นาโนเทค สวทช.-สภาเภสัชกรรม-สปสช. ร่วมนำร่องผลักดันชุดตรวจคัดกรองโรคไตในร้านยา
วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ณ สภาเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ร่วมกับสภาเภสัชกรรม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือผลักดัน “ชุดตรวจคัดกรองโรคไต” ที่พัฒนาและผลิตในไทยเข้าสู่ระบบ สปสช. ผ่านร้านขายยาในโครงการ การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจรโดยเภสัชกร เครือข่ายร้านยาในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศไทย นำร่อง 3,000 ชุดในพื้นที่ สปสช. เขต7 ขอนแก่น หวังรณรงค์ตรวจคัดกรองโดยสมัครใจเพื่อ “รู้ให้เร็วว่าเสี่ยง สร้างความตระหนักเพื่อชะลอการเกิดโรคไตเรื้อรัง และลดค่าใช้จ่าย” พร้อมส่งเสริมความเข้มแข็งนวัตกรรมด้านชุดตรวจทางการแพทย์ของไทย ยกระดับสุขภาวะคนไทยด้วยนวัตกรรมของไทย เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า
.
ดร. อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า นาโนเทคเป็นองค์กรวิจัยชั้นนำที่ตั้งมั่นใช้ประโยชน์นาโนเทคโนโลยีขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ภารกิจหนึ่งของเราคือ การต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมไทยด้านเครื่องมือแพทย์ที่มูลค่าตลาดสูงเพื่อเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกับพันธมิตรภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคสังคมขับเคลื่อนงานทางด้านชุดตรวจทางการแพทย์ไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข
“ชุดตรวจคัดกรองโรคไตนี้ เป็นหนึ่งใน S&T implementation for Sustainable Thailand นวัตกรรมชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) ที่มีดร. เดือนเพ็ญ จาปรุง เป็น Driver โดยต่อยอดงานวิจัย ‘AL-Strip’ โดย ดร. สาธิตา ตปนียากร ซึ่งเป็นชุดตรวจโรคไตเชิงคุณภาพที่ประชาชนทั่วไปใช้ตรวจคัดกรองโรคได้ด้วยตัวเอง ทราบผลตรวจได้ภายใน 5 นาที ที่สำคัญ นอกจากมีราคาจับต้องได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการแล้ว โครงการนี้ ยังช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านร้านยาในโครงการ การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจรโดยเภสัชกร เครือข่ายร้านยาในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศไทย นำร่องในพื้นที่ สปสช. เขต7 ขอนแก่น” ผู้อำนวยการนาโนเทค สวทช. เผย
.
ทันตแพทย์หญิงน้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายสนับสนุนบริการปฐมภูมิและการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกับสภาเภสัชกรรม จัดบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคในร้านยาสำหรับคนไทยทุกคน ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ไม่เฉพาะเพียงผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น ซึ่งบริการดังกล่าวประกอบด้วย 1. บริการยาเม็ดคุมกำเนิด 2. บริการยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน 3. บริการถุงยางอนามัย 4. บริการชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง 5. บริการยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก โดยในปี 2567 นี้ สปสช. ได้เพิ่มนวัตกรรมชุดตรวจสุขภาพด้วยตนเองที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเสริมในชุดสิทธิประโยชน์ ได้แก่ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และชุดตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับจากปัสสาวะด้วยตนเอง โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการเหล่านี้ได้ที่ร้านยาที่มีสัญลักษณ์ “ร้านยาของฉันให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” หรือสัญลักษณ์ “30 บาทรักษาทุกที่” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
.
สปสช. เล็งเห็นว่า การเพิ่มชุดตรวจสุขภาพด้วยตนเองถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชน ช่วยส่งเสริมการตรวจพบและป้องกันโรคตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขของประชาชน ตลอดจนเพิ่มผลลัพธ์ด้านสุขภาพโดยรวม สำหรับ “ชุดตรวจคัดกรองโรคไตด้วยตนเอง” ถือเป็นนวัตกรรมบริการที่สนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ ช่วยป้องกันและชะลอการเกิดโรคไตเสื่อม อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ สปสช. จะนำบริการด้านสุขภาพเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของคนไทย จะต้องผ่านกระบวนการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HTA) อย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลกระทบด้านงบประมาณ ความสอดคล้องกับแนวทางเวชปฏิบัติ ความพร้อมของระบบบริการ รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมและสังคม ทั้งนี้ สปสช. ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมด้านสุขภาพมาต่อยอด และยกระดับบริการทางด้านสาธารณสุขให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และยั่งยืน
.
ภก. ปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า สภาเภสัชกรรมสนับสนุนให้ร้านยาเป็นหน่วยปฐมภูมิของประเทศ เพราะมีความใกล้ชิดชุมชน ประชาชนเชื่อถือ และกระจายตัวทั่วประเทศประมาณ 17,000 ร้านยา การผลักดันการใช้ประโยชน์“ชุดตรวจคัดกรองโรคไต”ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยนี้ เป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตก็เพื่อนำมาพัฒนาระบบบริการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร โดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยา ในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเภสัชกรจะนำผลการตรวจคัดกรองมาสร้างการตระหนักรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตแก่ประชาชน โครงการ “การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร” โดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยาในหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินี้ เป็นโครงการวิจัยที่ดำเนินอยู่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 และจะผลักดันเข้าเป็นสิทธิประโยชน์ในหลักประกันสุขภาพต่อไป