สีกาอยู่เยอรมัน โฟนอินแฉเดือด “พระคึกฤทธิ์” ปมยักยอกเงินวัด – ฟอกเงิน??

กรณี “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำข้อมูลบางส่วนโพสต์บนเฟซบุ๊ก ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับพระชื่อดังย่านปทุมฯ ยักยอกเงินวัด ฟอกเงิน มีหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน ที่ได้มาจากสีการายหนึ่งอยู่ประเทศเยอรมัน ซึ่งต่อมา มีการระบุว่า พระรูปดังกล่าวคือ “พระคึกฤทธิ์” เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง

รายการ โหนกระแส วันที่ 17 ก.ย.ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ อุ้ม ทองใหม่ ขวัญหมื่น ทนายความของ “คุณยุ” อดีตโยมอุปฐากของพระคึกฤทธิ์ที่กำลังมีคดีความกัน, ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม, มหาหมี หรือ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และ ฟ้าใส พิณณ์ชิตา ไชยเดช กรรมการมูลนิธิทนายกองทัพธรรม

เกิดอะไรขึ้น พี่รู้จักพี่ยุได้ยังไง?
อุ้ม : รู้จักคุณยุปลายปีที่แล้ว เคยเป็นทนายให้ที่ไทย ฟ้องศาลต่างจังหวัด แกก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ตอนแรกไม่แน่ใจ จับประเด็นไม่ได้ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร จนเล่ามาเรื่อย ๆ และจับประเด็นได้ พี่เขาเล่าให้ฟังว่าเขาเคยยื่นคำร้องและทักไปหาทนายอนันต์ชัย ก่อนมาร้องกับทนายอนันต์ชัย ส่วนรายละเอียดคดีก็เริ่มเล่ามา มอบหมายให้ทนายทำหนังสือร้องเรียนไปที่กองปราบ มีป.ป.ง. ป.ป.ช. และสอบสวนกลาง สามหน่วยงานเลย จากนั้นทนายเข้าแจ้งความร้องทุกข์
ร้องทุกข์กับใคร?
อุ้ม : พระคึกฤทธิ์กับพวก รายละเอียดคดี มีการโอนเงิน ทางคุณยุ ซึ่งอยู่เยอรมัน เป็นโยมอุปฐาก เขาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตอนแรกรู้จักผ่านเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ก แล้วก็ไปเจอวัด เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา อยากนิมนต์ท่านไปเผยแพร่ศาสนาที่เยอรมัน ออกทุนสำรองเองหมดเลย นิมนต์พระท่านไป ถ้าจำไม่ผิด 11 รูป ด้วยค่าใช้จ่ายของตัวเองทั้งหมด ค่าที่พัก ตั๋วเครื่องบิน จากนั้นท่านบอกว่าอยากไปเผยแผ่พุทธศาสนาที่ต่างประเทศ เลยปรึกษาคุณยุว่าต้องทำยังไง คุณยุเลยปรึกษาหน่วยงานของรัฐที่ต่างประเทศว่าถ้าจะเปิดสมาคมที่ต่างประเทศต้องทำยังไง ส่วนนึงคุณยุมีอาชีพรับทำวีซ่าด้วย พอก่อตั้งสมาคมเสร็จปั๊บเขาก็มอบหมายให้คุณยุเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการสมาคม ตอนนั้นคุณยุบริหารจัดการสมาคมให้ 4 องค์กร ให้พระคึกฤทธิ์
ตอนนี้เหมือนคุยแค่มุมเดียว อาจไม่เป็นธรรมกับพระคึกฤทธิ์ ถ้ามีโอกาสอยากให้ท่านติดต่อมาชี้แจง หรือให้ลูกศิษย์ลูกหาชี้แจง ยังไงต่อ?
อุ้ม : หลังก่อตั้งสมาคมแล้ว คุณยุดูแลทั้งหมด 4 องค์กร มีของวัด อารักขา และมูลนิธิ และสมาคม ตอนที่ทางคุณยุเล่าให้ฟัง ตอนนั้นพระท่านจะว่าจ้างเป็นเงินเดือนจากพระส่วนตัว ไม่ใช่เงินจากวัด คุณยุมีการชำระภาษีเงินได้เป็นประจำทุกปี เงินเข้าทุกเดือน พระท่านโอนเข้าบัญชี และหลักฐานการโอนจะเขียนทุกครั้งว่าเป็นที่ปรึกษาขององค์กร จากนั้นมีการเผยแผ่เข้าไปที่เยอรมัน ตัวคุณยุเองเหมือนเป็นโยมอุปฐาก ดูแลทุกอย่างในกิจกรรมของวัด จากนั้นมีการบริจาคของวัด โอนเงินเข้ามา

คุณยุ อยู่ในสาย คุณยุเป็นอดีตลูกศิษย์ของพระคึกฤทธิ์ ยืนยันเป็นผู้เสียหาย?
ยุ : ใช่ค่ะ
คุณรู้จักพระอาจารย์ได้ไง?
ยุ : รู้จักจากรายการคุณไตรภพค่ะ แล้วกับเพื่อนที่อเมริกาเขาให้ไลน์ติดต่อคุยกันมา ก็คุยกับท่านเองเลยค่ะ เราฟังธรรมแล้วศรัทธาท่าน ท่านเป็นพระอรหันต์ของเรา ก็เลยขอนิมนต์พระลูกศิษย์ท่านมาปี 2016 ค่าใช้จ่ายตรงนี้ ทางยุดูแลท่านเองทุกอย่างค่ะ ค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก จากนั้นมีการไปทำกิจกรรมทางศาสนา ได้รับบริจาคค่อนข้างเยอะ พอเงินเยอะปุ๊บก็ไปทุกที่ ไปทุกประเทศค่ะ มีการรับเงินบริจาคจากผู้ศรัทธา เงินจำนวนมาก ไม่ได้โอนค่ะ เป็นรับเงินสด
คุณยุกำลังจะบอกว่ามีการนิมนต์ท่านไปต่างแดน คุณออกเงินให้ ไปกี่รูป?
ยุ : มารูปเดียวค่ะ มีผู้ติดตามมาด้วยอีก 3 ท่าน ตรงนี้ยุก็ดูแลทุกอย่าง เราถวายภิกขุท่านไปด้วย โดยมีไวยาวัจกรที่เขาบอกว่ารับไว้ เรามีแพลนว่าแต่ละเมืองในเยอรมัน และแต่ละประเทศ นิมนต์ท่านไปแต่ละที่ในยุโรป ยุเห็นว่าเม็ดเงินเข้ามาเยอะ ตอนนั้นไม่เป็นสมาคม เราไม่สามารถทำอะไรได้ การนำเงินตรงนี้ออกต้องดีแคร์กับรัฐ ก็เลยโอเค หลังท่านกลับไป เราก็ถวายเงินออกไป เราไม่รู้เงินไปไหน แต่เราถวายไปแล้ว
ถวายให้ท่านหรือถวายให้วัด?
