“ทนายอาคม” จับมือ “ทนายสายหยุด” แยกทาง “ทนายตั้ม” ฟังแล้วสะดุ้งทุกดอก

กรณี “ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู” เคยได้รับการมอบหมายจาก “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด” ให้ทำคดีฉ้อโกง “เจ๊อ้อย จตุพร อุบลเลิศ” 71 ล้านบาท แต่ล่าสุดทนายสายหยุดได้ประกาศขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้ทนายตั้มแล้ว มีการกล่าวอ้างว่าสาเหตุเป็นเพราะพยานหลักฐานที่ทนายตั้มเตรียมเอาไว้ให้นั้น ล้วนเป็นพยานหลักฐานเท็จ ทำให้รู้สึกเหมือนโดนหลอก

รายการโหนกระแส วันที่ 25 พ.ย. 67  ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ ทนายสายหยุด และ ทนายอาคม คงสวัสดิ์ หรือ ทนายโจ้  ที่ดูแลเรื่องประกันตัวให้ เดือน ภรรยาทนายษิทรา

แตกกับตั้ม?

อาคม : อย่าทำงานร่วมกันดีกว่า แยกกันเดิน ทางใครทางมัน

ยังคุยกันอยู่มั้ย?

อาคม : ถ้าเขามีเคสจะปรึกษา เขาก็ยกหูมาได้ ไม่ถึงขนาดไม่เจรจากันเลย แต่ถ้าให้ผมโทรไป ผมไม่โทร

วันนี้ดูแลคดีให้เดือน?

อาคม : เมียสั่งก็ต้องมา ให้มาดูเพื่อนเขาหน่อย

เดือนกับเมียพี่สนิทกันเหรอ?

อาคม : ช่วงทำงานด้วยกันเขาก็ไปมาหาสู่ที่บ้านที่เชียงใหม่อยู่นะ

ถ้าเมียไม่สั่ง?

อาคม : ก็สายหยุดทำไป สายหยุดเอาอยู่ แต่ตอนนี้สายหยุดเอาไม่อยู่แล้ว (หัวเราะ)

พี่สายหยุด สบายดี?

สายหยุด : เริ่มไม่สบายแล้ว

วันก่อนตอนพี่ไปออกรายการพี่ฟาดฟันสุดฤทธิ์สุดเดช?

สายหยุด : แนวทาง 3 คดีหลักผมก็ยึดแนวทางเดิม

1 คดี 3 กรรม 71 ล้าน รถเบนซ์ แล้วก็วาดแบบโรงแรม สามอันนี้ยึดถือแนวทางเดิม?

สายหยุด : แต่พอเวลาผ่านไป 10 กว่าวัน เริ่มมี 39 ล้านก็มารวมอยู่ในนี้ ถ้าผมจะสู้สามเรื่อง อีกสามเรื่องผมมองว่าสู้ไม่ได้ ผมจะให้เขารับสารภาพ แต่เขาไม่รับสารภาพ แล้วเราจะไปยังไงพี่

คดีหลักอันแรก 71 มีเบนซ์ วาดแบบโรงแรม สามอันนี้ลุยอยู่แล้ว แต่มี 39 ล้านเข้ามา ซึ่งตั้มบอกว่าผมไม่เกี่ยว?

สายหยุด : แกจะสู้เหมือนเดิม

สู้ว่า?

สายหยุด : ข้อเท็จจริงในคดีดีกว่า วันนี้ผมประกาศแล้วว่าถ้าไม่ยึดถือแนวทางผม แนวทางไม่ตรงกัน ไปไม่ได้ 39 ล้านผมจะให้เขารับสารภาพ

นี่ถือว่าเอาความลับลูกความมาเปิดมั้ย?

สายหยุด : ไม่ได้ ถ้าลงในเนื้อหาไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราคุยเรื่องแนวทางผม ความคิดของผม

ถามเผิน ๆ ตั้มไม่ยอมรับใช่มั้ย?

สายหยุด : เขาบอกว่าจะสู้หมดทุกเรื่อง 39 ล้านจะไปรวม 3 เรื่องแรกจะไปต่อท้ายกัน ไม่งั้นเขาจะเอาฟอกเงินนุไม่ได้ นุกับสารินีก็จะโดนฟอกเงิน กรรมเดียวไม่เป็นฟอกเงิน ก็จะไปรวมกันตรงนั้น มีเรื่องปลอมเอกสารพ่วงเข้ามาอีก

เมื่อเช้าเข้าไปหาตั้มมาแล้ว คุยอะไร?

สายหยุด : คุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น และแนวทาง เพราะวันศุกร์พี่โจ้เขาคุยไปแล้ว พี่โจ้บอกว่าพี่ตั้มสู้หัวชนฝา ผมก็เข้าไปบอกว่าถ้าพี่ยืนยันแบบนั้น หนึ่งคดี ทนายมีกี่คนก็ได้ แต่ขณะถามความต่อพยานหนึ่งปากมันต้องใช้ทนายคนเดียว ใจผมคิดว่า 39 ผมสู้ไม่ได้ แล้วจะให้ผมไปสู้ยังไง

ทำไมคิดว่าสู้ 39 ล้านไม่ได้?

สายหยุด : ที่ผมมอง เอาจากสื่อดีกว่า เช่นเล็กที่เป็นทหาร เป็นคนขับรถให้ตั้ม เล็กบอกทุกอย่างว่าตัวเองไปรับเงินมา 20 ล้าน เอาไปส่งให้

ส่วนดาวพี่ของเดือน ไปด้วยกัน แต่ดาวบอกไม่เห็นเงินข้างใน?

สายหยุด : ใช่ครับ ไม่ทราบว่าเป็นเงินหรือเป็นอะไร แต่เล็กให้การแล้วว่ารู้ว่าอะไรยังไง เขาบอกเขาไม่เกี่ยวจะทำยังไง ประจำวันพี่เขาก็โทรให้ไปลง ธนาคารก็โทรไปจองเงินให้ แล้วกำชับว่าเอาธนบัตรใบใหม่ ๆ ผมว่ามันเกี่ยวข้องแทบจะเยอะแล้ว แต่เรื่องปรึกษาหารือกัน ผมไม่รู้ว่าเขามีคุยกันมั้ย

เงิน 39 ล้านเป็นที่มาสุดท้ายที่ตร.ออกหมายจับตัวนุ สารินี (เมียนุ) เอาตัวมานั่งไล่สอบว่าเกี่ยวมั้ย แรก ๆ บอกว่าไม่เกี่ยว ทนายตั้มบอกว่าผมไม่เกี่ยวเงิน 39 ล้าน ทางฝั่งพี่อ้อยกับนุไปจัดการกันเอง พี่อ้อยโดนเฉินคุนหลอก ส่วนพี่อ้อยบอกว่าไม่ใช่ ก็คุณเองเป็นคนบอกเองว่าฉันให้คุณไปจัดคอนเสิร์ตเฉินคุณ แล้วคุณโดนสแกรมเมอร์เอาเงินไป แล้วคุณบอกไปแจ้งความ แล้วเอาใบแจ้งความมาให้ฉันดู ฉันก็รู้สึกรำคาญเพราะเมียคุณร้องไห้กับฉัน ฉันก็จ่ายเงินให้ไป 39 ล้าน ตั้มบอกผมไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่อง แต่พอไปเบิกเงินที่เซ็นทรัล ปรากฏวันนั้นตร.ก็เจอเลยว่ามีบุคคลอีกบุคคลนึงซึ่งเกี่ยวข้องกับทางตั้มและเดือน เดินทางไปที่เซ็นทรัลด้วยก็คือดาว แล้วไปกับเล็ก คนขับรถ ตร.ก็เรียกถามดาว ดาวบอกว่าไปเอากระเป๋าที่ตั้มให้ไปเอา ไม่รู้หรอกข้างในมีอะไร ส่วนเล็กบอกว่าเป็นคนนับเงินมี 20 ล้าน จาก 39 ตั้มรับมา 20 ล้าน ขณะเดียวกันตั้มบอกว่าผมไม่เกี่ยว ผมไม่รู้เรื่อง?

สายหยุด : ผมถึงบอกว่าถ้าอะไรดูแล้วเป็นความผิดชัด ไปเอาของเขามาจริง ผิดจริง ผมไม่ทำ ผมพูดแต่ต้นแล้ว แต่ผมคิดว่าจะแยกเป็นสองคดี แต่พอนุโดนแจ้งฟอกเงิน ผมก็ถามร้อยเวร เพราะพี่ตั้มเป็นเมนหลัก ฉะนั้นทุกการกระทำของทุกคนจะเอาไปรวมกันทั้งหมด ก็เอาไปรวม 3 คดีนั้นแหละ เป็น 4 กรรม 5 กรรม

พี่สายหยุดเลยยืนยันว่าก่อนหน้านี้ถ้าคดี 39 ล้านกับ 71 ล้านแยกกัน ผมทิ้ง 39 ผมไม่ยุ่ง แต่ผมจะทำเรื่อง 71 ล้าน เบนซ์ และแบบ แต่พอวันนี้ตร.เชื่อมโยงสองอันมาเกี่ยวข้องกันแล้ว?

สายหยุด : ใช่ครับ พฤติกรรมมันก็เลยเปลี่ยนไปแล้ว ข้อเท็จจริงก็เอ๊ะ มันเข้าไปยุ่งเรื่องพวกนี้ด้วย แล้วมีเรื่องเอกสารอีกที่เจ้าพนักงานกำลังจะแจ้ง ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แต่ยังไม่รู้รายละเอียด จะนัดแจ้งสัปดาห์นี้ ผมเลยบอกร้อยเวรว่าวันนี้ผมจะไปคุยกับพี่ตั้ม ถ้าคุยกันรู้เรื่อง ผมคงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว คงให้ทนายท่านใหม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาแทน

ช่วงเช้าไปคุยอะไรกับเขาบ้าง?

สายหยุด :   คุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นและคุยเรื่องแนวทาง ว่ามันสู้ไป สำหรับผม ผมมองว่ามันใกล้ชิด เขาเป็นทนายความ จะไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เห็นเลย ผมว่ามันพูดได้ แต่น่าจะฟังยาก ผมฟังยังไม่เชื่อเลย

บอกเขามั้ยว่าจะสู้ 39 ล้านยังไง ในเมื่อเล็กไปบอกแล้วนับเงินเอง 20 ล้าน เอาเงินมาให้ที่พุทธมณฑลด้วย?

สายหยุด : รายละเอียดผมแค่เล่าว่าเล็กให้การแบบนี้ ๆ ชัดเจนแล้ว

ตั้มบอกยังไง?

สายหยุด : เขาบอกว่าผมไม่ได้ทำ พี่ไม่ได้ทำก็แล้วแต่ แต่ถ้าผมเชื่อว่าพี่ทำแล้วเป็นความผิดจะให้ผมไปนั่งฝืนความรู้สึกให้ผมไปนั่งทำคดี ผมทำไม่ได้ เพราะผมไม่เชื่อ

เล็กบอกว่าไปรับมา แต่ตั้มบอกว่าตั้มไม่ได้ทำ?

 สายหยุด : เขาบอกเขาไม่ได้ทำ เอางี้ เขาบอกว่าเขารับเงินมาจริง แต่เหตุผลอื่นที่รับเงินจากนุ แต่ผมขอไม่พูดว่าเป็นค่าอะไร เขาบอกเขารับเงินจากนุจริง แต่รับด้วยเหตุผลอื่น

ไม่ได้เกี่ยวว่าให้นุไปโกงมา?

สายหยุด : ถูก เขาพูดแบบนั้น ฟังแล้วแปลก ๆ ผมเลยไม่ทำไงพี่

อึดอัดมั้ย?

สายหยุด : ไม่อึดอัดครับ เดี๋ยวให้การก็ปรากฏอยู่ในสำนวนอยู่ดี

ถ้าอึดอัด จะให้พี่โจ้พูดแทน เพราะเขาพูดได้อยู่แล้ว เดี๋ยวจะผิดมรรยาท?

อาคม : ก่อนตัดสินใจก็ปรึกษากันแล้ว นั่งประชุมเอาหัวชนกันว่าจะไปไหวกันมั้ย ก็ตกผลึกแล้วว่าไปไม่ไหว จำเป็นต้องแจ้งให้ลูกความทราบว่าทัศนคติ แนวคิดในการทำงานไม่ตรงกัน เราควรต้องแจ้งให้เขาทราบ สายหยุดก็แจ้งเมื่อเช้านี่แหละครับ

พอพี่ไปแจ้ง เขาตอบว่ายังไง?

สายหยุด : ผมบอกว่าผมอึดอัด เพราะเรื่องเอกสารบางอย่างที่ออกเป็นข่าวไปเมื่อวาน ผมดูจากอ.ปานเทพโชว์ กับพี่ให้ผมมา มันไม่เหมือนกัน แต่เอกสารอย่างเดียวกัน ผมกลัวผมเอาไปใช้ เดี๋ยวผมจะมีความผิดว่าทำเอกสารเท็จ ผมไม่ได้บอกว่าทนายตั้มทำเอกสารเท็จ แต่ข่าวที่เผยแพร่ออกไปกลายเป็นว่าผมไปพูดกับบ้านพระอาทิตย์ว่าทำเอกสารเท็จ ไม่ใช่ อย่างทนายพัชเอย ที่มีปัญหา ผมบอกว่าถ้าผมเอาเอกสารไปยื่นให้พี่ อ.เผด็จบอกว่าพี่อยู่ในเรือนจำ ถ้าเอกสารผิดเพี้ยนไป คนที่น่าจะปลอมแปลงก็น่าจะเป็นผม ท่านพูดดักคอแบบนี้ตลอดเวลา ถ้าเป็นเรื่องจริงผมไม่กลัว แต่ผมไม่มีต้นฉบับไงครับ ผมมีแต่ตัวร่าง ผมเทียบดูจากที่เขาเอามาโชว์ มันไม่เหมือนกัน ทุกรายการเขาก็โชว์อยู่

พี่เห็นในรายการมั้ยที่เขาเอามาโชว์ สัญญา 71 ล้าน?

สายหยุด : โชว์หลายที่ แต่ของผมไม่มีลายเซ็น ของผมมีแต่ตัวร่าง

พี่บอกว่าลูกความพี่ลบออกไปเหรอ?

สายหยุด : ผมไม่ได้บอกครับ ในการทำงานทนาย สมมติผมร่างเอกสาร ตัวร่างอยู่กับตัวผม ตัวจริงเขาก็เอาไปเซ็นกัน ผมร่างแล้วปริ้นท์ออกมา

เอาชัด ๆ สัญญาฉบับนี้มีเหมือนกันทั้งคู่ แต่สัญญาที่อยู่กับอ.ปานเทพ มีลายมือชื่อผู้เกี่ยวข้อง แต่ของพี่ไม่มี?

สายหยุด : ไม่มี ถ้าผมเอาไปอ้างใช้แล้วมันไม่ตรงขึ้นมาล่ะ ผมก็เดือดร้อน อาจารย์เขาพูดดักคอผมไว้ล่วงหน้า ทำให้ผมไม่สบายใจ เพราะเขาทำอะไรกันผมก็ไม่ทราบหรอก

ของพี่ก็มีเหมือนกัน ที่ทนายตั้มให้มา แต่ไม่ตรงกัน ไม่มีลายมือพวกนี้?

สายหยุด : ไม่มีครับ เป็นตัวร่าง ไม่มีลายมือชื่อแบบนี้ แต่ผมยืนยันว่าผมยังไม่ยื่นเอกสารให้ตร.แม้แต่ฉบับเดียว เพราะผมลังเล ไม่แน่ใจ ต้องตรวจสอบ

ถามจริง ๆ เป็นไปได้มั้ยตอนที่ทนายตั้มมาส่งให้ เขาอาจลบพวกนี้ออกไปแล้ว?

สายหยุด : มันได้หลายอย่าง บางทีสัญญาร่างหลายครั้ง แก้ไปร่างไปร่างมา ถ้าไม่เซฟทับก็มีอยู่หลายอย่าง แต่หลักการเราเอาตัวไหนไปให้ลูกความเซ็น คู่ความเซ็น เราควรถ่ายก็อปปี้กลับมา มันจะแน่นอนกว่า

สัญญาฉบับนี้มีการลงชื่อคือพี่อ้อยเป็นผู้ว่าจ้าง มันยืนยันในตัวเองอยู่แล้วว่าสัญญาฉบับนี้มันคือการที่พี่อ้อยเป็นคนลงทุน แล้วทำคู่สัญญาไว้กับทางบริษัท แต่ขณะเดียวกันสัญญาฉบับเดียวกันไปอยู่ในมือทนายสายหยุด ซึ่งทนายตั้มมอบให้ วันที่ไม่ตรงกัน ชื่อก็ไม่มีการเซ็น?

สายหยุด : ครับ ผมก็ไม่อยากเสี่ยงเอาไปใช้ ผมจะซวยไปด้วย (หัวเราะ)

สัญญาฉบับนี้มาได้ยังไง ถึงมายื่นให้พี่?

สายหยุด : ผมไม่รู้เขาจะหลงลืมหรือแก้ไขอะไรยังไง มันแก้ไขอะไรก่อนเซ็นผมก็ไม่ทราบ

อาคม : ที่มันเป็นปัญหาเพราะว่าตัวพี่อ้อยแกอยู่ฝรั่งเศส แล้วอินโนไฟว์อยู่ในประเทศไทย ตัวคุณษิทรา ทำตัวเป็นเซ็นเตอร์อยู่ตรงกลาง พอด๊าฟสัญญาเสร็จก็ส่งให้อินโนไฟว์ลงลายมือชื่อ อินโนไฟว์จะลงลายมือชื่ออยู่ในหน้าสุดท้าย พอได้มาปุ๊บก็ส่งอีกท่อนนึงให้พี่อ้อยที่ฝรั่งเศส หน้าผู้ว่าจ้างกับหน้าผู้รับจ้างมันอยู่กันคนละหน้า เนื้อความข้างในตอนต้นร่างที่ส่งไปให้พี่อ้อย มันอาจเป็นอย่างนึง ที่ส่งให้อินโนไฟว์อาจเป็นอีกอย่างนึง ตัวทนายความเขาไม่รู้ว่าอันไหนคือเนื้อความจริง ๆ เพราะไม่มีต้นฉบับ

ประเด็นอยู่ตรงนี้ด้วย ของพี่อ้อย 3 ก.พ. แต่ของเขา 5 ก.พ. ต่อให้คนละจุด คนละที่กัน แต่สัญญาต้องทำวันเดียวกัน เพราะมันฉบับเดียวกัน แต่ทำไมวันถึงเปลี่ยน แล้วไม่มีลายเซ็น?

อาคม : นั่นแหละครับ เป็นคำถาม

เจอแบบนี้เข้าไปก็หงาย?

สายหยุด : จริง ๆ ยังไม่ได้ยื่นใช้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรครับ แต่ถ้าจะทำคดีต่อถ้าจะทำตัวนี้ ต้องให้เขาไปหาคู่ฉบับที่มีลายมือชื่อเอามาให้ผม

ได้บอกเขามั้ย?

อาคม : ไม่มี มันไม่มีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น

สายหยุด : เขาบอกไม่มี ให้คู่ความถือไว้

คุณไม่เอาเหมือนกัน ไม่ไหว?

สายหยุด : ถ้าอะไรก้ำกึ่ง สู้ได้ ผมเป็นทนายจำเลย ผมสู้เต็มที่ แต่ผมมองว่าอย่างนี้มันเยอะไป ผมไม่ได้ว่าลูกความนะ ทุกอย่างมาจากข่าว ผมกลับสน.บางซื่อโดนตั้งกรรมการสอบอยู่ ลงประจำวัน มี่เองก็บอกว่าทนายตั้มให้โทรมาจองเงินให้หน่อย 39 ล้าน ขอธนบัตรใบใหม่ ๆ มันเชื่อมโยงมาทีละหน่อย ตั้งแต่เรื่องประจำวันลงมาเลย ผมมองว่าที่เขาพูดแนวทางมันไปไม่ได้ ถ้าจะเอาดำเป็นขาว ผมทำไม่ได้ ทำให้ไม่ได้

พลิกจากดำเป็นขาว ทำให้ไม่ได้?

สายหยุด : ผมไม่ทำ อย่าง 71 มันยังก้ำกึ่งว่าให้มาลงทุนหรือกู้หรือยืม เริ่มต้นจากสัญญา ผมมองว่ามันไม่ใช่การโจรกรรม ไม่ใช่การวางแผน ในใจเขายังไงกันผมไม่รู้หรอก 71 ล้าน ให้ยืม ให้มาทำ หรือให้เลย อย่างอื่นผมคิดว่าเขาทำงานให้แล้ว

39 ล้านบาทคดีโผล่มาแล้วจะไปเชื่อมโยงกับ 71 ล้านยังไง?

สายหยุด : ตอนนี้ข้อเท็จจริงชัดเจน ผมถามร้อยเวรแล้ว เขาแจ้งนุว่าร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน ถ้ากรรมเดียวฉ้อโกงไม่เป็นฟอกเงินอยู่แล้ว เขาก็ไปแจ้งร่วมกับตั้มแบ่งเป็นอีกหนึ่งกรรมในคดีเดิม อันนี้ก็จะเป็นกรรมที่ 4 ผมบอกผมสู้ 3 กรรม อีกกรรมให้ทนายคนอื่นสู้ มันทำไม่ได้ เวลาถามความทนายคนเดียวถาม ไม่ใช่ผมถามไปเสร็จ ผมแปะมือให้พี่อาคมไปถาม มันไม่ได้ พยานปากเดียว ทนายได้คนเดียว มันเชื่อมกันหมด เขาโยงว่าเป็นการวางแผนมีพฤติกรรมฉ้อโกงเป็นปกติธุระ แล้วมันมีอีกอันนึง ร้อยเวรบอกว่าไม่รู้จะแจ้งข้อหาหรือเปล่า ที่โอนเงินบิตคอยน์ครั้งแรกเป็นแสนบาท ว่าจะจ้างเฉินคุน ผู้เสียหายยืนยันว่าให้พี่ตั้ม 2 ล้าน แต่ไปสอบสวนแล้วโอนไปแสนเดียว ตรงนี้อยู่ 1.9 นะ บัญชีพี่ตั้ม ไม่ได้ขยับเลย ไม่ได้เอาไปให้ใครเลย อันนี้ก็อาจเป็นหนึ่งกรรมที่โดนอีก

กลัวคนว่าเราแฉลูกความมั้ย?

สายหยุด : ไม่ได้แฉ ผมพูดจากข่าวทั้งหมด ถ้าแฉลูกความคือการที่ผมเอาเรื่องที่ผมรู้ไม่ใช่จากหน้าสื่อ รู้กันเองจากที่ผมไปเยี่ยมเนี่ย ผมไม่เคยพูดสักคำ

แล้วมีอะไรมั้ยที่ไปเยี่ยม?

สายหยุด : พูดไม่ได้เลย ผมบอกว่าอะไรที่ผมจะช่วยเหลือได้ อะไรที่ผมส่งเอกสาช่วยได้ผมก็ช่วยได้ ในฐานะที่เขาก็เหมือนเป็นเพื่อนกันเคยให้ผมทำงานให้ ผมช่วยได้ แต่ให้ผมไปออกหน้าทำคดีเหมือน 10 กว่าวันผมไม่เอาแล้ว เพราะผมก็เริ่มจะเดือดร้อนแล้ว

เมื่อเช้าบอกเขาว่าไม่ทำแล้ว?

สายหยุด : ผมพูดเรื่องอื่น ๆ ไปก่อน สักพักนึง ก็ถามไล่ข้อเท็จจริงว่า 39 เล็กคนขับรถ เขาไปสารภาพหมดแล้วนะ แล้วยังใช้ให้เล็กไปนั่งที่บ้านพี่อ้อยเพื่อดูต้นทางว่าพี่อ้อยทราบหรือรู้ตัวหรือยัง เขาบอกว่าอ้าว ไอ้เล็กมันพูดขนาดนั้น มันโกหกแล้วพี่ ผมไม่รู้หรอกว่ามันโกหกหรือไม่โกหก แต่สังคมเขาเชื่อไปแบบนั้น

ไอ้เล็กชั่วไปอีก ไอ้เล็กไปโกหก?

สายหยุด : ถูก ผมก็บอกว่าผมไม่รู้หรอก แต่มันก็เป็นพยานปากหนึ่ง พี่ให้ค่าขนมันแสนนึง ถ้าใช้ให้ไปเอากระเป๋าคงไม่ต้องจ่ายแสนนึง เขาก็บอกว่าถ้าผมใช้คนให้ไปเอาของที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ผมให้แกร็บไป 200 เท่านั้นแหละ ผมไม่จ้างแสนนึงหรอก จ้างใครไปเอาก็ได้ ผมก็พูดว่าผมคงทำงานให้พี่ต่อไม่ได้แล้ว

เขาตอบว่า?

สายหยุด : เขาถามว่าพี่จะไม่ช่วยผมเหรอ ผมก็ตอบว่าผมช่วยได้เท่าที่ผมช่วย แต่จะไม่ช่วยเป็นทนายให้ เพราะผมพูดไปตั้งแต่ต้นว่าถ้าอะไรเกี่ยวข้องว่าพี่ผิดจริง ผมไม่ทำ

พี่เปิดกับเขาไว้เลย เราบอกว่าเขาผิดจริง?

สายหยุด : ความรู้สึกผม ผมก็เชื่อว่าเขาต้องเกี่ยวข้อง แต่เกี่ยวมากเกี่ยวน้อยผมไม่ทราบ จะเกี่ยวก่อนกระทำความผิด เกี่ยวขณะกระทำความผิด หรือเกี่ยวข้องจากไอ้นุกระทำความผิดมาแล้วก็ได้ ถ้าเกี่ยวหลังเขาก็เป็นผู้สนับสนุน ถ้าวางแผนแต่ต้นเขาก็เป็นตัวการ ผมก็ไม่รู้เขาเกี่ยวตอนไหนไง

เขาบอกพี่เหรอว่าถ้าให้ใช้แกร็บไปเอาที่เซ็นทรัลลาดพร้าว 200 แค่นั้นเอง แล้วเขาจะให้คนไปเอา 20 ล้านจริงเหรอ?

สายหยุด : ถ้าไปเอาของปกติไง จะให้ทำไมตั้งแสน ผมเป็นทนายเขาจะไปถามจับผิดเขาไม่ได้ มันไม่สมควร ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ เลิกกันก็แค่นั้นเอง

คุยในฐานะเพื่อนไม่ได้เหรอ?

สายหยุด :   คิดว่าเขาจะฟังผมเหรอ พี่โจ้เขายังไม่ฟังเลย พี่โจ้ไปตั้งแต่วันศุกร์ เขาคงไม่ฟังผมหรอก

พอบอกว่าไม่ทำแล้ว?

สายหยุด : เขาบอกว่าผมจะทิ้งเขาเหรอ ก็บอกว่าไม่ทิ้งหรอก มีอะไรปรึกษาได้ก็ปรึกษา ญาติพี่น้องก็ยินดีถ้าจะให้ช่วยเหลือนิด ๆ หน่อย ๆ ในฐานะเป็นเพื่อนกัน แต่เป็นทนายเข้าไปอยู่ในกระบวนการยุติธรรมไม่เอาแล้ว ถ้าผมผิดพลาดเอาเอกสารไปใช้โดยที่มันเท็จ แล้วผมไปลงลายมือเชื่อรับรองแล้วไปส่งมอบ ผมก็อาจโดนด้วย ร่วมกัน อาจเป็นไปได้ อาจมีแนวโน้ม ถ้าไม่ตรงเป็นเท็จแน่

ระหว่างพักเบรก ลูกน้องบอกว่าวันที่ 3 แต่พี่สายหยุดบอกว่าวันที่ 5 เขาก็ไปเอาเอกสารมาเลย?

สายหยุด : เขาให้มา 2 อัน 5 กับ 3 ตัววันที่ 5 อยู่บ้าน เขาให้มาสองอัน แล้วประทับตราไว้ ไม่มีชื่อเลย ใบเซ็นใบหลังหลุดไปเลย อยู่คนละหน้า มันไม่ตรงกัน ผมก็เลยไม่รู้อันไหนจริง อันไหนเท็จ ตัวว่างเพียบ แล้วทำไมไปลงชื่ออีกหน้านึง

พูดความจริงกับคุณผู้ชมเรื่องนึง พี่จะเอาอะไรให้ผมอ่าน พี่ผ่าน ๆ ไปก็ได้ ครั้งที่แล้วพี่เอาเอกสารมาตั้งให้ผมอ่านตรงนี้กับรณณรงค์ หัวชนกันอยู่ตรงนี้ อะไรเกิดขึ้นรู้มั้ย กองปราบบอกว่าหนุ่มมานี่หน่อยซิ มาให้ปากคำหน่อยว่าในนั้นมันเขียนอะไร ผมก็บอกว่าผมจำไม่ได้จริง ๆ ผมดูผ่าน ๆ พี่ไปถามรณณรงค์แล้วกัน สอบสวนกลางเรียกผมไปสอบแล้วนะ เพราะพี่เอาให้ผมดู?

สายหยุด : มันก็เป็นสำเนาก็อปปี้

อาคม : สัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรม ตัวษิทราไม่ควรมีต้นฉบับอยู่แล้ว เขาไม่มีหรอกต้นฉบับ ต้นฉบับควรอยู่ที่พี่อ้อย 1 ฉบับ อยู่ที่อินโนไฟว์ 1 ฉบับ ถ้าษิทรามีต้นฉบับ มันแปลก แต่ในเนื้อหาก็อย่างที่อ.ปานเทพได้เคยชี้แจงไปแล้ว สัญญามันค่อนข้างแปลกตรงที่ผู้ว่าจ้างก็อยู่หน้านึง ผู้รับจ้างก็อยู่หน้านึง เนื้อหามีช่องว่าง ซึ่งจริง ๆ มันน่าจะลงชื่อได้ทั้งหมด ผู้ว่าจ้าง ผู้ถูกจ้าง พยาน จริง ๆ มันอยู่หน้าเดียวได้ทั้งหมด ไม่เห็นต้องไปแยกหน้าเลย

แยกหน้ามาหมด พอแยกหน้าก็ไม่มีความชัดเจน ลายเซ็นอยู่อันสุดท้ายเลย คำถามคือการเซ็นชื่อหน้าสุดท้าย มันผิดปกติวิสัย มันคัดมาแค่อันนี้แล้วถ่ายเองก็ได้ เพราะไม่ได้มีอะไรระบุอยู่ในนี้เลย ไปคัดมาจากไหนก็ได้ ก็ไม่แฟร์?

