สุรัศมิ์- ม.ล. ปุญยนุช ดุลยจินดา ให้การต้อนรับ คณะ ม.กรุงเทพธนบุรี ศึกษาดูงานด้าน การจัดการงานพิพิธภัณฑ์

สุรัศมิ์- ม.ล. ปุญยนุช ดุลยจินดา ให้การต้อนรับ รศ. ดร. กมลพร กัลยาณมิตร คณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย กรุงเทพธนบุรี และดร. พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ผู้อำนวยการหลักสูตร

ในโอกาสนำคณะนักศึกษาระดับปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ รุ่นเจ้าสัว 12 จำนวน 40 ราย อาทิ พลต.ต. นพ. พงศ์ธร สุโฆษิต ดร. เรืองเดช นวสันติ สุจิตราภรณ์- อรศศิพัชร์ ศิริวรรณาพร นิติรัตน์ เปลี่ยนขำ กิติภาส์ อินทรผล นันท์นลิน- ฐิติพร ไพบูลย์ปรีดี พรพรรณ์ ปิติเลิศอภินนท์ จสอ. สหทัศน์ ศุภกิจ พิมนรา บุนนาค บัณฑิต พรมแบน ดวงใจ มงคลแสงสุรีย์ ฯลฯ มาดูงานด้านการจัดการงานพิพิธภัณฑ์ และรับฟังการบรรยายเรื่องวัฒนธรรมการจิบน้ำชาสไตล์อังกฤษ ณ Chateau de la Porcelain ถนนประเสริฐมนูกิจ 29 เมื่อเร็ว ๆ นี้

.

โดยมี ดร. ศิวาภรณ์ รัตนพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพิพิธภัณฑ์วิทยา นำบรรยายแนะนำศิลปวัตถุที่จัดแสดง และคุณกัญญารัตน์ พลาดิสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทพลาดิสัย พร๊อบเพอตี้ จำกัด ผู้ชำนาญในวัฒนธรรมยุโรป เป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการจิบน้ำชาสไตล์อังกฤษ

Chateua de la Porcelain หรือในชื่อภาษาไทยว่าพิพิธภัณฑ์เครื่องใช้และเครื่องกระเบื้องยุโรปโบราณ เนื่องจากเราจัดแสดงสิ่งของทั้งหมดที่ใช้ในชีวิตจริงของชาวยุโรป แต่เน้นหนักไปที่เครื่องกระเบื้อง และถือเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของ ม.ล. ปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2017 หรือ ปีพ.ศ. 2560

Chateau de la Porcelian Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ประเภท Life Museum พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ด้วยยังมีเจ้าของที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่จริง

ในปี 2018 ได้รับรางวัลชนะเลิศพิพิธภัณฑ์ด้านสังคม (หมายถึงพิพิธภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยี่ยมเยือนได้มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของ และสามารถสัมผัสกับศิลปะวัตถุต่างๆได้อย่างใกล้ชิด ) จากสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือมิวเซียมสยาม ซึ่งได้จัดการประกวดขึ้น เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม พัฒนาพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

.

ม.ล. ปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา มีความชื่นชอบในศิลปะยุโรปแต่เยาว์วัย ด้วยเคยเข้าไปวิ่งเล่นบ่อย ๆ ในพระราชวังสนามจันทร์ นานถึง 6 ปี ต่อมาเมื่อได้ไปอังกฤษครั้งแรกเมื่ออายุ 21 ปี จึงมีโอกาสซื้อเครื่องกระเบื้องอังกฤษที่เป็นของยูธด้วยเงินของตนเองแต่ไม่สามารถนำกลับเมืองไทยได้ เนื่องจากน้ำหนักสัมภาระเกิน จึงมอบต่อให้เพื่อนที่ยังไม่กลับแทนและตั้งปณิธานไว้ว่า “วันหนึ่งฉันจะตามพวกเธอ(แอนทีค)กลับมาให้หมด “ ดิฉันจะฝันถึงพวกเขาบ่อยๆ ถึงวันนี้พวกเขาก็ทะยอยเดินทางกลับมาหาดิฉัน ด้วยวิธีการต่างๆกัน ตั้งแต่ได้ซื้อติดตัวมา เมื่อได้ไปเที่ยวอีกครั้ง บ้างมีคนนำมาจำนำ บ้างอ้อนวอนให้ซื้อ หรือไม่ก็ให้มาเพราะเห็นว่าเราเหมาะสมเป็นผู้ดูแล ต่อมาเมื่อมีครอบครัวแล้ว ได้ปลูกบ้านหลังแรกในสไตล์โคโลเนียล แน่นอนต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ในสไตล์ยุโรปแอนธีค ซึ่งบางส่วนมีอยู่แล้ว บางส่วนต้องหาซื้อเพิ่ม ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของใช้เบ็ดเตล็ดต่าง ๆ รวมถึงเครื่องกระเบื้อง นี่คือการเริ่มสะสมเป็นเรื่องเป็นราว ประกอบกับเป็นช่วงที่สื่อโซเชี่ยลเกิดขึ้น มีการค้าขายออนไลน์ เกิดความสะดวกสบายในการซื้อ และยังได้ซื้อกับผู้นำเข้าในประเทศ หลายราย ตลอดจนซื้อตรงจากต่างประเทศ คัดเลือกมาจากร่วมร้อยร้านค้า