ยุ : ต้องดูในสลิป ถวายให้คณะสงฆ์ค่ะ
พุทธศาสนิกชนต่างแดน ถวายเงินสดให้ท่าน ถือเป็นการถวายส่วนตัว?
ยุ : ใช่ค่ะ น่าจะเป็นอย่างนั้น
ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไรตรงนี้?
ยุ : ตรงนี้ทางยุไม่ได้รู้สึกว่าผิดค่ะ ปีแรกหลังท่านกลับไปแล้ว พระอาจารย์ท่านปรารถว่าคนค่อนข้างตื่นกับพุทธวจน ต้องการมาเผยแผ่ ยุมองว่าถ้ามาเผยแผ่ ท่านต้องมีองค์กร เพราะยุกังวลเรื่องการรับบริจาค ประเทศเยอรมณี ซีเรียสมากเรื่องพวกนี้ เรื่องภาษี ยุก็เลยแนะนำท่าน ท่านก็เลยตัดสินใจเปิดสมาคมองค์กรพุทธวจนเยอรมณี เราก็แนะนำท่าน แล้วแต่ท่านพิจารณาเห็นสมควร ทุกครั้งเราถวายข้อมูลท่านเท่านั้นเอง พอดำเนินการเรียบร้อย พร้อมวีซ่า กับภิกขุ 3 รูป การมาอยู่ประเทศเยอรมณีนาน ๆ เราก็ต้องทำวีซ่าระยะยาว ซึ่งวีซ่าระยะยาว เราต้องยื่นขอเป็นผู้มีพำนักถิ่นฐาน ก็เลยไปติดต่อตม. พรีเซ็นต์ว่าจะมีการทำโครงการอย่างนี้ ท่านก็เห็นด้วย ท่านก็แนะนำ จากนั้นก็เลยดำเนินการยื่นขอวีซ่าระยะยาว เหมือนมาทำเป็นวิทยาการที่สมาคม ต้องมีการรับเงินเดือน ระหว่างนั้นได้กราบเรียนท่านว่า การมีภิกขุอยู่ในประเทศเยอรมณี และสมาคม ต้องมีรายรับรายจ่ายเพื่อซัปพอร์ตคณะสงฆ์ได้ เพื่อไปโชว์หน่วยงานรัฐ จากนั้นได้ดำเนินการเรียบร้อย มีเงินโอนเข้าก้อนแรก 6 ล้านบาท
ที่บอกว่าเปิดสมาคม ตกลงคุณเปิดบัญชีด้วยใช่มั้ย?
ยุ : เปิดบัญชีด้วยค่ะ เปิด 2 บัญชี
ทำไมต้องเปิด 2 บัญชี?
ยุ : บัญชีแรกอยู่ในท้องถิ่นใกล้บ้าน การโอนเข้าค่อนข้างยาก ต้องผ่านธนาคารแม่ก่อนแล้วถึงมาธนาคารลูกในท้องถิ่น ซึ่งกังวลว่าจะเกิดปัญหาและตามเงินยาก ก็เลยคุยกับคณะกรรมการ ขอเปิดอีกแบงก์นึง ยิงตรงบัญชีที่สองเลยค่ะ เที่ยวแรกเราโอนไม่กี่ครั้ง ก็ค่อนข้างมีปัญหา เพราะติดอยู่สำนักงานใหญ่
เปิดสองบัญชี เปิดในนามสมาคม?
ยุ : ใช่ค่ะ
เปิดไว้เพื่อการอะไร?
ยุ : เพื่อรับบริจาคเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมค่ะ ทั้งสองบัญชีค่ะ
จากนั้นยังไงต่อ?
ยุ : มีการโอนเงินครั้งแรก 6 ล้านบาท ซึ่งทางพระอาจารย์ท่านให้คนเอาเงินใส่แบงก์ยุไว้ ฝากไว้เงินสดที่ธ.กรุงไทย หลักฐานให้ทางตร.และคุณหนุ่มไปแล้ว
เงิน 6 ล้านเป็นบัญชีคุณเอง?
ยุ : ใช่ค่ะ บัญชีส่วนตัว พระอาจารย์เอามาฝากไว้ที่นี่ ฝากเป็นเงินสด ไม่ได้โอนค่ะ เป็นเงินที่จะเอาเข้ามาไว้ที่สมาคมเพื่อสนับสนุน ดำเนินการค่าใช้จ่ายอะไรต่าง ๆ ในองค์กร เป็นการบริจาค และจะมีว่าทำกิจกรรมเพื่อเผยแผ่พุทธวจน โปรเจกต์พุทธวจน มีในใบโอนทุกอันค่ะ เงิน 6 ล้านก็ถามท่านว่าเป็นเงินของใคร ท่านบอกเป็นของพี่สาว ทางสมาคมต้องออกเอกสารตรงนี้ให้ท่านไป เพราะเราต้องดีแคร์สรรพากร เพราะเงินจำนวนมาก
ให้พี่เปี๊ยกเล่าดีกว่า?
อนันต์ชัย : หลังมูลนิธิทนายกองทัพธรรม วันที่ 11 ส.ค.ได้รับเอกสารทั้งหมด 2 แฟ้ม เราก็เลยมาศึกษา ประเด็นสำคัญเรื่องนี้คือการโอนเงิน จำนวน 12,200,000 บาท ก็จะมีสลิปเงินที่โอนมาจากเงินสด จากเจ้าหน้าที่ของวัดดังเมืองปทุมฯ ประมาณ 6 ล้าน 2.7 ล้าน 2 ล้าน และ 1 ล้าน รวมเป็น 12,200,000 บาท เงินจำนวนนี้ มีปัญหา ตั้งเป็น question markว่าเป็นเงินส่วนตัวหรือเป็นเงินวัด ปรากฏว่าในการโอนเงิน ถอนเงินสดมา แล้วเข้าบัญชีคุณยุธนาคารกรุงไทยสาขาแถวลาดพร้าวนี่แหละ แล้วมีการโอนเงินจากบัญชีคุณยุไปประเทศเยอรมัน จะโอนไม่เกิน 4.5 แสนในเมืองไทย ถ้าเป็นเยอรมันก็ไม่เกิน 1 หมื่นยูโร โอนไปโอนมา ปรากฏว่าเกิดข้อสงสัยที่ประเทศเยอรมันว่า ทำไมโอนไม่เกิน 4.5 แสน ในเมืองไทย เจ้าหน้าที่ประเทศเยอรมันก็เลยระงับการใช้บัญชี และมีการตรวจสอบ แจ้งข้อหาฟอกเงินคุณยุและพระด้วย แต่ตอนนั้นพระไม่อยู่แล้ว แกก็เลยมาดีแคร์ให้กับทางประเทศเยอรมัน คุณยุบอกว่าเงินนี้เป็นของวัดดังเมืองปทุมฯ สุดท้ายอัยการประเทศเยอรมันเขาสั่งไม่ฟ้อง แกก็รอดไป ปัญหาที่เกิดขึ้นคือว่าทำไมเงินนี้เป็นเงินวัด ทำไมต้องโอนให้คุณยุ จากคุณยุไปสมาคม จากสมาคม มีการโอนเงินให้เข้าบัญชีพระรูปดังกล่าวที่ประเทศเยอรมัน ดูแล้วมันเหมือนการฟอกเงิน พอดูตรงนี้ปั๊บ ข้อกฎหมายเรื่องการเอาเงินวัดไปทำอย่างหนึ่งอย่างใด มันมีกฎหมายอยู่
มหาหมี : การใช้จ่ายเงินวัดก็ต้องแยกก่อนว่าเป็นเงินประเภทไหน เงินส่วนตัวเจ้าอาวาสหรือเงินวัด ถ้าเป็นเงินวัดมันจะคุมด้วยกฎกระทรวงฉบับที่ 2 ปี 2511 ข้อ 5 ระบุชัดว่าเงินวัดที่เกิน 3 พันให้ฝากเข้าธนาคารในบัญชีในนามของวัด ส่วนการจัดการดูแลเงินการกุศลได้รับบริจาค ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค อันนั้นกำหนดไว้ชัด ทีนี้ปี 2564 เขาแก้กฎกระทรวงใหม่ เขาบอกไว้ในข้อ 7 ว่าในการเก็บเงินวัด วัดเก็บได้แสนนึงเงินสด นอกนั้นให้เข้าในบัญชีของวัด และให้ดำเนินการเงินนั้นตามวัตถุประสงค์โดยเคร่งครัด ต้องดูก่อนว่าเงินตรงนี้เป็นเงินอะไร
คุณยุโอนไปครั้งละหมื่นยูโร กี่ครั้ง?