อาคม : ถ้าถามษิทรา ผมเชื่อว่าเขามีคำตอบ

ของพี่อ้อยไม่ได้เป็นแบบนี้?

สายหยุด : เทียบแล้วแถวย่อหน้าอะไรไม่เหมือนกัน ผมดูตัวหนังสือไม่เหมือนกันที่อ.ปานเทพเอามาโชว์ อ.ปานเทพเข้าใจว่าผมยื่นไปแล้วด้วยซ้ำไป แต่ผมไม่เคยยื่น (หัวเราะ)

นี่คือทีเด็ดคุณสนธิกับอ.ปานเทพ แกเก็บไม้นี้ไว้นาน แล้วก็รอดูว่าตั้มจะพูดอะไร จะทำมุมไหนแบบไหน เหมือนขุดบ่อล่อปลาไว้เลย กูมีหลักฐานในมือแต่กูไม่เปิด มึงพูดไป ทนายสายหยุดอยากพูดก็พูด แต่พูดจบแกเปิดเลย ต้องยกให้เครดิตคุณสนธิกับอ.ปานเทพ นี่คือทีเด็ดจริง ๆ?

สายหยุด : ต้องเรียนว่าจริง ๆ ทนายตั้มเขาจะให้ผมพูดตั้งแต่วันแรกที่กองปราบ แต่ผมต้องไปตรวจสอบก่อน ผมไม่แน่ใจ ผมไม่กล้าเอาเอกสารไปให้ตร. นี่ก็เกินเวลาที่ขอไว้แล้ว 15 วัน ผมไม่อยากยื่น ให้คนอื่นไปยื่น ผมไม่เอา ผมบอกเขาแล้วเรียบร้อย ให้คนอื่นไปยื่น

พอบอกว่าไม่ทำแล้ว เป็นยังไง?

สายหยุด : ก็นั่งคุยเรื่องอื่น ๆ สักพักนึง บอกว่าคนรอบตัวพี่ทุกวันนี้เดือดร้อนหมด คนรอบตัวผม ญาติผม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องก็เดือดร้อนเหมือนกัน เพราะผมมาทำคดีพี่นี่แหละ เขาก็ทำหน้าแบบถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ผมก็บอกว่าขนาดนั้นเลยแหละ ผมอยู่ของผมสงบ ๆ ญาติผมก็ข้าราชการระดับสูงหลายคน คนที่เขาเอามาโจมตีก็เอามาโจมตีทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ซึ่งกฎหมายจำเลยต้องมีทนายความ ถึงตัวเขาจะเลวจะร้ายยังไง กฎหมายก็บอกว่าเขาต้องมีทนายความ แต่พอสังคมไม่แยกแยะ จริยธรรมกับกฎหมาย ศีลธรรมกับกฎหมายมันเกิด อย่างกฎหมายบอกว่าโกงกัน ที่ดินครอบครองปรปักษ์โกงมั้ย มันก็โกง ก็กฎหมายมันบอกให้โกงได้ แล้วศีลธรรมอยู่ตรงไหน ครอบครองที่เขาปีนึงก็ยึดเลย 10 ปีก็ปรปักษ์แบบนี้  ผมค้ำประกันหนี้ให้พี่หนุ่ม เงินผมไม่ได้ใช้สักบาท พี่หนุ่มไม่มี ปล่อยให้ล้มละลาย แล้วปล่อยให้มายึดบ้านผมไป ศีลธรรมอยู่ตรงไหน บาทนึงผมก็ไม่ได้ใช้ บางทีพูดเอามันส์อย่างเดียวไม่ได้ กฎหมายต้องการความแน่นอน แต่พอผมเป็นทนายให้ทนายตั้มก็ด่าผมว่าไม่มีศีลธรรม

อึดอัด น้อยใจ?

สายหยุด : ถ้าข้อเท็จจริงมันตรง ผมพร้อมสู้ พอข้อเท็จจริงมันไปไม่ได้แล้ว บวกกับกระแสกดดันด้วย ญาติพี่น้องเดือดร้อนไปหมด ผมก็คิดว่าผมไม่ไปดีกว่า แต่ไม่ได้ทิ้งเขา

อาคม : ทนายตั้มเขาร้องไห้มั้ย

สายหยุด : หน้าเขาก็ไม่ได้ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึม ๆ แต่ไม่ถึงกับร้องไห้ แต่คุยกับพี่โจ้ร้อง ผมรู้ ผมบอกให้เขารับสารภาพไปเถอะ 39 ล้านเนี่ย

อาคม : แนะนำทนายท่านไหนมั้ย

สายหยุด : ผมไม่กล้าแนะนำใครเลย เขาเป็นทนายอยู่แล้ว

อาคม : จุ๊กกรู๊ ๆ มีมั้ย

สายหยุด : พี่เดชาเหรอ เขาก็ยังหนุนอยู่นะ คงให้ญาติไปติดต่อไปเยี่ยม ผมไม่กล้าแนะนำใคร

พี่โจ้ไปเยี่ยมตั้มมาเป็นไงบ้าง?

อาคม : ก็อยู่ในภาวะที่ค่อนข้างกังวล คำถามแรกคือผมจะรอดมั้ยพี่

พี่ตอบว่ายังไง?

อาคม : ตั้งแต่คุยกับผม เคยคุยอยู่ครั้งนึง ผมบอกเขาแล้วว่าคืนเขาเถอะ จริง ๆ มันเป็นสามัญสำนึกของคน ฝ่ายพี่อ้อยเขาก็ยืนยันหนักแน่นมาตลอดว่าเขาไม่ได้ให้ ฝ่ายทนายษิทราบอกว่าให้ การรับฟังยังไงก็ต้องฟังเจ้าของเงิน โดยเฉพาะเงิน 70 กว่าล้าน จะบอกว่าให้ พี่หนุ่มเองยังตกใจเลยว่าจะเป็นไปได้หรือ ขณะเดียวกันถ้าเราจะใช้กฎหมายไปเอาเปรียบชาวบ้าน ผมบอกเลยไม่ควรทำ ก็เลยแนะนำให้คืน คืนก็หมดตูดสิพี่

เขาพูดกับพี่แบบนี้เหรอ?

อาคม : ประมาณนั้น อาจไม่ตรงร้อยเปอร์เซ็นต์

คำนี้พี่คุยกับเขาเมื่อไหร่ ก่อนเข้าไปหรือเปล่า?

อาคม : ก่อน ถามสายหยุดสิ เขาก็นั่งอยู่เนี่ย

สายหยุด : คุยกันต่อหน้าทั้งหมดนี่แหละ สรุปคือไม่คืน คุยกันตั้งแต่รับจดหมายว่าคืนเขาไปเถอะพี่ เขาทวงก็ต้องคืน พี่บอกเขาให้ แต่เขาบอกเขาไม่ให้ ใคร ๆ ก็ต้องเชื่อเจ้าของเงินทั้งนั้นแหละพี่ ใครจะมาเชื่อพี่ ให้ก็มีเหตุมีผล พี่อ้างเหตุผลเอาไปทำอะไร แล้วพี่ได้เอาไปทำมั้ยล่ะ

อาคม : เขายืนยันว่าเป็นเรื่องให้ ให้มาลงทุน หรือให้มาทำอะไรก็แล้วแต่ เขายืนยันว่าเป็นเรื่องให้ ซึ่งแนวคิดไม่ตรงกันแล้ว สองเรื่องรถเบนซ์ ผมต้องบอกว่าทางออกยังพอได้ ซื้อขาย ส่งใบเสนอราคามั้ย ส่งครับพี่ รถตรงสเปกตามที่เสนอราคามั้ย ตรงครับพี่ โอเค เป็นเรื่องซื้อขายได้ เรื่องออกแบบ เสนอราคาก่อนมั้ย เสนอราคาครับพี่ ทำงานเสร็จมั้ย ส่งแบบให้เขามั้ย ส่งครับพี่ มันก็เป็นเรื่องจ้างทำของ ก็ยังพอไปได้ ก็เลยบอกให้สายหยุดทำแล้วกัน แค่นั้นแหละ

นี่คือคุยกันครั้งแรก ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะลึกไปกว่านี้?

อาคม : เราไม่รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด

เขาไม่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมด?

อาคม : ครับ จำได้ว่าหลังจากคุย ผมไปโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของผม ว่าถ้าลูกความปิดบังข้อเท็จจริงทนายความ ถ้าแตกกลางศาลก็ตัวใครตัวมัน ผมโพสต์ไว้หลายสัปดาห์ก่อน เพราะเราฟังแล้ว เราเป็นทนายความ ลูกความมาหาผม ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยมีใครกระทำความผิด ถูกมาทุกคน ผมถูกกลั่นแกล้ง ผมถูกรังแกทั้งนั้น แต่สืบไป ๆ ไม่ใช่ ซักไป ๆ ไม่ใช่ ก็จะเหมือนสายหยุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แหละ

พี่โจ้ตีกันเหรอกับตั้ม?

อาคม : ผมไม่เคยตี ตั้งแต่เปิดษิทราลอว์เฟิร์มมา ปี 65 ที่มีภาพวิดีโอ ไม่มีผม ผมไม่เข้ามาตั้งแต่ปี 65 แต่ถามว่าคอนเซาท์ได้มั้ย ได้ ปรึกษาได้มั้ย ได้

แต่ก็แตกกัน?

อาคม : ไม่ได้ทำงานร่วมกัน ความหมายของผมคือถ้าบริษัทษิทราลอว์เฟิร์ม รับงานมากับลูกความ คุณเอาไปทำเลย แต่ถ้าจะให้ผมรับงาน ผมเรียกค่าจ้างว่าความเอง แล้วคุณแบ่งไป

แต่ผมได้ยินข่าวว่าพี่ช้ำใจกับตั้มมาไม่ใช่เหรอ?

อาคม : ไม่เป็นไร

พี่ร้องไห้เลยไม่ใช่เหรอ?

อาคม : มันจุกอก พี่หนุ่มโดนสามครั้งไม่เท่ากับผมโดนครั้งเดียว ผมหนักกว่าเยอะ

พี่โดนอะไร?

