ปรับระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม 1,500–2,000 ลบ.ม./วิ รับน้ำหลาก

กรมชลฯ ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 1,500–2,000 ลบ.ม./วิ รองรับน้ำหลากจากฝนตกหนัก พร้อมดูแลพื้นที่เสี่ยง
วันที่ 5 ก.ย.68 กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ จากการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าในระยะนี้ยังคงมีฝนตกหนักสะสมอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,900 – 2,300 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาอีกประมาณ 100 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ประมาณ 2,000 – 2,400 ลบ.ม./วินาที

ดังนั้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำดังกล่าว กรมชลประทานจึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา แบบขั้นบันไดในอัตราประมาณ 1,500 – 2,000 ลบ.ม./วินาที โดยได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30 – 110 เซนติเมตร

มีพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบ ได้แก่
- 📍 คลองโผงเผง จ.อ่างทอง
- 📍 คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
- 📍 ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
- 📍 ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
- 📍 ชุมชนที่ติดกับแม่น้ำน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 12 ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำเนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ จะเร่งแจ้งให้ต่อไป

สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำได้ที่ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.thหากต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร. 1460 สายด่วนกรมชลประทาน