“วิ วิรดา” จากไปสงบใน 5 นาที “กุ้ง-จิ้งหรีดขาว” เผยคำแม่-เหตุดลใจพาน้องกลับบ้าน

กุ้งจิ้งหรีดขาวคุยแซ่บ ปก

“กุ้ง สุธิราช – จิ้งหรีดขาว” เปิดคำพูดสุดท้ายของแม่ ส่ง “วิ วิรดา” จากไปอย่างสงบภายใน 5 นาที เผยเหตุการณ์ดลใจพาน้องกลับบ้าน

“กุ้ง สุธิราช” ควงน้าสาว “จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ” เปิดใจครั้งแรก หลังต้องสูญเสียน้องสาวอันเป็นที่รัก “วิ วิรดา วงศ์เทวัญ” ที่รักษาตัวอยู่ในรพ. 1 ปี 6 เดือนไปอย่างไม่มีวันกลับ พร้อมเผยห่วงสุดท้ายของน้องสาวคือลูกชาย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี บูม สุภาพร และ ซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?

กุ้ง : จริง ๆ เราเตรียมใจไว้พอสมควร ช่วงน้องวิป่วยปีครึ่ง ผมได้เห็นความเป็นมาเป็นไป น้องไม่รู้สึกตัวตั้งแต่วันแรกที่ป่วย จนถึงปีครึ่งก่อนเสียไป เราก็รู้สึกว่าน้องคงไม่ฟื้น รู้อยู่แก่ใจว่าน้องไม่ฟื้นแน่ ๆ แต่ทุกคนยังมีความหวัง แม่ น้า ทุกคนมีความหวังว่าวิต้องฟื้นกลับมา แต่เราอยู่กับความเป็นจริง ผมก็จะรู้สึกว่าดูแลกันไปเรื่อย ๆ คิดอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาจริง ๆ พอวิไปจริง ๆ มันใจหาย มันก็เสียใจ

จิ้งหรีดรู้สึกมีความหวัง?

จิ้งหรีดขาว : หวังทุกวินาที เขาพูดตลอด เขาเป็นคนตรง พูดให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำใจ แต่เรายังมีความหวังตลอดเวลา 

วิป่วยจากไข้เลือดออกแล้วรักษาตัวประมาณปีครึ่ง ระยะเวลาปีครึ่งได้รับการรักษาที่กรุงเทพฯ ตลอด แต่มีเหตุการณ์ มีอะไรหลายอย่างที่สุดท้ายต้องย้ายพาวิไปรักษาที่ชัยนาท มันเกิดอะไรขึ้น?

กุ้ง : จากวันแรกที่ป่วยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ล่าสุดอยู่ศิริราชปีกว่า ณ เวลานั้น ด้วยสภาพร่างกายทุกอย่างปกติ มีเพียงสมองไม่ทำงาน มีช่วงนึงเรื่องค่ารักษาประกันครอบคลุมส่วนหนึ่ง แต่ค่าห้องก็เสียเงินเองไปเกือบล้าน ประมาณ 8 แสนกว่าบาท ตอนนั้นคุณแม่เขาคิดเองว่าเขาอยากจะบริหารจัดการเรื่องการดูแลน้องให้ได้นานที่สุด ก็เลยคิดว่าอยากจะย้ายไปที่ชัยนาท ซึ่งปรึกษากับคุณหมอเรียบร้อย คุณหมอบอกว่าจริง ๆ ไม่ต้องอยู่รพ.ก็ได้ กลับไปอยู่บ้านก็ได้ เพราะวิไม่มีอาการอะไรนอกเหนือจากนั้น มีเครื่องช่วยหายใจอยู่แล้ว ก็สามารถอยู่ที่บ้านก็ได้ 

คุณแม่อยากใกล้ชิดกับน้อง ไม่ต้องเดินทางไปมา เลยย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด?

กุ้ง : คุณแม่นอนอยู่รพ.เลยตลอดเวลา ที่ศิริราชก็นอนอยู่รพ.เลย เพราะเป็นห้องพิเศษอยู่แล้ว เขาก็ดูแลอยู่ตลอด จนวันนั้นเขานึกอยากพาน้องกลับบ้าน อยากพาน้องกลับชัยนาท ก็เป็นการตัดสินใจของเขา ผมก็บอกว่าแม่อยู่นี่ก็ได้นะ เราก็อยากให้น้องอยู่ใกล้ ๆ เราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ชัยนาท เราใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯ ซะมากกว่า แม่บอกว่าอยากพาน้องกลับชัยนาท 

พอแม่พูดอย่างนั้น เราวางแผนหรือดำเนินการยังไง?

