“อัจฉริยะ” ฟันคดี “แตงโม” ฆาตกรรมอำพราง
จี้ตร. จำลองบาดแผลกับที่เปิดขวดไวน์ ฟาดปาก “เดชา” เดือด “กระติก” ของขึ้น ซัดแหลก เลิกมโนซะที!
กรณี “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมทีมงาน แถลงเปิดหลักฐานใหม่ให้กับสื่อมวลชน กรณีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” โดยได้เปิดคลิปประกอบการแถลงข่าว ซึ่งมีทั้งคลิปเสียงการสนทนาและคลิปการนำใบพัดเรือมาทดสอบกับศพ อ้างหมอนิติเวชนำศพออกมาโดยไม่แจ้งแม่และทนายความ แล้วทำให้มีแผลใหม่ที่ขา เพื่อสอดคล้องกับใบพัดเรือ พร้อมให้เวลา ผบ.ตร. 24 ชม. หากไม่คืบเจอร้องถึงนายกฯ
รายการโหนกระแสวันที่ 10 พ.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ อัจฉริยะ ถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น
พี่อัจเมื่อวานนำคลิปนึงมาเปิด คุณหมอนำใบพัดเรือมาจำลองกับศพ ศพนั้นคือศพน้องแตงโม?
อัจฉริยะ : สองคลิป เขายอมรับแล้วว่าเป็นศพแตงโม โดยผู้การ นิติเวช แล้วก็ยอมรับว่าคลิปที่เปิดเป็นคลิปจริง ผมอยากให้เห็นประเด็นนี้ว่าการจะจำลองศพทำได้ ถ้าไม่ได้เอาใบพัดของจริงมาทำให้ปนเปื้อนของบาดแผล ประเด็นแรก เรื่องจรรยาบรรณแพทย์ก่อน เหมือนคุณไม่ให้เกียรติ และเคารพน้องแตงโมเลย คุณเป็นแพทย์ เหมือนเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของศพ จรรยาบรรณแพทย์เขาจะถือว่าการที่คุณไปทำกับศพเป็นการไม่ให้เกียรติ สิ่งสำคัญคือทำได้ โดยการถ่ายภาพ ไม่ใช่ถ่ายวิดีโอ สิ่งที่คุณกำลังจำลอง ถามว่าใบพัดโดนบาดแผลมั้ย ก็โดน ก็เห็นอยู่แล้วว่า มันเกิน 11
ตอนแรกมี 11 แต่ตร.บอกว่าไม่เคยพูด 11?
อัจฉริยะ : ก็ยังงงที่บอกว่าไม่เคยมีหมอ หรือตร.พูดว่ามี 11 แผล งงมั้ย มันเคยมี ไม่งั้นจะไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมเป็น 22 ได้ไง ตอนแถลง 26 เกินมา 4
จำได้ท่านธนกฤตบอกว่าตรวจเจอ 22 มากกว่าทางโน้นที่เจอ แต่ล่าสุดเขาบอกว่า 26?
อัจฉริยะ : เขาบอกว่ามีแพทย์ 4-5 กลุ่ม สุดท้ายเอาบาดแผลมารวมกัน เขาบอกว่าเป็น 22 ตั้งแต่แรกแล้ว งงมั้ย ทำงานกันยังไงวะ สองหน่วยงานทำงานร่วมกัน แถลงร่วมกันวันที่ 22 แล้วก็วันที่ 26 แล้วผมจะเชื่ออะไร ขนาดคุณยกขานับยังเกิน 11 เลย แล้ววันนี้มาแก้ตัวว่าแพทย์หลายกลุ่ม เอาแผลมานับรวมกัน
พี่ยื่นหนังสือด้วย?
อัจฉริยะ : ใช่ ยื่นแพทย์สภาให้ตรวจสอบว่าใครให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องบาดแผลน้องแตงโม ว่าเข้าได้กับใบพัดเรือ แล้วก็ยื่นให้ผบ.ตร. ตั้งกรรมการสอบ และไปที่แพทย์สภา คิดง่าย ๆ นะ ทำไมคุณคิดแต่เรื่องใบพัดเรือ ทำไมไม่เอาที่เปิดขวดไวน์ที่หายไปมาทดสอบบ้างล่ะ มันน่ามากกว่านะ ที่เปิดขวดไวน์มีมีด แผลใหญ่สุดไม่น่าจะใช่ใบพัดเรืออยู่แล้ว
พี่อัจก็มีผู้เชี่ยวชาญ?
อัจฉริยะ : ผมมีหมอนิติเวชไม่ต่ำกว่า 10 และหมอศัลยกรรม คือคุณหมอธวัชชัย อดีตแพทย์ศัลยกรรมก็ยืนยัน แม้แต่คุณหญิงหมอพรทิพย์ก็ยืนยันว่าแผลใหญ่ไม่ใช่โดนใบพัดเรือ ทำไมตร.ไม่เอาสมองคิด หรือลองเอาที่เปิดขวดไวน์มาจำลองบ้าง ทำไมต้องเจาะจงจะเอาใบพัดเรือให้ได้ คุณจำลองทั้งหุ่น หมู ตุ๊กตาผ้า กระทั่งเอาศพจริงมาจำลอง ซึ่งไม่มีใครเขาเคยทำ
ยาเสียสาวบนเรือสงสัยมั้ย?
อัจฉริยะ : ไม่ติดใจหรอก เพราะผมก็ทานกลางคืน เราเน้นเรื่องบาดแผลที่ชี้บ่งไปถึงคำให้การของแซนคือคำให้การเท็จ สองแผลใหญ่บ่งชี้ไปที่การฆาตกรรมอำพราง
วิดีโอคอลหาแพทย์หญิงคุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ คุณอัจฉริยะ บอกว่าบาดแผลบนขาข้างขวาที่ใหญ่ที่สุดไม่น่าจะเข้าได้กับใบพัดเรือ คุณหญิงหมอเห็นยังไง?
หมอพรทิพย์ : เคยบอกไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่าเป็นบาดแผลที่ไม่เหมือน แต่ก็ไมได้บอกว่าไม่ใช่ แต่การที่จะสรุปว่าเป็นใบพัดน่าจะลำบากพอสมควร บางอย่างบอกได้ว่าแผลเกิดจากอะไร แต่บางอย่างบอกไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องหาวิธีพิสูจน์ค่ะ
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ต้องพิสูจน์มั้ย สำคัญมั้ย?
หมอพรทิพย์ : จริง ๆ สำคัญทุกแผล แต่แผลไหนจะตอบอะไรได้ อย่างหมอสนใจแผลที่เป็นก้างปลา เป็นเส้นๆ แผลถลอกตื้น แผลนี้ไม่ได้ทำให้ตาย แต่มีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากใบพัด ที่สำคัญที่สุดร่างอยู่ในทิศที่ตรงเลย ร่างหมุนผ่านใบพัดตรงๆ นี่เป็นทฤษฎีนะ ฉะนั้นกระแสน้ำที่พัดตัวไปตรง ๆ ก็มีอยู่ไม่กี่ตำแหน่ง ซึ่งท้ายเรือกระแสน้ำไม่ตรง กระแสน้ำจะหมุน ดังนั้นความสนใจของบาดแผลในมุมของหมอ เป็นการสนใจบาดแผลที่จะช่วยบอกอะไรเป็นวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะจุดตก เนื่องจากคดีนี้ไม่มีพยานอะไรเลย นอกจากพยานบุคคลที่บอก แล้วมันไม่มีวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าผู้ตายไปนั่งฉี่ท้ายเรือจริงมั้ยแต่บาดแผลตรงนี้จะเป็นตัวช่วยบอกจุดตกค่ะว่าตกตรงไหนกันแน่ ส่วนแผลใหญ่มีความเป็นไปได้มากมาย ซึ่งจะเป็นใบพัดก็ได้ หรืออะไรที่คมมาก ๆ ก่อนตกเรือก็ได้
มีคลิปนึงที่คุณอัจฉริยะได้มา เหมือนมีการนำเอาใบพัดเรือมาเทียบเคียงแผลที่ศพจริง ๆ โดยการหมุน ๆ ตรงนี้เป็นวิธีการที่นิติเวชเขาทำกันอยู่แล้วหรือเปล่า?
หมอพรทิพย์ : เป็นขั้นตอนของการจำลองว่าบาดแผลที่พบเกิดจากอะไร ซึ่งทำได้ แต่แต่ว่ามันอาจไม่ได้เกิดบ่อย ทำได้แปลว่าอะไรบ้าง ก็คือสอง ก่อนสรุปว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ ต้องระมัดระวัง อาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญใบพัดเรือ และต้องมีปัจจัยเรื่องกระแสน้ำด้วย การใช้คุณหมอนิติเวชอย่างเดียวต้องระวัง สามสำคัญที่สุด ทั้งตัวศพและใบพัดเรือเป็นพยานหลักฐาน พยานหลักฐานนั้นอาจถูกตรวจใหม่ ดังนั้นต้องรักษาความต่อเนื่องของวัตถุพยาน ถ้าเอาไปจำลองแล้วเกิดบาดแผลใหม่ขึ้นบนศพ หรือบาดอย่างถูกทำลายหายไป ตรงนี้จะไม่ถูกในขั้นตอนของการดำเนินการตามนิติเวช หรือนิติวิทยาศาสตร์ ทำนองเดียวกับใบพัดเรือเหมือนกัน จะดึงออกไปจำลองไม่เหมาะสม นี่คือมาตรฐานสากล แต่ถามว่าผิดกฎหมายมั้ย เมืองไทยไม่มีกฎระเบียบรองรับเรื่องนี้ก็เลยอาจดำเนินการได้ แต่ลองนึกภาพสิคะถ้าใครอยากตรวจสอบใหม่ แล้วบอกว่าใบพัดมีคราบเลือดแตงโมมั้ย แบบนี้ก็คงตรวจไม่ได้เพราะถูกนำเอาออกไปใช้ ถ้าเป็นใบพัดเรือจริง
พี่อัจเห็นด้วยมั้ย?
อัจฉริยะ : ก็ถูกครับ ก่อนหน้านี้บอกว่าตรวจดีเอ็นเอไม่เจอของน้องแตงโมที่ใบพัดเรือ ไม่พบเลือด แล้ววันนี้พามาสัมผัสกับขาน้องแตงโมอีกที เกิดมีการร้องให้ตรวจใหม่ มันก็มีดีเอ็นเอแล้วสิ
มุมคุณหญิง ณ วันนี้ที่คุยกัน คิดว่าแตงโมตกท้ายเรืออยู่มั้ย?
หมอพรทิพย์ : ไม่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ
ยืนยันชัดเจนหนักแน่นเลย คิดว่าน่าจะตกจากจุดไหน?
หมอพรทิพย์ : ตรงนี้ไม่ตอบค่ะ เพราะเราต้องใช้องค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือและเรื่องกระแสน้ำมาผสมด้วย ได้มีโอกาสคุยและมีข้อสรุปที่มีความน่าจะเป็น เพียงแต่ทำยังไงให้มีการนึกถึงเรื่องนี้ แต่วันนี้ไม่มีประโยชน์แล้วเพราะปิดสำนวนไปแล้วค่ะ
พอออกมาสวนกับการที่ตร.ปิดสำนวนไปแล้ว เขาอาจมองว่าทั้งพี่อัจและคุณหญิงไปสวนกระบวนการที่เขาทำกันอยู่ กลัวมั้ย?
หมอพรทิพย์ : โดยส่วนตัวเรียนว่าไม่เคยใช้อารมณ์ค่ะ แค่สิ่งที่เราทำอยากให้ความจริงปรากฏ อยากให้เกิดความยุติธรรม ได้แค่ไหนก็แค่นั้นค่ะ แต่ทุกสิ่งที่ทำจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต จะเห็นว่าไม่เคยสรุปว่าเป็นฆาตกรรม ก็จะพูดในมุมที่เราใช้ความรู้ความสามารถได้ ไม่กังวลเพราะเราตั้งใจโดยไม่มีอคติค่ะ
ขั้นตอนต่อไป คิดว่าควรต้องทำยังไงต่อไป ต้องตรวจตรงไหนเพิ่มไปอีกมั้ย สมมติอัยการบอกว่าต้องมีการสอบอีก 20 ประเด็น ตรงไหนที่ต้องเติมเข้าไปอีก?
หมอพรทิพย์ : ตอนนี้ยังตอบไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ตร.ส่งอะไรไป และอัยการส่งอะไรมา แต่ถ้าถามเรื่องใบพัดเรือก็ตอบเรื่องเดิม จากการเห็นบาดแผล 3 กลุ่ม รวมไปถึงกลุ่มก้างปลา เน้นย้ำว่าตรงนี้ต้องไปต่อ เพราะบาดแผลจะบอกจุดตกเรือได้ค่ะ
ไม่เชื่อว่าตกท้ายเรือ?
หมอพรทิพย์ : ค่ะ
อัจฉริยะ : นี่ไง ยืนยันแล้วว่าไม่ได้ตกท้ายเรือ แซนบอกว่าตกท้ายเรือก็ไม่เป็นความจริง คุณหญิงก็ยืนยันแล้วว่าตกท้ายเรือไม่ได้ตั้งแต่แรก ผมก็ยืนยันเหมือนกัน แล้วตรงกราบเรือน้ำจะท่วม เวลาเรือวิ่ง 7-8 น็อต น้ำจะฟูขึ้น แตงโมจะไปนั่งได้ไง ถ้าไปนั่งก็เปียกทั้งตัว เขาส่งมาให้ดู ขนาดฝรั่งสูงกว่าคนไทย ตรงกราบเรือมันฟูขึ้น นั่งไม่ได้หรอกทางซ้าย ตรงนี้คนจะไปนั่งยังไง เวลาเรือวิ่ง คุณบอกแตงโมดื่มไวน์ด้วย แล้วจะเดินมานั่งปัสสาวะทางซ้าย พี่หนุ่มดูภาพสิ ชัดเจน
เมื่อวานพอพี่อัจแถลงเสร็จ ตร.แถลงสวนเหมือนกัน เขาบอกว่าไม่ได้มีนัยยะอะไรเลย ทุกอย่างทำไปตามข้อเท็จจริง?
อัจฉริยะ : ทำไมไม่ลองเอาอย่างอื่นมาจำลองบ้างล่ะ ให้ดู อัยรา 4 ที่ทำเรื่องจำลองหมู ผมถามว่าอัยรา 4 เป็นใคร ไปถามภาค 4 แล้วกัน เขายังไม่เห็นด้วยเลย อันนี้คนที่จำลองเหตุการณ์เขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะโดนใบพัดเรือ ขนาดเขาลอง เอารูปตูดหมูให้ดูหน่อย ขนาดจำลองยังไม่เหมือนกับบาดแผลน้องแตงโมเลย มันไม่ตรงกัน ที่ผมพิสูจน์ว่าแซนพูดโกหกตลอดเวลา ผมกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าทั้งผมและคุณหญิงหมอพรทิพย์ เชื่อว่ามันตกท้ายเรือไม่ได้ ทุกอย่างที่เขาเอาแซนมาเป็นตัวตั้ง ธงที่เขาตั้งไว้เอาคุณแซนมาเป็นตัวตั้ง สุดท้ายเขามาทำแล้วเติมๆ ทำให้ทุกคนไม่เชื่อถือเลย พูดตรงๆ เราไม่ได้ไปดิสเครดิตตร.หรือทำให้หน่วยงานไหนเสียหาย แต่การจำลองเหตุการณ์ ไม่ใช่คุณจะทำอะไรก็ได้ เวลาพิสูจน์หลักฐานเสร็จของศพ เขาเย็บแผลอะไรเรียบร้อย เขาต้องส่งคืนให้ญาติเอาไปทำพิธี แต่เผอิญคุณแม่ฝากเอาไว้เพราะอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ไม่ใช่คุณจะทำอะไรกับศพก็ได้ คุณต้องแจ้งให้เขาทราบว่าขั้นตอนจะมีการจำลอง ไม่ใช่อยากเอาศพออกมาจากห้องเก็บศพ ถ้าคุณแจ้งเขาทำได้ แต่นี่คุณไม่ได้แจ้งเลย
บาดแผลสามารถบอกได้ว่าตอนตกเรือหรือเอาศพมาพิสูจน์แล้ว?
อัจฉริยะ : ไม่ใช่ เมื่อวานคุยกับหมอหมู แกบอกว่าแกเป็นหมอทั้งชีวิต แกไม่เคยทำแบบนี้ แกเพิ่งเห็นครั้งแรก แกทำแค่ถ่ายภาพและเอาภาพมาเปรียบเทียบ แล้วที่เอามาหมุน หมุนผิดทางด้วย ตัวใบพัดจะมีตัว E อยู่ข้างหน้า ใบพัดมีความโค้งนิดนึง เวลาหมุนแนวก็ไม่ไม่ตรงกัน แต่คุณก็ยังยืนยันจะเป็นใบพัดๆ แต่ความคิดผม ถ้าที่เปิดขวดไวน์ ทำไมไม่จำลองดูบ้าง
เมื่อก่อนมานั่งตรงนี้ เคยบอกว่าก้ำกึ่งว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า วันนี้คิดอย่างนั้นอยู่มั้ย?
อัจฉริยะ : ไม่แล้ว บาดแผลขาข้างขวา ผมคิดว่าไม่มีทางเป็นใบพัดเรือได้ วันนี้คิดว่าเป็นฆาตกรรมอำพราง แต่ไม่ได้เกิดจากการวางแผนล่วงหน้า เพราะกระติกเรียกรถมารับ 4 ทุ่ม 45 งานที่เขาต้องเสร็จสิ้นจะเสร็จถึงอู่เก็บเรือ
เป็นงานอะไร?
อัจฉริยะ : งานเอ็นเตอร์เทนอะไรของเขานี่แหละ 4 ทุ่ม 45 เขาให้มารับที่อู่เก็บเรือ ผมถามว่าถ้าไม่ได้ทำงาน แล้วตอนนั้นคิดอะไรถึงเรียกรถ 4 ทุ่ม 45
กระติกบอกว่าขึ้นจากเรือ แล้วปวดท้องอึไปเข้าห้องน้ำกับโรเบิร์ต และเรียกรถให้มารับ?
อัจฉริยะ : อันนี้เรียกก่อน เรียกตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว เวลาแตงโมตกเรือคือ 4 ทุ่ม 34.1 แต่อันนี้คือ 4 ทุ่ม 45 ที่เรียกมารับ แต่เรียกตอน 4 ทุ่ม 11
เอามาจากไหน?
อัจฉริยะ : ตร.แถลงวันที่ 26 เอามาเราก็จับโป๊ะ คุณเสร็จงาน 4 ทุ่ม 45 ให้มารับที่อู่เก็บเรือ แล้วคุณโทรตอนไหน ปัญหาคือทำไมเขามากับแตงโม เอารถแตงโมมา ทำไมให้คนมารับกลับ ทำไมไม่กลับกับรถแตงโม นี่คือประเด็นแรก ถ้าคุณอ้างว่าทั้งคู่เมา ผมถามว่า 4 ทุ่ม 45 ตอนที่คุณโทร แล้วคุณถ่ายรูปที่ ตร.ไม่เอามาโชว์ คุณย้อนกลับไปถ่ายรูปไม่ได้แล้วนะ แล้วรูปนั้นมาได้ยังไง
พี่อัจบอกว่าสงสัยติดใจเรื่องกระติกมากว่าทำไมเรียกรถตอนนั้น ทั้งที่ตัวเองอยู่บนเรือ และไปกับแตงโมด้วย?
อัจฉริยะ : ผมอยากให้คุณกระติกชี้แจง ว่าทำไมต้องให้มารับตอน 4 ทุ่ม 45 เพราะมากับน้องแตงโม และมารถน้องแตงโมด้วย ทำไมต้องเรียกให้มารับด้วย
โทรหา “กระติก” พี่อัจมีข้อสงสัย?
อัจฉริยะ : ผมอยากถามว่าทำไมวันนั้นถึงเรียกรถครับ แค่นั้นเองประเด็น ไม่มีอะไรหรอก
กระติก : ต้องบอกก่อนว่าเรื่องรับงานไม่มี หยุดพูดซะทีว่าหนูรับงาน หนูไม่ได้รับงาน นี่คือการกล่าวหา
อัจฉริยะ : ผมไม่ได้พูดว่ารับงาน
กระติก : เมื่อกี้ก่อนตัดเข้าโฆษณาพี่พูดนะคะว่าก็ทำงานของเขา รับงาน พี่เน้นคำนี้ อย่ากล่าวหานะ
อัจฉริยะ : ทำงานกับรับงานคนละเรื่องกันนะ
กระติก : อันที่สองเรื่องยูดริ้งค์ ติกนั่งเรือคุยกับแฟนไปตลอดทาง ว่าจะไปขึ้นเรืออะไรยังไง เขาเห็นว่ามีการดื่ม อย่าขับรถเองมั้ย ซึ่งเขาเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเราออกไปดื่ม ติกก็เลยบอกว่าโอเคงั้นเรียกเลย เวลาไม่ตรงกันเพราะติกหันไปถามปอว่าจะถึงฝั่งเมื่อไหร่ ปอบอกว่าอีก 5 นาที ซึ่งรถจะมาถึงตามเวลาที่บอกเมื่อกี้ค่ะ มันไม่ทันกัน ติกถึงฝั่งติกต้องไปนั่งรอ ติกเลยแคนเซิลไป ติกโทรหายูดริ้งค์เอง และโทรไปบอกแฟนว่าติกแคนเซิลไปแล้วนะ เพราะเวลาไม่ตรงกัน
ตรงนี้มีหลักฐาน?
กระติก : มีหลักฐาน ซึ่งติกส่งให้ตร.ทุกอย่าง บางคนรู้แค่นี้แต่เอามาพูดขยายความ จนทำให้คนเข้าใจผิด อันนี้ไม่ใช่เรื่องดีค่ะ ติกเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ อยากชี้แจงตรงนี้ ซึ่งคำให้การอยู่ในนั้นหมด หลักฐานการแคนเซิล การโทร แชตที่ติกคุยกันมีหมดแล้ว ตรงนี้อย่ามากล่าวหาเลย ว่าทำไมเวลาไม่ตรง มันมีเหตุผลของมันอยู่ ซึ่งไม่รู้ก็ไม่อยากให้พูดอะไร เรื่องมันมีอยู่แค่นี้เอง
อัจฉริยะ : ผมแค่ตั้งข้อสังเกตแค่นั้นเอง ผมถามว่าเมื่อกี้คุณฟังหรือเปล่า ผมบอกว่าเขามาทำงาน แล้วกล่าวหาว่าผมไปว่าคุณรับงานยังไง
กระติก : งานอะไรล่ะคะ หนูไปเที่ยวค่ะ มันไม่มีคำว่างานเกิดขึ้น เลิกพูดคำนี้สักที หนูไม่ชอบด้วย อย่ามากล่าวหาค่ะ เขาไปเที่ยวกัน ไม่มีคำว่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น อย่ามโนนะคะ
อัจฉริยะ : ไม่เป็นไร เดี๋ยวความจริงก็พิสูจน์เอง
กระติกยืนยันว่าเราให้ข้อมูลตร.ไปหมดแล้ว?
