแฟน มันเป็นเรื่องไม่ซีเรียสเลย ในภาพลักษณ์ที่แข็งเกร่ง พอมีความรัก มีความมุ้งมิ้งไหม? เชียร์ : ก็ต้องถามคุณผู้ชายดู รู้สึกตัวเองขี้อ้อนขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์? เชียร์ : ขี้อ้อนอยู่แล้วพี่ แต่ว่าความขี้อ้อนนี้เราจะไม่ได้ใช้กับคนอื่นมากนัก แม้กระทั่งกับคนในบ้านเรายังไม่อ่อนเลย มันมีโมเมนต์ที่เชียร์ผิดนัดเขา แต่เขารอ? เชียร์ : ไม่ใช่ครั้งเดียว บ่อยด้วย คือหลาย ๆ ครั้งเราไม่ได้มีเวลา เราอยากจะมีมื้อค่ำด้วยกัน แต่ว่าเราอาจจะไม่สะดวกไปข้างนอก เราก็จะนัดเขามาที่บ้าน แต่หลายครั้งมากที่เรานัดทุ่มนึง บางทีเราทำงานประชุมเลยเถิด เคยลึกไปสุดเกือบ 5 ทุ่ม แล้วเขาก็รอที่บ้าน เราก็เกรงใจบอกว่าทานข้าวกับมาม๊าไปเลยนะ เดี๋ยวจะผิดเวลาอาหารกัน ปรากฎว่ามาม๊าก็ทานอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเรากลับมาถึงขอโทษนะมันดึกอีกแล้ว เขาก็รอที่จะกินกับเรา รู้สึกผิดมาก แล้วไม่ใช่ครั้งเดียวเป็นอย่างนี้หลายครั้ง ด้วยงานเราบางทีมันยากจะควบคุมเหมือนกัน ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราขอโทษมากเรายอมรับตามตรงเลยว่าถ้าเป็นคนอื่น หรือแม้กระทั่งเป็นเราเองเราอาจจะรู้สึกต้องมีงอนกันบ้าง แต่เขาไม่เคยงอนเลย เขาบอกไม่เป็นไรก็รอ กินพร้อมกันนี่แหละ แบบนี้เรียกได้ไหมว่าคุณบิ๊กเขาเข้ามาเติมเต็มส่วนที่เราขาดไปในชีวิต? เชียร์ : ถือว่ามาช่วยเติมเต็มอะไรหลาย ๆ อย่าง บางทีมันทำให้เรารู้สึกว่าการที่มีใครมาทำอะไรให้ขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งสิ่งนี้มันคือความยุ่งวุ่นวายในตัวเรา ในการทำงานของเรา แต่เขามีความเข้าใจ แล้วเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหานี่คือเราทำงาน เราก็รู้สึกโชคดีจังที่มีคนเข้าใจเราแบบนี้ น่ารัก ๆ ล่าสุดเห็นทำช่องยูทูบด้วยกัน?...