กินกระเจี๊ยบเขียวทุกวัน ดีจริงหรือเสี่ยงแฝง?

กระเจี๊ยบเขียว (Okra) เป็นผักที่คนไทยคุ้นเคย กินได้ทั้งแบบต้ม แกง หรือนำไปทำอาหารอื่น ๆ มีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง
ประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียว
- ไฟเบอร์สูง – ช่วยระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ลดคอเลสเตอรอล – เมือกลื่นในฝักช่วยดักจับไขมันและคอเลสเตอรอล
- บำรุงหัวใจ – มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ และโพลีฟีนอล ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ควบคุมน้ำหนัก – แคลอรีต่ำ อิ่มนาน เหมาะกับคนควบคุมอาหาร
- วิตามินและแร่ธาตุ – อุดมด้วยวิตามินซี วิตามินเค กรดโฟลิก และแมกนีเซียม ดีต่อภูมิคุ้มกันและกระดูก
- ช่วยควบคุมน้ำตาล – เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน (แต่ไม่ควรใช้แทนยาหลัก)
ข้อควรระวัง/ข้อเสีย
- อาจทำให้ท้องอืด/ท้องเสีย – ไฟเบอร์สูง ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้แน่นท้อง
- มีสารออกซาเลต – ผู้ที่เป็นนิ่วในไตควรเลี่ยงการกินมากเกินไป เพราะอาจเพิ่มการเกิดนิ่ว
- ผลต่อยาบางชนิด – เมือกของกระเจี๊ยบอาจรบกวนการดูดซึมยา เช่น เมตฟอร์มิน (ยาลดน้ำตาล) ควรเว้นระยะห่างเวลาในการทาน
- ผู้ที่แพ้พืชตระกูลชบา (Malvaceae) – เช่น กระเจี๊ยบแดง หรือฝ้าย อาจมีอาการแพ้ได้
สรุป: กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่มีประโยชน์มาก แต่ควรกินในปริมาณที่พอดี โดยเฉพาะคนที่มีโรคนิ่วในไตหรือกินยาลดน้ำตาล ควรปรึกษาแพทย์ก่อน