กระติก : ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ไม่รู้จะยันยังไงแล้วค่ะพี่หนุ่ม หนูรู้สึกเสียหายด้วย
อัจฉริยะ : เสียหายก็ฟ้องเอา
กระติก : ก็ตามกระบวนการค่ะ
อัจฉริยะ : ยื่นเช้ายกบ่าย
กระติก : พูดเยอะ ๆ ค่ะ จะได้มีหลักฐานเยอะ ๆ ค่ะ ดีค่ะพี่
อัจฉริยะ : มาเลยครับ
ดูเธอขึ้นเหมือนกันนะ?
อัจฉริยะ : ไม่เป็นไรหรอก เราต้องดูว่าตร.แถลงอะไร ตร.ไม่เคยบอกว่ายกเลิก แต่คุณมีพิรุธทุกอย่าง
มองเรื่องพิรุธยังไง?
อัจฉริยะ : เรื่องใบพัดเรือ วันที่ 1 มี.ค. มีการถอดใบพัดเรือ โดยพฐ. เอาไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ 2 มี.ค. เอาเรือไปจำลองเหตุการณ์ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา แล้วใบพัดเรือหล่นแม่น้ำเจ้าพระยา พอวันที่ 3 มี.ค. ให้ชุดประดาน้ำไปงมใบพัดเรือขึ้นมาได้ วันที่ 4 ไปจำลองกับน้องแตงโม ไทม์ไลน์แปลกๆ ไม่พอ ใครก็ตามลงไปงมแล้วใบพัดถูกจับด้วยมือคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด มันเป็นวัตถุพยานสำคัญ แล้วมีการหล่นน้ำไปแล้ว แล้ววันที่ 4 มาจำลองกับศพน้องแตงโม มีสารปนเปื้อนมั้ยล่ะ
ไม่กลัวเหรอ ล่าสุดมีคนจะตามเก็บพี่อัจ แล้วเรื่องตร.แจ้งความดำเนินคดีพี่อัจ?
อัจฉริยะ : ผมเฉย ๆ ชินแล้ว วันนี้อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด จะตายก็ตายไป เพื่อแลกกับการคืนความยุติธรรมให้แตงโม แม้ไม่มีอำนาจรัฐในมือจะสู้เท่าที่สู้ได้ ถ้าผมหยุดวันนี้ผมหยุดได้เลย เพราะสิ่งที่กระทบก็เยอะเหมือนกันกับครอบครัว ถามว่าผมเข้ามายุ่งทำไม เพราะผมเห็นว่ามันไม่ถูกต้องแล้วจะให้ผมนั่งเฉยก็ไม่ใช่ผม น้องแตงโมก็เหยื่ออาชญากรรมคนนึง ถ้าวันนี้ผมหยุดก็ไม่ขวางทางตีนใคร ก็อยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้ถามว่ามาทำคดีแตงโม กลายเป็นว่าตร.มองเราเป็นศัตรู ตร.มีปืนอยู่ข้างเอว มีกฎหมายอยู่ในมือ จะทำอะไรกับเราก็ได้ ลูกสาวผมบอกว่าพ่อหยุดเถอะ แต่บอกว่าไม่เป็นไร เรามาไกลเกินหยุดแล้ว เราทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมาเป็น 10 ปี ผมยังยืนยันว่าเราต้องเป็นที่พึ่งให้กับคนจนให้ได้
ณ วันนี้คิดว่าแตงโมตกตรงส่วนไหนของเรือ?
อัจฉริยะ : เราบอกไม่ได้ สิ่งที่เราต้องพิสูจน์คือเราแค่จับผิดคำพูดของแซน ที่บอกว่าแตงโมตกท้ายเรือ ซึ่งเราพิสูจน์ว่าตกท้ายเรือเป็นไปไม่ได้ มันไม่สามารถดูดเข้าได้เลยกับช่วงขาใบพัดสองข้าง นี่คือความคิดเห็นผมตลอด
ตร.แจ้งความดำเนินคดีกับพี่ด้วย?
อัจฉริยะ : คดีเดียว คือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน กับหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้หรอก เราก็แจ้งความกลับว่าเขาแจ้งความอันเป็นเท็จ ผมว่าวันนี้ตร.อยากถอนแจ้งความด้วยซ้ำ แต่ติดว่าเขาแจ้งดูหมิ่นพนักงาน ซึ่งมันถอนไม่ได้ ถ้าถอนได้เขาถอนไปแล้ว
“พี่เดชา กิตติวิทยานันท์” อยู่ในสาย วันนี้พี่อัจนำเอาคลิปภาพคลิปนึงมาออก มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับคดีที่พี่ทำอยู่มั้ย?
เดชา : อะไรที่เป็นความลับในสำนวน ใครเอามาเปิดเผย ตร.ก็คงดำเนินคดีไป เท่าที่ทราบนะ ในส่วนผม ถ้าคุณแม่เห็นว่าได้รับความเสียหาย ก็รอคำรับรองจากตร.ให้ชัดเจนก่อน วันสองวันนี้ ก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ดำเนินคดี พวกภาพศพ ภาพอะไร เพราะเราไม่ได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกนำมาเผยแพร่ ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
อัจฉริยะ : คุณเป็นคนสอนผมเองไม่ใช่เหรอ ตอนที่ตั้มมาแจ้งความผมเรื่องเอาศพชมพู่ไปเผยแพร่ คุณส่งมาตรา 16 ไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าเปิดเพื่อสาธารณะ ไม่มีความผิดตามกฎหมาย คุณเป็นนักฎหมาย 30 ปี คุณลืมแล้วเหรอ
เดชา : ไม่ลืมหรอกครับ ไปเจอกันที่สถานีตำรวจแล้วกันนะครับ
อัจฉริยะ : คุณก็พูดแบบนี้ ไม่เอาเหตุผลเลย
เดชา : ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไปเจอที่พนักงานสอบสววน คดีความจะตามหาคุณเยอะ
อัจฉริยะ : หัวข้อที่คุณไปแจ้งเด็กๆ ทั้งนั้น แล้วเบนซ์สีดำเอาไปไว้ไหน
เดชา : คุณรู้ไม่จริง ไม่ได้มีแค่คดีเดียว กี่เรื่องแล้ว คุณทราบหรือยังล่ะ มาอีกเยอะนะ คดีเยอะ ไปมอบตัวทันหรือเปล่า
เรื่องนี้พี่กับพี่อัจไม่สามารถกลับมาคุยแล้ว?
เดชา : ก็แล้วแต่เขา ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร อะไรทำให้ผมเสียหาย ผมก็ดำเนินคดี คุณแม่เสียหาย คุณแม่ก็ดำเนินคดี
อัจฉริยะ : คุณอย่าลืมนะ คุณไปแย่งคดีกฤษณะไปทำนะครับ ตอนที่ศพเผยแพร่ กฤษณะเป็นคนเป็นทนายความนะครับ คุณแค่คนมาแย่งคดีกฤษณะไปทำนะครับ
เดชา : ผมไม่ได้แย่งคดีกฤษณะนะ
อัจฉริยะ : ไม่แย่งยังไง โดยมรรยาททนายเขาไม่ทำกันหรอก เพราะเขามีทนายความอยู่แล้ว นักกฎหมายทุกคนเขารู้ดี
เดชา : กล่าวหาผม ผมก็ไปแจ้งอีก ดำเนินคดีอีก แค่นั้น อย่าไปอวดรู้เลย คุณชนะอะไรได้คะแนนเสียงในโซเชียล แต่คุณแพ้ในศาล คอยดูสิ
อัจฉริยะ : โอ้โห ถ้าผมแพ้ในศาล มาเหยียบหน้าผมเลย ทนายกิ๊กก๊อก 30 ปีแบบนี้พูดตรงๆ มาเหยียบหน้าผมเลย ถ้าชนะคดีผมให้มาเหยียบหน้าผมเลย
หัวจะปวด?
เดชา : จะมอบตัวทันมั้ย จะไปโรงพักไหนก่อน
อัจฉริยะ : จะบอกให้ตร.ไม่ได้อยู่ข้างคุณเสมอไป ที่ไปแจ้งความเขาอึดอัดทุกคนแหละครับ คุณระวังเหอะ หลายๆ เรื่องเรามีเป็นชุด คุณอย่าลืมนะผมสู้กับตั้มมา 40 คดี ผมแพ้ตั้งแค่คดีเดียว ไปแจ้งเหอะ ตังค์ผมมีเยอะ ทนายผมมีเยอะ
เดชา : โอ้ย ทนายคุณก็โดนทนายตั้มฟ้องไม่ใช่เหรอ ร่วมกับคุณฟ้องเท็จ
อัจฉริยะ : ชนะคดีมาแล้วครับ เนี่ย ไปอยู่รูไหนมา ไม่รู้จริง
เดชา : กับทนายเกิดผลล่ะ
อัจฉริยะ : ทนายเกิดผลผมก็ชนะ นะครับ คุณไปอยู่รูไหนมา ทุกคนเป็นจำเลยผม รวมทั้งคุณด้วย กี่หมายแล้ว
เดชา : ไหวมั้ย ใครขโมยศพแตงโมครับ จะไปโรงพักไหนก่อนครับ ไม่กล้าไปพบพนักงานสอบสวน กลัวอะไรครับ
อัจฉริยะ : เขานัด 17 พ.ค. ที่สภ.ประพระแดง ไอ้โง่เอ้ย โง่จริงๆ
นี่คุยกันเป็นเพื่อนนะ?
เดชา : ผมห่วงเขามาก คดีความตามมาเยอะ ดูหน้าตาเขาเป็นยังไงล่ะ ลูกเมียเขาเป็นยังไงล่ะ โดนมากี่คดีครับ เป็นฮีโร่ในโลกออนไลน์ เดียวดายหน้าบัลลังก์ศาล
อัจฉริยะ : โง่จริงๆ
เดชา : จุลินทร์ ก็ฟ้อง กี่มูล กี่กรรมล่ะ
อัจฉริยะ : มีมูลเพราะอะไร ไปถามในกระบวนการสิ
เดชา : โดนกี่คดีล่ะครับ
อัจฉริยะ : จะกี่คดีก็ชีวิตของผม ไม่ใช่เรื่องของคุณ ไม่ต้องเสื-ก
เดชา : เอาเวลาไปเรียนให้จบ แล้วไปตอกเสาเข็มเป็นผู้รับเหมาไป อย่ามาอวดรู้เรื่องคดี
อัจฉริยะ : เก่งไม่เก่ง ผมช่วยคนมากกว่าคุณแล้วกัน
เดชา : จบแพทย์ที่ไหนล่ะ
อัจฉริยะ : ไม่จำเป็น ผมช่วยคนได้แล้วกัน
เดชา : จบกฎหมายมั้ย ไปสอนตร. มีตังค์มั้ยเอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวโอนให้สักแสนนึง
พี่เดชา เรื่องแตงโมคิดว่าจะมีการดำเนินคดีต่อไปเรื่อย ๆ ถูกมั้ย?
เดชา : เขาดำเนินคดีทุกวัน ผมห่วงอัจฉริยะ ไม่รู้จะไปโรงพักไหนก่อน ไปโรงพักไหนดี
อัจฉริยะ : ก็ให้เขาออกหมายเรียกมาสิ
เดชา : ไม่ต้องห่วงหรอก เยอะ ที่บอกว่าโดนคดีเดียว จริงๆ มากกว่านั้น ไม่มีใครเขาบอกคุณหรอก
อัจฉริยะ : ช่างเถอะ 100 คดีก็มา ไม่เป็นไร บ่ยั่นอยู่แล้ว
เดชา : ศัตรูคุณก็เยอะ
อัจฉริยะ : ผมว่าคุณมากกว่า ปากเบี้ยวๆ อย่างนี้ระวังหน่อย เดี๋ยวจะโดนตบปากแตก ระวังไว้เหอะ
เดชา : หลังพระอาทิตย์ตกดิน กล้าโผล่หัวออกจากบ้านมั้ยล่ะ
อัจฉริยะ : ทำไมจะไม่กล้า เดี๋ยวไปเที่ยวให้ดูเลย ปากเบี้ยวๆ อยางคุณเดี๋ยวโดนตบปากแตก ระวังไว้เหอะ
เดชา : โอ้โห เห็นคุณแล้วผมสมเพชเวทนาคุณจะไปโรงพักไหนก่อนล่ะ
อัจฉริยะ : เวลาไลฟ์สดดูชาวบ้านหน่อยเขามองคุณยังไง
เดชา : ผมเป็นห่วงคุณ ไปเรียนให้จบนะ
อัจฉริยะ : คุณได้ฉายาเคนาย
เดชา : คุณรับเหมาก่อสร้าง อย่าเที่ยวไปอวดรู้ คุณเป็นหมอเหรอ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเรือเหรอ
นัดไปคุยกันได้มั้ย จะได้เคลียร์กัน?
เดชา : นัดไปเจอที่เรือนจำเลย
อัจฉริยะ : คนอย่างผมลูกผู้ชาย ที่เขาโกรธผมทุกวันนี้ เพราะผมไม่เป็นพยานให้เขาในคดีพี่ตั้ม แล้วที่สำคัญผมไปเป็นพยานเท็จได้ยังไง ทุกคดีที่ผมไม่ไป เขาเลยเคือง เขาบอกว่ารู้จักผมดี ถ้ารู้จักผมดีไม่น่ามายุ่งกับผมหรอก เพราะถึงเวลาจริงๆ ไปที่ศาล เขาต้องเป็นคนกราบตีนผม เพราะเขาขี้ขลาดตาขาว
ไม่กลัวเขาฟ้องเหรอ?
อัจฉริยะ : ถ้าจะฟ้องก็ฟ้อง ไม่ได้สำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ชีวิตผมผ่านการโดนฟ้องมาเกือบ 100 คดี โดนทุกคน นายกฯ ฟ้อง ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย จะออกมายเรียกก็ออกมาเหอะ
ล่าสุดถูกขู่ยิง?
อัจฉริยะ : มีสองเคส เคสแรกปราบขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศที่หนองคาย
เดชา : ที่พูดมีหลักฐานมั้ย ไปช่วยใครมา
อัจฉริยะ : ผมขี้เกียจพูดกับคนโง่ๆ แบบนี้
เดชา : หลายคดีนะ เป็นห่วง ส.ส. เต้ มงคลกิตติ์ ต้องให้อัจฉริยะเพื่อนผมแถลงข่าว แต่มันไม่นั่งแถลงเพราะมันรู้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ไม่ทันเขาเพื่อนเอ้ย เขาเห็นเราเป็นคนใจถึง ข้อมูลความลับทางราชการก็ให้เราพูดอยู่คนเดียว คดีก็มาหาเรา เต้รับผิดชอบอะไรล่ะเพื่อน เต้ก็คุยกับผมทุกวัน นี่ก็แถลงข่าวไป เอาความลับอะไรมา เดี๋ยวก็โดนคดี ผมก็สงสาร ขนาดอัดคลิปช่วยมันเลยเมื่อเช้านี้ บอกว่าหยุดเถอะเพื่อนเอ้ย สงสารลูกเมีย เราไม่ได้อะไร ได้แค่ความดัง ได้แค่แสงแต่คดีความตามมาเลย ไปไหนมาไหนเดี๋ยวนี่ต้องมีทหารประกบ ผวาไปหมด
อัจฉริยะ : ไปดูแลลูกเมียคุณเห๊อะ ลูกเมียอัจฉริยะแข็งแกร่งพอ ลูกผมผ่านการนั่งบนถนนมาแล้ว ไปดูลูกคุณเหอะ ผมเคยให้คนไปท้าต่อยเขา เขาไม่เอา
จริงเหรอ?
เดชา : ผมไม่ใช่นักมวย ผมเป็นนักฎหมาย
อัจฉริยะ : เห็นมั้ย จะได้จบไปเลยไง ไม่ต้องมีคดีความ เลิกกันไปเลย
เหมือนทะเลาะกันเหมือนเด็ก ๆ ว่าง ๆ ไปเคลียร์กันดีกว่า?
เดชา : ผมไม่ได้อะไรกับเขา ผมสงสารเขา วันๆ ส.ส.เต้ พวกหมอบางคน ตร.ก็เอาความลับในสำนวนมาให้อัจฉริยะเพื่อนรักผมแถลงข่าว เพราะเขารู้ว่าคนนี้ชอบแสง แล้วคดีก็มาตาม คนเดือดร้อนก็มีแค่อัจฉริยะ ไปแถลงทีไร ส.ส.เต้ก็อยู่ข้างล่าง อัจฉริยะแถลงอยู่คนเดียว คดีความก็มา ผมสงสาร ผมรักอัจฉริยะมาก นี่พูดจากใจ ผมไม่เคยโกรธเขาเลย ผมไม่โกรธเขาหรอก แล้วดูดิ ลงไปก็ต้องดูว่าปากทางช่องมีใครมาซุ่มดูหรือเปล่า ชีวิตลำบากไปหมด เต้มันปล่อยข่าวว่าอัจฉริยะจะถูกดักยิง อัจฉริยะก็ผวาต้องไปหาทหาร ชีวิตยุ่งยากไปหมด
เขาบอกห่วงพี่?
อัจฉริยะ : ไม่ต้องห่วงฉัน เคยฟังมั้ยเพลงนี้ ที่เขาบอกผมไม่มีหลักฐาน ให้ดูว่าพวกผมต้องไปขึ้นศาลวันไหนคดียาเสพติด ให้พี่หนุ่มดูไม่ต้องบอกเขาหรอกว่าวันไหน จริงๆ วันนี้ชีวิตผมอยู่สบายอยู่แล้ว ไม่ทำอะไรก็อยู่ได้ ผมไม่ได้ลำบาก แต่ที่ออกมาวันนี้ ผมมอยู่เฉยๆ ก็ได้ ลูกอยากให้หยุดด้วยซ้ำไป แต่เรามองว่าความยุติธรรมทุกวันนี้ ถ้ามาหาผมไม่ต้องร้องขอ ไม่ต้องเสียเงินค่าที่ปรึกษา ถ้าเป็นคนยากจน เราช่วยได้เราช่วยเต็มที่แต่ถ้าไม่จริง ก็ไม่ช่วย หรือเป็นคนร้ายก็ไม่มีวันช่วย แต่ที่รับไมได้คือไปกล่าวหาว่าผมไปตบทรัพย์คนจีน 6 ล้าน
พี่เดชาไปกล่าวหาเขาจริงเหรอ?
เดชา : ผมไม่เคยกล่าวหาเลย เขาใส่ร้ายผม เดี๋ยวก็โดนคดีเพิ่มอีกหรอก บอกแล้วเรียนไม่จบก็เป็นแบบนี้ พูดไปเรื่อย กระติกยังพูดว่าพูดไปเรื่อย ผมไม่เคยกล่าวหาอัจฉริยะเลย
อัจฉริยะ : 7 เม.ย. ไปไลฟ์สด บอกว่ามงคลกิตติ์ไปร้องเขาว่าผมไปตบทรัพย์คนจีน 6 ล้าน มงคลกิตติ์มาไลฟ์สดว่าไม่มี ที่ผมไปตบทรัพย์ 6 ล้าน ถ้าสิ่งไม่จริงเขาขอโทษก็จบกันไปแต่เขาไม่ขอโทษ เขาใช้วิธีคือไปลบเฟซบุ๊ก ติ๊กต๊อก ยูทูบ มันก็ไม่ถูกเพราะคุณพูดไปแล้วผมเสียหาย
พี่เดขอโทษเขาได้มั้ย?
เดชา : ผมไม่เคยกล่าวหาเขาเลย แล้วเขาลาออกจากที่ปรึกษาเสรีพิศุทธิ์ทำไมล่ะ หลังเต้ มงคลกิตติ์มาร้องเรียนผม ทำไมลาออกเร่งด่วน
อัจฉริยะ : ที่ลาออก เพราะมีตร.ไปรับเงิน แล้วผมไปยื่นเรื่องที่กรรมาธิการ ปปช. ผมว่าแนวทางการตัดสินของเขามันไม่ยุติธรรมเพราะรับเงินเกิน 3 พันบาท ไปถามได้ ผมมองว่าถ้าพึ่งกรรมาธิการแล้วไม่ได้รับความยุติธรรม แล้วผมเป็นที่ปรึกษา ผมก็ไม่เป็นดีกว่า เพราะหนึ่งเราคิดว่าเรื่องแบบนี้คุณควรให้ความยุติธรรมเพราะเป็นปปช. ซึ่งมีพยานยืนยันว่าเราร้องขอ เราก็ลาออกด้วยเหตุผลตรงนี้ ว่าทำไมคุณตั้งกรรมการสอบแล้ว ทำไมไม่เอาให้สุด คนละเรื่องกัน ไม่ใช่ว่าผมไปทุจริต หรือเรียกเงินใคร ถ้าผมทำจริงเขาก็ดำเนินคดีอยู่แล้ว
เขาบอกไม่ได้เป็นอย่างที่พี่เดบอก ไม่ใช่เรื่องทุจริต?
เดชา : ไม่รู้หรอก ถามส.ส. เต้กับเฮียหวังสิ เดี๋ยวเอามาเป็นพยานในศาลเลย
อัจฉริยะ : ไม่มีหวัง
เดชา : แล้วใครเข้าไปที่บ้านคุณแล้วถ่ายรูปส่งมาให้ผม นัดเจรจาเขาหรือเปล่า บ่ายสองที่บ้าน คิดว่ามีของอยู่คนเดียวหรือไงจ๊ะ
อัจฉริยะ : ไม่มีครับ
เดชา : นัดคนไปคุยที่บ้านที่พระประแดงหรือเปล่า
อัจฉริยะ : ไม่มีครับ คุยกันที่โรงพักครับ เกี่ยวอะไรกับผม ผมไม่คุยไง
เดชา : เอาเฮียหวังมาออกโหนกระแสมั้ย
คุณมาหรือเปล่า?
อัจฉริยะ : ให้เต้มา หวังอะไรก็แล้วแต่มาให้เขามา แล้วผมนั่งดู แค่นี้ก็ลิ้นกลับไปกลับมา
เดชา : นัดเขาไปทำไมล่ะ
มาออกกับพี่อัจมั้ย?
เดชา : เดี๋ยวคิดก่อน ระวังนะ ลงจากโหนกระแสไป มีใครมารอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
อัจฉริยะ : เดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ได้ โดนตบปากที่อยุธยา
เดชา : คิดว่าแน่เหรอ
อัจฉริยะ : ไปกล่าวหาคนโน้นคนนี้ทั่วไปหมด
เดชา : เก่งจริงคนเดียวหรือไง ตร.เขาดำเนินคดีอีกเยอะ ใครให้ถอนเรื่องไม่มีหรอกครับ
อัจฉริยะ : รู้แทนตร.ไปหมด รู้ยัน..มด
เดชา : ไปไหนมาไหนระวังหน่อยนะ
อัจฉริยะ : พูดไปเรื่อย พอยังจะได้ไปกินไวน์ต่อ อัจฉริยะไปทำการบ้านหน่อย อย่าไปหลงเชื่อคนอื่น จุ๊กกรู๊ ลาก่อน (วางสาย)
อัจฉริยะ :