ยุ : 26 ครั้ง ครั้งละ 1 หมื่นยูโร กับอีกหนึ่งครั้ง ครั้งที่ 27 6 พันยูโร
เป็น 266,000 ยูโร เท่ากับท่านเอาเงินมาพักในบัญชีคุณที่เมืองไทยก่อนถูกมั้ย?
ยุ : ใช่ค่ะ ท่านโอนมาทั้งหมดรวม 12,200,000 ค่ะ
แต่ที่คุณโอนไปทั้งหมด 266,000 ยูโร เงินไม่ถึง 12 ล้าน มันคือ 9,842,000 บาท อีก 2 ล้านกว่าบาทมันไปไหน?
ยุ : อีก 2 ล้านเราโอนออกไม่ได้ เลยเอาเงินในบัญชีที่เยอรมันทดแทน เป็นครั้งที่ 28 และ 29 ค่ะ เพื่อแจงดีแคร์ค่ะ
คุณโอนไปถึง 12 ล้านกว่ามั้ย?
ยุ : กว่าค่ะ มีหลักฐานอยู่ค่ะ พร้อมเรตที่ธนาคารคำนวณให้เรียบร้อย เราดีแคร์ได้เพราะรัฐบาลตรวจสอบ 3 ครั้ง คือภิกขุท่านไปร้องเรียน แล้วรัฐบาลมาตรวจสอบ 3 ครั้ง มีเอกสารให้เรียบร้อยค่ะ ออกมารับรองให้เรียบร้อยทุกครั้งค่ะ
อนันต์ชัย : หลังเงินเข้ามาพักแล้ว แกมีปัญหา แกโดนข้อหาฟอกเงิน ทำไมแกถึงมาแจ้งความดำเนินคดีที่ประเทศไทย ข้อหายักยอกทรัพย์ อยากให้น้องฟ้าใสอธิบาย
ฟ้าใส : โดยปกติแล้ว การฟอกเงินมูลฐานความผิดต้องเกิดพร้อมกัน ต้องมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก่อน ถึงจะผิดฐานฟอกเงินได้ ทีนี้มูลฐานความผิดฐานฟอกเงินที่ประเทศเยอรมัน การโอนเงินครั้งละ 1 หมื่นยูโร เพราะโดยปกติแล้วรัฐบาลประเทศอียูเขาให้ความสำคัญเรื่องการโอนเงินที่ผิดปกติ ซึ่งการโอนเงินจำนวนเท่ากัน ในระยะเวลาใกล้กันหรือถี่ขนาดนี้ รัฐบาลต่างชาติจะสงสัยไว้ก่อน หรือใช้บทสันนิษฐานของกฎหมายไว้ก่อนว่า การโอนเงินแบบนี้ เข้ามูลฐานการฟอกเงิน ตร.หรืออัยการก็จะเข้ามาตรวจสอบบัญชี ซึ่งธนาคารต่างชาติเขามีหน้าที่ระงับบัญชีส่วนนั้นไม่ให้ใช้ จนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าบัญชีที่ถูกกล่าวหา ไม่ได้เกิดจากมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนที่เมืองไทยก็เช่นกัน ความผิดฐานฟอกเงินเป็นอาชญากรรมทางการเงินที่รุนแรงมาก ที่ต่างประเทศและทั่วประเทศให้ความสำคัญมากระดับนึง เพราะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสถานบันการเงินรวมถึงสังคม นักลงทุนชาวต่างชาติขาดความเชื่อมั่นที่จะมาลงทุนในประเทศไทย อันดับความเชื่อมั่นของประเทศไทยก็จะน้อยลงด้วย พอเป็นอาชญากรรมทางการเงินปุ๊บ ช่องว่างทางกฎหมายที่จะให้อาชญากรยักย้ายถ่ายเทเงินไปต่างประเทศ เป็นช่องว่างที่ไม่เหมือนกัน อาชญากรก็ใช้ช่องว่างเหล่านี้ยักย้ายถ่ายเทเงินไป กลับมาที่กฎหมายประเทศไทย ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ว่าขาดเครื่องมือในการหาพยานหลักฐาน ซึ่งหายากมาก การโอนเงินจากไทยไปต่างชาติ กฎหมายศุลกากรบอกว่าโอนได้ไม่เกิน 4.5 แสนบาท ถ้าเกินจากนี้ต้องไปสำแดงต่อกรมศุลกากร
อนันต์ชัย : หลังจากเงินโอนไปแล้วคุณยุโดนตร.แจ้งข้อหาฟอกเงิน แกก็เคลียร์ว่าเป็นเงินของวัดบริจาค ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมีการดำเนินคดีกับแกคดีแพ่งและอาญาด้วย จากการที่แกไปฟ้องร้องที่เยอรมัน การดำเนินกฎหมายที่เยอรมันไม่เกี่ยวในประเทศไทย ฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้น ทำไมแกมาแจ้งความที่ประเทศไทย เพราะการโอนเงินเข้าสมาคมและส่วนตัว ทำไมพระดังกล่าวไม่โอนไปโดยตรงเข้าสมาคม เมื่อวานที่แถลงข่าวว่าเงินนี้คือเงินบริจาค นั่นหมายถึงเป็นเงินของวัด ก็ต้องทำตามวัตถุประสงค์ของวัด การที่เราโอนเงินวัดไปใช้ในนามมูลนิธิผิดวัตถุประสงค์
ต้องแยกให้ชัด ที่ผ่านมาเหมือนหลวงพ่ออลงกต เงินพระคือเงินพระ เงินวัดคือเงินวัด เงินมูลนิธิคือเงินมูลนิธิ ภาษาชาวบ้าน หลวงพ่อรู้จักคุณยุ ประเด็นหลักคือคุณยุแนะนำหลวงพ่อว่าให้เปิดบัญชีทำเป็นสมาคมที่เยอรมัน หลวงพ่อก็ตกลง และดำริสร้างเหมือนสถานปฏิบัติธรรมพุทธวจนที่เยอรมัน หลวงพ่อโอนเงินก้อนนึง 12 ล้านกว่า ฝากไว้ที่บัญชีคุณยุ คุณยุโอนไปบัญชีที่เยอรมัน เยอรมันบล็อกทันที มองว่าเป็นการฟอกเงิน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เขารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง มีการฟ้องร้องกัน ครั้งนั้น คุณยุถูกฟ้อง หลวงพ่อก็ถูกฟ้อง ก่อนต่อสู้คดี มีประเด็นเงิน 12 ล้าน ตอนโอนไป คุณยุอ้างว่าโอนไป 26 ครั้ง ครั้งละหมื่นยูโร สุดท้ายคือโอน 6 พัน มันกลายเป็นเงิน 9 ล้านกว่าบาท มีเงินค้างที่บัญชีคุณยุอีก 2 ล้านกว่าบาท ทำให้หลวงพ่อเข้าใจว่าเงินไปถึงจุดนั้นไม่ครบตามจำนวน ทำให้หลวงพ่อรู้สึกว่าคุณยุไม่ซื่อตรง น่าจะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อีก 2 ล้านกว่าบาท หลวงพ่อขอเงินคืน แต่คุณยุเพิ่งบอกว่าโอนต่างหากไปซัปพอร์ตให้แล้ว แต่หลวงพ่อติดใจแล้ว เงินถูกโอน แต่โอนเข้าบัญชีหลวงพ่อ พอเงินเข้าบัญชีหลวงพ่อกลายเป็นถูกตั้งคำถามจากทนายกองทัพธรรม ในเมื่อก่อนหน้านี้ท่านส่งหนังสือแจ้งความจำนงบริจาคเงินสมทบกองทุน ในนี้เขียนเลยว่าเป็นรายได้เป็นเงินบริจาคจากวัดนาป่าพง ให้กับทางคุณยุ ฝั่งกองทัพธรรมตั้งข้อสังเกตว่าในเมื่อเป็นเงินของวัด แต่ทำไมหลวงพ่อให้คุณยุโอนเข้าบัญชีตัวเอง ในเมื่อเงินก้อนนี้ต้องโอนเข้าบัญชีวัด ซึ่งกฎหมายของไทยแยกกัน เงินพระคือเงินพระ เงินวัดคือเงินวัด เงินมูลนิธิคือเงินมูลนิธิ ตรงนี้เลยกลายเป็นประเด็น หลายคนบอกว่าหลวงพ่อจำเป็นต้องออกมาชี้แจงตรงนี้ คุณยุตอนหลวงพ่อไปเปิดบัญชีที่เยอรมัน ท่านไปเปิดเองหรือคุณเป็นคนแนะนำ?
ยุ : เจ้าหน้าที่แนะนำมา เราต้องทำตามกระบวนการของเขาค่ะ ต้องไปเปิดเพื่อรับเงินเดือนวิทยากรค่ะ วันที่ 5 มิ.ย. ปี 2018 ค่ะ
ท่านต้องไปพิสูจน์เรื่องเจตนา อาจแก้ออกมาได้ว่าเป็นการเข้าใจผิด?
อนันต์ชัย : อันนั้นต้องพิสูจน์ในศาล สามารถชี้แจงได้
มหาหมี : การสร้างวัดต่างประเทศ ต้องตั้งเป็นสมาคมมูลนิธ จะตั้งเป็นวัดเลยไม่ได้ เขาจะมีคณะทำงาน หนึ่งในนั้นคือสถานทูตไทยในประเทศนั้น ๆ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนตรงนั้น เวลาเขาตั้งสมาคม ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อคุณยุหรือใครคนใดคนหนึ่ง เขาสามารถตั้งเป็นทีมคณะกรรมการขึ้นทั้งหมด ในกลุ่มนี้ ในการบริหารจัดการเงิน เข้าคณะกรรมการทั้งหมดแล้วถึงขออนุญาตสร้างวัดต่อไป แต่ประเด็นคือว่าเงินที่ออกมาจากวัดแห่งนึงในประเทศไทย ไปพักบัญชีชาวบ้านธรรมดา โดยข้อกฎหมายมันก็ไม่ได้ เงินวัดถ้าออกมาต้องใช้ตามวัตถุประสงค์เลย เขาจะไม่ให้ไปพักก่อน
ทำไมคุณยุถึงโอนเข้าบัญชีท่าน?
ยุ : วันที่ 5 ไปเปิดบัญชี วันที่ 6 ไปตม. เหมือนเขาพอใจอะไรกันไม่ทราบ มารู้ทีหลังว่าเขาไม่ไว้วางใจเราเกี่ยวกับเรื่องเงิน ที่เอามาไว้ในสมาคมที่เราเป็นประธาน ทีนี้พอเสร็จเรียบร้อย กลับมาตอนเย็นก็มีประชุม เหมือนกดดันหลายๆ อย่าง เขาไม่ไว้วางใจ ก็มีปัญหากันมาตลอด
ทำไมโอนเข้าบัญชีพระ?
ยุ : โดนกดดันค่ะ
ท่านบอกคุณหรือยังไง?
ยุ : พระบอกให้โอนเข้าบัญชีท่านค่ะ เพราะมีคนงอน
คุณแย้งมั้ยทำไมไม่โอนเข้าบัญชีวัด?
ยุ : เราไม่ได้แย้ง เราก็เชื่อฟังท่าน ตอนนั้นยังสับสนอยู่ ท่านบอกเป็นเงินของท่าน ไม่เป็นไร เราก็เลยตัดสินใจโอนให้ท่าน 9 หมื่นยูโร
ส่วนต่างที่เหลือ?
ยุ : อยู่ในสมาคมค่ะ เราเป็นประธานค่ะ
ตอนนี้สมาคมยกเลิกไปแล้ว ตอนนี้เงินอยู่ที่ไหน?
