สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ ประชุมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เตรียมพร้อมรับมืออย่างใกล้ชิด

สำนักงานชลประทานที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เตรียมพร้อมรับมืออย่างใกล้ชิด

เพื่อให้การติดตามสถานการณ์น้ำไปเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้จัดการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ โดยมี นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการ พร้อมด้วย นายอภิวัฒน์ ภูมิไธสง รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมด้วย นายนิธิ วรมงคล ผู้อำนวยการส่วนแผนงาน นายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานแม่ฮ่องสอน นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล นายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา หัวหน้าฝ่าย และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบเครือข่าย Video Conference โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา เป็นประธานการประชุมรับสัญญาณจากห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ ชั้น 3 อาคาร 99 ปี มล. ชูชาติ กำภู กรมชลประทานสามเสน กรุงเทพมหานคร มายังห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) ตำบลวัดเกต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ในการประชุมครั้งนี้มีการอัปเดตสถานการณ์น้ำ มีรายละเอียดดังนี้ สถานการณ์น้ำในเขตสำนักงานชลประทานที่ 1 เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีปริมาณน้ำ 157 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 59 เขื่อนแม่กวงอุดมธารามีปริมาณน้ำ 112 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ซึ่งทั้งสองเขื่อนถือเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กมีปริมาณน้ำถึงร้อยละ 57 และร้อยละ 58 ตามลำดับ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ควบคุม ด้านแผนการเพาะปลูกพืชฤดูฝน แผน 515,979 ไร่ ผลเพาะปลูกปัจจุบัน 367,058 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 71 ด้านการวางแผนจัดสรรน้ำให้เกษตรกรใช้น้ำจากน้ำฝนเป็นหลักจะส่งน้ำจากแหล่งน้ำชลประทานเสริมกรณีฝนทิ้งช่วงเท่านั้น ยังมีมาตรการอื่นๆ เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำ อาทิ มีการประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อมูลสถานการณ์น้ำผ่านเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ

ทั้งนี้ นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 ยังได้กำชับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมกันติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเจ้าหน้าที่ ให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม