“ไอซ์ ณพัชรินทร์” ควง “แม่เอ๋ ประภาศรี” เปิดใจครั้งแรก หลัง “น้าคอมชวนชื่น” จากไป 1 ปีกว่า
ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ ตอนแรกเป็นหนักถึงขั้นพบจิตแพทย์
“ไอซ์ ณพัชรินทร์” ควง “แม่เอ๋ ประภาศรี” เปิดใจครั้งแรก หลัง “น้าคอมชวนชื่น” จากไป 1 ปีกว่า ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้ ตอนแรกเป็นหนักถึงขั้นพบจิตแพทย์
ไอซ์ ณพัชรินทร์ และคุณแม่เอ๋ ประภาศรี ลูกสาวและภรรยาของตลกชื่อดังผู้ล่วงลับ น้าค่อม ชวนชื่น ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกกับทุกประเด็นดราม่าผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี หนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
น้าค่อมจากไปปีกว่าแล้ว สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
แม่เอ๋ : ดีขึ้น ดีกว่าในช่วงปีแรก
ยังร้องไห้บ่อยไหม?
แม่เอ๋ : ยังมีเป็นระยะ ๆ ที่พูดถึงแก
แสดงว่าช่วงแรกแม่ร้องไห้ทั้งวัน?
ไอซ์ : ไม่อยากเห็นแม่เลย พอเวลากลับไปหาแม่ พอเวลาเห็นแม่ ขอโทษนะคะ คุณแม่จะโทรมมาก ดูง่อม ดูแก่กว่าเดิมคือเขาอยู่กับที่ อยู่ที่โต๊ะกินข้าวที่นั่งกับพ่อที่เดิม คือเขาเป็นแม่บ้าน เขาไม่ได้มีกิจกรรมที่จะต้องออกไปไหน ไปทำอะไรเหมือนเราที่ต้องไปเจอคน เขาก็อยู่กับบ้าน ความดิ่ง ความจมแน่นอนมันมาอยู่แล้ว 100% แต่ว่าตัวเขาก็ยังดีค่อยๆพยายามดูแลตัวเอง
แม่จะไม่พูดว่าตัวเองรู้สึกยังไง เพราะกลัวลูกสาวเครียด!
แม่เอ๋ : ไม่ ๆ ลูกเครียด ลูกก็ห่วงเรา ถ้าเรายิ่งทำให้ลูกเห็นลูกก็จะยิ่งแย่ ลูกมาถามแม่โอเคไหม เราก็บอกโอเคๆ ที่เราโอเคหรือไม่โอเค แต่เราโอเคตลอด แต่เวลาลูกไปก็เข้าโหมดใจเฉา
มีสื่อติดต่อขอสัมภาษณ์ตลอดเวลาปีกว่า แม่เองไม่เคยออกสื่อเลย?
แม่เอ๋ : ไม่กล้าออกสื่อ ไม่อย่างเดียว
เพราะอะไรอะแม่?
แม่เอ๋ : เราจะออกไปพูดอะไร ไปจะร้องไห้แล้วได้อะไร
ปกติจะไม่ร้องไห้ให้ลูกสาวเห็นเท่าไหร่ ครั้งนี้ร้องให้ลูกเห็นแล้วบอกว่าไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้ว?
ไอซ์ : ใช่คือไอซ์ไปเที่ยวเกาหลีกับแบงค์ ลูก กลับมาปุ๊บแวะมาหาเขาที่บ้าน แล้วเขาหันมาหาเราบอกว่าพาแม่ไปอยู่เกาหลีหน่อยสิ พาแม่ไปอยู่ที่อื่นหน่อยสิ แม่ไม่อยากอยู่นี่แล้ว
จะย้ายไปอยู่อเมริกาถาวรจริงหรือเปล่า?
ไอซ์ : ก็มีแพลน คือเขาไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่อยากเห็นหรือได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับคุณพ่อ บางทีเราอยู่นานๆ ก็มีจุดอิ่มตัว เราก็กลับไปคิดกันกับแบงค์ว่าจะไปไหนกันดี เรารู้สึกว่าประเทศที่เราไปเรารู้สึกคุ้นเคย เราไปก็มีคนนั้น คนนี้ดูแลซัพพอร์ตให้คำแนะนำเราในการใช้ชีวิต ก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้วแหละที่จะต้องพาแม่ไปเปลี่ยนที่อยู่บ้าง ไปเปลี่ยนมุมมองใหม่ ๆ บ้าง
จะไปอยู่เลยเหรอ?
ไอซ์ : คิดว่าจะเอาคุณแม่ไปลองอยู่ก่อน สัก 4-5-6 เดือนว่ากันไป หลังจากพ่อเสีย หนูไปประเทศไหน หนูเจอคนไทยเขาเดินมาร้องไห้กับหนูตลอดเลย
แม่เอ๋ : มีคนบอกว่าต้องมูฟออนได้แล้ว เห้ย…ลองเป็นคุณก่อน คุณลองมาเป็นตัวฉัน ผัวฉันไม่ได้เป็นมะเร็งตาย ไม่ได้เป็นไข้ตาย ไม่ได้เป็นอะไรตาย ผัวฉันติดโควิดตาย ติดโควิดจากที่คนที่เอามาติดโควิดกับผัวฉัน
ไอซ์ : คือคุณพ่อไม่ได้ผ่านการรักษา 1-2-3-4 ที่ตะได้มีเวลาทำใจ เวลาได้พูด ได้คุย ที่แม่หมายถึงพ่อเขาติดโควิดปุ๊บวันนี้ได้คุย อีกวันไม่ได้คุยแล้วก็ยาวเลย
แม่เอ๋ : สเต็ปของพี่ค่อมคือ 1,5 และ 10 แต่คนอื่นที่เป็นมะเร็ง เป็นอะไร นับเวลาถอยหลัง มีเวลาให้ทำใจ คือคำว่ากรีดร้องและร้องคว่ำครวญ ตั้งแต่โรงพยาบาลโทรมา แล้วบอกว่าผัวติดโควิด ดิฉันรู้เลยว่ามันเป็นการร้องไห้คร่ำครวญ ถ้าวันนั้นที่เราเดินไปส่งแกขึ้นรถ แล้วไหน ๆ เราจะต้องติดแล้ว ดิฉันจะกอดแก หอมแก กอดกันให้แน่น ๆ กว่านั้นไม่คิดว่าแกจะไปแล้วไม่กลับ จะกอดแกให้แน่นๆ ตอนอยู่โรงพยาบาล เราก็โทรคุย ถามแกตลอด
ณ วันนั้นที่บ้านใครเป็นคนติดคนแรก?
ไอซ์ : อาทิตย์แรกคุณพ่อ อาทิตย์ที่สองเป็นคุณแม่ อาทิตย์ที่สาม เป็นน้องสะใภ้กับหลาน 1 ขวบ แล้วน้องชายทุกคนถูกจับแยกออกจากบ้าน
แม่เอ๋ : หมอโทรมาบอกว่าพี่ค่อมติดโควิด เหมือนใครมากระชากใจ คำว่าร้องไห้คร่ำครวญ โหยหวนรู้เลยว่ามันเป็นยังไง ตัวเองต้องแอบไปร้องไห้หลังบ้านไม่ให้พี่ค่อมได้ยิน เราไม่รู้จะทำยังไง เราทำใจไม่ได้ที่จะไปบอกแกแบบนั้นมันแย่ ซึ่งตัวแกเอง ด้วยอาการที่เรามองเห็น เหมือนแกรู้ตัวเอง เหมือนแบบ โดนแน่ ๆ เพราะตัวแกอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นเราก็เดินไปบอกแก เธอผลทุกคนออกมาแล้วนะ ทุกคนไม่มี ฉันด้วย แต่ผลของเธอมันยังไม่ชัดเจน หมอขอตรวจซ้ำอีกรอบ แล้วหมอแนะนำว่าให้เธอแยกอยู่บนห้องได้ไหม เขาก็ลุกขึ้นไปอยู่บนห้อง ตอนนั้นคิดว่าเราเป็นแทนดีกว่า เราไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร มันเป็นภาพที่แย่มาก ที่แกเดินขึ้นไป เราห็ต้องหมั่นไปดูแล ถามจะกินอะไร พยายามทำเสียงให้ปกติๆ จนดิฉันติด ทีแรกไม่กล้าบอกแกว่าดิฉันติดโควิด แต่แกกังวัลตลอด ตัดสินใจว่าบอกแก เธอ ฉันติดโควิดนะ
ตอนนั้นน้าค่อมห่วงแม่เอ๋และหลานชายที่ยอนอยู่ด้วยกัน สรุปว่าติดทั้งคู่เลยเป็นความกังวลใจหนัก?
แม่เอ๋ : พอดิฉันบอกว่าติดแล้ว ตอนที่บอกตัวแกเองย้ายโรงพยาบาลแล้ว ไม่เป็นไร ใครติดไม่ติดก็เรื่องของเขา ฉันติดแล้วได้อยู่โรงพยาบาลเดียวกับเธอนะ เธออยู่ชั้น11 ฉันอยู่ชั้น 16 นะ หมอบอกว่าให้เธอสูดอ๊อกซิเจนเข้าปอดให้เยอะๆให้ปอดฟู ถ้าปอดฟูเมื่อไหร่เธอได้ถอดเครื่องช่วยหายใจเมื่อไหร่ เธอกับฉันจะได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ตอนที่บอกว่าติดโควิดเขาไม่พูดอะไรเลย เขาบอก อือ เหมือนคนจุกอก แล้ว 3 วันแกก็ทรุด แกก็ต้องย้ายโรงพยาบาลไปอีก แล้วเราจะมารักษาอยู่โรงพยาบาลนี้เพื่ออะไร อุตส่าตามผัวมารักษาอยู่ที่นี่แล้วทำไมผัวยังหนีไปอีก
ไอซ์ : พ่อห่วงแม่ เขาไม่อยากให้แม่เป็นอะไรแหละ เขาเป็นคนที่รักภรรยา ทุกคนรู้กัน แล้วพอแม่ติด เขาก็ดิ่ง แล้วพอเขารู้จากแม่ เขาก็โทรมาหาไอซ์ทันที ที่ทุกคนบอกว่าไอซ์ใจดำว่าไอซ์อย่างนู้น อย่างนี้ คือเราได้รับสารมาจากพ่อเราแล้วก่อนที่เราเลือกที่จะใจดำ หรือเราเลือกที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ เราไม่ได้อยากเป็นไอก้าวร้าวนะคะ แต่เราได้รับสารมาแบบนี้จากพ่อ แล้วหนูคิดว่าทำให้เขาแบบนี้มันผิดตรงไหน
แม่ทราบว่าน้าค่อมเสีย แม่จะกระโดดกน้าต่างโรงพยาบาล?
แม่เอ๋ : ณ ตอนนั้นเราเหมือนช็อก จะร้องไห้ยังไงดี จะทำยังไงดี คร่ำครวญ ทำไมๆ ทำไมต้องมาทิ้งกัน ทำไมต้องมาจากกัน ทำไม แล้วตอนนั้นไม่อยากอยู่แล้ว ทำไมๆ อุตส่าตามมาหาผัว ผัวก็ยังหนีไปอีก อยากกระโดด ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นโชคดีประตูเขาปิดแล้วมันก็หนาเกินไป เครียดจนทุกอย่างในร่างกายดิ่งหมด ควาดัน เกล็ดเลือดอะไรต่ำหมด
ไอซ์ : เราต้องคอยบอกแม่ว่าแม่ต้องพยายาม
แม่เอ๋ : วันสองวันแรกคือทุกอย่างดิ่งหมด ดิ่งจนน้องพยาบาลเดินเข้ามา บอกว่าอยากคุยอะไรกับหนูไหม อยากพูดอะไรกับหนูไหม คือเราอยากร้องไห้ เราอยากกรี๊ดออกมาให้มันดัง ๆ แต่เราได้แค่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
ทั้งแม่เอง น้องเองทุกวันนี้ยังวนเวียนอยู่กับควาทคิดถึงแล้วไม่มูฟออน เพราะจริง ๆ แล้วมันมีความค้างคาใจอะไรอยู่ข้างในใจหรือเปล่ามันถึงยังเป็นแบบนี้อยู่?
ณ ตอนแรกเรามีความเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมเราผิดอะไร เราเป็นผู้สูญเสีย ทำไมทุกคนต้องมาว่าเรา
สิ่งที่แม่ยังเจ็บช้ำน้ำใจ ทำไมคนต้องทาว่าเรา คนต้องมาโทษเรา อันนี้มันเกิดจากอะไร?
ไอซ์ : เขาจะว่าว่าเราใจดำ ใตแคบไม่มีใครเอาโควิดมาติดคนที่ตัวเองรักหรอก เรื่องบางเรื่องเราอยากออกมาพูด คนบอกตลอดว่าทำไมไม่ออกมาพูด ทำไมไม่ออกมาอธิบาย เราพูดไปพ่อเราไม่ได้ฟื้น
ไอซ์อยากจะบอกอะไรกับคนที่เขาไม่เข้าใจเรา?
ไอซ์ : ครอบครัวเราทุกคนที่ไม่ได้ออกสื่อ ใครออกมาพูดก่อนคนนั้นได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะว่าเขาจะมองจากมุมนี้แล้วหันมาด่าเรา
ไอซ์เลือกที่จะเงียบ?
ไอซ์ : เราไม่อยากให้ค่า เรารู้สึกว่าอะไรที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แรกๆ รู้สึกแย่มาก ร้องไห้ตลอด ร้องไห้เหมือนเราจะห้ามใจตัวเองไม่ไหว เพราะเราก็เป็นคนอารมณ์ร้อยเหมือนกัน จนแฟนเราห้าม ชื่อฉัน ๆ จนวันนี้มันปีกว่าแล้ว คนเริ่มมาเข้าใจเรามากขึ้น เอาง่าย ๆ เลย พี่ ๆ ในวงการเข้าใจเรามากขึ้น
แสดงว่าก่อนหน้านั้นไอซ์กับคุณแม่เจอคนในวงการที่ไม่เข้าใจ?
แม่เอ๋ : ตัวแม่เองจะไม่ค่อยอะไร เพราะตัวแม่เองไม่ออกไปไหนเลย แต่ไอซ์ต้องออกไปทำงาน
ไอซ์ : ของหนูเคยออกไปทำงานแล้วเจอเพื่อนนักแสดงด้วยกัน เห้ยมึงกุให้กำลังใจนะ พ่อเขาให้ยาอะไรผิดเหรอ พี่เอ๊ะป่ะ หนูโคตรเอ๊ะเลย เราถามว่ารู้มาจากใคร เขาก็บอกว่ารู้มาจากพี่คนนี้ โอ๊ยย..กูไหว้อยู่ตั้งนาน อ่อเหรออะไรอย่างนี้คือเขาเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก แต่ทำไมพี่คนที่เป็นต้นขั้วที่รู้แล้วมาบอกเพื่อนเรา ทำไมไท่ถามเรา เราก็รู้จักกัน เราก็พูดคุยกัน เราก็เจอกันอะไรอย่างนี้ เราฟังแล้วเอ๊ะเลย แสดงว่าหลังบ้าน หรือที่อื่นๆ เขาต้องไปพูดต่อ ๆ กัน แบบบิดการรักษา บิดนู้น บิดนี่กันเยอะมากเลย
แล้วไอซ์อธิบายให้เพื่อนฟังไหม?
ไอซ์ : ไอซ์อธิบาย พ่อไอซ์แบบนี้นะ คุณพ่อรักษาทุกขั้นตอนแล้ว ให้ยาจนตับแตก ตอนที่คุณพ่อเสีย คุณหมอบอกว่าปลายนิ้วม่วงแล้ว แต่บอดี้เขาคือปกติเลยไม่มีอะไรน่ากลัว วันที่คุณพ่อเสีย เชื้อโควิดก็ยังอยู่ มันไม่หาย เรารักษาทุกขั้นตอนอยู่แล้ว พ่อเราคนหนึ่ง เราไม่มีทางปล่อย อะไรที่ทำได้เราต้องสู้ให้สุดอยู่แล้ว แล้วการที่มาทักเราแบบนี้ เราเอ๊ะเลย มีอะไรที่เราไม่รู้ เราพลาดตรงไหนไป ทำไมคนที่รู้ กับเราที่คุยกับหมอ หรือหมอไปคุยกับใครต่อหรือเปล่า ไอซ์เชื่อว่าคุณหมอโอเค แต่ไอซ์ก็คิดว่า ณ ตอนนั้นมันเป็นตอนใหม่ๆ สารทุกคนแหละ ที่บอกว่าฉันรู้ๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่
แม่เอ๋ : มันคุยกันไปไกลมากเลย มาถามครอบครัวเราก่อน มาถามครอบครัวเราไหม เขาร้องไห้ทำไม เจ็บช้ำน้ำใจโกรธอะไร หรือมีอะไร
อีกเรื่องที่บอกว่าหนักมาก ๆ คือมีคนดราม่ากันตอนที่น้องทำเสื้อขอบน้าค่อมออกมาก็บอกว่าเอาพ่อออกมาหากิน?
