“ก้อง วิทยา” ชีวิตพลิกผันจากเด็กเกเร สู่พระเอกเรตติ้งอันดับ 1 ย้อนเล่านาที รถเสียหลักเกือบไม่รอด!

ก้องวิทยา คุยแซ่บ

ออกมาเล่าชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร  สำหรับพระเอกหนุ่ม “ก้อง วิทยา” ที่โตมากับย่าทวดตั้งแต่จำความได้ เกเรจนถูกไล่ออกจากโรงเรียนถึง 2 ครั้ง และได้ออกมาตามหาแม่แท้ ๆ ที่ไม่เคยเจอหน้า ชีวิตพลิกผันจากเด็กเกเรสู่พระเอกเรตติ้งอันดับหนึ่งของช่องOne โดยเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจในรายการคุยแซ่บshow ที่มี “พุฒ พุฒิชัย” และ “หนิง ปณิตา” เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

เป็นยังไงบ้างละครเรตติ้งอันดับเลยตอนนี้?

ก้อง : ก็คนรู้จักเยอะมาก ๆ ไปไหนมาไหนคนก็ทักว่าเป็นเจ้าชายผาแดง เรื่องงานค่อนข้างใหญ่ เพราะมีเรื่องของ CG ยุคสมัยที่ย้อนกลับไปพันปี มีความยากของโปรดักชั่นด้วย และของตัวบทด้วย สิ่งที่ยากคือเรื่องของภาษาเพราะว่าผมเป็นคนเหนือ ใช้ภาษาเหนือมาตลอดแต่ต้องมาพูดอีสาน มันเลยเทียบคีย์กันยากพอสมควร 

ให้คะแนนตัวเองกี่คะแนนในการพูดภาษาอีสานในเรื่อง ?

ก้อง : เต็มสิบผมให้ตัวเองสิบเลยครับ ชัดเจนมากขึ้น พูดคล่องเลยครับ ก่อนหน้านี้การเวิร์คช็อป 2-3 เดือน ดูหนังฟังเพลงอีสาน 

กว่าจะดังชีวิตวัยเด็กคือสุด ๆ?

ก้อง : ตอนเด็กเด็กพ่อแม่แยกทางกัน ไปฝากคุณย่าทวดเลี้ยง แม่ของแม่อีกทีหนึ่ง พอโตขึ้นประมาณ 13 – 14 ท่านก็ไม่ค่อยไหวคือท่านอายุเยอะแล้ว ก็เลยไปบวชพอบวชได้สักปีนึงท่านก็เสีย 

พอโตมาเรารู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองไหม ?

ก้อง : จริง ๆ ย่าทวดก็ให้ผมทุกอย่าง เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ครบหมดเลย บางครั้งงานโรงเรียนก็มีแอบน้อยใจ แต่พอเป็นผู้ใหญ่ผมก็เข้าใจเหตุผล

หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกันเราได้มีโอกาสเจอท่านบ้างไหม ?

ก้อง : คือผมจะอยู่ฝั่งพ่อ ก็จะได้เจอพ่อบ้าง ไปมาหาสู่บ้าง ส่วนคุณแม่คือไม่เคยเจอ เท่าที่รับข้อมูลมาคือตอน 3-4 ขวบ ซึ่งเด็กมาก ๆ จำไม่ได้เลยว่าหน้าตาเป็นยังไง มีแค่รูปแขนแม่อย่างเดียว รูปถ่ายที่ไม่เห็นใบหน้า เลยไม่รู้ว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง 

ได้ตั้งคำถามกับคุณพ่อ หรือย่าทวดมั้ยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?

ก้อง : ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ขาดอะไรเลยปล่อยจอยไป แต่พอโตมาก็เริ่มคิดว่าแม่เราเป็นใคร ตอนนั้นสึกออกมาแล้วอายุ 18-19 

ตอนที่อยู่กับย่าทวดเคยถูกโรงเรียนไล่ออกถึงสองครั้ง ?

ก้อง : มันก็มีเรื่องไม่เรียนบ้าง มีเรื่องชกต่อยเป็นปกติ มันเป็นโรงเรียนประจำ แต่ผมจะไป-กลับเลยไม่ถูกกับเด็กหอ มองหน้ากันไม่ได้ พอย่าทวดรู้ท่านก็ไม่สบายใจ ผมเป็นลูกคนเดียวหลานคนเดียวในบ้านท่านก็เลยเป็นห่วงมาก ๆ ท่านก็บอกให้ผมบวชมาตั้งนานแล้วแต่ผมก็ไม่ได้ไป 

สุดท้ายทำไมถึงตัดสินใจบวช ?

ก้อง : มันเป็นความคิดที่เข้ามาในหัวว่าเรารู้สึกสงสารย่าทวดเพราะท่านดูแลเรามาตั้งนานแล้ว และร่างกายท่านไม่ไหว ก็เลยเป็นจุดที่เราตัดสินใจ

ตอนบวชเณรก็มีวีรกรรม ?

ก้อง : เล่นกับเพื่อนเณรและตกต้นไม้แขนหัก ข้างในตอนนี้เป็นเหล็ก ตอนนั้นอายุ 13 – 14 ตอนนั้นหนีขึ้นไปบนต้รไม้แล้วมีอาการชัก เลยเอาแขนลงแล้วหักท่อนหนึ่ง หมอบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่กระดูกสามารถต่อได้ เลยเอามาต่อกันแต่ก็ต้องใส่เฝือกดามไว้ไม่ให้กระดิกเดือนนึง แล้วความดื้อของผมคือใส่ได้สองอาทิตย์แล้วมันมากก็เลยแกะเอง แล้วไปล้มในห้องน้ำอีกรอบเอามือไปเท้า ซึ่งจากใส่เฝือกเลยต้องใส่เหล็กแทน ดามเอาไว้

มันส่งผลต่อชีวิตของเราไหม ?

ก้อง : ออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่ถ้าเจออากาศหนาว ๆ ก็จะเสียวแปล๊บ ๆ หน่อย ซึ่งผ่าตัดก็ไม่มีไปหาหมอเพิ่มก็ปล่อยมาจนถึงทุกวันนี้ 

วันที่พลิกชีวิตคือวันที่เสียย่าทวด?

ก้อง : ตอนที่เสียคุณย่าทวง คือมันก็เคว้งมันเหมือนไม่มีที่พึ่งทางใจ กลับบ้านไปก็ไม่เจอท่าน ไม่ชิน และเสียใจมากๆ ที่ไม่ได้อยู่ดูแลท่าน ตอนนั้นท่านอายุ 80 กว่าได้

จากนั้นเราเดินไปในทิศทางไหน?

ก้อง : ตอนบวชมันก็จะมีโรงเรียนแบบสามัญถึงตอน ม.3 พอผมจบ ม.3 ผมก็ออกมาเรียนโรงเรียนที่เชียงใหม่ต่อคนเดียว จากเดิมอยู่แม่ฮ่องสอน 

พอมาเชียงใหม่ มีช่วงนึงที่เราตามแม่ด้วย ?

ก้อง : ใช่ครับ ตามหาแม่ตั้งแต่เป็นเณรแล้วครับ พระอาจารย์ก็ช่วยหาแต่ว่าไปหาบ้านก็ไม่เจอ เพราะแม่ทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง ด้วยความที่เราไม่เคยเห็นแม่ เราก็คิดไม่ออกเลยว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง แล้วผมก็ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับพ่อมากเท่าไหร่ เจอก็แค่คุยทั่วไป 

หลักฐานชิ้นเดียวคือมีแค่มือของแม่?

ก้อง : มีชื่อของแม่ด้วย อาจารย์ก็ให้เสิร์ชื่อในทะเบียนราษฎร์ ไปตามที่บ้านก็เจอแต่น้องสาว กับคุณยาย 

น้องสาวเคยรู้มาก่อนไหมว่าเราเป็นพี่เขา?

ก้อง : ผมไม่ทราบครับ คือผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมมีน้องสาว เซอร์ไพรส์เหมือนกัน หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่วัดขาดการติดต่อกันไปพักนึง หลังจากสึกออกมาผมก็ไปทำงานที่ร้านกาแฟ แล้วก็กินข้าวอยู่หลังร้านตอนนั้นก็เซิร์ชชื่อคุณแม่เล่น ๆ ในเฟซบุ๊ก ผมก็เลยลองทักไปดู ว่าตามหา ก็เลยให้เบอร์โทรมาให้ผมโทรหาเค้าหน่อย ก็เป็นแม่จริง ๆ 

ตอนนั้นได้คุยกับแม่เป็นยังไงบ้าง?

ก้อง : เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นแล้วก็สงสัย ว่าใช่หรือเปล่า ตอนที่คุยครั้งแรกผมก็บอกว่าผมตามหาแม่ เค้าชื่อใช่ชื่อนี้หรือเปล่า ท่านก็บอกว่าแม่เอง อีกอาทิตย์นึงบินไปหาท่าน 

ตอนที่ไปทำงานร้านกาแฟเค้าก็ติดต่อให้เราไปทำบาริสต้า มีคนเห็นความหล่อจนชวนมาแคสงาน?

ก้อง : ครับ ตอนนั้นทำร้านกาแฟอยู่สี่ปี ตอนนั้นก็มีคนชวนไปถ่ายแบบ ก็ถ่ายมิวสิควิดีโอ มากรุงเทพฯก็มาออดิชั่นบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ ผมมาที่ช่องวันผมเป็นนิวเจนก็เลยมาสมัครดู มาแบบเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นก็มีเอ็มวีของพี่เอ๊ะ จิรากร และ mv ของวงแคลช ช่วงนั้นก็ต้องไปบินมาเพื่องาน แต่ก็รู้สึกสนุกแต่ต้องใช้เวลาปรับตัวค่อนข้างเยอะ

เรามีความฝันว่าอยากเป็นศิลปินบ้างมั้ย?

ก้อง : จริง ๆ ผมชอบดูหนังละครอยู่แล้ว ชอบเอาตัวเองไปอยู่ในหนังเป็นบุคคลที่สอง พอได้มาเรียนการแสดงก็รู้สึกว่ามันเข้ากับเราจังเลย แต่พอมาทำงานผมแค่รู้สึกว่าอยากหาเงินให้กับตัวเองแค่นั้น

จำวันที่แคสงานได้ไหม ?

ก้อง : ตอนนั้นน่าจะแคสละครเฮีย 2018 เล่นเป็นคุณวศิน พี่ฟิล์มกับพี่บีก็มาดูด้วย ก็ตื่นเต้นมากแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี วันนั้นด้วยการทำความเข้าใจล้วน ๆ พยายามออกจากเซฟโซนของตัวเอง ครั้งเดียวผ่าน คำตอบตอนเย็นพอรู้ว่าได้ก็ยินดีมาก ๆ เพราะเราไม่เคยมีทักษะอะไรมาก่อน 

ต้องปรับตัวยังไงหลังย้ายจากเชียงใหม่มาที่กรุงเทพฯ?

ก้อง : ตอนนี้ก็ย้ายกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็ต้องปรับตัว คนรอบข้างก็ชี้แนะและแนะแนว มันก็ค่อนข้างยากเพราะเรามาคนเดียว 

มีท้อบ้างไหม ?

ก้อง : มันน่าจะน่าจะเป็นความกังวลมากกว่า ผมไม่สนว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่กลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้เลยกดดันตัวเองมากกว่า 

พอได้มาเป็นพระเอกซีรีส์ “บางกอกคณิกา” แล้วเป็นยังไงบ้าง? 

ก้อง : ก็ดีใจมาก ๆ ที่มีคนเห็นและอิน ภูมิใจกับชิ้นงานนี้มาก ๆ ประกบคู่กับ “อิงฟ้า” ด้วยก็ตื่นเต้น เกร็ง ๆ ว่าเราจะทำผิดทำถูกมั้ย ตอนนี้ก็ภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ที่มาไกล ก็อยากจะโชว์สติศักยภาพของตัวเองไปต่ออีก 

เป็นนักมวยอาชีพด้วย ?

ก้อง : ใช่ครับแต่ก่อนอยู่กับย่าทวดสองคนก็หาเงิน เค้าก็มาชวน ไปห้าครั้งชนะมาหนึ่งครั้ง หนีไปต่อยตามงานและก็ไปชิงแชมป์ด้วย ตอนนั้นชอบศิลปะการต่อสู้ เพื่อนไปต่อยมวยเราตามเพื่อนไปด้วย แพ้ 2 เสมอ 2 ชนะ 1 ตอนนั้นตัดสินใจบวชด้วยเลยทิ้งไป พอสึกออกมาแขนหักก็เลยไม่อยากเสี่ยงเท่าไหร่

ทำงานอยากเก็บเงินสร้างบ้านให้กับคุณแม่ ?

ก้อง : ครับ เก็บค่อย ๆ ทำไป รื้อบ้านไปแล้วถมที่ไปแล้วค่อยค่อยเก็บเล็กผสมน้อยไป ทำที่อุบลบ้านของคุณแม่ พออยู่กับแม่ก็ต้องทำความรู้จักกันใหม่ แต่กับน้องค่อนข้างที่จะจูนกันง่ายเพราะน้องให้ทางความรู้สึกของผมค่อนข้างที่จะเยอะ พอจะกลับจากอุบล น้องก็มาบอกว่าถ้าไม่ไหวก็กลับมาบ้านนะ 

พอมาอยู่กับแม่และน้องสาวความผูกพันมันเพิ่มขึ้นขนาดไหน ?

ก้อง : ค่อย ๆ มาเรื่อย ๆ แต่รู้สึกว่าเราจูนกันไวมาก แต่บางทีมันก็มีระยะห่างบ้าง 

มีจุดความน้อยใจที่อยากจะพูดอยากจะเคลียร์กันมั้ย?

ก้อง : ไม่มีเลย ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหตุผลของเขา ที่เค้าอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ที่มันทำไม่ได้จริง ๆ ความรู้สึกณ. วันนี้ที่ได้เจอแม่และน้องสาว มันก็เหมือนเรารีบบ้าง แต่ก็อยากให้เป็นไปเรื่อย ๆ ตามจังหวะชีวิตด้วย วันนี้ก็คุยกันผ่านมือถือถ้าว่างก็จะบินไปหาแม่บ้าง แต่หนึ่งถึงสองปีนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปเพราะงานเยอะ ก็ภูมิใจในตัวเรามาก ๆ ชมตลอดเวลาดูละคร น้องสาวก็มีฟีดแบคตลอด ถ้าแม่ได้มาย้อนดูก็จะบอกว่าไม่ต้องห่วงเราจะทำให้มันสำเร็จให้ได้

รถเคยเสียหลัก?

ก้อง : ตอนนั้นน่าจะ 25 ใกล้จะ 26 แล้ว กำลังจะพ้นเบญจเพสพอดี ก็คิดว่ารอดแล้วก็ขับรถชนทางด่วนฝนตก รถมันแฉลบน้ำจากเลมีสามเลน แล้วเลี้ยวชนบอริเออีกฝั่งเกือบทางด่วน ตอน 28 แล้ว 

ล่าสุดละคร “ทายาทหมายเลข1” กำลังเข้มข้น เล่นกับลูกสาวพี่บอยด้วย?

ก้อง : เป็นซินแสประจำตระกูล คอยดูฮวงจุ้ยพื้นที่พลังงานให้กับตระกูล ก็คือมีเหตุผลที่จะต้องมาดูดวงในตระกูลนี้

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์

About Author