อาคม : อย่าเล่าเลย ให้มันผ่านไปเถอะ มันเหมือนเราเลี้ยงเด็กไว้คนนึง แล้วเด็กหนีไป เราก็จุกไว้คนเดียว บอกเมียก็ไม่ได้ ประมาณนั้น

 เซ็นถอนทนายหรือยัง?

สายหยุด :   ไม่ต้องถอนครับ เพราะใบที่ยื่นเซ็นไว้ ยังไม่ได้ยื่นที่ศาล ลงลายมือชื่อแต่งไว้จริง ถ้าไม่แต่งทนายไม่มีสิทธิ์เยี่ยมครับ

ใครจะมาเป็นทนายแทนเขา?

สายหยุด : ผมไม่แน่ใจว่าเขายังมีเพื่อนที่เป็นทนายมารับงานต่อจากผมหรือเปล่า ผมไม่ได้ถามเลยครับ เพราะเขาเป็นทนายอยู่แล้ว ขั้นตอนเขาก็พอรู้ แล้วเขายังมีเด็ก มีน้อง ๆ เป็นทนายอีก 2-3 คน

อาคม : จริง ๆ เขามีเพื่อนสนิทอยู่นะ ทุกวันนี้จุ๊กกรู๊ยังปกป้องอยู่นะ

สายหยุด : ผมก็ไม่ได้คุยกับอาจารย์ ว่าอาจารย์จะทำต่อหรือเปล่า

จริง ๆ คดีนี้พี่โจ้ไม่เกี่ยวข้อง แต่พี่มาดูคดีให้กับเดือน เมียทนายตั้ม?

อาคม : ใช่ครับ พอคุยกันแล้ว เราให้คืนก็ไม่คืน พอไม่คืนเราก็ไม่ทำ เผอิญว่าวันที่ถูกจับ ผมกับสายหยุดสืบอยู่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เดือนเขาติดต่อผมไม่ได้ เขาก็โทรไปคุยกับภรรยาผมที่เชียงใหม่ ภรรยาแจ้งมาว่าให้ไปช่วยดูเขาหน่อยเถอะ ผมก็เลยไป นั่นคือเหตุผลที่ได้เข้ามา ทีนี้รูปเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เดือนเข้าไปติดแตะเกี่ยวข้องในขั้นตอนการรับโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดิน ที่บางกอกบลูเลอวาร์ด เกี่ยวข้องในขั้นตอนวันที่ 22 มี.ค. 65 คือไปเซ็นชื่อรับโอนบ้านนั่นแหละ การกระทำส่วนอื่นไม่มี

บ้านหลังนี้ซื้อเป็นเงินสด?

อาคม : ถูก เบื้องต้นมันจองประมาณเดือนก.ย. 65 มีการผ่อนดาวน์ มีการตั้งเรื่องขอวงเงินสินเชื่อกับธ.กรุงเทพ แต่ไม่ทราบว่าอนุมัติสินเชื่อหรือยัง แล้วมาปิดเงินสด ษิทราทำไปซื้อแคชเชียร์เช็คฉบับที่ 1 9.6 ล้าน 20 มี.ค. 65 ใบแรกจ่ายเจ้าของโครงการ 9.6 ล้าน ใบที่สองสั่งจ่ายธนาคาร 29 ล้านเศษ พอซื้อวันที่ 20 ก็ไปโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 22 มี.ค. ก็โอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อเดือน เดือนก็เกี่ยวข้องตรงนี้ ผมมองว่าเส้นทางการเงินไม่มีเลยที่เดือนจะเข้าไปแตะ เพราะการได้มาโดยรู้ว่าทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ข้อกล่าวหามีแค่นี้ ซึ่งเดือนเขาบอกว่าเขาไม่รู้

เดือนโดนฟอกมั้ย?

อาคม : ฟอกไง เพียงเท่านี้ รับบ้านมาจากเงินสีเทา ตร.เขาก็กล่าวหาว่าเดือนฟอกเงิน สมคบกับษิทราฟอกเงิน เป็นความผิดตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เดือนให้การปฏิเสธว่าเขาไม่ทราบ เขารับว่ารู้ว่าเงินมาจากพี่อ้อย แต่ไม่รู้ว่าตั้มไปหลอกเขามา เรามองว่าก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เมื่อไม่รู้ก็พอมีทางในการต่อสู้คดีได้

เป็นไปได้มั้ยที่เมียจะไม่รู้ว่าเมียไปหลอกเขามา?

อาคม :   อันนั้นก็เป็นคำถามของผมแล้ว ตอนผมถาม ผมบอกว่าเดือนบ้านหลังนึง 40-50 ล้าน ชีวิตนึงคน ๆ นึงมันจะซื้อได้สักกี่ครั้ง อย่างมากก็ได้ครั้งเดียว เดือนจะจำไม่ได้เลยหรือ ไม่ถามผัวเลยเหรอว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อ เขาบอกว่าหนูถามแล้ว ก็เป็นเงินพี่อ้อยที่ให้มา แต่หนูไม่รู้ว่าไปหลอกเขามา คิดว่าเขาให้มา

ใครจะให้เงินมาซื้อบ้าน?

อาคม : วันแรกที่เจอหน้าผม คุณเดือนเขาร้องไห้นะ เขาบอกว่าทำไมพี่อ้อยทำกับเขาแบบนี้ เขารักกันมาก สนิทสนมกันมาก เขาไม่เชื่อว่าตัวเขาจะถูกดำเนินคดี นี่คือครั้งแรกที่เจอ ซึ่งผมเชื่อว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง แต่ในขณะเดียวกัน การกล่าวหา ผมก็อธิบายให้เขาฟังว่าที่ถูกกล่าวหาเพราะคุณไปรับโอนบ้าน ต้องเข้าใจก่อน เจ้าหน้าที่เขาไม่ได้กลั่นแกล้งคุณ ข้อเท็จจริงมันปรากฏแบบนี้จริง ๆ แล้วให้การไปตามความเป็นจริง นี่คือสิ่งที่ผมเล่าให้เขาฟัง ก็ปรับความรู้สึกตัวเองได้ จนเข้าไปเยี่ยม ก็พยายามให้เขาอยู่ข้างในได้ เนื่องจากเดือนมีภาวะโรคประจำตัว ก็บอกว่าอดทนหน่อย อะไรที่สั่งยาเข้าไปได้ก็สั่งเข้าไป นี่คือที่มาของเรื่อง ว่าผมเข้าไปแตะเขาได้ยังไง แต่ที่มันเป็นประเด็นใหญ่ ๆ ที่มีข้อกล่าวหา พูดกันทั่วไปว่าสายหยุดเป็นทนายหลอก ผมเป็นทนายตัวจริง ผมเรียนยืนยันกับโหนกระแสว่าไม่จริง ผมไม่รับเป็นทนายความให้ทนายษิทราร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ทำแน่นอน

เป็นคนวางแผนมั้ย?

อาคม : ไม่มี ถ้าน้องมีปัญหาเขามาปรึกษา เราเป็นพี่ก็ให้คำปรึกษาได้ จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงผมออกจากเรือนจำ ก็นัดคุยกับสายหยุด เพราะเข้าไปคุยกับษิทรามาแล้ว

เขาคุยว่าไง?

อาคม :   เขาบอกจะสู้

เขาเห็นพี่ทีแรกเป็นยังไง?

อาคม : คำถามแรก ผมจะรอดมั้ย

พี่ตอบว่า?

อาคม : ผมบอกว่าคืนเขาเถอะ แต่เขาบอกว่าไม่คืน คืนก็หมดตูด ก็ต้องมานั่งคิดนะครับ อย่างที่สายหยุดเคยมาโหนกระแส สายหยุดพยายามอธิบายว่าเราเป็นทนายความเราควรทำงานให้เขาได้รับโทษอย่างเหมาะสม เช่นกรรมรถเบนซ์เราอาจมองว่าเป็นเรื่องซื้อขาย ไม่เป็นความผิด กรรมค่าแบบเรามองว่าไม่เป็นความผิด ตอนนั้นเข้าใจว่าสายหยุดก็มีเรื่องเดียวคือ 71 ล้าน ก็สู้ไป เขาถึงมั่นใจว่าเขาสู้ได้ ตอนนั้นเป็นปาเกียวอยู่ ตอนนี้เป็นเกี๊ยวซ่าเรียบร้อย (หัวเราะ) เขาหมอบ (หัวเราะ)

สายหยุด :   จริง ๆ ไม่อยากหมอบ แต่เขาสู้

กินข้าวหรือยัง?

สายหยุด : กินไม่ลงมาหลายวันแล้ว

ตั้งเป็นเพลงไว้เตือนตัวเอง เรากินข้าว ไม่กินหญ้า?

สายหยุด : (หัวเราะ) ไม่ครับ ไม่อยากไปว่าเขา แค่นี้เพื่อนก็แย่แล้วครับ (หัวเราะ)

อาคม : หลังจากประชุมกับสายหยุด เราเอาเรื่องทั้งหมด ตั้งแต่ก่อน 8 พ.ย. ปีนี้ก่อนถูกจับกุม ตามที่คุณสนธิกับอ.ปานเทพ เปิดรายละเอียดมาอีพี 1 2 3 4 เปิดมาจนถึงหยดสุดท้ายก็เป็นเรื่องพินัยกรรม

ผมนั่งอยู่น่าน มีคนบอกว่าเฮ้ย จริง ๆ เหรอเนี่ย?

อาคม : ถ้าผู้ชมฟังคุณสนธิ อาจฟังแล้วไม่ได้ปะติดปะต่อ หรือมองไม่เห็นแผนประทุษกรรม เราก็นั่งคิดกันก่อนว่าเราเป็นทนายความ จะตัดสินใจทำหรือไม่ทำคดีเรื่องใดเรื่องนึง ต้องมีเหตุมีผล สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ ต้องเรียนก่อนว่าคุณษิทรายังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่เราวินิจฉัยกันสองคน เราหาพื้นฐานก่อนว่าทำไม ก่อนที่จะรู้จักกับพี่อ้อย คุณษิทรามีสำนักงานษิทราลอว์เฟิร์ม ตั้งอยู่แถวสาทร มารู้จักกับพี่อ้อยช่วงเดือนก.พ.ปี 65 ก็ไม่น่ามีอะไรที่เป็นมูลเหตุจูงใจให้กระทำความผิด หลังจากนั้นพี่อ้อยก็อนุเคราะห์จ้างสำนักงานษิทราลอว์เฟิร์มเป็นที่ปรึกษา ให้เงินึค่าที่ปรึกษาเดือนละ 3 แสน ก็ถือว่าสูง เยอะมาก พอตกลงกัน ก็มีการทำสัญญาจ้างที่ปรึกษากันประมาณเดือนเม.ย.ปี 65 เท่าที่ฟังจากข่าวนะ 9 เม.ย. 65 มีการทำพินัยกรรมขึ้นมา เราก็มาประมวลว่ามูลเหตุน่าจะเกิดจากท่อนนี้ เพราะพินัยกรรมพี่อ้อยมีทรัพย์สินมากเป็นพันเป็นหมื่นล้าน เลยทำให้คนเกิดความคิดว่าลูกความคนนี้มีเงิน ก็ต้องการเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนม มันเลยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาว่า ทำยังไงล่ะ ฉันถึงจะใกล้ชิดกับบุคคลท่านนี้ได้ ก็ต้องไปมาหาสู่กัน ให้ความช่วยเหลือกัน มันเริ่มจากคนไปหลอกใครได้ต้องมีความใกล้ชิดกันก่อน ผมใช้คำว่าเข้าไปตีซี้แล้วกัน แล้วรู้ว่าบุคคลท่านนี้มีทรัพย์สินมากจริง รู้จากไหน ก็รู้จากพินัยกรรมนี่แหละ ว่าเงินเท่านี้ให้ใคร ที่ดินทรัพย์สินต่าง ๆ ตรงไหน ให้ใคร มันก็เลยเกิดความโลภ

หมายถึงตั้มเกิดความโลภ?

อาคม : ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่ยืนยันตามเดิมว่านี่คือสิ่งที่เราวิเคราะห์ ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงในคดี เราวิเคราะห์ว่าคนจะตัดสินใจลงมือกระทำความผิดต้องมีเหตุจูงใจ ต้องมีที่มาที่ไปของเรื่อง พอเห็นปุ๊บเริ่มสนิทกัน ก็เริ่มพาครอบครัวไปเที่ยวฝรั่งเศส มีการบินมาบินไปตามที่เขาโชว์อยู่ในออนไลน์ ทำให้เชื่อว่าคู่นี้เขาสนิทกันจริง ๆ ซึ่งครอบครัวพี่อ้อยก็เอ็นดูน้องซัมเมอร์ ลูกคนเล็กของษิทรา มีความคิดที่อยากจะรับหลานไปเป็นบุตรบุญธรรม ตรงนี้ก็ยังไม่แปลกนะ ที่เรามาเอ๊ะคือว่ามีการเอาญาติของษิทราไปเป็นภรรยาของลูกพี่อ้อย ตรงนี้ที่มันแปลกว่าคุณมีวัตถุประสงค์อะไร หลังจากนั้นงานก็เดินต่อ จนกระทั่งมาถึงช่วงเดือนธ.ค. ปี 65 ปรากฏว่าข้อเท็จจริงที่ฟังจากษิทรา คือเขาไปขอเงินพี่อ้อย 2 ล้านยูโร ตั้งใจว่ามาทำแพลตฟอร์มสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เป็นข่าว แต่ผมไม่ลงรายละเอียดแล้วกัน ไปคุยช่วงปลายธ.ค.ปี 65 ต่อเนื่องมาถึงม.ค.ปี66

นี่คือแผนประทุษกรรมใช่มั้ย?

อาคม : ใช่ นี่คือกระบวนการที่หนึ่ง หยั่งเชิงดู ขอได้มั้ย พอสรุปมา ก็มีการทำสัญญาขึ้นมา สัญญาตัวนี้ดูเผิน ๆ ไม่ได้มีอะไรนะ แต่ที่มันเอ๊ะคืออ.ปานเทพพูดขึ้นมาว่า แอปฯ นาคี มี 2 ตัว มีนาคีแดง กับนาคีเขียว ทีนี้กระบวนการเราจะเห็นว่ามันเรียงลำดับ แพลตฟอร์มสลากกินแบ่ง ได้เงินมาก.พ.ปี 66 แต่ไม่มีการทำ ตอนนั้นตกลงกัน ทำนาคีแดง จนกระทั่งพี่อ้อยส่งโนติสมา ถึงเกิดเป็นนาคีเขียว แสดงว่ามีการคุยกันเรื่องนี้จริง แล้วจะบอกว่าให้มาเฉย ๆ ก็จะแปลก ๆ นี่คือเรื่องที่หนึ่ง สองมี.ค.กับเม.ย.ปี 66 มีการคุยกันเรื่องรับบุตรบุญธรรม หลังจากนั้นเงิน 39 ล้านเกิดขึ้นในช่วง พ.ค. ปี 66 เงิน 39 ล้านเราก็มาวิเคราะห์ต่อ พี่อ้อยให้ครั้งแรก เอาเงินให้ษิทรา 2 ล้าน เพื่อไปโอนให้เฉินคุน แต่ข้อเท็จจริง ที่ปรากฏตามสื่อมวลชน ปรากฏว่าโอนไปให้แสนเดียว แล้ว 1.9 ล้าน ทำไมยังอยู่ในบัญชีของษิทรา ประการที่สองษิทราบอกว่าไม่รู้เรื่องเลยนะ ไม่เกี่ยวกับผมเลย แต่ข้อเท็จจริงปรากฏตามสื่อว่าษิทราคุยกับมี่ว่าขอธนบัตรใหม่ ๆ หน่อย แล้วทำไมต้องขอ จริง ๆ ไอ้นุน่าจะเป็นคนขอ ประการที่สาม เล็กออกมารับว่าเป็นคนเอากระเป๋าเดินทางไปใส่เงินและเป็นคนนับเงิน จำนวน 20 ล้าน แล้วหลังจากนั้นเอาไปไว้ที่บ้านตั้ม ทำไมต้องเอาไปไว้ที่บ้านตั้ม

ณ วันนี้แผนประทุษกรรมที่พี่มองทั้งหมด ในฐานะคนเคยรู้จัก พี่ว่าตั้มทำมั้ย?

อาคม : ผมไม่อยากกล่าวหาแบบนั้น ในฐานะพวกกัน แต่มองจากภาพรวมที่ปรากฏ บ่งชี้ไปได้ว่ามีส่วนร่วมกระทำความผิด

พี่เข้ามาดูแลเดือน ตร.ไม่ให้ประกันตัวเดือนในครั้งแรก แล้วจะประกันอีกมั้ยล่าสุด?

อาคม :   จริง ๆ ผมเตรียมคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเดือนเสร็จประมาณ 7 วันแล้ว เข้าไปคุยเรื่องบ้าน

บ้านจะถูกยึดมั้ย?

สายหยุด : มีคำสั่งไปที่สำนักงานที่ดินห้ามจำหน่ายจ่ายโอน ร้อยเวรแจ้งไปว่าถ้ามีการทำธุรกรรมให้แจ้งมาที่กองปราบ

บ้านหลังนี้ซื้อเงินสด จะมีโฉนดเป็นชื่อของเดือน 1 งาน 79 วา?

อาคม :   มูลค่าเกือบ 43 ล้าน

โฉนดนี้ไม่ได้ติดธนาคาร เดือนจะเอาบ้านหลังนี้ไปประกันตัวเอง?

อาคม : ไม่ใช่ ผมเข้าไปคุยกับเดือนว่าโฉนดอันนี้ถูกกล่าวหาขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์จากที่ดิน เราบริสุทธิ์ใจมั้ย ถ้าพี่จะเอาโฉนดฉบับนี้ไปวางกับศาลเพื่อเยียวยาความเสียหายให้พี่อ้อยเขา เพราะเราถูกกล่าวหาว่ารับโอนโดยรู้ แต่ถ้าเราไม่รู้ก็เอาไปให้เขาสิ

ทนายโจ้ ให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ เอาโฉนดอันนี้ไปวางที่ศาลเพื่อเป็นการันตีคืนให้พี่เขาไป แล้วเราก็ไปประกันตัวกัน จะได้จบ ๆ กันไป แสดงเจตนาว่าเราไม่รู้ไม่เห็น เพราะบ้านเป็นชื่อของเดือน ถ้าเดือนต้องการแสดงว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง ก็คืนเขาไปเลย แสดงความบริสุทธิ์ใจเรื่องนี้ แล้วก็ประกันตัวเอา แล้วยังไง?

อาคม : ผมเสนอไป เงินหลักประกันใช้เงินสด เสนอให้คืนบ้านไป ตกลงกันแบบนี้นะ เดือนก็ตกลง

ทำไมถึงไม่จบ?

อาคม : ให้คนประสานไปที่เรือนจำชาย คุยกับตั้ม ได้รับรายงานว่าตั้มโอเค ครั้งแรกเขาบอกโอเค ผมก็เลยไปหาเขาวันศุกร์ที่ผ่านมา เข้าไปพบเขาอีกที จะไปแจ้งว่าจะยื่นประกันตัวเดือนแล้วนะ พอคุยกันเรื่องโฉนดแปลงนี้ ผมถามว่าญาติมาแจ้งให้ทราบแล้วใช่มั้ยว่าพี่จะเอาโฉนดบ้านไปวางที่ศาล เพื่อคืนพี่อ้อย คำตอบคือพี่เอาไปวางศาลแล้วผมเอาหลักทรัพย์ที่ไหนประกันตัว ผมก็ห๊ะ!

 ทั้งที่จะเอาเมียออกนะ?

อาคม :   นั่นแหละ เราก็อึ้ง แต่เราไม่พูดอะไร ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา เราก็กลับ

ผัวไม่ยอม เมียต้องอยู่ข้างในต่อ?

อาคม : ถูก ไม่ยอมก็กลับ ก็เป็นจุดที่เราตัดสินใจไม่ทำเรื่องนี้ เพราะส่วนหนึ่งมาจากประเด็นนี้ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจ เอาไปวางที่ศาลเลย ถ้าพี่อ้อยชนะคดีก็เอาบ้านไป ถ้าแพ้คดีก็เอาบ้านมา ง่าย ๆ แบบนี้ แต่เขาไม่ยอม แสดงว่าเมียติดยาว แปลความอย่างนี้เลย แล้วลูกมึงล่ะ

จริงเหรอเนี่ย?

สายหยุด : เบ็ดเสร็จแทบเกือบร้อยแล้ว ผมบอกถ้าพี่จะยืนยันความบริสุทธิ์ พี่คืนทรัพย์สินได้ในทางแพ่ง ทางอาญาพี่ก็สู้ไป อย่างน้อยแพ้ก็มีเหตุบรรเทาโทษ ชนะตัวเองก็หล่อ ไม่โกง แต่เมื่อเจ้าหนี้เขาทวงก็ต้องคืน อีกหน่อยเขาฟ้องให้โดยเสน่หา เขาเรียกคืนได้ถือว่าเนรคุณ ใช่มั้ยครับ ทางแพ่งก็ยังไม่จบ ถึงคุณชนะอาญา แพ่งก็ไม่จบ เพราะเขาพูดว่าเขาไม่เคยให้ ก็เนี่ยแหละ เริ่มเห็นไม่ตรงกับผม กับพี่โจ้

อาคม : เอาแค่ตรงนี้ สองผัวเมียถูกดำเนินคดี ประตูออกมีอยู่บานเดียว จะเบียดกันออก ผมว่าเดี๋ยวจะไปทั้งคู่ จะไปยาก สองเรามั่นใจว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 71 ล้าน 39 ล้าน หรือรถเบนซ์ หรือค่าแบบ พอเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น มันจะไม่มีคนรับในผลการกระทำความผิดเหรอ ต้องมีคนรับไปบ้าง มึงทำมึงก็รับไปสิ เอาเมียออกมา พอเจอว่าจะเอาหลักทรัพย์ที่ไหนประกัน ผมก็กลับดีกว่า จบ

ถ้าเอาโฉนดไปวาง โอกาสได้ประกันเดือนก็สูง?

สายหยุด : ก็สู้เจตนาว่ารู้หรือไม่รู้ หลักทรัพย์เรตขั้นต่ำของศาลอยู่ที่ 1.5แสนเองพี่ ผมก็ไม่รู้เหตุผลเขา ผมก็ไม่ถามเลย

พี่ได้ยินคำนี้มา?

สายหยุด : ผมไปบอกเองว่าจะทำแผนนี้ทีแรก เขาบอกว่าโอเค ผมถึงออกมาแถลงแนวคิดผมว่าจะไกล่เกลี่ย ผมโทรหาทนายพี่อ้อยว่าจะไกล่เกลี่ย คืนทรัพย์ เขาจะถอนไม่ถอน อย่างน้อยสู้ก็ยังเบา แต่พอพี่โจ้ไปคุยเขาไม่โอเค ผมก็ไม่ต้องคุย เพราะเขาฟังพี่โจ้มากกว่า

ก่อนออกจากสอบสวนกลางขึ้นรถ เขาหอมโหนกหัวเมียอยู่เลยนะ?

สายหยุด : หน้าผาก พี่หนุ่มก็โหนกอย่างเดียวเลย (หัวเราะ) คิดดีไม่ได้เลยครับ (หัวเราะ)

มันลืม แหม คิดไม่ทันไร อยากรีบพูด?

อาคม : บางทีเราก็ไม่รู้เขาคิดอะไร อยู่ในเรือนจำน่าจะคิดได้ว่ากูทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมเมียก็เดือดร้อน เอาทรัพย์ไปใส่ชื่อเมีย ให้พี่เมียไปรับเงิน พี่เมียก็เดือดร้อน ให้คนขับรถไปรับเงิน คนขับรถก็เดือดร้อน ให้เบียร์ไปเอาไปเอาเงิน 9 ล้านก็เดือดร้อน คนอยู่รอบข้างเดือดร้อนทุกคน เพราะตัวมันไม่ได้ทำอะไร มันสั่งอย่างเดียว ผมว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเรียนผู้ชมว่าทนายษิทรายังไม่ได้ทำความผิด จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

จะเอายังไงกันต่อไป ในเมื่อตั้มไม่ยอม?

อาคม : ผมส่งไลน์ไปหาไลน์กลุ่มครอบครัว บอกว่าสายหยุดได้ปรึกษากับผมแล้ว สายหยุดจะหยุดการทำงานคือวันนี้ ส่วนผมจะหยุดการทำงาน หลังจากประกันคุณเดือน เรียนยืนยันตรงนี้ว่าในชั้นพิจารณาที่จะไปว่าความกันในศาลก็ไม่ใช่ผม ผมเกี่ยวข้องแค่ในชั้นสอบสวนนี่แหละ

ถ้าตร.ไม่ให้ประกัน พี่ทำยังไง?

อาคม : ก็อาจไปยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ ว่าศาลอุทธรณ์ท่านจะเมตตาให้ประกันคุณเดือนมั้ย ถ้าไม่ได้ก็คงต้องพัก

ในเมื่อโฉนดฉบับนี้เป็นชื่อเดือน ตั้มจะมีสิทธิ์อะไร?

สายหยุด : สินสมรสครับ ได้มาระหว่างสมรส คู่สมรสต้องยินยอม

ได้อธิบายตั้มมั้ยว่าให้เอาเดือนออกมาก่อนเพื่อไปดูแลลูก?

อาคม : มันเป็นนักกฎหมาย มันคิดได้อยู่แล้ว

เจตนาเขาคืออะไร?

อาคม : ษิทรากลัวไม่ได้ประกัน แต่เราก็ไม่อยากบอกว่ามึงยังคิดว่าจะได้ประกันอีกหรือไม่อยากพูดซ้ำเติม เอาแค่ว่าตามใจมึงแล้วกัน ประมาณนี้

หยุดแน่นอน?

สายหยุด :  หยุดครับ จริง ๆ หยุดมาตั้งแต่วันศุกร์ที่คุยกับพี่โจ้แล้ว แต่โดยมารยาทไปบอกเขานิดหน่อยว่าเหตุผลเพราะอะไรผมถึงไม่ทำต่อ ติดตรง 39 ล้านและปลอมเอกสารอีก เดี๋ยวจะมาอีกไม่รู้กี่คดี ซึ่งจริง ๆ ผมไม่รู้เลยเพราะพี่ไม่ได้เล่าให้ผมฟังทั้งหมด

ถามในฐานะเคยเป็นทนายให้ทนายตั้ม ถ้าทนายตั้มฟังฝั่งพี่ว่ารับไปเถอะว่าผิดจริง โทษจะเป็นยังไง?

สายหยุด : ถ้ารับ ฟอกเงินขั้นต่ำน่าจะปีนึง

อาคม :   ต่ำปีนึง สูงสิบ

สายหยุด : ฟอกเงินผมว่าไม่เกิน 3 ปี แต่เป็นทนายน่าจะได้ลดน้อย เพราะรู้กฎหมาย รับสาภาพก็ลด ถ้าเต็มสิบ ก็เหลือ 5 ครับ ฉ้อโกงกรรมละ 1.5 ปี 4 กรรมก็ 6 ปี น่าจะ 11 ปี บวกลบ ถ้ายอมรับ คืนทรัพย์ เจ้าทุกข์ไม่พอใจ มันก็ลดลงไป แต่ต้องคืนทรัพย์สิน

แต่นี่ไม่คืน?

สายหยุด : ถ้าไม่คืนก็น่าจะลำบาก

รับไปอย่างน้อย 11 ปีแต่ถ้ารับแล้วคืนทรัพย์สิน?

สายหยุด : บรรเทาเยียวยาผลร้าย

น่าจะเหลือสัก 6 ?

สายหยุด : ถ้าคนธรรมดา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฟอกเงินส่วนใหญ่ก็ปีเดียว กรรมก็ปีเดียว แต่เขาเป็นนักกฎหมาย แล้วความเสียหายเขาสูงมาก

ถ้าสู้สุดซอย?

สายหยุด : ก็ไม่มีเหตุบรรเทาโทษ โดนเต็มๆ ฉ้อโกงก็กรรมละ 3 ปี ถ้า 39 ล้าน ก็ 4 กรรม รวมเป็น 12 ปี ฟอกเงินก็ 10 ปี เป็น 22 ปี ยังไม่เกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับเอกสารอีก ใช้เอกสารปลอมอัตราโทษก็สูงอยู่ครับ

สัก 25 ปี?

สายหยุด : ไม่น่าจะถึง ติดจริงเป็นนักโทษชั้นดีก็เลื่อนไป โทษสุทธิ

อย่างน้อยก็ต้องสัก 10 ปี?

สายหยุด : ก็ใกล้เคียงครับ ผมแนะนำทางที่ดีให้เขาแล้ว ในเมื่อเขาทวงก็คืนเขาไปเถอะ อย่างน้อยอิสระสำคัญกว่า อยู่นอกเรือนจำง่ายกว่า แต่ถ้าอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็คืนทรัพย์เขาให้ครบ จะสู้คดีก็สู้ไป เราแนะนำให้เขาหมด พอดอก 39 ล้าน ผมให้รับเลย เพราะผมฟังเล็กมา เล็กให้รายละเอียดยิบเลย เขาไม่กล้าโกหกด้วย เขาเป็นคนขับรถ เขาพูดเรื่องจริงไปหมดแล้ว ไม่รู้เล็กจะโดนด้วยหรือเปล่า

แต่แกพูดตลอดว่าแกไม่เกี่ยวข้องเรื่องเงิน 39 ล้าน บอกว่าห้ามแล้วแต่ไม่ฟังกันเอง?

อาคม : ที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมไม่เอาเมียออกมาก่อน ที่ผมแปลกใจ จะลากกันอยู่ข้างในไปทำไม ให้ติดยาวไปซะเปล่าๆ

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่ตั้มไม่ควรทำเลย คือน่าจะคืนเงินตั้งแต่แรก?

อาคม : พี่แต้มนั่งตรงนี้เลย ผมจำได้ เขามีบุญคุณกับมึงแบบนี้ มึงจะทำแบบนี้อีกหรือ เขามีบุญคุณขนาดนี้ ต้องมีสามัญสำนึก

เรื่องพี่เองหรือเปล่า อยากพูดคำนี้กับตั้มหรือเปล่า?