วันนี้ดิฉันก็ตามเขากลับมาได้หมด แถมพวกเขายังพาเพื่อน ๆ มาหาดิฉันด้วยอีกมากมาย แต่พอเพื่อน ๆ ลูกมาเห็นการแต่งบ้าน ก็ว่าบ้านเธอ มีบรรยากาศขลังๆเหมือนพิพิธภัณฑ์ พูดกันแบบนี้หลายคน หลายปีซ้ำๆกันดิฉันเลยเกิดไอเดียว่างั้นซื้อบ้านหลังใหม่ ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ซะเลย นี่คือจุดกำเนิดที่แท้จริงของ Chateau de la Porcelain บนพื้นที่ 4 ไร่เศษ ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 (สามารถเข้าทางรามอินทรา 14 ได้)

การแบ่งพื้นที่จัดแสดง ได้แบ่งศิลปะวัตถุตามประเทศใหญ่ ๆ ที่เป็นแหล่งผลิต และแบ่งพื้นที่ตามประโยชน์ใช้สอยอีกส่วนหนึ่งซึ่งจะมีห้องจัดแสดง อาทิ ห้องอังกฤษ ห้องฝรั่งเศส ห้องเยอรมัน และห้องพิพิธภัณฑ์รวมหลายประเทศ

ชั้นบนจัดแสดงเป็นห้องนอน เช่น ห้องที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ เตียง โต๊ะ ตู้ ที่ทำจากบอนซ์ลวดลายฝรั่งเศสอย่างละเอียดยิบประดับกระจกใสเจียรปลี มีชื่อว่าห้องโกลเด้นท์ ส่วนห้องนอนที่มีเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่่ในห้องที่ทำจากซิลเวอร์เพลสของอังกฤษ มีชื่อว่าห้องซิลเวอร์ และยังมีห้องStained glass ให้อารมณ์ ไว้นั่งจิบน้ำชายามบ่าย ,ห้องทำงานที่มีหนังสือเก่าดี ๆ มากมาย ,ห้องสวดมนต์ ที่มีทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ ฮินดู ดิฉันเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ,ห้องจัดแสดงเสื้อผ้าสไตล์ยุโรป โบราณ มีพัดวาดมือ ร่มผ้าไหม ประดับลูกไม้ยุดวิคตอเรียน กล้องส่องดูโอเปร่า ไม้ตะพดหัวเงิน หัวงาช้าง เครื่องกระเบื้องนานายี่ห้อ และในสวนกลางแจ้งยังจัดแสดงปืนใหญ่ น้ำพุ และรถม้า อีกด้วย

ห้องโถงกลางใหญ่ สามารถบรรจุแขกผู้มาเยือนได้ 30-50 ท่าน นั่งรับประทานอาหาร หรือจิบชาในบรรยายกาศ เคล้าเสียงเพลงจากการบรรเลงเปียนโนโบราณยี่ห้อ Schiedmayer & Soehne Stuttgart ซึ่งมีเพียง 3 ตัวในโลกนี้เท่าน้ัน

.

.

ในการนี้นักศึกษาBTU นอกจากได้ความรู้จากการชมศิลปวัตถุอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังได้รับความรู้และความเพลิดเพลิน จากการจิบน้ำชายามบ่ายในสไตล์ย้อนยุค และถือโอกาสนี้อำนวยพรให้ รศ. ดร. กมลพร กัลยาณมิตร สุรัศมิ์- ม.ล. ปุญยนุช ดุลยจินดา และสุรจิตร- นิติรัตน์ เปลี่ยนขำ อีกด้วย

หมายเหตุ : บุคคลภายนอกสามารถเข้าเยี่ยมชมได้เป็นคณะ ติดต่อจองล่วงหน้าได้ที่ 062 495 9925

About Author