พูดที่แรก! “ญดา” ยอมรับชอบ “ผู้หญิง” อยู่ใกล้แล้วใจฟู เผยสเปค “สาวคนนี้แหละ หนูชอบมาก”

ควงคู่กันมาเปิดใจถึงเส้นทางในวงการบันเทิงที่กว่าจะมีวันนี้ได้ สำหรับ “ญดา นริลญา กุลมงคลเพชร” ที่มาพร้อมกับ “คุณแม่พลอย“ พูดคุยอย่างเป็นกันเองในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องone 31 ซึ่งบางเรื่องไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เพราะเส้นทางการเป็นดาราของญดานั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะดังจะปัง นอกจากฝึกฝนเพิ่มสกิลความสามารถแล้ว ยังต้องมูเตลูเปลี่ยนชื่อจนพลิกชะตาชีวิต พร้อมพูดเรื่องความรักครั้งแรก!! เหมือนว่าตอนนี้หัวใจเหมือนจะไม่ว่างแล้ว

กว่าจะมีทุกสิ่งทุกวันนี้ เราต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้าง
ญดา : ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เราอายุสามขวบ ตอนนั้นเริ่มจำความได้แล้ว แต่เราก็ยังไม่เข้าใจเพราะด้วยความที่เราเป็นเด็ก เราแค่รับรู้อย่างเดียวว่าเราต้องย้ายโรงเรียน ย้ายที่อยู่อาศัย เราก็ไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันคืออะไร เท่าที่จำความได้ เราต้องผ่านความยากลำบากพอสมควร
แม่พลอย : ก็จากที่เค้าอยู่โรงเรียนดี ๆ ครอบครัวคุณพ่อก็ดูแล ทำให้เขาไม่ลำบาก แต่ทั้งหมดมันคือเป็นเรื่องส่วนตัวและการตัดสินใจของผู้ใหญ่ เราก็เลยตัดสินใจพาเค้าไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งตอนนั้นเราได้เลี้ยงลูกเรา ใช้คำว่าลำบากได้เปลืองมาก ลำบากมาก และเนื่องจากเราเลี้ยงคนเดียว เราต้องเข้มงวดมาก ซึ่งถ้าเค้าโตแล้วไม่ดี ต่อไปเค้าจะเป็นยังไง พยามกดดันตัวเองและกดดันเขาทั้งสองคน เข้มงวดถึงขั้นไม่ให้ไปเล่นบ้านใคร แล้วถ้าจะไปเล่นบ้านเพื่อนจริง ๆ จะมีกฎ 3 ข้อ หนึ่งห้ามเอาเรื่องในบ้านไปเล่าให้ใคร ๆ ฟัง ห้ามเอาเรื่องนอกบ้านมาเล่าให้แม่ฟัง และห้ามไปหยิบของเขา ก่อนที่จะออกไปเล่นต้องยืนท่องให้ครบ 3 ข้อนี้ก่อน แต่ตอนหลังเค้าก็ไม่ไปแล้ว เพราะขี้เกียจท่อง (หัวเราะ)
ญดา : ดีมากเลยตั้งแต่ที่แม่สอนในวันนั้น มันทำให้เราเป็นเราในวันนี้ ทำให้เรามีระเบียบวินัย
กดสามข้อที่แม่เข้มงวดกับเรา มันส่งผลอะไรให้เราในวันนี้บ้าง?
ญดา : เรื่องระเบียบวินัยที่คุณแม่สั่งสอนมา ตื่นเช้ามาต้องเก็บที่นอน หรือถ้าเข้าสังคม เห็นของอะไรก็ไม่ควรไปหยิบ เดี๋ยวตำรวจจะมาจับเราเลยนะ ซึ่งพอเราโตมาเราก็เรียนรู้ว่าสิ่งที่แม่สอนนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ตอนนั้นที่เราเป็นเด็ก เรายังไม่รู้ ว่าสิ่งไหนผิดมากแค่ไหน
แล้วตอนที่เราเป็นเด็กเราคิดไหมว่าเราจะได้เข้าสู่วงการ?
ญดา : ไม่เคยคิดเลยค่ะ มันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่เราก็ไม่รู้ว่าวงการคืออะไร เห็นคนดุ๊กดิ๊กได้อยู่ในจอก็ตื่นเต้นแล้ว แต่เราเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่อนุบาล เราทำมาตั้งแต่เด็กจนเป็นเรื่องปกติ
แม่พลอย : ถามว่าเราเห็นแววไหม เอาจริง ๆ เราเห็นว่าเค้าไม่เหมือนคนอื่น เค้าเหมือนคนไม่ค่อยปกติ (ยิ้ม) เค้าชอบเล่นคนเดียว ชอบมีแอ็คติ้งกับตัวเองตลอดเวลา ซึ่งเราก็มองว่าลูกเราปกติเหมือนเด็กทั่วไปหรือเปล่า อย่างวันนึงเค้าก็พูดว่าวันนึงหนูไปฮอลลีวูด เราก็บอกว่าฮอลลีวูดคืออะไรก่อน

จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการ ?
แม่พลอย : หลังจากที่เราแยกทางกับคุณพ่อเค้าไปแล้ว และอาม่าหรือคุณย่าของญดา เค้าเริ่มป่วย ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม อยากให้น้องมาเยี่ยม ก็เลยให้มาเยี่ยม เผอิญเจอคนที่อยู่ในซอยบ้านเดียวกับอาม่า เค้าเป็นเอ็กซ์ตร้า เค้าก็บอกว่าน้องหน้าตาน่ารัก พาไปโมเดลลิ่งถ่ายรูปไว้ จากนั้นเราก็พาลูกเรามาแคส ตีรถจากสุพรรณมากรุงเทพ
ญดา : แคสไปประมาณ 13 งาน แล้วถ้ามันไม่มีประโยคนี้ออกมาจากคุณแม่ มันอาจจะต้องใช้เวลานานกว่านั้นจะได้งาน
แม่พลอย : อย่างครั้งแรกเราเข้าใจว่ามาแคสแล้วได้เลย แล้วพอมันไม่ได้ มันทำให้เราเฟล และในวันที่เราไปแคส ก็เจอเด็กที่เค้าเคยออกทีวีแล้ว แล้วเราก็เลยมองหน้าลูก เรารู้ว่าลูกเราอยากทำ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเขา เรามีคำพูดอยู่ในใจ แต่เราไม่อยากบอกลูก เพราะการที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ ทุกอย่างมันต้องมีต้นทุน ทุกอย่างมันมีความพยายาม ซึ่งลูกเรามี แต่พอมันมีองค์ประกอบต่าง ๆ อีกหลายอย่างหรือศักยภาพทางร่างกายก็เป็นรอง
ญดา : 13 งานติดต่อกัน มันก็ผิดหวัง ไม่ได้ซักงาน แต่หนูมีเทคนิค การที่เราไม่ได้โฆษณานั้น เรากลับบ้านไป เซิร์ชดูโฆษณาแบรนด์นั้น ฝึกซ้อม เค้าทำแอ็คติ้งกันยังไง และมีวันนึงถ้าไม่มีประโยคนี้จากคุณแม่ หนูคงไม่เป็นหนูในทุกวันนี้ แม่พูดว่า ‘นี่เป็นการแคสงานครั้งสุดท้ายของหนูแล้ว ถ้าหนูไม่ได้อีก แม่จะไม่พามาแล้ว’ ซึ่งพอเราได้ยินประโยคนี้เราร้องไห้เลย หนูร้องไห้แข่งกับฝนที่ตกลงมา รู้สึกเสียใจมากที่คุณแม่จะไม่พาเรามาแล้ว
หลังจากที่คุณแม่พูดประโยคนั้นออกมา จากนั้นเราทำยังไง?
ญดา : เหมือนเราคิดสู้ขึ้นมา มากกว่าปกติ มีความมั่นใจว่า มันต้องได้ เป็นการให้ความหวังตัวเอง สรุปวันนั้นก็แคสผ่าน 3 งานเลย
แม่พลอย : สิ่งที่เราพูดกับลูกวันนั้น อย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันมีต้นทุน เราเลี้ยงลูกค่อนข้างลำบาก ในการมาทุกครั้งมันมีค่าใช้จ่าย การที่เราพาลูกมา เราต้องทิ้งงานตัวเอง ซึ่งแสงมันริบหรี่มาก เราก็บอกลูกว่าวันนี้มา เราทำให้เต็มที่ แต่ถ้ามันยังไม่ได้ เราพักก่อนเนอะ รอให้ลูกโตกว่านี้ แล้วเราค่อยมาเริ่มใหม่
ญดา : วันนั้นที่เราได้สามงาน เราดีใจมาก หนูเป็นคนไม่ยอมแพ้ ชอบอะไรที่มันท้าทาย
ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ?
ญดา : การที่เราได้สามงาน มันคือจุดเริ่มต้นก้าวแรกในวงการบันเทิง แล้วคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย

แล้วเราอยู่วงการมานาน เราก็มีความรู้สึกว่าทำไมยังไม่มีใครรู้จักเรา?
ญดา : อยู่ประมาณ 7-8 ปี แล้วไม่อยู่วันนึงเราก็ไปเซิร์ชใน Google ถึงความหมายของชื่อ เดิมชื่อเล่นว่าน้องเบนซ์ ณัฐธิดา แต่ว่าหญิงสาวลูกคนนักปราชญ์ เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ…ทำไมเค้าถึงทักเราตรงขนาดนี้ ที่ผ่านมาสุขภาพก็ไม่ค่อยดี เราจึงตัดสินใจบอกแม่ว่าขอเปลี่ยนชื่อนะ แล้วหลังจากที่เปลี่ยนชื่อมาได้สามวัน จีดีเอช ก็ติดต่อมาให้รับบทเป็นมิ้ง ในเรื่องร่างทรง
ในส่วนของเรื่องความรัก คุณแม่จะเป็นคนเปิดไพ่เช็คให้ก่อน?
แม่พลอย : ด้วยอายุของน้องเค้าเอง ก็ไม่ติดเรื่องการมีความรัก ในเรื่องของหน้าไพ่ และการทำงานในวงการ มันเป็นเหมือนเส้นขนาน มันต้องเลือกระหว่างความรักกับการทำงาน
ญดา : ก็คือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีแฟน (และตอนนี้ล่ะ?) ยังเป็นสีขาวอยู่
คือเราไม่ได้ชอบผู้ชาย เราชอบผู้หญิง ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่แรกเลยไหม?
ญดา : เราไม่รู้มาก่อน ยังไม่เคยมีแฟน สังเกตจากการเข้าฉาก เข้าฉากกับผู้ชายหนูตาแข็งมาก เราจะไม่ใจสั่น แต่เวลาเข้าฉากกับผู้หญิงเราจะใจฟู (การที่เราชอบผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแบบไหน?) ชอบผู้หญิงหวาน ๆ ชอบคนเรียบร้อย ชอบคนหน้าตาเรียบร้อย เรียบร้อยกว่าหนูอีก
สเปคคนในวงการ ที่เราชอบเป็นแบบไหน?
แม่พลอย : เค้าชอบอิ๊งค์ วรันธร ตอนแรกเราก็สงสัย ไม่เห็นเค้าชอบดาราผู้ชายเลย ซึ่งในส่วนของเรา ก็แล้วแต่เค้าเลย มีสิ่งเดียวที่แม่จะไม่บังคับ ก็คือเรื่องความรัก
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow วันและเวลาใหม่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-12.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama



คลิปสัมภาษณ์