“อยู่ดี ๆ ก็ได้กลิ่น” เกิดจากอะไร? กลิ่นมีอยู่จริง หรือสมองเราหลอกตัวเอง?

เคยไหม? เดินอยู่ดี ๆ ก็มีกลิ่นน้ำหอม กลิ่นธูป หรือกลิ่นไหม้ ลอยเข้าจมูก ทั้งที่ไม่มีอะไรอยู่ตรงหน้าเลยสักนิด! อาการนี้ไม่ได้แปลว่าคุณกำลังเจอบางอย่างที่มองไม่เห็นเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณจากสมอง หรือแม้แต่ความเครียดที่สะสมอยู่ก็ได้ มารู้จัก “ภาวะหลอนกลิ่น” และความเชื่อที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกันในบทความนี้
กลิ่นไม่มีอยู่จริง หรือสมองเราคิดไปเอง?
เคยไหม? อยู่ดี ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นบุหรี่ กลิ่นธูป หรือแม้แต่กลิ่นอาหาร ทั้งที่ไม่มีอะไรอยู่ใกล้ ๆ เลย! หลายคนอาจรู้สึกงง บางคนอาจกลัวว่ามี “สิ่งลี้ลับ” อยู่ใกล้ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ปรากฏการณ์นี้มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์และสุขภาพอยู่ด้วยนะ!
อาการหลอนกลิ่น (Phantosmia)
เป็นภาวะที่สมอง “รู้สึกว่าได้กลิ่น” ทั้งที่ในอากาศไม่มีอะไรให้ดมเลย เกิดจากการที่ระบบรับกลิ่นในสมองทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจมาจากสาเหตุหลายอย่าง เช่น
- ไข้หวัดใหญ่ หรือไซนัสอักเสบ
- ภาวะไมเกรน
- เนื้องอกในโพรงจมูกหรือสมอง
- ผลข้างเคียงจากยา หรือสารเคมี
- ภาวะซึมเศร้า หรือความเครียดสะสม
กลิ่นที่หลอนมักเป็นกลิ่นไหม้ กลิ่นเน่า กลิ่นธูป หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และบางครั้งอาจทำให้คนที่เป็นรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นด้วย
กลิ่นที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ (Olfactory Memory)
บางครั้งเราอาจได้กลิ่นจาก “ความทรงจำในสมอง” โดยเฉพาะถ้ากำลังนึกถึงใครบางคน หรือสถานที่บางแห่ง
สมองส่วนที่รับกลิ่นนั้นเชื่อมโยงกับอารมณ์และความทรงจำอย่างแนบแน่น จึงไม่แปลกที่อยู่ดี ๆ เราจะได้กลิ่นหอมของคนรักเก่า หรือกลิ่นอาหารโปรดจากวัยเด็กขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว!
ความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับ
ในมุมของความเชื่อและวัฒนธรรม หลายคนเชื่อว่า “กลิ่น” อาจเป็นสัญญาณจากสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น
- กลิ่นธูปตอนกลางคืน = ญาติผู้ล่วงลับมาเยี่ยม
- กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้ง = มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านมา
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่อาจช่วยปลอบใจหรือให้ความรู้สึกอบอุ่นกับบางคนได้
แล้วควรทำอย่างไร?
- หากกลิ่นนั้นเกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรพบแพทย์หู คอ จมูก หรือแพทย์สมองเพื่อตรวจวินิจฉัย
- อย่าเพิกเฉยหากมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดหัวบ่อย ๆ เวียนหัว ซึมเศร้า หรือการรับกลิ่นเปลี่ยนแปลงไป
- ดูแลสุขภาพกาย-ใจ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพราะอารมณ์ก็มีผลต่อประสาทการรับกลิ่นเช่นกัน
อยู่ดี ๆ ก็ได้กลิ่น…ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่จำเป็นต้องน่ากลัวเสมอไป บางครั้งมันอาจเป็นสัญญาณจากร่างกาย ความทรงจำ หรือจิตใจที่กำลังส่งเสียงให้เรารับฟังมากขึ้นก็ได้