“เอ เชิญยิ้ม” เคลียร์ข่าว ซุกลูก 15 ปีไม่เคยส่งเสีย
แจง ถูกเม้าท์ เป็นตลกตกอับ เพราะไม่มีผลงานออกทีวี
เอ เชิญยิ้ม ควงคู่ภรรยาคุณ แหม่ม เคีลยร์ประเด็นซุกลูกไม่ส่งเสียมา 15 ปี พร้อมเผยถูกมองเป็นตลกตกอับ โต้ข่าวตายยันเป็นการพาดหัวข่าวล่อเป้า พร้อมเล่าประสบการณ์ทัวร์คอนเสิร์ตเมืองนอกที่จำฝังใจ ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ Show ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
มีข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว?
เอ : เริ่มจากที่ผมไปแสดงความเสียใจกับคนในวงการเวลาที่ใครเสียชีวิต ผมก็โพสต์ เค้าก็เอาข่าวที่โพสต์ไปทำให้มันกำกวม หัวข้อข่าว สุดอาลัยเอ เชิญยิ้ม แค่นี้แล้วเนื้อข่าวอยู่ข้างใน
แหม่ม : คุณแม่ส่งมาให้เราก็ตกใจคือะไร คุณแม่ถึงขนาดขอวีดีโอคอลคุยด้วยขอเห็นหน้าหน่อยว่ายังอยู่
มีญาติส่งมาไว้อาลัยเยอะเลย?
เอ : ตั้งแต่เช้าเลยครับ เค้าโทรมา เราอยู่วงการบันเทิงมองเรื่องนี้ปกติที่เค้าทำคอนเทนต์ขายข่าว แต่ที่เราโมโหคือเค้าไม่ห่วงใยสุขภาพบุพการีหรือผู้ใหญ่เราเลย เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่รับรู้เกิดมีอะไรขึ้นมาหัวใจวายเค้าจะรับผิดชอบยังไง
โกรธ?
เอ : ครับ เรื่องแบบนี้คนดูเข้าใจได้ พอเข้าไปดูเนื้อข่าวคนดูจะปกป้องเราเอง เอารูปขาวดำด้วย จงใจมากเลย
อยู่ด้วยกันตลอดหวานกันขนาดไหน?
เอ : หวานครับ จนตอนนี้เริ่มจะเบาหวานละครับ ผมกับแหม่มทำงานร่วมกันทุกวันนี้ ใช้ชีวิตร่วมกัน เลี้ยงลูกร่วมกันจากเมื่อก่อนผมออกไปทำงาน ตอนน้มาทำงานด้วยกัน
มีทะเลาะกันบ้างมั้ย?
แหม่ม : ไม่ได้ทะเลาะ โกรธเองหายเองนักเลงพอ คนเราอยู่ด้วยกันบางเรื่องไม่เข้าตา แบบไม่ใส่ใจ
เอ : ไม่รู้ตัวครับ เรามองว่าวัยทองแล้ว พอล่วงเลยเวลาไปเค้าก็หายเอง
คบกันมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
เอ : ผม 17 ตอนที่เจอกัน
แหม่ม : ความคิดเค้าเป็นผู้ใหญ่ เค้าวางแผนอนาคตไม่เหมือนเด็กอายุ 17 เค้าคิดโต
เอ : ตอนนั้นเค้าทำตัวเป็นเด็กครับ เค้าอายุมากกว่าผม 11 ปี แต่เวลาอยู่ด้วยกันเหมอนคนรุ่นเดียวกัน คุยภาษาเดียวกัน ตอนนี้อยู่ด้วยกันมาเข้าปีที่ 25 แล้ว
มีผู้หญิงมาแฉว่าเป็นเมียอีกคนของคุณเอ ทิ้งลูกไม่ส่งเสียมา 15 ปี?
