หลังจากที่เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ” เดินทางขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เผชิญหน้าบุคคลที่สาม ในคดีที่หนิงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคู่กรณี ในคดีละเมิดเรียกค่าเสียหายจากการทำให้ครอบครัวต้องพัง โดยทั้งคู่ใช้เวลาไกล่เกลี่ยนานถึง 7 ชม. ก่อนตกลงกันได้ด้วยดี คู่กรณียอมโพสต์คลิปขอโทษ หนิง ในไอจี และห้ามลบคลิปเป็นเวลา 1 ปี ด้าน หนิง ยอมลดค่าเสียหายให้เหลือ 3 ล้านจากที่เรียกไป 10 ล้าน ให้ผ่อนจ่าย 4 ปี ล่าสุด หนิง ได้ออกมาเปิดใจทุกเรื่องราวผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ตั๊กแตน ชลดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ มีโอกาสเจอหน้ากันครั้งแรก เป็นยังไง? “ณ วินาทีแรก เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่รู้สึกอะไร ความรู้สึกมีอยู่แล้วแหละ โกรธมันมี แต่เรารู้สึกที่ว่าจะโกรธก็ต้องมีสติตลอด ต้องสั่งตัวเองให้ใจเย็นและมีเหตุผล ตอนเจอเขาก็มือสั่นนะ แต่พอหายใจเข้าออก มีสติ ใจเย็น ทุกอย่างกำลังจะดีแล้ว ก็อยู่ในสภาวะที่เราควบคุมได้” มีจังหวะพีคปะทะคารมกันด้วย? “ไม่เรียกว่าปะทะคารม พอศาลท่านเมตตาให้เราไกล่เกลี่ยกัน ก็เป็นจังหวะที่เรากับเขาได้เผชิญหน้ากันพูดคุยกันครั้งแรก แน่นอนว่าการพูดคุยกันครั้งแรก เราก็อยากพูดในส่วนของเรา ว่าเรารู้สึกยังไง เราก็พูดกับเขาว่า ขอโทษนะที่พูดทั้งหมด เรามีระยะเวลาพูดสั้นมาก เราพูดชัด ๆ ตรง ๆ ไม่ต้องแปล แล้วหนิงเป็นคนแบบนั้น หนิงขอแค่อย่างเดียวการเคลียร์กันให้สำเร็จและแยกย้ายจากกันไปด้วยดี มันต้องมาจากพื้นฐานที่ว่าคุณรู้สึกว่าคุณผิดก่อน ถ้าคุณรู้สึกว่าผิดได้มันก็จะไปในทิศทางที่ควรจะไปได้ ซึ่งยอมรับว่าน้องทำได้ดีพอสมควร แล้วพอเขาทำได้ดีพอสมควร มันทำให้เราเปิดใจที่จะฟังอะไรอีกหลาย ๆ คำที่เขาพูด แต่ถ้าเขาทำตรงนี้ไม่ได้ มันก็ทำให้เราไม่ได้เปิดใจฟังเขา เรื่องมันก็จะไม่จบ ถูกมั้ย ก็ต้องไปอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมที่จะเป็นคนฟัง” ในฐานะรู้จักพี่หนิงมานาน ตอนแรกคิดว่าโหด ดุ แต่จริง ๆ เป็นคนใจอ่อนและใจเย็นมาก เมื่อวานก็เป็นอีกครั้ง พอเขาร้องไห้ ขอโทษ แม่ก็ใจอ่อนให้อภัยเขาเลย ทำไมถึงเห็นใจเขา? “เป็นคนเห็นน้ำตาคนไม่ได้ นี่คือจุดอ่อนของเรา แต่บนความที่ไม่ได้เรียกว่าให้อภัยหรอก เรียกว่ายอมเปิดใจยอมฟังคนอื่นบ้าง เพราะปัญหาทุกปัญหาเวลาเกิดต้องฟังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร เขาทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร พอเขาพูดมาเราก็บอกว่ามันไม่ใช่ สิ่งนี้คุณก็ต้องการแบบนี้ อย่างเขาบอกว่าเขาโดนผู้ชายหลอก เราก็บอกว่าไม่ หนิงไม่ได้เข้าข้างจิน อย่าคิดว่าการที่บอกว่าไม่ คือหนิงเข้าข้างจิน แต่มีคนเตือนคุณนี่ ถ้ามีคนเตือนคุณ คุณต้องรับฟังแล้ว คุณจะบอกว่าโดนหลอกไม่ได้ เพราะมีคนเตือนคุณ คุณต้องยอมรับตรงนี้ก่อนว่าคุณไม่ฟังใคร ถ้าไม่ฟังใครแล้วรู้ว่าเขายังไม่ได้เลิกกับครอบครับครัวเขา แสดงว่าคุณผิด แต่ถ้าคุณฟัง คุณออกไปเลยนะ แต่นี่คุณไม่ฟัง แต่ถามว่าเขาโดนหลอกจริงมั้ย เขาก็อาจโดนการพูดเหมือนที่เขาให้สัมภาษณ์ไป เราก็ต้องเปิดใจฟังตรงนี้ ตรงนี้เลยเป็นจุดที่ทำให้เราเห็นใจเขา” มีข่าวออกมาว่าคู่กรณีพี่หนิงร้องไห้ คำไหนที่ทำให้เขาร้องไห้ออกมา? “ประโยคที่บอกว่าก่อนอื่นต้องยอมรับให้ได้ก่อน หนิงยอมรับฟังแล้วว่าโดนหลอก แต่โดนหลอกแล้วยอมให้เขาหลอกด้วยมั้ย มันเป็นจุดที่ทำให้ตัวเองรู้สึกต้องยอมให้เขาหลอกมั้ย หนิงขอไม่เอาคำพูดที่เราคุยกันอย่าไปลงดีเทล เพราะน้องเขาทำในส่วนที่ต้องทำ ณ ตรงนั้น ต้องยอมรับว่าถ้าเขายอมรับแล้วก็โอเค คนเราถ้าไม่ยอมรับจะเดินต่อไม่ได้ แต่วันนี้เขายอมรับ เราต้องให้โอกาสเขามั้ย คนเรามีใครไม่เคยทำผิด วันนี้หนิงมานั่งตรงนี้ได้เพราะหนิงเคยทำผิด และทุกคนยังเคยให้อภัย สังคมยังให้อภัยในสิ่งที่หนิงทำผิด หนิงถึงนั่งตรงนี้ได้ สังคมก็ต้องให้อภัยถ้าเขาทำผิด เพราะเขายอมรับ เราก็ควรให้โอกาสและดูว่าข้างหน้าเขาจะทำยังไง ถ้าเขาแก้ไขได้ ทำให้เราสร้างคนดี ๆ ได้คนนึงเลยนะ แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ อันนั้นก็คือตัวเขา สำหรับเรากับเขา จบเรียบร้อย”...