เอ-อัญชลี เผยค่ายเกาหลีรุมจีบ “น้องไคล่า” พีคถึงขั้นพาเปลี่ยนชื่อกับอาจารย์เดียวกับแบมแบม-ลิซ่า

เอ อัญชลี ควง น้องไคล่า เปิดใจค่ายดังในเกาหลีรอเพียบ เผยจุดพีคพาลูกสาวไปเปลี่ยนชื่ออาจารย์เดียวกับ แบมแบม-ลิซ่า

อดีตนักแสดงและนางแบบสุดแซ่บ เอ อัญชลี ที่วันนี้ควงลูกสาวคนสวย น้องไคล่า มาเปิดใจครั้งแรก หลังขึ้นแท่น Trainee ศิลปินฝึกหัดค่ายดังของเกาหลี พร้อมเผยเคล็ดลับการมู เปลี่ยนชื่อระดับโกอินเตอร์ อีกทั้งยังเล่าชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสายสตรอง และความน่ารักฉบับแม่ลูก ที่บอกเลยว่างานนี้เผากันแหลก ผ่านทาง รายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

น้องไคล่าสูงเท่าไหร่?

น้องไคล่า : สูง 171 ค่ะ

อายุ 15 ยังสูงได้อีก?

น้องไคล่า : (สายหน้า) ไม่อยากสูงแล้ว เดี๋ยวมันจะสูงเกินไป มันจะไม่ใช่สเปคเกาหลี

เป็นการออกรายการคู่กันครั้งแรกเลยไหม ?

เอ : ถ้าตอนโตแบบนี้ครั้งแรก 

ล่าสุดครบรอบวันเกิดน้องไคล่าครบ 15 ปี?

น้องไคล่า : ชอบค่ะ เป็นนางสาวแล้ว หม่ามี้ให้ของขวัญเป็นเสื้อผ้า รองเท้า แต่หม่ามี้ก็ให้ทุกวันอยู่แล้ว

เอ : เราก็ซื้อให้เขา เพราะเป็นสิ่งที่เขาใช้ตลอด

นอกจากเสื้อผ้า  รองเท้า มีอย่างอื่นที่อยากได้จากคุณแม่ไหม?

เอ : อย่าถามเลย

น้องไคล่า : อะไรก็ได้ค่ะ 

ทุกคนรู้ว่าเอเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกตั้งแต่เล็กจนโตเหนื่อยไหม?

เอ : มันก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว เราต้องตัดสินใจทำเองทุกอย่าง ทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย มันก็เป็นช่วงนึงที่จะเหนื่อยหนักหน่อย แต่พอมาถึงตอนเขา 7 ขวบ ทุกอย่างมันกลับกลายเป็นดีขึ้น เหนื่อยน้อยลง คุณพ่อเขาก็กลับมาช่วยดูแลในส่วนของน้องไคล่า

น้องไคล่ารู้ไหม คุณแม่เลี้ยงเรามาเหนื่อยขนาดนี้?

น้องไคล่า : ก็รู้ค่ะว่าเขาเลี้ยงหนูมาคนเดียวตั้งแต่เด็ก พอ 6-7 ขวบ ก็มีฝั่งปาป๊าและครอบครัวเข้ามาช่วยดูแลด้วย

น้องไคล่าก็บินไปภูเก็ตบ่อย?

เอ : ตอนนี้เราเหมือนแชร์กันเลย เขาก็ไปอยู่กับครอบครัวคุณพ่อ ฝั่งครอบครัวคุณพ่อก็เอ็นดูน้อง ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องเก่า ๆ ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เราโฟกัสที่ลูก เขาแฮปปี้ เราแฮปปี้ แค่นั้นก็จบ เป็นพ่อแม่ช่วยกันดูแลน้อง

ตอนเลี้ยงน้องไคล่ามาเป็นยังไงบ้าง เลี้ยงง่ายไหม?

เอ : ช่วงเด็กน้อยเลี้ยงง่ายมาก เพราะตอนนั้นเราต้องพาเขาไปทำงานด้วย ขึ้นรถ ลงเรือ บางครั้งต้องไปต่างประเทศ ไปหาโยเวลาโยทำงาน ขึ้นเครื่องบินปุ๊บก็หลับเลย จะไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่ ตื่นมาก็กิน สำหรับเอถือว่าเลี้ยงง่ายมาก

พอโตขึ้นมาเริ่มมีความดื้อไหม?

เอ : มันก็มีตามวัย พอโตขึ้นมาเขาก็จะมีความเฟียตๆ ที่โรงเรียน เพื่อนพวกพ่อ แม่ ด้วยกันบอกว่า ลูกเอ เอวี่ เขาบอกเพื่อนๆ ว่าเขาเป็นบอส ทุกคนต้องมานวดไหล่ เราแบบ ห๊ะ…จริงเหรอ แต่พอคุยเสร็จก็เหมือนเด็กเล่นกัน แต่เขาชอบเป็นลีดเดอร์ เป็นผู้นำ แต่พอท้ายสุดมันก็คือการเล่นของเด็ก ๆ เราก็จะดุเขาว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะลูก อย่าแกล้งเพื่อน เขาบอกไม่ได้แกล้ง แต่เด็กอ่ะเนาะเขาบอกว่าวันนี้เอวี่สั่งให้นวด เป็นบอส แต่จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรไม่ดี แต่พอตอนโต ก็มีเรื่องเป็นสาว ก็มีบ้างนิดหน่อย เช่น ติดโทรศัพท์บ้าง

มีอะไรอยากจะแก้ตัวในเรื่องที่แม่พูดมาไหม?

น้องไคล่า : ที่เล่นโทรศัพท์ไม่ได้แปลว่าติดโทรศัพท์ แต่มันเป็นเวลาพัก เต้นเสร็จ ร้องเพลงเสร็จ พักบ้าง 

เอ : คือเวลาเค้าฝึก เราก็ไม่ได้อยู่กับเขา พาเขากลับมาก็อยากได้เวลาจากเขาบ้าง เราก็น้อยใจ

ไม่ทะเลาะ เถียงกันบ้างไหม แต่มีแหละคุณแม่โทรมาร้องไห้? 

เอ : ใช่เพราะลูกเราอายุใกล้กัน ก็มีความเข้าใจเหมือนกัน

เหมือนเด็กเด็กวัยรุ่นสมัยนี้  กับคุณแม่วัยนี้อยากคุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนคุยกันคนละภาษา?

เอ : จริง ตอนเด็กคิดว่าเราเข้ากับลูกได้ดี พอโตขึ้นมาเรารู้ว่ามันมีช่องว่างเหมือนกัน

อะไรที่ทำให้คุณแม่น้อยใจ?

น้องไคล่า : โทรศัพท์กับเพื่อน ก็แบบหนูมีวันหยุดก็ไปหาเพื่อนบ้าง แต่หม่ามี้ก็บอกว่าไปหาเพื่อนตลอด ไม่มีเวลาให้แม่

เอ : แต่อยู่ด้วยกันทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน แต่เรารู้สึกว่าอยากใช้เวลาอยู่กับเขา ก็งอนเล็กๆ น้อยๆ แต่ตอนหลังเริ่มปรับความเข้าใจกันแล้ว รู้ว่าเขาเริ่มเป็นสาว ก็จะไม่บ่นเขาเยอะ พอบ่นเขาเยอะ เราก็จะปวดหัว บ้านหมุน ก็จะพยายามทำความเข้าใจ บางครั้งเอจะรู้ว่าเราใส่อารมณ์มากเกินไป เราอาจจะเหนื่อยจากงานด้วย เลยคิดว่าไม่ควรไปใส่อารมณ์กับลูก ก็จะไปง้อเขา แต่ถ้าบางเรื่องเขาทำผิด เขาจะมาง้อเรา

ที่แม่บอกว่าเราไม่สนใจแม่จริงไหม?

น้องไคล่า : ไม่จริง สนใจ แต่เป็นเด็กที่ไม่ชอบแสดงออกว่ารักแม่ ไม่ชอบเข้าไปกอด

เอ : แล้วแกจะแสดงตอนไหน

น้องไคล่า : ก็คอยเป็นห่วง ดูแล แต่แค่ไม่ได้เข้าไปกอดนู้นนี่น้่น

เวลาทะเลาะกับแม่ น้องไคล่าจะไปหาน้าโย ให้น้าโยช่วย?

น้องไคล่า : เวลาคุยกับน้าโย น้าโยจะเข้าใจในมุมของวัยรุ่นมากกว่าหม่ามี๊ ก็เลยบอกน้าโยว่าหม่ามี๊ไม่เข้าใจตรงนี้ น้าโยอธิบายให้หม่ามี๊ฟังหน่อยได้ไหม น้าโยจะเข้าไปเล่าให้ฟัง แต่หม่ามี๊ไม่เข้าใจ แบบพวกเรื่องเพื่อน วันหยุดหนูจะไปหาเพื่อน หม่ามี๊ก็จะคอยบ่น น้าโยก็จะไปคุยกับหม่ามี้เอง

เอ : คือโยจะแบบว่าต้องระวังนะลูกไปเที่ยวกับเพื่อนแบบนี้ ดูดีๆ นะ พอเอบอกว่าไคล่าไปกับใครบ้าง พอบ่นแบบนี้เขาก็ไปปรึกษาโย พอปรึกษาโย กลายเป็นโยเข้าข้างเขาอีก เราก็แบบยังไงเนี่ย โยบอกก็ต้องเข้าใจหลานหน่อย โยจะเป็นอารมณ์น้าที่รับฟังแล้วคอยเตือนสติเอ อันนี้มันก็ดีเหมือนกัน อย่างที่เราบอกอารมณ์เราร้อน คิดไปเอง

ใกล้วัยทองด้วยหรือเปล่า?

เอ : ถูก เพราะช่วงหลังจะเป็นแบบหงุดหงิด แต่ไม่ได้ลงกับเขานะ ลงกับตัวเองก็จะแบบเสียงดังนิดนึง

น้องไคล่า : ไม่นิด

เอ : ยังไง ๆ

น้องไคล่า : ฉันจะบอกปาป๊า ย้ายไปอยู่กับปาป๊าเลย

เอ : บางทีก็มีความรู้สึกว่าเอก็คุยกับคุณพ่อเขาเหมือนกัน เธอต้องมาช่วยเอนะ ครอบครัวเขาก็จะช่วยดูแลเหมือนกัน ถ้าสมมติเอเหนื่อยๆ เขาจะคอยเป็นหูเป็นตา อย่างเช่น ไปเที่ยวไหนก็จะมีคนของคุณพ่อคอยตาม มีคนมารับ มีคนตาม มีอะไรก็คุยกับเขาได้ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าดื้อมากๆ เดี๋ยวให้ไปอยู่กับปาป๊าเลย อาม่าน้องไคล่าก็ดุ แต่ดุในที่นี่ก็แบบ ทำให้น้องไคล่าเขาเกรงกลัว แต่ถ้ามาฝั่งเอคุณยายใจดีมาก ยายก็ตามใจไปหมด เอบอกว่าไปอยู่กับปาป๊ารับรองต้องไม่ดื้อแน่ๆ 

ปะป๊าใจดีไหม?

น้องไคล่า : ใจดี แต่ก็ดุด้วย

น้าโยดุไหม?

น้องไคล่า : หลัง ๆ น้าโยจะเข้าข้างหนูมากกว่า

เห็นว่าเวลาน้าโยดุก็กลัวน้าโยเหมือนกัน?

เอ : เอสามารถอ้างได้ 2 คนเท่านั้น ปาป๊ากับน้าโย เดี๋ยวมีอะไรหม่ามี๊จะเล่าให้น้าโยฟัง เล่าให้ปาป๊าฟัง  นี่ก็กลัวละ

ทำไมถึงกลัวน้าโย ?

น้องไคล่า : น้าโยตัวสูง เสียงใหญ่ เวลาน้าโยดุก็จะน่ากลัว ตอนเด็ก ๆ น้าโยก็มีตีบ้าง หม่ามี๊จะชอบทำตัวเป็นเด็ก

หม่ามี้ใจดีใช่ไหมเลยทำให้ไม่กลัว?

น้องไคล่า : ใจดี แต่หนูจะเป็นคนที่ทำให้หม่ามี้ยอมหนูได้

เอ : เราอยู่กับเขาตลอด ไม่อยากไปงัดข้ออะไรมาก มีอะไรที่แบบคุยกับเขาได้ ซัพพอร์ตเขาได้ เขาก็เลยรู้สึกไม่ค่อยกลัวเรามั้ง แต่เขาจะเป็นคนที่เกรงนะคะ คือไม่ว่าเขาจะไปไหน ซื้อของ ตอนนี้เงินของเขาจะมี แต่ว่าเขาจะซื้ออะไร เขาจะถามเอก่อน หนูซื้ออันนี้ได้ไหม ไปกับเพื่อนได้ไหม เขาจะขอเอทุกครั้ง เราเหมือนกับรู้ว่าสเต็ปการใช้ชีวิตของเขาเป็นยังไง มันทำให้เรามีโอกาศบ่นได้เยอะ แต่ถือว่าเขาก็ยังเกรงใจ เขาจะทำอะไร เขาจะถามเราก่อน

แต่แม่เอก็แอบงอน แอบน้อยใจลูกสาวอยู่เหมือนกันนะ เรื่องอะไร? 

เอ : หลายเรื่องมาก ช่วงหลังมาน้องเขาค่อนข้างติดเพื่อน ไม่ได้ขึ้นมานอนกับเราเร็ว เราต้องตะโกนเรียกไคล่า สมัยก่อนจะแบกของขึ้นมาหาหม่ามี้ตลอด แต่ตอนนี้ไม่เรียก ไม่ขึ้น แต่เขาก็ยังนอนกับเออยู่ทุกวัน

ไคล่ามีความฝันอยากเป็นศิลปินเกาหลี เดินตามความฝันของตัวเองมาหลายปีมาก มีความพยายามมาก เรียนร้อง เรียนเต้นตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

เอ : เริ่มจริง ๆ ก็ 7-8 ขวบ ตอนเด็กๆ เอจะส่งเขาเรียนบัลเล่ต์เขาก็จะเต้น ส่งเรียนร้องเพลง แต่ร้องเพลงไม่ไหว กลับบ้านมาเสียงดังมาก ปวดหัว พักก่อนนะลูก เลยไปเต้นบัลเล่ต์ เขาก็เรียนได้แป๊บนึง แต่เขารู้สึกว่าไม่ใช่ทางเขา มันมีช่วงนึงที่เขาเต้นกับลียา เขาเริ่มมาคุยเรื่องแบล็คพิ้งค์ ตอนนั้นรู้เลยว่าเขาสนใจด้านนี้เลยหาโรงเรียน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไปเริ่มเรียน

อะไรที่ทำให้ไคล่าสนใจในวงการ k-pop อีก?

น้องไคล่า : หนูรู้สึกว่าเรียนเต้นมาตั้งแต่เด็กมันก็สนุกดี ช่วงแรกๆ ที่รู้จักแบล็คพิ้งค์ก็อยู่บ้านกับพี่ลียาก็เปิดยูทูบดูแล้วบอกว่าเรามาเต้นกันเถอะ ก็เลยชอบตั้งแต่ช่วงนั้น

เห็นว่ามีประกวดด้วย?

เอ : ใช่ พอเขาเริ่มฝึกกับเพื่อนที่โรงเรียนเต้น ครูก็เลยส่งไปประกวด ก็เลยมีแมวมอง มีค่ายเริ่มมาถามให้ไปออดิชั่นเกาหลี ก็เป็นจุดที่เขาสนใจด้านนี้จริงๆ 

ออดิชั่นแล้วได้ ไปอยู่เกาหลีนานเท่าไหร่?

น้องไคล่า : 8-9 เดือน 

ฝึกหนักไหม?

น้องไคล่า : ก็ตั้งแต่ 11.30 น. ถึง 4 ทุ่ม

เอ : พอเราได้สัญญาปุ๊บก็ต้องส่งเขาไป เหมือนเข้าหอ ทำทุกอย่างเอง ซักผ้าเอง

ตอนไปร้องไห้ คิดถึงบ้านไหม?

น้องไคล่า : ช่วงแรกๆ ไม่ค่อยร้อง ตื่นเต้น จะเข้ากับคนที่นี่ได้ไหม แต่ก็มีเพื่อนคนไทยบ้าง ช่วงแรกๆ หม่ามี้ก็จะมาหาทุกเดือน แต่พอผ่านไป 4 เดือน หม่ามี้ก็ไม่ค่อยมาหา

เอ : แหม…แค่เดือนเว้นเดือน จะให้ไปทุกเดือนก็เหนื่อยเนาะ

พอเป็นเด็กฝึกไปเรื่อย ๆ เป็นยังไงบ้าง?

น้องไคล่า : หนักค่ะ มีช่วงแบบร้องไห้หนัก ๆ ก็จะโทรมาหาหม่ามี้ หม่ามี้ก็จะบอกว่าทำไมเป็นแบบนี้ จะส่งกลับบ้านละนะ

เอ : เราก็ให้กำลังใจ แต่ถ้าท้อก็กลับบ้าน แต่ถ้าพูดคำนี้เขาจะไม่อยากกลับ ก็มีอย่างเดียวคือบอกเขาตลอด ถ้าไม่ไหวบอกหม่ามี้ หม่ามี้จะพากลับบ้าน แต่ถ้าคิดว่าหนูไหวก็ต้องสู้ต่อไป คือบ่นได้ อะไรได้ แต่เราจะต้องรู้ว่าจุดที่เรายืนอยู่ตรงนี้เป็นจุดที่เราต้องการ หนูก็ต้องทำให้ได้ จะถามเขาตลอดเลยนี่หนูต้องการใช่ไหม เพราะบางครั้งรู้สึกว่าเราพุชเขามาก เขาอยากทำหรือว่าเราอยากให้เขาทำ อันนี้เอจะสับสนตลอด  แต่พอท้ายสุดเขาจะบอกว่าเป็นสิ่งที่เขาอยากทำ เอก็จะบอกเขาว่าอยากทำก็ต้องทำให้ได้ แล้วก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด

การที่ลูกไปอยู่เกาหลี 9 เดือน เป็นห่วงไหม?

เอ : ช่วงแรกบอกตรง ๆ ว่าเป็นห่วงมาก คิดถึงลูกมาก แต่ก็ไปหาเขาบ่อยเหมือนกัน แต่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาอยากทำ เราก็จะต้องซัพพอร์ต

เราไปแล้ว แต่เราก็ต้องเสียใจ ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

น้องไคล่า : แรกๆ ก็เสียใจ แต่พอมานั่งคิดเราอาจจะไม่ใช่สเปคของค่ายนั้น อย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ตรงนี้แล้วเอาไปพัฒนาต่อแล้วเข้าไปที่อื่นก็ได้

คือไคล่าออดิชั่นได้ไปอยู่ค่ายใหญ่ของเกาหลีเลย แต่เขาจะออดิชั่นทุกเดือน?

เอ : เขาจะมีการประเมินทุกเดือน พอถึงรอบที่เขาจะยกระดับเราไปอีกระดับนึงเขาจะประเมินเราว่าจะไปต่อได้ไหมหรือไม่ได้ เด็กที่ไปอยู่ที่นั่นต้องมีการเตรียมตัว เตรียมใจทุกเดือน

เห็นว่าเอคือเศร้ามาก แต่ปาป๊าเศร้ากว่า?

เอ : เออะเศร้า เพราะเหมือนตัวเอไปฝึกเอง ก็เล่าให้ปาป๊าฟังเขาก็เศร้า แต่เขาก็ซัพพอร์ต

แต่ไม่ต้องกลัว ตอนนี้ค่ายที่เกาหลีเยอะมากมารอ อยู่ที่ว่าไคล่าจะเลือกใคร?

เอ : พอมีบ้าง

มีเหตุผลที่เอต้องเปลี่ยนชื่อจากเอวี่เป็นไคล่า เพราะอะไร?

เอ : มีมูนิดนึง ไปดูหมอมา เขาบอกว่าชื่อนั้นอาจจะอ่อนไป แล้วด้วยเรื่องสุขภาพด้วย เพราะตอนนั้นอาจจะป่วยบ่อย พอเปลี่ยนชื่อมันอาจจะเสริมดวง เสริมพลัง ก็เลยมีเปลี่ยนชื่อจาก เอวี่เป็น ไคล่า แล้วก็เปลี่ยนชื่อจริงด้วย

เห็นว่าหมอที่ไปดูมาคือหมอที่ดูให้กับแบมแบมและลิซ่าด้วย?

เอ : ใช่ อาจารย์หมอเขาน่าจะเก่งเรื่องการเปลี่ยนชื่อด้วย

ตอนนี้มีกี่ค่ายที่รออยู่?

เอ : ก็มี 2-3 ค่าย

เราต้องไปออดิชั่นอีกไหม หรือเขาเลือกเราเลย?

เอ : ตอนนี้เราผ่านไปสเต็ปนึงแล้ว แต่ก็มีอีกค่ายนึงที่เขาต้องการเราเลย เพื่อจะไปเป็นศิลปินในอนาคตเร็วๆ นี้ๆ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นเราก็ต้องไปดูว่าข้อตกลงเป็นยังไง แต่ก็อยากให้เขาได้ออดิชั่นกับค่ายใหญ่ๆ อีกครั้งเหมือนกัน ครั้งนี้แหละเราจะต้องตัดสินใจว่าจะเป็นยังไง

ความรู้สึกไคล่าเป็นยังไงบ้าง?

น้องไคล่า : ตื่นเต้น พรุ่งนี้จะทำให้ดี

เอ : เต็มที่นะลูก เดี๋ยวแม่ตามไป

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์

About Author