กุ้ง : ประสานรพ.เอกชนที่ชัยนาทว่าโอเคนะ แบบนี้รับส่ง และการดูแลเป็นยังไง ให้คุยโดยตรงกับรพ.ศิริราชอยู่แล้ว คุณหมอก็คุยกันเข้าใจ รู้เรื่อง ดูแลได้

หลังจากย้ายไปอยู่ชัยนาท อาการเป็นยังไง?

กุ้ง : จากที่ไปวันแรก ก็ยังดูปกตินะครับ การเคลื่อนย้ายไม่มีปัญหาใด ๆ หลังจากนั้นเริ่มมีอาการฉี่ไม่ออก ต้องดูเรื่องปริมาณโซเดียม โซเดียมสูงเกิน แล้วทุกอย่างก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป มีภาวะความดันตก ภาวะหัวใจเต้นช้า ปกติแล้วด้วยน้องวิสมองไม่ได้สั่งการ เรื่องความดันสวิงอยู่แล้ว เดี๋ยวขึ้นสูง เดี๋ยวลดลงเป็นปกติ แต่ไม่ถึงขั้นทรุด แค่สวิง พอย้ายก็เริ่มรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ก็แอบกังวลใจ ย้ายมาอยู่ห้องพิเศษนะที่ชัยนาท จนคุณหมอบอกว่าขอไปไอซียูดีกว่าไปเช็กใกล้ ๆ ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่เป็นไรมากหรอก เราเห็นว่าน้องไม่ได้เป็นอะไรมากมาย นอนนิ่ง ๆ แบบนั้นอยู่แล้ว จนวันนึงแม่บอกว่าต้องให้ยาเพิ่ม ให้ยาเพิ่มความดัน ให้ยาหลาย ๆ ตัว ซึ่งเรารู้สึกว่า มันแปลก ๆ รู้สึกว่าเหมือนกลับไปวันแรก ๆ ที่น้องป่วยหนัก ๆ 

ตอนนั้นแม่ก็แอบรู้สึก และขอรวมตัวญาติ ๆ มาเจอน้อง?

กุ้ง : ครอบครัวเราก็นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เดินทางกลับไปเคลื่อนย้ายไปชัยนาท คุณแม่ผ่านศาลหลักเมือง เขาก็อธิษฐานบอกว่าถ้าหนูอยากให้แม่ดูแลต่อ กลับมาบ้านครั้งนี้ ให้หนูมีสัญญาณอะไรบ่งบอก จะกระพริบตา หรือมีอะไรให้ดีขึ้น แม่ก็พร้อมดูแลหนูจนกว่าแม่จะไม่ไหว แต่ถ้าหนูจะไม่อยู่จริง ๆ ให้เห็นอาการภายใน 3 วัน หลังจากนั้น 3 วัน วิเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป 

ณ ตอนนั้นพี่จิ้งหรีดก็เป็นคนที่คุณแม่พี่กุ้งโทรตามมารวมตัวด้วย?

จิ้งหรีดขาว : ตอนนั้นเราไปดูอาการก่อน ย้ายไปชัยนาท ไปดูสองรอบดูว่าหลานจากที่ไปยังโอเค เรารู้สึกว่าคุยกับพี่ทวีปว่าอยากย้ายน้องกลับที่เดิมกรุงเทพฯ ตอนนั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อยู่ที่พี่สาวด้วย ก็รู้สึกว่าอยากให้น้องเป็นเหมือนเดิม ก็คิดอยู่ว่าจะกลับมั้ย แต่ ณ ตอนนั้นก็ได้ข่าวแล้วว่าพอกลับมาเยี่ยมอาการสวิงลง เราก็รู้สึกไม่ดี หลานบอกว่าจะรวมตัวกัน แต่ทุกคนเหมือนติดหน้าที่กัน ณ ตอนนั้น สุดท้ายการรวมตัวก็ไม่ได้เกิดขึ้น

กุ้ง : คุณแม่โทรมาวันนั้นแหละ วันที่น้องวิเสีย วันนั้นเลย โทรมาแล้วบอกว่าน้องอาการไม่ดีเลย มีสายระโยงระยาง ให้ยาเพิ่มมากขึ้น เราคิดว่าคงไม่เป็นไร เดี๋ยวขอทำงานก่อน แล้วจะรีบตีรถกลับไป ณ ช่วงเวลานึง ประมาณทุ่มกว่า ๆ คุณแม่ก็โทรมาอีกที ตอนนั้นเราก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว เขาบอกว่ากำลังปั๊มหัวใจอยู่ เราก็ทำอะไรไม่ถูก กำลังจะเดินทางไปงาน ก็บอกแม่ใจเย็น ๆ แม่ก็วิดีโอคอลให้คุยกับน้อง 

โมเมนต์ช่วงที่วิดีโอคอลคุยกับน้อง ได้บอกอะไรเขามั้ย?

กุ้ง :   บอกเขาว่าไม่ต้องห่วงนะวิ ถ้ามันไม่ไหว ก็ไม่ต้องห่วงใด ๆ ทั้งสิ้น ไปในที่ดี ๆ บอกรักเขา บอกว่าพี่รักหนูนะวิ ไม่ต้องห่วงแม่ ไม่ต้องวาคิน ไม่ต้องห่วงใครทั้งนั้น ไปให้สบาย ให้พ่อมารับไปนะ คุยกับเขา 

พี่จิ้งหรีดได้บอกหลานมั้ย?

จิ้งหรีดขาว : ตอนเขาอยู่ไอซียูก็จับมือเขา ส่งจิตบอกเขาว่าถ้าไหวก็อยู่ต่อ ถ้าไม่ไหวก็ไปเลย 

คิดว่าเขารับรู้ได้มั้ยกับสิ่งที่เราพูด?

กุ้ง : ถ้าทางกายภาพ น้องวิไม่ได้รับรู้ ทางสมองไม่ได้รับรู้เลย นอนนิ่ง ๆ เลย แต่ตอนอยู่รพ. เราเข้าไปหา เราจับตัวน้อง เขาสะดุ้งสวนมาเลย จนเราตกใจ เอ้า ยังไง รู้เหรอพี่มา แต่อย่างที่คุณหมอบอก มันเป็นลักษณะประสาทกล้ามเนื้อที่ไม่ได้สั่งการโดยสมอง เราก็แค่รู้สึกว่าอย่างน้อยรู้สึกว่าน้องรับรู้ 

หลังโทรและวิดีโอคอลเป็นครั้งสุดท้าย เราคิดมั้ยจะเป็นครั้งสุดท้ายของการบอกลาหรือได้คุยกัน?

กุ้ง : ณ เวลานั้น เรารู้อยู่ในใจ แม่ก็พยายามสุดความสามารถ จริง ๆ ผมไม่ได้อยากให้มาปั๊มหัวใจน้องผมหรอก ผมอยากให้น้องผมไปสบาย ในความคิดของผมลึก ๆ แต่คุณแม่อยู่หน้างานกับน้อง เราให้คุณแม่เต็มที่ในการตัดสินใจทุกอย่าง ผมรู้ ผมเข้าใจ เขาก็อยากให้อยู่เพื่อรอพี่ รอวาคิน ก็ตัดสินใจให้ทำ

วิจากไปอย่างสงบ ด้วยคำพูดของคุณแม่ ประโยคอะไร?

กุ้ง : คุณแม่บอกว่าไม่ต้องห่วงผัว ไม่ต้องห่วงลูก ไม่ต้องห่วงพี่ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าหนูจะไปไม่ต้องห่วงใครทั้งนั้น แม่อยู่ส่งหนูตรงนี้แล้ว (เสียงสั่นเครือ) ไม่เกิน 5 นาที จากความดันอยู่ที่ 91 มันตกแบบวัดค่าไม่ได้ น้องไปเอง เครื่องช่วยหายใจยังอยู่ ทุกอย่างแม่พยายามพยุงชีวิต รักษาชีวิตเอาไว้ให้เต็มที่ที่สุด แต่ด้วยพอเขาเห็นน้องไม่ไหว เขาก็บอกน้องไปว่าไม่ต้องห่วงใครทั้งนั้น เขารอส่งตรงนี้แล้ว 