อาคม  : ไม่ใช่

สายหยุด : พี่โจ้ก็โดนมาเยอะ

อาคม : ถึงตัวผม พี่อ้อย หรือใครก็แล้วแต่ โดนเหมือนกันในพฤติกรรมเดียวกัน เราคิดถึงคำพูดของลุงจรูญ คนที่เลวโดยสันดาน การศึกษาก็ช่วยไม่ได้นะ

ตายแล้ว!  อันนี้จดหมายอะไร?

สายหยุด : ภาษากฎหมายคือจดหมายบอกกล่าวทวงถามหนี้จากเจ้าหนี้ครับ

อันนี้เป็นหนังสือออกเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 67 ถึงทนายตั้ม เป็นเรื่องขอให้ส่งมอบเงินสดคืน อ้าง 1 การรับโอนเงินเพื่อนำไปชำระหนี้ให้คู่สัญญาทางธุรกิจของข้าพเจ้าที่ธ.กรุงศรี ฯ เหมือนทนายออกแทนพี่อ้อยมา ให้คืนเงินคุณอ้อยเป็นเงินทั้งหมด 71,067,765.70 ให้ส่งคืนเต็มจำนวน และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ภายใน 7 วัน ตั้งแต่ได้รับสัญญาฉบับนี้ มันก็ยืนยันว่าเขาก็เรียกเงินคืน?

สายหยุด :   ถ้าเป็นแนวทางผม คนรับจดหมายไม่ใช่ทนายตั้ม เป็นลูกความทั่วไป ถ้าได้รับจดหมายแบบนี้ ผมจะให้เขาไปคุยกัน ให้รีบติดต่อไปหาพี่ทนายเขาเลย แล้วอธิบายหารือกันว่า เขาให้ผมมาลงทุนหรือให้มาทำอะไร ตอนนี้เงินไม่อยู่แล้วจะให้คืนยังไง ก็ควรต้องคุยกันครับ ไม่ควรให้ลุกลามบานปลาย ในเมื่อเจ้าของเขาทวง ยังไงก็ต้องทวง พี่โจ้ก็แนะนำให้คืน ทุกคนก็แนะนำให้คืนหมด

เข้าไปเยี่ยมทนายตั้ม ได้พูดเรื่องการกินเยี่ยวมั้ย?

สายหยุด : เรื่องนี้ไม่ได้พูด แต่ผมพูดกับเขาตั้งแต่วันแรก ว่าท่านสนธิเขาเป็นผู้ใหญ่ แล้วสังคมไทยพี่ไม่ควรไปเรียกเขาว่าไอ้ หรือไปท้าทาย เขาเป็นผู้ใหญ่ พี่ผิดไม่ผิดก็อธิบายไป เขาเป็นผู้ใหญ่กว่า ผมว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำ แกก็บอกว่าแกโมโห แต่ผมก็บอกว่าไม่สมควรทำเลย เพราะพี่เองถ้ามีอะไรไม่ดี พี่ก็มาหาสื่อมวลชนให้เปิดเรื่องทำคดี ซึ่งก็ไม่เห็นด้วยนะ เพราะพี่ไม่แจ้งความแต่นี่เขาเป็นสื่อมวลชน เขาเปิดอีกขั้วนึง พี่ก็มีสิทธิ์ที่จะอธิบาย ไม่ใช่ไปด่าคนเปิด ไม่งั้นพี่หนุ่มก็ต้องโดนด่าเยอะแยะ เพราะพี่หนุ่มเปิดวันนึงไม่รู้กี่เรื่อง

อาคม : สายหยุดไม่ให้เงื่อนไขเขาล่ะ ถ้าเขาสารภาพไป เดี๋ยวสายหยุดรับผิดชอบกินฉี่แทนเอง

สายหยุด : ไม่ไหวมั้งพี่ (หัวเราะ) มันเครียดด้วย

เข้าไปเยี่ยมตั้ม เขาร้องไห้มั้ย?

อาคม : ร้อง

สายหยุด : ทำไมเพิ่งมาเยี่ยมผม เขาพูดอย่างนี้ เขาไม่เหลือใครแล้ว

อาคม : เขาคิดว่าผมคงไปเยี่ยมเขาในเร็ววัน เริ่มผลัดสองผมเพิ่งโผล่เข้าไป

เขาร้องน้ำตาไหลหรือสะอึกสะอื้น?

อาคม : ไม่ถึงขนาดนั้น แต่อย่างว่า ลูกเขาเขียนจดหมายไปถึง พอน้องสาวอธิบายว่าลูกเขียนอะไรไป เขาก็มีน้ำตาคลอ น้ำตาซึม อย่างน้อยคิดว่าเขาน่าจะได้สำนึกบ้าง อะไรผิดก็รับ

เรื่องนี้ควรต้องคืนเงินเขา เขาจะใช้คำพูดว่าคืนแล้วหมดได้ไง?

อาคม : มันสื่อได้ว่าเขามีความมั่นใจว่าเขาจะชนะคดีได้อยู่

จะสู้มุมไหน มองไม่ออกเลย?

สายหยุด : เขาอยู่มุมนั้น เขาไม่ได้รับข่าวสารทุกวัน ญาติเขาก็ไม่ได้ตามข่าวเหมือนพวกผม  ผมเป็นทนายความก็ตามประเด็น ว่าเขาเปิดประเด็นอะไร ก็โทรหาพนักงานสอบสวน ว่าจะแจ้งข้อหา 39 ล้านทนายตั้มมั้ย เขาบอกแจ้ง แจ้งเมื่อไหร่เดี๋ยวรอ มีเรื่องความผิดเกี่ยวกับเอกสารด้วย อาจปลอมเอกสาร หรือใช้เอกสารปลอม จะทำให้เสร็จแล้วแจ้งคราวเดียวกันเลย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทราบ

อาคม : แล้วไม่ได้มีข้อหาแค่นี้นะ มีอีกเยอะแยะ

เขาสู้หมด?

สายหยุด : เขาสู้หมด เขาบอกเขาไม่ได้เกี่ยว

อาคม : สู้หัวชนฝา

ถามเขามั้ย อยู่ข้างในเจอบอส ๆ ซินแสมั้ย?

อาคม : ผมแค่บอกว่าเขาอยู่ภายใต้กฎระเบียบราชทัณฑ์อย่างเคร่งครัด ส่วนจะเจอใครบ้างคงไม่ไปถามเขา

เห็นว่ามีซินแสไปปรึกษาคดีตั้ม?

อาคม : อาจเจอตอนกินข้าวกัน ราชทัณฑ์เขามีระเบียบเคร่งครัด ทุกคนได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน

พี่งพาซึ่งกันและกัน ซินแสปรึกษาตั้ม จะทำยังไงดี ออกไปแบบไหน ตั้มคงให้ซินแสดูดวงให้หน่อย จะได้ออกไปมั้ย แต่การที่เราออกมาพูดแบบนี้ เหมือนไปซ้ำเติมเขามั้ย?

อาคม : บางทีเขาอาจไม่เข้าใจว่าพี่ก็ดี เพื่อนก็ดี ทำไมแนะนำให้ยอม และให้คืนทรัพย์เขาไป แต่ถ้าพวกเราถอยออกมา ผมว่าเขาอาจจะได้คิดขึ้นนะ เพราะสายหยุดแทบหมดสำนักงานแล้ว ไม่เหลือใครแล้ว ไปจุ๊กกรู๊แล้ว

จะไปเยี่ยมอีกมั้ย?

สายหยุด : ถ้าว่างไปเยี่ยมลูกความอื่น ถ้ามีเวลาอาจเข้าไปทักทายพูดคุยตามประสาเพื่อนฝูงที่รู้จักกัน

คิดว่าตั้มติดยาวมั้ย?

อาคม : ถ้าหัวชนฝา เกิน 20 ปี

นับจากวันนี้ ตั้มจะได้ออกมาอย่างเร็ว?

สายหยุด : ต้องดูวันที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องก่อน จะยื่นฟ้องทุกข้อหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งทุกข้อหามั้ย อย่าเพิ่งไปบอกดีกว่าว่าติดกี่ปี ตรวจพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ พี่ตั้มเขาเป็นทนาย ถ้าเห็นพยานหลักฐาน เห็นตัวพยาน เห็นตัวเอกสารหมด เขารับสารภาพวันนั้นก็ยังไม่สายครับ ตอนนี้เขาอาจไม่รับ แต่ก่อนเขาเอาคนเข้าคุก เขาเปิดให้ดูเลยเขามีพยานหลักฐานอะไร ถ้าเขาเปลี่ยนใจรับ การคืนทรัพย์ก็ยังไม่ได้สายไป

ประกาศตรงนี้ไม่ทำแล้ว?

สายหยุด : ไม่ได้ทำคดีให้ตั้มแล้วครับ ความคิดเห็นไม่ตรงกันครับ ยุติบทบาทการเป็นทนายของทนายตั้ม บอกตั้งแต่เมื่อเช้า 9 โมงครึ่งครับ ถ้ามีเวลาผมจะไปเยี่ยมเขาในฐานะเพื่อนกัน

พี่โจ้อยากบอกอะไรทนายตั้ม?

อาคม : ผมอยากบอกญาติมากกว่า ไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง ให้สติเขาหน่อยเถอะครับ ว่าวันนี้มันก้าวพลาดไปแล้ว กลับตัวยังทัน กลับมายังพอได้ ยังทำมาหากินได้ แต่ถ้าดื้อไปสุดทาง มันไม่มีเหตุให้ลดโทษ ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษจริง ๆ ช่วยอธิบายให้ตั้มเข้าใจว่าทุกคนที่ใกล้ชิดสนิทกับเขา ตอนนี้ถอยหมดแล้ว สายหยุดน่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ที่พอจะเหนี่ยวรั้งได้ สายหยุดก็ต้องถอย เหลือจากนี้ต่อไป จะไม่มีคนใกล้ชิดแล้ว การช่วยเหลือความจริงใจในการช่วยเหลือก็จะยิ่งห่างเหิน ถ้าตัดสินใจให้ดี คิดถึงเมีย คิดถึงลูก คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงวันที่รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ทางสภาทนายความเขาอบรมจริยธรรมไว้อย่างไร ตระหนักนึกถึงให้เยอะ ๆ แล้วปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ตามผู้มีวิชาชีพทนายความเถอะครับ ฝากไว้แค่นี้ 

About Author