4 องค์กรไทย-จีนเซ็น MOU ดันไทยสู่ศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก

4 องค์กรชั้นนำ ไทย-จีน GENESENN -WHALA Club- FENGWO Holdings Group และ SMTIA จับมือ เซ็น MOU “Thailand Medical & Wellness Tourism” ดันไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก
กรุงเทพฯ – 9 กันยายน 2568 : 4 องค์กรชั้นนำ ของประเทศไทย และ ประเทศจีน ได้แก่ GENESENN, WHALA Club , FENGWO Holdings Group และ สมาคมนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อย่างยั่งยืน (SMTIA) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการ “Thailand Medical & Wellness Tourism” เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง Medical & Wellness Tourism ระดับโลก โดยพิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ณ ตรัยญา เมดิคัล เซ็นเตอร์ พระราม 9
4 องค์กรพันธมิตรที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)

1. คุณศิริญา เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เกเนเซน จำกัด : GENESENN (ประเทศไทย) คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แบบบูรณาการ, Wellness Solutions และ Medical Tourism จุดเด่นด้าน Personalized Healthcare, Stem Cell และ Anti-aging

2. คุณจีราวัฒน์ พุทธิไตรสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท คัลเจอร์ จำกัด (WHALA Club) (ประเทศไทย) : บริษัทด้านการท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ และมีเครือข่ายลูกค้าระดับพรีเมียม มีจุดแข็งด้านการเชื่อมโยงลูกค้าต่างชาติและการส่งเสริมด้าน Wellness Tourism

3. Mr. XU ENDE Group Chairman of ZHEJIANG FENGWO HOLDING GROUP CO., LTD. (ประเทศจีน) : บริษัทด้านการลงทุนและ Medical Tourism จากประเทศจีน ที่มุ่งเน้นการเชื่อมต่อเครือข่ายลูกค้าจีนสู่ตลาดไทย และขยายช่องทางการเข้าถึงตลาดระดับพรีเมียม

4. นายแพทย์ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์ นายกสมาคมนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์แบบยั่งยืน : SMTIA (ประเทศไทย) คือสมาคมนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อย่างยั่งยืน สนับสนุนการยกระดับมาตรฐานและความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก
ด้วยวัตถุประสงค์ที่ตรงกัน เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และสุขภาพระหว่างไทยกับต่างประเทศ ที่ครอบคลุมไปจนถึงการลงทุน พร้อมกับการพัฒนาเครือข่าย Medical Tourism รวมไปถึงต้องการเปิดตลาดใหม่ด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ ทั้งในประเทศจีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง
จากความร่วมมือในครั้งนี้ จึงไม่เพียงช่วยสร้าง และผลักดันให้เกิดแพ็กเกจด้านการบริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าต่างชาติเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ครบวงจร ครอบคลุมทั้ง การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพต่อไป
“วันนี้จึงนับเป็นโอกาสทองของประเทศไทย ที่จะก้าวไปสู่การเป็น “Thailand Medical & Wellness Tourism”