จิ้งหรีดขาว : หลังจากนั้นก็เป็นพี่สาวแจ้งมา พอโทรศัพท์กริ๊งมา สะดุ้งตื่นโดยอัตโนมัติ โดยไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เขาก็บอกว่ารู้ยัง ๆ เราก็รู้เลย เหมือนเราไม่ได้ตั้งตัว 

กุ้ง : จังหวะนั้นที่วิดีโอมาคือน้องไปแล้ว ได้เห็นหน้าน้อง ทุกอย่างเหมือนปลดพันธนาการทุกอย่าง ปกติเขาเจาะคออยู่แล้ว สัญญาณชีพทุกอย่างมันดับแล้ว น้องไปจริง ๆ ก็ได้แต่รู้สึกว่าน้องไม่อยู่แล้วเนอะ ก็ไปในที่ดี ๆ ส่งเขา เราก็เยียวยาใจตัวเอง สงสารแม่ แม่เขาก็ยังร้องไห้ ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้นแล้ว 

ดูแลมา 1 ปี 6 เดือน จากเป็นไข้เลือดออก วันนี้วิไม่ได้อยู่กับเราแล้ว วันที่กลับไปเจอ เห็นว่าเหมือนวิไปพร้อมบุญ?

กุ้ง : หลังจากน้องเสียตอนสองทุ่ม ผมมีงานร้องเพลงตอนสามทุ่ม เราไม่อยากให้เสียงาน เรากับน้องแทบใจเดียวกัน คิดเหมือนกันทุกอย่าง วันที่พ่อเสียเราก็ต้องไปเล่นลิเก ซึ่งมันเหมือนกัน วันนั้นพอรู้ว่าน้องไปแล้วจริง ๆ เดี๋ยวพี่ทำงานตรงนี้แล้วจะรีบกลับไป ไปร้องเพลงก่อน เสร็จเรียบร้อยก็กลับไปหาน้อง เห็นน้องนอนอยู่ในห้องไอซียู น้องเหมือนตุ๊กตา ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนคนนอนหลับ เหมือนแค่หลับ น้องก็ยังตัวนิ่ม มือนิ่ม จับไปทางไหนก็ไป เห็นภาพน้องแล้วแบบ น้องหลับไปเลย โดยที่ไม่มีภาพที่ไม่ดีให้เราได้เห็นเลย 

จิ้งหรีดขาว : ตอนเราเห็นเขาแต่งหน้าทำผม เหมือนตุ๊กตาน่ารัก ๆ ไม่เหมือนศพเลย มือนิ่มมาก 

มีอะไรติดค้าง เหมือนพี่กุ้งโทษตัวเองมาตลอดว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ย้ายวิข้ามจังหวัด?

กุ้ง : ไม่ได้โทษตัวเอง ทุกคนทำเต็มที่แล้ว ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้วแหละ ที่แม่ดลใจว่าแม่อยากพาน้องกลับชัยนาท จริง ๆ ไม่ได้มีเอฟเฟกต์ใด ๆ น้องก็คงอยู่ได้อีกนานแหละ แต่ด้วยความที่น่าจะถึงเวลาของเขา ที่เขาจะไม่อยู่แล้ว น้องอยากกลับบ้าน

มีหลวงปู่เคยทักว่าอะไร?

กุ้ง : หลวงปู่เป็นรองเจ้าคณะภาค ผม น้องวิ คุณแม่ และครอบครัวเคารพมาก ท่านเคยพูดก่อนหน้านี้แล้ว ที่คุณแม่เข้าไปกราบตอนวิป่วยมาปีกว่าแล้ว ท่านบอกว่าเอาลูกกลับมาบ้านเถอะ ท่านพูดท่านก็น้ำตาซึมออกมา เป็นอะไรที่สื่อกันได้กับครอบครัวเรา คุณแม่ก็เลยพากลับมานี่แหละ

เป็นจุดเริ่มต้น?

กุ้ง : แต่อีกนานกว่าแม่จะพาน้องกลับมา 

หลวงปู่เคยทักว่าน้องจะอยู่หรือไปก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของแม่ด้วย?

กุ้ง : ใช่ ท่านบอกว่าไอ้วิ ขึ้นอยู่ที่แม่มัน อยู่ที่แกแหละว่าจะอนุญาตให้ไปตอนไหน ทำใจได้หรือยัง ลึก ๆ แม่เขารู้ว่าลูกจะไม่ฟื้น จะไม่ได้กลับมาหรอก  

พี่เอ ไชยา สนิทกับวิมาก อยากให้กำลังใจครอบครัว?

เอ : ภาพในงานเขาเห็นแล้วน้ำตารื้น พี่มีน้องเหมือนกัน เข้าใจการจากลาในครั้งนี้ แต่บอกเลยว่าถ้าเราไม่ทำให้คนที่จากไปผิดหวัง เราต้องรักตัวเองให้มาก ดูแลตัวเอง สู้ ยังมีแม่ ยังมีอีกหลายคนที่เราต้องดูแล ไม่ทำให้เขาผิดหวัง พี่เชื่อว่าเขาไปเป็นนางฟ้าจริง ๆ เพราะวันที่เราเห็นภาพ น้องสวยมาก และใสมาก ผมเชื่อตามความเชื่อชาวพุทธเราว่าน้องไปดี ไปสงบ ไปเป็นนางฟ้าแน่ ๆ พี่เป็นกำลังใจให้นะ เข็มแข็งนะ ทานข้าวทานปลาให้ได้ด้วย 

จิ้งหรีดขาว : ขอบคุณพี่เอมาก ๆ 

กุ้ง : พี่เอกับครอบครัวเรานึกถึงกันตลอด วันนั้นพี่เอก็ไปทั้งครอบครัว ส่งกำลังใจหากันตลอด ขอบคุณพี่เอมาก

มีเรื่องเมรุ ไม่สามารถจัดเมรุธรรมดาได้ต้องจัดเมรุลอยคือยังไง?

กุ้ง : จริง ๆ เราจะไปเผาน้องที่วัดวิหารทอง วัดที่ติดบ้านแหละ วัดที่จัดงานคุณพ่อ แต่บังเอิญว่าช่วงที่หลวงปู่ท่านมาวันที่รดน้ำศพน้อง หลวงปู่ก็แปลกใจว่าทำไมเนื้อตัวมันนิ่มอย่างนี้ ไม่เหมือนคนอื่น มันไปด้วยบุญ จะเป็นนางฟ้า ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ เหมือนคนนอนหลับ หลวงปู่บอกว่าไม่อยากเผาร่วมกับใคร พูดง่าย ๆ จัดเมรุลอยได้มั้ย เราก็บอกว่าที่วัดมันที่แคบ จัดได้ยาก เขาบอกลองถามโรงเรียนดู เพราะโรงเรียนตรงข้ามกับบ้าน มีสนามฟุตบอลใหญ่ ๆ ก็ลองถามโรงเรียนดู ผอ.ท่านบอกว่าจะจัดที่นี่ใช่มั้ยได้เลย อนุญาต ไม่มองว่าเป็นการเผาศพอะไรก็แล้วแต่ แต่มองว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่หลวงปู่ท่านมองว่าจัดแบบนี้แล้วจะเหมาะ 

เมรุลอยกลางแจ้ง ในสถานการณ์ฝนฟ้าตอนนี้?

กุ้ง : แอบกังวล ดูสภาพอากาศไปจนถึงวันที่ 7 วันที่ 6-7 มีฝน เราก็เอาไงดี ถ้ามีฝนงานยุ่งแน่ เพราะพื้นสนามฟุตบอลถ้าฝนตกคือท่วมเลย สวดคืนสุดท้ายวันที่ 6 เมรุลอยมาตั้ง ตั้งเสร็จปุ๊บฝนตกไม่ถึงครึ่งชม. ตกปรอย ๆ เบา ๆ หลังสวดเสร็จ เราก็เอาแล้ว มีฝนมาแล้ว พรุ่งนี้จะเป็นยังไง แอบกังวลอยู่ พอฝนหยุด วันที่ 7 ประกอบพิธี ฟ้าเปิด ไม่มีฝน อากาศ แสงแดดร้อน ๆ เลย แม่เขาเชื่อมั่นในบุญลูกเขาว่าเขาไปได้ดี 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์

About Author