4 ปัญหาเร่งด่วนที่เด็กในไทยกำลังเผชิญและผู้ใหญ่ต้องร่วมกันแก้ไข

วันเด็กแห่งชาติเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองความคิดสร้างสรรค์ ศักยภาพ และความเข้มแข็งของเด็กๆ เป็นเวลาอันดีที่สะท้อนถึงความสำเร็จที่เราได้สร้างสังคมร่วมกันเพื่อเด็ก ๆ และเรายังสามารทำอะไรต่อได้อีกเพื่อให้เด็กทุกคนจะได้รับโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อสร้างอนาคตที่สดใส ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความพัฒนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อัตราของการเสียชีวิตของเด็กที่ลดลง และอัตราการเข้าเรียนของเด็กในโรงเรียนได้เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งกฎหมายการไม่ตีเด็กที่กำลังจะประกาศใช้เร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่เด็ก ๆ ต้องเผชิญอยู่ และเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ในปีนี้ ให้เราใช้ความสำเร็จที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาที่เด็กในประเทศไทยต้องเผชิญในปี 2568 เพื่อให้เด็กทุกคนมีปีที่เต็มไปด้วยความหวัง ความปลอดภัย และโอกาส

ความจริงที่เด็กในประเทศไทยยังเผชิญ แม้จะมีการพัฒนาในหลายด้าน รายงานประจำปีล่าสุดของเซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) เกี่ยวกับความต้องการของเด็กในประเทศไทยได้ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจจะไม่คาดคิด เช่น

  1. ประเทศไทยติดอันดับที่ 9 ของโลกที่มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนน ซึ่งในแต่ละปี มีเด็กเสียชีวิตมากกว่า 2,600 คน และบาดเจ็บกว่า 72,000 คนจากอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่คิดเป็น 70% ของเหตุการณ์ทั้งหมด
  2. เด็กไทยต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยอยู่อันดับที่ 7 ของโลกในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ออุทกภัยมากที่สุด อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  3. เด็กยังคงเผชิญกับระดับความรุนแรงและการล่วงละเมิดเป็นอย่างมาก ซึ่งระหว่างปี 2562 ถึง 2565 มีกรณีแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กประมาณ *4 แสน*กรณี โดยเด็กที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเด็กผู้หญิง
  4. เด็กไทยเป็นผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ในระดับสูงที่สุดในโลก นำไปสู่การถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และภัยคุกคามออนไลน์ แต่มีเพียง 22% ของเด็กที่รู้วิธีป้องกันตนเองในโลกออนไลน์ ทำให้เด็กส่วนใหญ่เสี่ยงต่อการถูกแสวงหาประโยชน์และการล่อลวงทางเพศ

นายกีโยม ราชู ผู้อำนวยการบริหาร กล่าวว่า “รายงานประจำปี 2567 ของเราเกี่ยวกับความต้องการของเด็กในประเทศไทยชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ต้องแก้ไขร่วมกันอย่างเร่งด่วน อุบัติเหตุบนท้องถนนยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยมีเด็กหลายพันคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บทุกปี ในการแก้ไขปัญหานี้ เราต้องส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายจราจร การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของถนน และการเพิ่มความตระหนักรู้ของประชาชนในการทำให้ถนนปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเด็ก

ในส่วนของ ผลกระทบจากวิกฤตการณ์สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมคุกคามความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่น น้ำท่วมที่รุนแรงในภาคเหนือที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานมาก รวมถึงน้ำท่วมภาคใต้ที่ปกติจะมาช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี กลับมาเร็วกว่าเดิมถึง 1 เดือน และมลพิษทางอากาศที่อันตราย โดยเฉพาะจาก PM2.5 ที่ขัดขวางการศึกษา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และบั่นทอนความเป็นอยู่ของเด็ก จึงมีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินมาตรการเร่งด่วน เช่น โครงการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนโยบายเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศ

ในเวลาเดียวกัน ความรุนแรงในโรงเรียนและการกลั่นแกล้ง (บูลลี่) ยังคงส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพจิตของเด็ก ดังนั้น การสร้างระบบคุ้มครองเด็กที่เข้มแข็งและพื้นที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ในส่วนของการแก้ไขกรณีของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศต่อเด็กนั้น ควรมีเสริมสร้างกลไกการรายงานเหตุ สร้างความตระหนักในชุมชน และมีระบบที่ดูแลเด็กที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับการดูแลคุ้มครองและได้รับความยุติธรรม

การบูรณาการความรู้ดิจิทัลและการศึกษาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหลักสูตรโรงเรียน ควบคู่ไปกับการให้ผู้ปกครองและผู้ดูแลมีเครื่องมือและความรู้ในการปกป้องเด็กในโลกออนไลน์ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และการแสวงหาประโยชน์ทางออนไลน์จากเด็กได้

แค่ภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ จำเป็นจะต้องมีความร่วมมือระหว่างรัฐบาล องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สนับสนุน และยั่งยืน เราสามารถทำให้เด็กทุกคนในประเทศไทยเติบโตและพัฒนาเต็มศักยภาพร่วมกันได้”

เด็กสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง

ในปีนี้ กลุ่ม “ลัครักยู” ซึ่งประกอบไปด้วยนักเรียนหญิง 11 คนจากโรงเรียนมาแตร์เดอี ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยด้วยการระดมทุนกว่า 97,287 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการของเซฟ เดอะ ชิลเดรน โดยกลุ่มนักเรียนได้ออกแบบและจำหน่ายเสื้อยืดเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขาดโอกาสในการศึกษา กลุ่มลัครักยูใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนในการวางแผน ออกแบบ ประสานงานกับโรงงานผลิตเสื้อเพื่อระดมทุม และใช้โซเชียลมีเดีย เช่น อินตาแกรมและติ๊กต่อก ในการโปรโมท จนสามารถส่งมอบรายได้ทั้งหมดให้กับโครงการของเซฟ เดอะ ชิลเดรน

หนึ่งในสมาชิกกลุ่มได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจของกลุ่มว่า “เด็กคืออนาคตของสังคม และเราอยากช่วยเหลือเด็กที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา พวกเราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลง แม้จะเล็กน้อย แต่เรารู้สึกว่าเด็กก็สามารถช่วยเหลือเด็กคนอื่นได้เช่นกัน”

นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างของ พลังของเยาวชนและแรงบันดาลใจให้เด็กและผู้ใหญ่ทั่วประเทศเห็นว่า “เด็กสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง”

ร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเด็กทุกคนในประเทศไทย

ความท้าทายเหล่านี้มีความซับซ้อนและเราต้องเริ่มต้นแก้ไขตั้งแต่วันนี้ ทุกนาทีที่ยังไม่ลงมือทำคือการเพิ่มความเสี่ยงให้เด็กจำนวนมากขึ้น และต้องเป็นการดำเนินการที่แน่วแน่และความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการของเซฟ เดอะ ชิลเดรน และวิธีการช่วยเหลือเด็กๆ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.savethechildren.or.th/

เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเพื่อเด็กแห่งแรกของโลกทำงานเพื่อเด็กมานานกว่า 100 ปี และทำงานในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นเวลากว่า 46 ปี เพื่อให้เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ เช่น สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรง สิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และสิทธิที่จะได้รับการดูแลรักษาสุขภาพทั้งกายและใจ เพราะเราเชื่อว่าเด็กทุกคนสมควรที่จะมีอนาคตที่สดใส

About Author