ยุ : พอวันที่ 6 ไปตม. ตม.บอกว่าสมาคมรับรองภิกขุ 3 รูปไม่ได้ ให้วีซ่า 3 เดือน ก็แจ้งภิกขุทั้ง 3 รูปแล้วว่าไม่ได้ แต่เวลาเราไป เราไปวีซ่าระยะยาว แต่ตม.แจ้งว่าไม่ได้ จากนั้นโอนไป 9 ครั้งก็ถูกอายัด เราก็เริ่มดำเนินการก่อตั้งมูลนิธิ ตอนไปคุยกับรัฐบาล ท่านก็บอกว่าถ้าจะเปิดมูลนิธิต้องมีเงินตั้งต้น 210,000 ยูโร ในช่วงนั้นกราบเรียนท่านว่า ถ้าจะตั้งต้น 2 แสนยูโรมันสูง ท่านบอกว่าจิ๊บ ๆ ที่แนะนำท่านไป ถ้าเป็นสมาคมอยู่ได้ 3 เดือน แต่ถ้าเป็นมูลนิธิ จะต่อวีซ่าเป็นปีต่อปี มีบัตรประชาชนเป็นผู้มีพำนักถิ่นฐานที่เยอรมณี ท่านก็ตัดสินใจ อีกอย่างท่านบอกว่าดีจะได้เป็นเอกเทศ ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเถรสมาคมเพราะโดนรังแก ก็เลยตัดสินใจว่าโอเค ท่านก็ให้ดำเนินการ ไม่เลือกเป็นสมาคม เลือกทำมูลนิธิต่อ จากนั้นก็ดำเนินการมาเรื่อย ๆ จนเงินที่โอน 9 ครั้ง โดนข้อหากล่าวร่วมกันฟอกเงิน มีการแก้ต่างไป เอาเอกสารที่มีจากพี่สาวและวัดไปชี้แจงกองปราบ และอัยการ อัยการสั่งไม่ฟ้องก็จบไปค่ะ
ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ไหน?
ยุ : อยู่ในมูลนิธิค่ะ 210,000 ยูโร ส่วนต่างที่ท่านคำนวณมาว่าหายไป 3 แสนกว่า จะขาดไปอยู่แสนกว่ายูโร
มูลนิธิหยุดไปแล้ว?
ยุ : ไม่ทราบเลยค่ะ เพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งรองประธานแล้ว
แล้วสมาคมที่คุณพูดถึงล่ะ?
ยุ : ตอนนี้แจ้งปิดแล้วค่ะ บัญชีสมาคมก็ปิดไปแล้ว
เงินถูกโอนมามูลนิธิ?
ยุ : ใช่ค่ะ เงินที่เหลือถูกโอนมามูลนิธิที่เยอรมันค่ะ
ตอนนี้เงินคงค้างอยู่มูลนิธิ 7,895,160 บาท ถูกมั้ย?
ยุ : ไม่ทราบเป็นเงินไทยเท่าไหร่ค่ะ ประมาณ 2 แสนยูโร
อนันต์ชัย : มูลนิธิตอนนี้ ทราบว่าคนเบิกถอนเงินได้คือวัดดังเมืองปทุมฯ คนเดียว การโอนเข้าบัญชีส่วนตัวก็ดี โอนเข้าบัญชีมูลนิธิก็ดี ตัวเองเป็นคนเบิกจ่ายได้ก็แสดงว่าโอนเข้าบัญชีตัวเอง จึงเข้าเงื่อนไขลักษณะการฟอกเงิน
ฟ้าใส : ใช้บทสันนิษฐานกฎหมาย ว่าฟอกเงินไว้ก่อน
อนันต์ชัย : ด้วยเหตุนี้ ทางคุณยุจึงมาแจ้งความดำเนินคดี 147 ก่อน เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ เข้าความผิดมูลฐานฟอกเงิน กฎหมายเยอรมัน หรือกฎหมายไทยก็จะเหมือนกัน

ตกลงว่าเงินที่นำมาส่งมอบให้คุณยุ เพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม เป็นเงินของวัดจริงหรือไม่ แต่มีเอกสารจากวัดนาป่าพง ที่ยืนยันว่าเป็นเงินของวัด บางส่วนโอนเงินเข้าบัญชีหลวงพ่อ ตรงนี้ที่เป็นประเด็น?
อนันต์ชัย : ใช่ครับ เมื่อวานที่ทนายเขาแถลงอยากให้ประชาชนเข้าใจข้อกฎหมาย เมื่อวานพอเขาแถลงว่าเป็นเงินบริจาค ผมยิ้มเลย โดยหลักแล้ว เงินวัดต้องเข้าบัญชีวัดอย่างเดียว ต้องทำบัญชีงบดุลส่งสำนักพุทธ การเบิกจ่ายต้องมีเจ้าหน้าอาวาส ไวยาวัจกร หรือกรรมการวัดทำบัญชีเบิกจ่าย ดังนั้นการเอาเงินออก 12,200,000 ต้องมีอยู่ในบัญชีงบดุล บัญชีวัดการเบิกจ่ายต้องเป็นวัตถุประสงค์ของวัด การที่วัดเอาเงินออกไป 12 ล้าน เข้าบัญชีคุณยุก็ดี มูลนิธิ สมาคมก็ดี ผิดตั้งแต่ลำดับ 1 เลยครับ เพราะว่าไม่สามารถโอนให้บุคคลธรรมดา นิติบุคคล ที่เป็นสมาคมหรือมูลนิธิได้ ฉะนั้นการที่คุณบอกว่ามูลนิธิยังมีเงินอยู่ ตอนนี้เงินก็อยู่ในบัญชีมูลนิธิ การเบิกจ่ายก็อยู่ที่พระ เหมือนเดิมเขาโอนเข้าบัญชีพระ ยิ่งตอนนี้เขาบอกว่าเงินอยู่ในบัญชีมูลนิธิซึ่งพระมีอำนาจเบิกจ่าย ยิ่งสบายเลย เข้ามูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน แค่นี้เอง การไปเล่านิยายว่าเป็นยังไง มันคนละประเด็นเลย
แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร?
อนันต์ชัย : มันอยู่ในราชอาณาจักรตั้งแต่แรกแล้วครับ
พี่พูดเรื่องอยู่ในราชอาณาจักร?
อนันต์ชัย : ใช่ครับ ผมถามคุณยุว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่ตร.ดำเนินคดีคุณยุข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ แกบอกว่าแกยินดี
ยุ : เป็นเหยื่อ ผู้ประสบภัยขั้นรุนแรงด้วย พอยุรู้ปุ๊บ ยุก็แจ้งตร.กองปราบปี 2022 เพราะที่ผ่านมา เวลามาร่วมกิจกรรม เขาก็มีพฤติกรรมทุจริตตลอดทำอะไรไม่โปร่งใส
ที่คุณยุโกรธเพราะโดนท่านทวงเงินคืนหรือเปล่า?
ยุ : ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกท่านยังไม่ทวง พอรู้ว่าท่านเริ่มระแคะระคาย มีพฤติกรรมแสดงธรรม เก็บเงินแล้วกลับวัด ไม่มีการสำแดง ไม่เอาเข้าสมาคม ไปในนามสมาคมแต่ไม่สำแดง ก็เลยไปแจ้งความปี 2022
คุณยุเป็นประธานสมาคม มีอำนาจเบิกจ่าย?
ยุ : ใช่ค่ะ
แล้วมูลนิธิใช้ที่อยู่สามีคุณยุเป็นที่จัดตั้ง?
ยุ : ใช่ค่ะ ที่เดียวกันเลยค่ะ มีบ้านสองหลัง หลังนึงมีไว้ประชุม มีโรงนาไว้ประชุมอีก อีกหลังนึงเราทำเป็นกุฏิให้ท่าน ซึ่งกุฏิท่านไปปล่อยข่าวว่าเป็นเงินของท่าน จริง ๆ ไม่ใช่เงินของท่านสักบาท การตกแต่งเป็นเงินที่บ้านยุเองหมดเลยค่ะ พอหลังจากเริ่มระแคะระคาย มีหลักฐานยักยอกเงินองค์กรไป ก็เลยไปแจ้งความ และให้เบาะแสกับตร.ไว้ ปี 2022 ไม่ได้คิดจะแกล้งท่านเลย เพราะมีเจตนาอยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามารู้พฤติกรรมแต่ไม่คืบหน้าเฉย ๆ
ค่าเช่าจ่ายใคร?
ยุ : ไม่เคยได้จ่ายค่าเช่าค่ะ เป็นความเท็จมาก ๆ ค่ะ
ค่าดำเนินการมีมั้ย ในการดูแล จัดหาวีซ่า รายได้เงินเดือนต่าง ๆ นานา?
ยุ : พวกเงินเดือนเป็นอีกก้อนนึงค่ะ เราได้คุยตกลงก่อนเปิดมูลนิธิที่เมืองไทย ยุทำงานที่เมืองไทยให้ท่านด้วย เรามีออฟฟิศอยู่ใกล้ ๆ วัดท่าน ตกลงกันว่าท่านให้ดูแลเป็นที่ปรึกษา ตรงนี้ยุได้ดีแคร์กับตร.แล้ว หลังยุไปแจ้งความ เขาหลุดคดียักยอกเงินเที่ยวแรกแล้วของสมาคมที่เยอรมัน ท่านทนายกล่าวหาพระอาจารย์ไม่ผิด จริง ๆ ศาลแจ้งออกมาว่านอกเขตอำนาจศาลค่ะ อีกอย่างท่านเป็นพลเมืองไทย ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่ได้กระทำผิด แต่มาให้ข้อมูลว่าไม่ผิด จากนั้นท่านโกรธ ยุไม่รับรองวีซ่าท่านอีก เพราะเห็นพฤติกรรมแล้ว ท่านโกรธกมาเล่นคดีความฉ้อโกงยุ ครั้งแรกคือฉ้อโกงเงินเดือนที่รับจากท่านที่เมืองไทย และเงินบริจาค ยุก็ไปดีแคร์ศาลเยอรมัน เงินเดือนถามแล้วว่าเป็นเงินของวัดมั้ยท่านบอกไม่ได้เป็นของวัด
เงินเดือนคุณเรียกหรือท่านเป็นคนให้?
ยุ : ยุเสนอแจ้งท่านไปว่ามีค่าอะไรบ้าง 4 องค์กรที่ทำให้ท่าน ก็เสียภาษีปกติถูกต้องทุกปีค่ะ พอเขาแจ้งความยุครั้งแรก ยุก็อธิบายศาล ยื่นเอกสารให้ศาล ศาลไม่รับคำฟ้อง 2 ครั้ง ยุดีแคร์ตัวเองกับตร.ที่นี่เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่จบไม่สิ้นอีก ยุก็ไม่ตอบโต้ท่าน ท่านก็แจ้งเพิ่มอีก เป็นเรื่องค่าวีซ่า ท่านฟ้องเองค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะยุให้จัดการคดีแพ่งก่อน พอท่านมาฟ้องยุหมดทุกอย่าง ยุถึงได้เห็นชัดว่าปี 2023 ที่ท่านฟ้อง อ้าว นี่เป็นเงินวัดหมด ยุเลยชัดเจนเลย จากปี 2022 เราไม่มีหลักฐาน คดีไม่คืบหน้า ก็แห้ว ก็เพิ่งได้ปี 2025 ที่ประสบความสำเร็จ ขอบคุณท่านอนันต์ชัย แล้วท่านก็มาฟ้องแพ่งอีก ก็สู้กันมาตลอด การดำเนินงานค่าวีซ่า ค่าอะไรต่าง ๆ คดีแพ่ง เราก็ส่งหลักฐานอยู่ ทีนี้ทนายยุอยู่ดี ๆ ศาลนัด ไม่บอกยุศาลนัดเรื่องอะไร ให้เราไป ไปถึงจะให้เรไกล่เกลี่ย ทางนั้นเสนอมาว่าให้เราไกล่เกลี่ย รับข้อเสนอเขา ยุก็ไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย ยุก็เลยบอกว่ายุไม่เอา ถ้ายุเอา ยุจะเสียความเป็นมนุษย์ แสดงว่ายุยักยอกเงินวัด ยุก็ไม่ยอม ก็เลยกลับ ทนายของเราไม่ส่งหลักฐานสำคัญของเราให้ศาลเลย จึงมีการทำคำร้องแจ้งยกเลิกทนายความผู้รับมอบอำนาจจากศาล ศาลไม่ยอมอีก เราก็ทำไปใหม่อีก เอาหลักฐานที่เราส่งเอกสารไปให้ทนาย ทีนี้ศาลยอม ศาลกำหนดว่าให้เขียนคำแถลงการณ์ เราไม่มีทนายแล้ว ก็มาเจอทนายอุ้ม ทนายอุ้มเลยเขียนเป็นภาษาไทยให้ ทำเอกสารยื่นคำร้องให้ แล้วแปลเป็นภาษาเยอรมัน ศาลก็ยอมรับหลักฐานของยุ ณ ปัจจุบันค่ะ
อนันต์ชัย : คดีแพ่งมีการฟ้องไป ทนายไม่มีใครทำคดีให้แก ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด เลยให้ทนายอุ้มทำร่างแบบของไทยไปแปลที่เยอรมันและส่งเอกสาร เขาเลยรับ ในคดีแพ่งมีการเรียกเงินคืน คือเงินเดือน 147,000 บาทต่อเดือน เงินค่าดำเนินการ ค่าวีซ่า รวมถึงค่าอาหารแมว เขาขอ รวมเป็นเงิน 13 ล้านบาทเศษ ทีนี้ในคำฟ้องระบุชัดเจนว่าโดยวัดนี้ โดยพระ เจ้าอาวาส และนางนี้ เราเลยรู้ว่าอ๋อ เงินที่โอนมาทั้งหมด ไม่ว่าค่าวีซ่า เงินเดือน เงินค่าอาหารแมว ที่เรียกคืนมาเป็นของวัด เขาเลยรู้ว่าอ้าว เงินนี้เป็นของวัด กระบวนการนี้ผิดกฎหมายหมดเลย
อุ้ม : ที่สำคัญในส่วนการบรรยายฟ้องของโจทก์ ก็ระบุชัดเจนว่าเงินจำนวนเท่าไหร่ วันที่เท่าไหร่ เงินสดในนามของวัดนาป่าพง
เรื่องนี้ประเด็นแค่เท่านี้ แต่พอไปฟัง เข้าใจว่า ผู้เสียหายเขาอยากระบาย คับอกคับใจ แต่ประเด็นหลัก ๆ สาระสำคัญที่พระอาจารย์ถูกกล่าวหา มีอยู่เท่านี้ คือประเด็นเงินวัด ธนาคารกรุงไทยปิดไปหรือยัง?
ยุ : เปิดอยู่ค่ะ รอตรวจสอบอยู่ค่ะ อีกเรื่องนึง ยุมั่นใจว่าท่านทำอะไรระแคะระคาย หนึ่งผู้หญิงของท่านที่มาเยอรมันด้วย ไปบอกที่ปรึกษาเพรสสิเดนต์ ว่าเป็นเงินของเขา ยุคลางแคลงใจมาตลอด ที่ปรึกษารัฐบาลท่านเป็นพยานให้ได้ค่ะ เป็นคนเยอรมัน ตร.สามารถติดต่อได้ค่ะ
จะบอกว่ามีกรณีสีกาไปอ้างว่าเป็นเงินเขาเองอีก?
ยุ : ใช่ สีกาที่ไปไหนมาไหนด้วยตลอดค่ะ จะเห็นเลยค่ะ
เป็นโยมอุปฐากไม่ใช่เหรอ?
ยุ : ไม่ทราบค่ะ แต่หวงมาก เวลาคุยกับพระอาจารย์ต้องแอบคุยมาก คุยโทรศัพท์ด้วยไม่ได้เลยค่ะ
เรื่องนี้มองยังไง?
อนันต์ชัย : เนื่องจากกระบวนการผิดตั้งแต่ตอนนี้ เอาเงินวัดออกไปผิดวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะส่วนบุคคล ในนามคุณยุเอง หรือในนามพระเอง หรือในนามมูลนิธิเองก็ผิดหมด เงินวัดคือเงินวัด นิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา ไม่สามารถใช้ปนกันได้ กระบวนการอยู่แค่นี้เอง คุณก็ต้องดีแคร์ว่าทำไมคุณเอาเงินวัดออกไปตามหลักฐานนี้ ที่ทนายเขากล่าวว่าเอาเงินตรงนี้ไปทำมูลนิธินี่ผิดนะครับ ผิดกฎหมายเมืองไทยนะ เพราะมูลนิธิในต่างประเทศเราไม่สามารถดีแคร์ได้ในประเทศไทย กฎหมายเยอรมันก็คือกฎหมายเยอรมัน ตรวจสอบไม่ได้ด้วย ภาษีก็ไม่ได้ด้วย คุณไปทำอะไรที่เยอรมัน ไม่เกี่ยวกับกฎหมายเมืองไทย การที่คุณเอาเงินเข้าบัญชีส่วนตัว แม้ตอนนี้ทราบว่าเงินที่เบิกจ่ายได้คือพระรูปเดียว ก็คือเหมือนเดิม อยู่ในบัญชีของคุณนั่นแหละ ดังนั้นที่คุณบอกว่าตรวจสอบได้ ตรวจสอบไม่ได้ครับ เพราะเราไม่ใช่ผู้เสียหายในประเทศเยอรมัน แต่คุณทนายแถลงยอมรับไปแล้วนะว่าเงินตรงนี้อยู่ที่มูลนิธิประเทศเยอรมัน ถ้ามีพระเป็นคนเบิกถอน แสดงว่าคุณยอมรับโดยดุษฎีแล้วว่าเงินเข้าบัญชีของพระนั่นเอง พฤติการณ์เข้าข่ายการฟอกเงินไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเยอรมันหรือกฎหมายประเทศไทย
อุ้ม : ส่วนของเงินบริจาค ที่อ้างว่าเป็นเงินวัดตั้งแต่ต้น มีข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีการฝากเงินสดเข้าบัญชีคุณยุโดยตรง ทำไมไม่โอนจากบัญชีวัดเลย ทั้งที่วัดมีบัญชี ตรงนี้มีการรายงานต่อสำนักพุทธมั้ย
อนันต์ชัย : ที่ทนายแถลงเล่าเป็นนิยาย ไม่ใช่พ้อยท์ของเรื่อง ส่วนแรกคือคุณยอมรับแล้วว่าเป็นเงินบริจาค ตามหลักฐานคือเงินของวัด
มหาหมี ?
มหาหมี : ต้องเปิดโอกาสให้ทางวัดชี้แจง ดูบัญชีวัด แล้วบัญชีที่เขายื่นไปสำนักพุทธประจำปีมีหรือไม่อย่างไร ที่สำคัญเงินที่ออกไปมีการออกใบอนุโมทนาบัตรหรือไม่อย่างไร ต้องดูว่าเขาบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์ใด เพราะประเด็นสำคัญคือตรงนี้ วัดต้องชี้แจงตรงนี้
ตอนไปเยอรมัน มีการไปอ้างแล้วลงหนังสือแจ้งความจำนงบริจาคเงินสมทบกองทุน ในนี้ดันเขียนว่าเป็นเงินของวัด?
อนันต์ชัย : เขาบอกว่าเงินทั้งหมดไวยาวัจกรเป็นคนโอน จริง ๆ ไม่ใช่นะ คนโอนเป็นเจ้าหน้าที่ของวัด เป็นคนสองคนโอน มันจึงผิดไปจากที่เขาแถลง ไวยาวัจกรไม่รู้เรื่องเลย ถ้าไวยาวัจกรโอน ไวยาฯ จะโดน 157 เขาไม่ได้โอน แต่สองคนที่เป็นลูกจ้างวัดโอนเป็นเงินสด
สาระสำคัญอยู่ที่หนังสือฉบับนี้?
อนันต์ชัย : เมื่อวานเขาจะให้ผมเปิด เย็นนี้ติดตามในเพจทนายอนันต์ชัย ผมจะเปิดให้ดู
ประเด็นคือพอมีการระบุว่าเป็นเงินบริจาคจากวัดนาป่าพง ให้แก่คุณยุ?
อนันต์ชัย : ผิดตรงนี้แหละ ไม่ได้ผิดนอกราชอาณาจักร นอกราชอาณาจักรคือฟอกเงิน
เงินบริจาคจากวัด คือวัดบริจาคให้นางนี้ เพื่อการนี้ ซึ่งมันไม่ได้?
อนันต์ชัย : ไม่ได้ นิมนต์มาออกโหนกระแสเลย ส่งตัวแทนมาก็ได้ เอาทนายที่แถลงมาเมื่อวานนี่แหละ ผมจะมาด้วย
เห็นแบบนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไง มันได้มั้ย วัดบริจาคเงินให้นางนี้เอาไปทำอย่างนี้?
มหาหมี : เขาล็อกให้ใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ ต้องดูว่าเงินที่เขาบริจาคให้วัด เขาเอาไปทำเพื่อการใด ทีนี้การพิสูจน์วัตถถุประสงค์เขาให้ดูจากใบอนุโมทนาบัตร ไม่ใช่รวมเป็นก้อนเดียว
ถ้าเจตนาไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าโอเค ท่านอยากสร้างสถานปฏิบัติธรรมให้ชาวพุทธได้เข้ามาทำบุญ เอาเงินตรงนี้โอนไปฝากคนนี้ให้ทำให้ ถ้าท่านคิดแค่นี้?
อนันต์ชัย : อันนี้เป็นเจตนาที่ต้องไปพิสูจน์ในศาล คดีอาญาทุจริต อยู่ที่โดยทุจริต เจตนาหรือไม่ต้องไปพิสูจน์ตรงนั้น
มหาหมี : ตรงนี้มีข้อผิดปกติตั้งแต่ตั้งสมาคมและมูลนิธิแล้ว หลักในการตั้งวัดที่ต่างประเทศ เขาจะรวมกลุ่มบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ เมืองไทยอาจมีผู้สนับสนุนที่เป็นวัด ต้นเรื่องถูกครับ แต่เขาจะมีคณะกรรมการ หรือคณะกรรมการมูลนิธิ ที่เป็นคนในพื้นที่กับสถานทูตเข้ามาดูแล มีหน่วยงานพระธรรมทูตของประเทศไทยไปตั้งอยู่ที่ยุโรปด้วยนะครับ เขาจะประสานกันทุกฝ่าย แต่อันนี้ไม่ผ่านตรงนั้นเลย เป็นรายบุคคลคือคุณยุ ตรงนี้ผิดสังเกตว่าทำไมเงินต้องเข้าบุคคลคนเดียว ถ้าเงินจากเมืองไทยถามว่าไปได้มั้ย ในทางปฏิบัติน้อยที่เขาจะเอาเงินจากเมืองไทยไป เขาจะเรี่ยไรรับบริจาคจากต่างประเทศ แล้วทำกันเองไปตามวัตถุประสงค์เลย ถ้าเงินที่ไทยจะไป ก็ต้องโอนเข้ามูลนิธิหรือสมาคมนั้นที่ตั้งโดยตรงเลย แต่นี่ไปฝากไว้ที่บัญชีคุณยุ น่าจะมีข้อสงสัยตั้งแต่คนเอาเงินไปไว้ที่บัญชีคุณยุที่ประเทศไทยแล้วแหละ มันเหมือนกรณีเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่ง เอาเงินเข้าบัญชีตัวเอง หรือเข้าบัญชีไวยาวัจกรยังผิดเลยครับ เพราะต้องเอาเงินไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์นั้นเลย
คุณยุอยากพูดอะไร?
ยุ : ยุมีประเด็นที่ขาดไป เงินโอนงวดแรก 6 ล้าน เขามาฟ้องยุว่าเป็นเงินวัดนาฯ แต่ทำไมเขาใช้ชื่อพี่สาวบริจาคคะ พยายามปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้ใครตรวจสอบได้หรือเปล่า มันทำให้ยุมั่นใจว่าปี 2023 มันต้องยักยอกเงินมา แล้วอุปโลกน์ว่าเป็นเงินพี่สาว เท่านั้นเองค่ะในส่วนนี้
อันนี้ที่มีเอกสารใช้สำหรับบริจาค?
อนันต์ชัย : ใช่ครับ พอไปฟ้องที่เยอรมัน บอกว่าเงินพี่สาวคือเป็นเงินวัด กลายเป็นว่าพยานหลักฐานมัดตัวเลยว่าเงินนี้ไม่ใช่เงินพี่สาว แต่เป็นเงินวัดที่ประเทศเยอรมัน ยุ่งเลยนะ เพราะเอกสารมีการรับรองจากประเทศเยอรมัน โดยสถานทูตเยอรมันมาแล้ว ให้กองปราบดู ซึ่งคุณยุยอมขึ้นศาล
ยุ : ที่ผ่านมาไม่มีพื้นที่ให้ยุพิสูจน์มาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ถ้าเราได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราไม่มีเจตนา เราก็พร้อม ตอนนี้ต้องเคลียร์คดีที่เยอรมันก่อน เคลียร์ที่นี่ให้จบ แล้วจะรีบกลับค่ะ
คุณออกนอกประเทศเยอรมันได้มั้ย?
ยุ : ก็นี่แหละค่ะ ฟ้องแล้วฟ้องอีกอยู่นั่นแหละค่ะ ไปไหนไม่ได้เลย
คนอาจมองว่าแบกหรือเปล่า ผมพยายามถามแย้งให้กับอีกฝั่งเพราะเขาไม่ได้มา เพื่อความเป็นธรรม เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาแล้วปล่อยให้รุมใส่ท่านอย่างเดียวก็ไม่เหมาะ?
อนันต์ชัย : วันศุกร์นี้ ทางมูลนิธิทนายกองทัพธรรมจะไปร้องเรียนพระรูปดังกล่าวที่กองปราบด้วย เวลา 10 โมง
บอกผมแบกหลังแอ่น ผมแค่แย้งให้ พี่รู้จักพี่ยุได้ไง แกพูดเก่งนะ?
อุ้ม : แกพูดเก่ง แต่ใช้ภาษาเยอรมัน ภาษาไทยก็เลยพูดเหมือนสลับกันไปสลับกันมา
แกดูเหมือนมีความแค้น?
อนันต์ชัย : แกโดนกระทำ แกโดนฟ้องที่โน่น ตอนนี้สามีแกก็ป่วย แกต้องดูแลสามีแกด้วย แกลำบากมาก วันนี้ออกจากบ้านก็ไม่ได้ โดนคดีอีก ทนายที่โน่นไม่ยอมทำคดีให้แกอีก เพราะแกไม่ค่อยมีเงิน มาขอให้อุ้มช่วย
ตอนนี้ออกมาไม่ได้ เพราะสามีป่วย?
อุ้ม : อีกอย่างกำหนดการของศาลที่เยอรมันก็ไม่รู้ว่าจะมีวันไหนยังไง ไม่เหมือนเมืองไทย ไม่มีกำหนดล่วงหน้า มีหนังสือแจ้งมาก็ต้องไปค่ะ
ผมไม่มาสองวัน เดี๋ยวบอกไว้ หนึ่งในสองวันนี้ ผมจะมีการเชิญอ.เชียงมา วันศุกร์น่าจะเป็นอ.เชียง หรือจะเป็นพรุ่งนี้ ทีมงานกำลังประสานให้อยู่ อ.เชียงจะมาชี้แจง มีการพูดคุยกันบาง ๆ ว่าเป็นยังไง สัปดาห์หน้ากำลังไล่เรียงเรื่องราว มีหลายเรื่องมาก ถ้าไม่ผิดพลาด ก็น่าจะเป็นเรื่องนักแสดงที่ถูกกล่าวหาว่าฮุบบริษัทเขามา ล่าสุดผมได้มีโอกาสคุยกับอีกมุม ผมคุยกับสองมุมแล้ว มันมีอะไรเหลื่อม ๆ นิดนึง เดี๋ยวให้คุณผู้ชมรอดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอะไร?