“น้องธาช่า” ลูกสาว “กิ๊ก สุวัจนี” เดินรอยตามคุณแม่เล่นละครเรื่องแรก
กิ๊ก สุวัจนี เปิดใจหลังหวนคืนวงการในรอบ 14 ปี แถมลูกสาว น้องธาช่า เดินรอยตามเล่นละครเรื่องแรก
นางร้ายในตำนาน เจ้าของมีมปากคว่ำ กิ๊ก สุวัจนี ที่วันนี้มาเปิดใจหลังเบรกงานในวงการไป 14 ปี ที่กลับมาได้เพราะคำพูดของลูกสาว พร้อมดันน้องธาช่า ลองชิมลางงานในวงการบันเทิง อีกทั้งยังเปิดเรื่องราวที่ลูกสาวคนนี้ทำให้คุณแม่กิ๊กเสียน้ำตา ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง วัน31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย, อาจารย์เป็นหนึ่ง และเบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ทุกวันนี้ยังมีคนมาให้ทำมีมปากคว่ำอยู่ไหม?
กิ๊ก : เยอะมาก ไปที่ไหนเขาไม่ให้ยิ้มเลย หนูขอถ่ายรูปแบบปากคว่ำได้ไหม
สมัยนั้นต้องเจอเปลือกทุกเรียนนะ?
กิ๊ก : สมัยก่อนเขาจู่โจมเลยนะจ๊ะ แต่สมัยนี้เขาแยกแยะได้ เห็นเราทำงาน เป็นพิธีกรก็สนุกนะ แต่สมัยก่อนเขาไม่แยกแยะ
มีเปลือกทุเรียนบินไหม?
กิ๊ก : ยังไม่บิน แต่มีง้าง เขาต้องให้พี่กิ๊กเก็บตัว คือสมัยก่อนเขาไม่แยกแยะ เขาเห็นเราเป็นตัวร้ายปุ๊บ อีนี่ต้องเป็นตัวร้ายแน่ แล้วมากับคำว่าอีตลอดนะ จะไม่มีแบบคุณกิ๊ก พี่กิ๊ก น้องกิ๊ก ไม่มี อีตลอด แล้วคนไม่รู้จักกัน เราก็รู้สึกว่าทำไมต้องมาพูดแบบนี้ เราก็อยากได้รับคำดี ๆ บ้าง แต่ไม่มีเลย เมื่อก่อนเป็นยุคที่แบบว่าถ่ายไปออกไป คนก็ค่อนข้างอัปเดตตลอดเวลา
อย่าว่าแต่ยุคนั้นเลย ลูกก็โดนเหรอ?
กิ๊ก : ใช่ คือเราต้องสอนลูกเลยนะว่าลูกต้องทำแบบนี้นะ แต่เชื่อไหมว่าลูกทำได้ มันคือกรรมพันธุ์หรือเปล่า เขาก็บอกว่าเนี่ยที่โรงเรียนเพื่อนเขาบอกอยากให้ทำจังเลย แล้วบางทีขอแม่ทำปากคว่ำ เพื่อเอารูปเราไปให้เพื่อนดู เราก็ต้องเอาใจลูกไง
เห็นว่าไม่ใช่แค่แม่กับลูก ทั้งบ้านเลยที่ทำได้?
กิ๊ก : ทั้งบ้านทำได้หมด ยกเว้นพ่อ เพราะพ่อไม่ให้ความร่วมมือด้วย เพราะว่าพ่อเขานิ่ง ๆ
พี่กิ๊กเพิ่งกลับมารับงานในวงการ หลังจากเบรกไปกี่ปี?
กิ๊ก : ถ้าเบรกละครยาวก็คือ 14 ปี จริง ๆ เราไม่ได้ตั้งใจว่าจะเบรกยาวหรอก แต่เรามีความรู้สึกว่าตอนที่เราเริ่มท้อง เราอยากจะให้เวลากับครอบครัวมากกว่า มันเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเราอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เพราะเราให้นมเอง เราดูแลลูกเอง เรามีแค่ลูกมือเท่านั้นที่คอยช่วยเหลือเรา แต่ส่วนใหญ่ลูกทั้ง 3 คนเราจะเป็นคนเลี้ยงเอง เพราะฉะนั้นจะเอาเวลาที่ไหนไปรับงาน นึกออกไหม มันไม่มีเวลาเลย ยังนับถือคนที่ทำงานไป เลี้ยงลูกไป ไม่รู้เขาแบ่งเวลายังไง หรือว่าตัวเราไม่มีสายกลางหรือเปล่า
ลูกมีบอกเราไหม อยู่กับหนูไม่ต้องไปทำงานหรอก?
กิ๊ก : ตอนโตไม่มี แต่ตอนเด็ก ๆ ตัวติดกันตลอด เวลาเราไปไหนแว๊บนึงเขาจะโทรตามละ จนเราต้องตัดขาดจากเพื่อนด้วยนะ การงานทุกสิ่ง ทุกอย่าง เราตัดหมดเลย เราก็ดูแลลูกแบบเต็ม ๆ คนอื่นคิดว่าเราหายไปไหน คือเรามาเลี้ยงลูก
พี่เคยตั้งไว้ไหมว่าฉันมีลูก แล้วฉันจะหยุดวงการกี่ปี?
กิ๊ก : จริง ๆ ไม่คิดเลย คิดว่าเลี้ยงลูกแล้วคงไม่ได้กลับแล้ว ไม่มีการคิด วางแผนว่าฉันเลี้ยงลูกเท่านี้ ๆ แล้วจะกลับมาทำงาน เราไม่ได้คิดว่าจะกลับมาทำงาน เราเน้นในเรื่องครอบครัวเป็นหลัก เราไม่ได้คิดว่าตัวเราจะกลับมาในวงการ ไม่มีการวางแผนใด ๆ ทั้งสิ้น กิ๊กว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับดวง โชคชะตามากกว่า วันนึงที่เราอยากจะกลับมา ถ้ายังมีคนต้อนรับเราอยู่ เราก็ต้องยินดี และดีใจมาก ๆ
เราแอบคิดไหม 14 ปีที่ผ่านมา ฉันอยากกลับมาในวงการ?
กิ๊ก : มีแบบตอนที่เราดูละครมากกว่า แต่แรก ๆ ตอนที่เราเลี้ยงลูกไม่ได้ดูละครนะ เปิดทีวีไม่ได้ เดี๋ยวลูกตาเสีย สมาธิสั้น คิดนู้น คิดนี่ แลัวเราเลี้ยงเองไม่ได้มีตำราอะไรมากมาย ใช้สัญชาตญาณของเราแล้วฟังข่าว เราก็พยายามให้ลูกออกห่างทีวี แต่พอโตขึ้นจ้องอย่างนี้เลย เด็กยุคใหม่เขาไม่สนใจเราเลย สนใจแต่เรื่องของตัวเอง เราก็ต้องคอยบอกว่าโลกสมัยนี้มันเป็นแบบนี้ก็จริง แม่พยายามที่จะปรับเปลี่ยน แต่ทุกอย่างต้องอยู่ตรงกลาง
มีเหตุการณ์ที่พี่กิ๊กเป็นห่วงลูกมาก เพราะมันสะเทือนใจมาก?
กิ๊ก : น่าจะประมาณ ม.4-ม.5 คือเรากลับรถโรงเรียนทุกวัน ก็จะส่งเพื่อนก่อน แล้วส่งเราทีหลัง แล้ววันนั้นเราอยากไปบ้านเพื่อน ทำไมมันต้องเกิดแจคพ็อตในวันที่เราอยากไปบ้านเพื่อน เราก็เลยบอกโอเควันนี้ไม่ต้องไปส่งนะ เดี๋ยวเรานั่งรถกลับเอง เพราะเราจะไปอยู่บ้านเพื่อน หลังจากอยู่บ้านเพื่อนเสร็จ เราก็เรียกรถประมาณ 5-6 โมงเย็น แล้วเขาก็ขับไปตามทาง แต่เราเห้ย…มันไม่ใช่ทางนี้นิ เราเรียนโรงเรียนหญิงล้วน การพูดการจา มันอาจจะไม่คล่องแคล่วเหมือนสมัยนี้ เราก็เอ๊ะจะยังไง ทำไมมันลึกขึ้นเรื่อย ๆ น้ำตามาแล้ว คิดไม่ทัน ด้วยความที่เราเป็นเด็ก ฉันต้องโดนแน่ ๆ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ ยิ่งตรงไป ยิ่งมืด เราก็กอดกระเป๋าดำของเราไว้ คิดว่าถ้าไปลึกกว่านี้แล้วเราโดนข่มขืน เราจะกระโดด เราก็มองทางเจอมอเตอร์ไซค์คันนึง เราก็โบกมือ พี่ช่วยด้วย แล้วเขาขับมอเตอร์ไซค์มาหาเรา แล้สมาปาดข้างหน้าเลย นึกถึงภาพตอนนั้นถ้าไม่มีมอเตอร์ไซค์มาช่วยเราจะเกิดอะไรขึ้น เชื่อไหมด้วยความที่เราคิดไม่ได้ เรายังนั่งรถคันนั้นให้มอเตอร์ไซค์พากลับบ้าน เราคงช็อก กลับบ้านไปก็เล่าให้แม่ฟัง แล้วเราไม่ได้ถามเลยนะพี่คนนั้นชื่ออะไร ขอบคุณนะคะที่มาช่วยหนู ไม่มีเลย ด้วยความที่เราตกใจ และตั้งแต่นั้นมา เรากลัวมาตลอด ลูกเราเป็นผู้หญิงด้วย เกิดเขาคิดแบบเราไปบ้านเพื่อนแพ๊บนึง แล้วเดี๋ยวนั่งรถกลับบ้าน กลัวเจอเหตุการณ์แบบเรา
แล้วพี่โชคดี พี่คนที่มาช่วย เขาช่วยจริง ๆ ?
กิ๊ก : ใช่ ไม่คิดว่าเขาจะช่วย
แล้วคนขับรถที่พี่นั่งเขาได้พูดอะไรไหม?
กิ๊ก : ไม่พูด เป็นการสื่อสารระหว่างพี่มอเตอร์ไซค์กับรถคันนั้น พี่มอเตอร์ไซค์บอกว่าเรานั่งไปได้ยังไง ไม่เห็นเหรอ ข้างหน้ามีเหล้าด้วยนะ คือรู้แล้วแหละคนไม่มีสติเป็นยังไง ก็เป็นเหตุการณ์ที่ฝังใจมาก ๆ แล้วพยายามเล่าให้ลูกฟังว่าเราเจออะไรมาบ้าง โลกมันไม่ได้สวยงามนะลูก เราต้องรู้จักระวังตัว
สุดท้ายก็เลี้ยงลูกด้วยตัวเอง?
กิ๊ก : ใช่ ไม่ปล่อยไปไหน อาจจะเป็นเพราะเราเคยมีอดีต
14 ปีกลับมาในวงการ มันมีจุดไหนที่อยู่ดี ๆ เข้ามาได้ยังไง?
กิ๊ก : ตอนช่วงไทรโศกที่เราเล่น ตอนนั้นเรารู้สึกว่าลูกเราเริ่มโตแล้ว ตอนนั้นเป็นละครของพี่แหม่ม ธิติมา เขาติดต่อมา กิ๊กแบบนี้นะ เดี๋ยวพี่จัดการให้ กิ๊กไปส่งลูกได้ ดูแลลูกได้ เราเลยเล่นกับพี่แหม่ม
เห็นว่ากลับมาได้เพราะคำพูดลูก?
กิ๊ก : อันนี้ก็มีส่วน ที่กลับมาก็ต้องถามครอบครัวก่อนว่าถ้าเกิดว่าแม่กลับไปรับละครมันจะดีไหม บางทีเราก็พูดแบบไม่ได้คิดอะไร เรื่องนี้ดีจังเลย เขาเล่นดี ลูกคงจับเราได้ว่าแม่คงคิดถึงวงการ ดูลักษณะว่าแม่อยากเล่นเนอะ เขาก็บอกว่า แม่ก็ไปทำสิ่งที่แม่รักเถอะ ถ้าแม่อยากทำแม่ไปเลย พวกหนูดูแลตัวเองได้แล้ว คือแบบลูกเราโตแล้วเหรอทำไมพูดคำพูดแบบนี้ได้ ซึ่งเราก็รู้สึกสบายใจ ถ้าแม่มีโอกาสได้รับงานเนี่ย แม่จะไปทำนะ จนมันมีโอกาสเข้ามาจริงๆ
พอหายไปสิบกว่าปี พอกลับมาความยากง่ายมันต่างกันไหม?
กิ๊ก : กิ๊กว่ายุคสมัยมันต่างกัน สมัยตอนที่กิ๊กเล่น อาจจะเป็นยุคตรงไปตรงมา ไม่ได้มีมิติอะไรมากมาย สมัยนี้ก็จะเป็นอีกยุคนึง กิ๊กว่าสนุกนะ ได้ร่วมงานกับเด็กรุ่นใหม่ ทำให้เรามีความคิดที่แบบเราไม่รู้มาก่อน ได้มาเรียนรู้กับเด็กรุ่นใหม่ ก็คือสนุกคนละแบบ
ล่าสุดลูกสาวก็ได้ชิมลางงานในวงการบันเทิงเหมือนกัน?
กิ๊ก : น้องธาช่าค่ะ ละครเรื่อง หนึ่งในร้อย เพราะตอนนั้นคุณแอนเขาเห็นในไอจี ลูกเธอเต้นเก่งนะ แล้วเรียนกับครูอู๋ด้วย ทุกอย่างประจวบเหมาะพอดี กิ๊กพาลูกมาเล่นหน่อยได้ไหม มาแคสหน่อย เพราะมันจะมีฉากนึงที่เป็นฉากเต้นรำ เราเลยบอกว่าเราขอถามลูกก่อน พอถามลูก ลูกบอกได้สิแม่ก็ดีเหมือนกันนะ หนูไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้ ซึ่งคนนี้มีแววว่าเขาชอบมาทางนี้ แต่เราก็ไม่บังคับลูก ถ้าคุณรับงานแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบ โอเคก็มีการถ่ายทำ มันทำให้เรารู้ว่าเขาน่าจะมาสายนี้ แต่ถ้าถามว่าที่บ้านสนับสนุนไหม ตรงๆ เลย คือไม่ได้สนับสนุนเลย อย่างคุณพ่อเขาปิดกั้นเลย เขาบอกมันไม่ใช่หน้าที่ที่ลูกมาทำงานในเวลาตอนนี้ เรารู้ว่าเขาอยากให้ลูกเรียน ซึ่งเราไม่ได้บังคับลูกอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากมาทำตรงนี้ เขาก็ต้องเรียนได้ ถ้าเขาเรียนไม่ได้ เขาต้องไม่ทำ เราก็มีกฎกติกามากมายให้กับลูก
ตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่?
กิ๊ก : 17 ค่ะ มันเป็นช่วงหัวเรี่ยวหัวต่อ ถ้ามารับงานยาวๆ มันเป็นไปได้ยาก
พอพี่เห็นผลงานลูกชื่นชมขนาดไหน?
กิ๊ก : เห็นผลงานยังไม่เท่าตอนที่เราเห็นเขาทำงาน พี่ไปเฝ้าลูก พี่รู้สึกว่ามันมีอุปสรรคมากมายในการแสดง พี่อยากให้เขารู้ว่าจริง ๆ แล้วการที่แม่ทำงานแบบนี้ เขาเห็นแต่ภาพที่สำเร็จแล้ว เขาไม่ได้เห็นกระบวนการที่เราทำงานว่ามันยากลำบากแค่ไหน นี่คือสิ่งที่พี่อยากให้ลูกเห็นมากกว่าว่าทุกสิ่ง ทุกอย่างมันไม่ได้ง่าย ทุกอย่างต้องมีกระบวนการ วันนั้นลูกพี่เต้นไป เต้นมาเขาก็เจ็บ เท้าข้างหลังเขาถลอกเลือดไหลเลย 2 ข้าง เพราะมันต้องใส่ส้นสูง ออกสเต็ปนู้น นี่ พี่ก็จะดูว่าเขาจะทำยังไง เวลาเขาเบรก เขาจะถอดรองเท้าแล้วนั่งกับพื้น สักพักพี่ถามว่าไหวไหม เขาบอกไหว แล้วเขาก็ทำจนสุดจริง ๆ อันนี้ก็รู้สึกว่าภูมิใจในความเป็นนักสู้ของเขา
แอบห่วงไหม เห็นลูกเจ็บขนาดนั้น?
กิ๊ก : ถามว่าห่วงไหม ก็ห่วงนะ แต่ก็ไม่ตายป่ะ เราผ่านอะไรมามากมาย แค่นั้นมันเล็กน้อยสำหรับพวกเรามาก แต่ว่าลูกอาจจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา พี่ไม่อยากให้เขารู้สึกว่านั่นคือเรื่องใหญ่ เราแอบเจ็บข้างในดีกว่าอย่าให้เขารู้
พอละครออนแอร์ไปมีคนไปเปิดวาร์ปเยอะแยะ?
กิ๊ก : อันนี้แม่ไม่รู้เลย ลูกไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย
เห็นเป็นคุณแม่เข้มงวดตั้งแต่เด็ก ๆ เลย เข้มงวดเรื่องอะไร?
กิ๊ก : สมัยเด็ก ๆ จะเข้มงวด แต่ตอนโตจะไม่เข้มงวดมาก เชื่อไหมตอนเด็ก ๆ ทุกอย่างจะเข้มงวดไปหมด เช่น กินข้าว ต้องไม่เล่นอะไร ต้องกินข้าวให้เรียบร้อย ถ้าจะเล่นก็ต้องไม่กิน ทุกอย่างมันกลายเป็นว่าคำสอนของพ่อ แม่เราด้วยแหละ ก็มาสอนลูกต่อ พี่รู้สึกว่าคำสอนตอนเด็ก ๆ ของพี่มันจะมีความหมายตอนเขาเจออุปสรรคต่าง ๆ ตอนเด็ก ๆ พูดเยอะ เราตั้งใจถ่ายทอดให้เขารู้ว่าสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ แต่พอเขาเริ่มโต การเชื่อฟังมันเริ่มน้อยลง และอาจจะต่อต้านบ้าง แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เราก็ปล่อยไป เรื่องตอนโตเราก็จะสอนอีกเรื่องนึงที่ไม่เกี่ยวกับตอนเด็ก ๆ พี่คิดว่าเขาต้องจำในสิ่งที่พี่สอนได้ พี่จะแบ่งระยะมากกว่า ตอนเด็กเราเข้มข้น พอเขาเข้าสู่วัยรุ่น เราก็ปล่อย ๆ เขาไม่ได้อยากอยู่กับเรามากมาย เขาอยากอยู่กับเพื่อน อยากใช้ชีวิตของเขา ถ้าเราไปจุนจ้านมากเดี๋ยวเขาจะคิดว่าเราเป็นแม่ที่จุนจ้าน เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นเพื่อน
ตอนโตสอนอะไรเขาบ้าง?
กิ๊ก : สอนเรื่องเพศศึกษา สอนจริงจังเลย เพราะว่าเรื่องนี้เชื่อว่าทางโรงเรียนสอนอยู่แล้ว แต่คงไม่เข้มข้นเท่าเราสอน
พี่สอนยังไงบ้าง?
กิ๊ก : ลูกพี่เป็นผู้หญิงถูกไหม พี่ชายตัดออกก่อน เพราะเขายังเล็ก พี่ก็จะสอนเวลามีแฟนคุณควรจะพาให้แม่รู้จักด้วย เอามานั่งกินข้าวที่บ้าน รู้จักกันให้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อน หลังจากนั้น สมมติเฉย ๆ นะ วันนึงต้องมีอะไรกัน สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ ถุงยางอนามัย เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะ 1.ถ้าคุณไม่พร้อม แล้วคุณท้องก่อนแต่งปัญหามีมากมายที่ตกถึงเด็ก 2. คุณต้องระวังตัว ดูว่าผู้ชายคนนั้นเขาจริงจังกับเราแค่ไหน เจ้าชู้ไหม กรณีนี้ลูกอาจจะต้องเลือกเอง แต่ 2 อย่างที่ไม่อยากให้ลูกเลือกผู้ชายที่เข้ามาในชีวิต 1.ติดการพนัน 2.ทำร้ายร่างกาย ถ้าลูกเจอผู้ชาย 2 แบบนี้ ลูกหอบเสื้อผ้ากลับบ้านได้เลยในขณะที่เขาแต่งงานแล้วนะ เราสอนไปเรื่อย ๆ มากกว่า
มีคนมาจีบลูกไหม?
กิ๊ก : ถ้าถามว่ามีเป็นตัวเป็นตนไหม เราคอนเฟิร์มว่าไม่มี หรือว่าเราไม่รู้ ถามว่าคนมาจีบไหม คือลูกสาวพี่กิ๊กเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แต่พี่ว่าก็คงมีแหละ
เป็นคุณแม่ที่หวงลูกสาวไหม?
กิ๊ก : หวงคงไม่ใช่ แต่ห่วงแบบคนเป็นแม่มากกว่า อยากให้เขาเจอเพื่อนที่ดี พาไปในทางที่ดี อย่างวัยเขาอยู่ในวัยเรียน ถ้าเขามีเพื่อนผู้ชายหลายคน แล้วตั้งใจเรียน เราก็ชื่นใจไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถามว่าเราปล่อยให้ลูกเที่ยวไหม เราก็ปล่อย แต่เป็นเบอร์1 นะ ไม่ใช่เบอร์2 เบอร์1 เขา 20 เขาไปอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว เขาไปเจอโลกภายนอก ไปกินเหล้า ก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา มากินเหล้าบ้านแม่สิ มาอยู่บ้านแม่
ถ้าเข้ามาจีบลูก แล้วเข้าทางแม่ ต้องทำยังไง?
กิ๊ก : ก็ถึงบอกว่าควรจะเป็นเพื่อนก่อนไง เพราะว่าเพื่อนลูกกิ๊ก กิ๊กรู้จักทุกคน
ลูกทำให้เราเสียน้ำตาทุกปีคือเรื่องอะไร?
กิ๊ก : ถ้าเป็นสิ่งที่เขาทำทั้ง 3 คนก็จะเป็นวันเกิดเรา ทุกวันเกิดเราเขาจะมีพวงมาลัยมาไหว้ เขาบอกว่าขอบคุณแม่นะที่ทำให้ลูกเกิดมา แล้วแม่ก็เลี้ยงลูกมาอย่างดี พอเราฟังก็น้ำตาแตก เขาบอกว่าแม่เป็นทุกอย่างให้กับเขานะ แล้วเขาบอกที่ผ่านมารู้นะว่าแม่ลำบากมาก กว่าจะเลี้ยงมาแต่ละคนแม่เหนื่อยมาก ฟังแล้วมันซึ้งอะ มันมาจากใจลูกเรา
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์