แหม่ม : วันนั้นไปเจอในโซเชียลเค้าพิมยังงี้ เราอารมณ์โมโห ให้มาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำมาหากิน ถ้าลูกไม่มีเรียนมาเอาค่าเทอมแต่ต้องมาช่วยฉันทำมาหากินนะ ไม่โมโหเค้าเพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน แต่ถามเค้านะว่าตามข่าวมันจริงมั้ยมีมั้ย มีนอกลู่นอกทางมั้ยทุกวันนี้ยังข้องใจ
เอ : ไม่มีครับ คอมเมนท์นั้นเหมือนต้องการแซวเรามากกว่า จากข่าวเมื่อก่อนว่าตลกจะมีลูกโผล่เลยมาคอมเมนท์สไตล์นี้ คงจะขำ ๆ แต่นี้เค้าไม่ขำด้วยไง วันนั้นผมไปแจ้งความนะที่ ปอท. ถ้ามันเป็นเรื่องจริงเราพร้อมพิสูจน์แจ้งไว้เป็นหลักฐาน
ลูกว่ายังไงบ้างมีข่าวนี้?
เอ : ตั้งแต่เกิดมาผมกับภรรยาไม่เคยห่างกันเลย เค้าจะเห็นพ่อกับแม่ใช้ชีวิตคู่กันมาตลอด เค้าจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้ลูกเรา 3 คน
ลูกคนที่ แสบสุด?
เอ : เค้าเป็นเด็กที่เรียนต่างประเทศอาจจะมีบางช่วงที่ไม่ได้อยู่กับเรา เค้าจะมีความชอบที่บางทีเราอาจะไม่รู้ บางทีจะแอบซื้อชุดคอสเพลย์มาแต่งของเค้า คนโตผู้หญิง คนรองผู้หญิง คนสุดท้ายผู้ชาย
ลูกสุดท้องเรียนอินเตอร์ด้วย?
เอ : ผมส่งจนสุดความสามารถแหละ ช่วงที่งานไม่มีในช่วงโควิดก็ขายรถ ขายทอง ก็ยอมครับ การศึกษาลูกมาก่อน
ช่วงโควิดดาวน์ที่สุด?
เอ : ไม่มีค่าเทอมถึงขนาดต้องขายรถ จำนำทอง ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เข้าวงการโทรทัศน์มา 10 กว่าปีงานไม่เคยขาด อยู่ๆทุกอย่างค่อยๆหายไป จนวันนึงไม่เหลืออะไรเลย มานั่งทบทวนกับตัวเอง ฉันไปทำข่าวเสียอะไร ไปทำอะไรผิดในวงการ ทำตัวไม่ดีหรือไง ทำไมงานมันถึงหายไปจนน่าตกใจ รู้สึกว่าเครียด ทุ่มเทกับงานเต็มที่ มันจะคิดวนอยู่ในหัว
เราไม่ได้โทศโควิด เราโทษตัวเอง?
เอ : ใช่ครับ
แหม่ม : ก็มีคุยกันว่าเราควรจะทำยังไงกันดี จะไปยังไงกันดี เนื่องจากที่อยู่ด้วยกันแหม่มจะขายของอยู่ตลอดอยู่แล้ว
ช่วงไม่มีรายได้ คุณแหม่มเป็นรายได้หลัก เอาอยู่มั้ย?
แหม่ม : เอาอยู่ค่ะแต่ไม่เหมือนเดิม จากเราเคยได้ใช้ได้เที่ยวได้กิน เราก็จะเบาลง
พอไม่มีงานอยู่หน้าจอ บางคนคิดว่าเป็นตลกตกอับ?
เอ : คำนี้ไม่ใช่แค่ตลก หมายถึงคนในวงการบันเทิงทุกคนนั่นแหละ จากที่เคยเห็นออกทีวีวบ่อยๆ พอหายไปจะถูกไปเกี่ยวพันกับคำว่าตกอับทันที ผมก็ไม่พ้น เวลาที่ไปทำอะไรเป็นอาชีพใหม่ ๆ ผมไปขายของที่มองว่าเป็นอาชีพสุจริตซึ่งคนอื่นก็ทำ เวลาไปขายจะโพสต์ลงโซเชียลก็จะมคอมเมนท์เหล่านี้มา ถากถาง เสียดสีเรา จะเข้าไปแตะคำว่าตกอับตลอด ถ้าถามตัวผมเองกับคำนี้ผมไม่กลัว เพราะผมมีคาถาดี
คาถาอะไร?
เอ : คาถาผมมีอยู่ 5 อย่าง ไม่เล่นการพนัน ไม่ยุ่งสุรายาเมายาเสพติด รักครอบครัว ขยัน ไม่เจ้าชู้ ใครที่มี 5 ข้อนี้ชีวิตคุณจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวคำว่าตกอับเลยครับ มันเหมือนเป็นวัคซีน
มีรายได้เยอะจากการทำออนไลน์
เอ : เริ่มไลฟ์สดเปิดเพจขายสินค้าตั้งแต่ 2016-2017 ช่วงนั้นงานเริ่มแผ่วก็หันมาขายของ ปัจจุบันมาทำเพจรีวิว แต่เพจมีเยอะมาก ผมมีความแตกต่างตรงที่วิถีของผมเป็นมุสลิม ไม่สามารถทานอาหารร้านทั่ว ๆ ไปได้ต้องมีฮาลาล เรารีวิร้านและสินค้าฮาลาล
ประสบความสำเร็จขนาดไหน?
เอ : ฉายาจากเอ เชิญยิ้ม เป็นบังเอ เปิดเพจ 6 เดือน ผู้ติดตามเกือบ 2 แสน
ยังเครียดอยู่มั้ยหรือดีขึ้นแล้ว?
แหม่ม : ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ไม่ได้เหมือนเดิม ที่เราไปทำเราไม่ได้คิดค่าตัวแพง ๆ เหมือนช่วยร้านค้ามากกว่า
เอ : ที่เราไปทำรีวิวคือเห็นร้านค้าหงอยเหงาซบเซา หลังจากทำรีวิวยอดขายบางร้านพุ่งมาก เค้าอินบอกซ์มาขอบคุณหลังๆมาก็เริ่มมีร้านค้าต่าง ๆ ให้เรารีวิวเยอะขึ้น
จากเอ เป็นบังเอ ดังขึ้นกว่าเดิมมั้ย?
เอ : ดังขึ้นกว่าเดิมครับ ทุกวันนี้โซเชียลเราลงไปคลิปนึงเค้าดูได้ 24 ชั่วโมง สามารถดูได้ตลอด เราลงคลืปทุกวันก็เหมือนเค้าได้ดูทุกวัน เราไปเดินตลาดคนทักเยอะมาก
มีปมในใจที่ติดมาจนถึงทุกวันนี้คือเรื่องอะไร?
เอ : มันเป็นเหตุการณ์เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ปกติก่อนโควิดผมจะไปต่างประเทศ ไปเที่ยวด้วยไปทำงานด้วย ประเทศฟินแลนด์ไม่มีนักร้องประกบคู่ เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวของเอ เชิญยิ้ม พี่น้องคนไทยที่นั่นจะขับรถกันมาจากต่างเมืองฝ่าพายุมาโน่นนี่นั่น เพื่อจะมาดูคอนเสิร์ตนักร้องไทยที่มา ที่ต่างประเทศคนจะดูไม่เยอะ 80-100 คนได้ ก่อนหน้าวันคอนเสิร์ตอาการไม่ค่อยดี แต่วันจริงคนมาเต็มร้านขึ้นคอนเสิร์ตไปเสียงไม่มีเลย ไม่มีเสียงที่จะพูดคุยกับคนดูเลย เรารู้สึกผิดมากๆ ว่าฉันไม่สามารถเล่นตลกหรือเอนเตอร์เทนต์ใครได้เลย ผิดมาก ร้องไห้อยู่คนเดียวข้างเวที จนตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนเวทีคว้าไมค์ คุกเข่า กราบคนดู เราก็บอกเหตุผลว่าวันนี้ไม่สามารถเล่นคอนเสิร์ตได้จริง ๆ เสียงแห้ง ทุกคนน่ารักมากมากอด มาให้กำลังใจ ปกติต้องแสดง ต้องเล่นตลก ต้องร้องเพลงถึงจะได้ทิป วันนั้นเค้าให้ทิปกันมากเลยกอดคอกันทั้งภรรยา ทั้งผู้จัดงาน ผู้จัดงานก็ต้องรับหน้าเค้าก็คืนราคาบัตร แต่ก็มีทั้งคนรับและไม่รับ
จากประสบการณ์มีวิธีแก้หรือยัง?
เอ : มีครับ ผมจะใส่ผ้าพันคอตลอดเวลา จะพยายามไม่เอาตัวเองไปเที่ยว จากเมืองร้อนไปขั้วโลกสุดของนอร์เวย์ หลังประสบการณ์ครั้งนั้นต้องเก็บตัวครับก่อนขึ้นคอนเสิร์ต
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ เอ เชิญยิ้ม