ไอซ์ : ตอนคุณพ่อเสีย เราทำเหมือนครบรอบ 100 วัน เราก็ทำเสื้อคุณพ่อออกมาขาย มันก็มีดราม่า เราทำขายแค่1000 ตัว ก็มีดราม่าว่า หากินกับคนตาย เกาะพ่ออีกแล้ว เอาเงินไปใช้สุรุยสุร่ายแน่ ๆ ต้องหาเงินกันแล้ว หนูก็เลยคิดว่าเนี่ยคือคนที่เขาไม่ได้รู้จักเรา เพราะฉะนั้นพี่ถามว่าทำไมหนูไม่ออกไปแก้ตัว ไม่ออกไปพูด เรารู้สึกว่าเราไปคุยกับใครก็ไม่รู้ เหมือนเราคุยกับกำแพง เราพูดไปเรื่อย ๆ เขาก็ไม่เข้าใจเรา ที่เราทำเสื้อ แล้วคนมาด่าเรา เราอยากบอกว่าฉันเป็นลูก แต่คนที่ไม่ได้เป็นลูกทำกันเละเทะไปหมด ไม่เอาเวลาไปด่าเขา แล้วพอหนูทำหนูก็ได้เงินมาก้อนหนึ่ง หนูก็เอาเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่รักษาพ่อ
วันนั้นเจตนาจริง ๆ ที่ทำเสื้อ ต้องการอะไร?
ไอซ์ : ต้องการให้แฟนคลับพ่อได้ซื้อเสื้อ ได้ซื้อของของพ่อ เพราะว่าเสื้อจะเป็นหน้าพ่อ แล้วหลังเสื้อจะเป็นสกีนผลงานพ่อตั้งแต่เรื่องแรกยันเรื่องสุดท้าย แล้วเงินก็ไปบริจาค ณ ตอนนั้นเครื่องไม้ เครื่องมือยังไม่พอ
แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ออกมาพูด?
ไอซ์ : หนูเป็นคนปากหนัก พูดไปมันก็เท่านั้น คือถ้าพูดไปแต่ใจเขาไม่ได้รักเราใจเขาไม่ได้พร้อมเชื่อเรา เหมือนเราคุยกับกำแพงจริง ๆ
ทั้งสองคนตอนนี้ยังต้องพบจิตแพทย์อยู่ไหม?
ไอซ์ : ตัวไอซ์หลังจากพ่อเสียประมาณอาทิตย์หนึ่ง หนูจะไม่นอน 24 ชม.ประมาณครึ่งเดือน ตัวเองคิดเองแล้วว่ามันเกิดจากอาการช็อกว่าพ่อเสียกะทันหัน เรารู้เรื่องมาทั้งหมดทุกครั้งที่เรานอนในหัวเราก็จะทวนเรื่องที่เราได้รับฟังจากคุณหมอมันหนัก จนเราไปทำงานก็ไม่ได้นอน พูดไม่รู้เรื่อง เราอึ้งบ้าง เพราะว่าหัวเรามันไม่ไป เราก็เลยเลือกที่จะไปพบจิตแพทย์ แล้วเขาก็ให้ยาเรามารักษา แต่ยาที่เขาให้มา เราไม่ได้ทานเลย เราแค่อยากรู้ว่าเราเป็นใช่ไหม แล้วสุดท้ายก็จริงว่าเราเป็นอย่างนั้น พอเรารู้เราก็กลับมารักษาตัวเอง กลับมาบำบัดตัวเราเอง มันต้องผ่านไปให้ได้ มันต้องปลดมันต้องวางได้แล้ว
ยาที่ให้มา คือเป็นยาให้หลับ รีแล็กซ์?
ไอซ์ : ใช่ให้นอน ให้ปรับสารเคมี แล้วหนูก็ไม่กล้าทาน หนูกลัวติด เราให้เวลารักษาตัวเราเอง เพราะเรารู้แล้วว่าต้นตอเราเกิดจากอะไร
แม่เอ๋ : ช่วงนั้นหนึ่งวันดิฉันมี 4 อารมณ์ 2 ชม.นี้เศร้ามาก ร้องไห้ เดี๋ยว 2 ชม.ถัดไป ผ่อนคลาย พอ 2 ชม.ต่อไป เกรี้ยวกราด
ไอซ์ : คือแม่เกรี้ยวกราดจริง ๆ จนเราพูดว่าแม่ใจเย็น ๆ
แม่เอ๋ : ไปข้างนอก ไปตรงไหน พร้อมเกรี้ยวกราดใส่ลูก แต่ 2 ชม.ไปก็จะรู้
ไอซ์ : ไอซ์พยายามเบรกแหละ เพราะอะไรที่มันต่างกว่าเดิม จากเดิมเราจะรู้ โอเคแม่เป็นอย่างนี้ เราก็ต้องมาบอกให้น้องเข้าใจด้วย เดี๋ยวน้องจะน้อยใจว่าทำไมแม่ต้องไปหงุดหงิดใส่ ทำไมแม่ต้องโมโหใส่ เราก็อธิบายให้ทุกคนเข้าใจพอทุกอย่างมันผ่านไปได้เขาก็ปกติ
วันนี้โอเคกันแล้วหรือยัง?
แม่เอ๋ : ยังไม่โอเค ยังเหลือประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ บางทีเราอยู่บ้าน เรามีจุดของเรา ตรงโซฟาก็เป็นที่ของพี่ค่อมเขา ถ้าวันไหนเขาไม่ทำงาน เขาก็จะดูทีวีทั้งวัน พอไม่มีแกเราก็อยู่ตรงนั้น ดูที่แกไม่ได้ เหมือนเราเดินออกประตูเรามีรองเท้า 2 คู่ ของเราและของแก พอวันหนึ่งออกจากบ้านมา เหลือของเราคู่เดียว เวลากินข้าว ตักใส่ 2 จาน มันเหลือจานเราคนเดียว
ไอซ์ : คือต้องบอกว่าเรา 3 คนพี่น้อง ทุกคนมีครอบครัว ก็เหลือแต่ตายาย
แม่เอ๋ : เราเข้าใจลูก ลูกพยายามเซฟเรา ลูกถามแม่อยู่ได้ไหม อยู่ได้ แต่พอเขาออกไป อยู่ไม่ได้
ไอซ์ : เวลาเขาไปไหนก็ไปด้วยกัน พ่อเลิกวานกลับมาถ้าที่บ้านไม่ทำกับข้าว เขาก็หิ้วกันสองคนไปทานข้าว
แล้วไอซ์วันนี้กลับมาใช้ชีวิตปกติหรือยัง?
ไอซ์ : มันต้องทำให้ได้ คุณแม้ก็ยังไม่เต็มร้อย ถ้าเราอ่อนแอ เราล้มมันก็จะกลายเป็นล้มแบบโดมิโน่ไปเลย เพราะฉะนั้นเราต้องยืนให้ได้ก่อน พอเรายืนได้ เราก็จะบอกแม่ได้ พอเรายืนได้ เราก็จะไปสอนน้องได้ เราก็จะไปสอนคนนั้นคนนี้ได้ ต้องทำให้ตัวเองเข้มแข็งให้เร็วกว่าเพื่อนมากที่สุด
อะไรที่ทำให้แม่รักน้าค่อมมากขนาดนี้?
แม่เอ๋ : บางคนเคยบอกว่าให้นึกเรื่องที่ไม่ดีของแก แล้วเราจะได้มูฟออนได้ แต่เชื่อไหม ดิฉันอยู่กับแกมา 36 ปี ดิฉันยังหาความไม่ดีของเขาไม่เจอเลย เขาเป็นคนที่รักลูกและรักเมียมาก เมียต้องอันดับ1 ลูกอันดับ2 เรื่องที่เขาทำคือเรื่องซ่องเงิน แต่มันไม่ใช่ปัจจัย เขาซ่อนเงินแอบไปออกรถให้ลูก ซ่อนเงินเพื่อไปเปลี่ยนแม็กซ์ให้ตัวเอง ซ่อนเงินแล้วขับรถดิฉันหายไปครึ่งวันแล้วขับกลับมาพร้อมป้ายแดง เปลี่ยนรถให้ตัวเอง เปลี่ยนแม็กซ์ให้ตัวเอง มอเตอร์ไซค์ให้ลูกคันนั้นคันนี้
คือชีวิตมีแต่ทำเพื่อครอบครัว?
แม่เอ๋ : เช้ากองนัด 10 โมง 7 โมงออกจากบ้าน ถ้าออกเลิก 5 โมง 5 โมงครึ่งถึงบ้าน ผัวดิฉันไม่เคยหายไประหว่างทางและเขาไม่เคยว่า นินทา หรือให้ร้าย หรือเอาเรื่องคนนั้นมาพูดตรงนี้ เอาเรื่องคนนี้มาพูดตรงนั้น
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama