ปาดน้ำตา! “ทราย มาดามฟิน” 2 ปี สู้ชีวิต หวิดซึมเศร้า พระทักไหว้ผี? 

ทราย มาดามฟิน CEO สวย รวย เก่ง แห่งอาณาจักรมาดามฟิน เปิดใจถึงเหตุการณ์ดิ่งที่สุดในชีวิตถึงขั้นหวิดเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมเผยมูเตลูหนักจนพระทักชีวิตดิ่งเพราะไหว้ผี-สัมภเวสี พร้อมเปิดหน้าใหม่ที่แรกหลังบินไปทำสวยที่เกาหลีมูลค่า 7 หลัก ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกร 

เห็นว่า 2 ปีที่ผ่านามาทรายดิ่งมาก ?

ทราย : ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกเรามากกว่าเหมือนจิตใจเจอเรื่องอะไรมาเยอะ ๆ เจอความกดดัน เหนื่อย ไลฟ์สดหนักมาก แล้วก็กดดันตัวเอง ควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ 

กดดันในที่นี้คือการตั้งเป้า การตั้งใจ ?

ทราย : ใช่ค่ะ กดดันเรื่องการตั้งเป้า ตั้งยอดด้วย เหมือนโลกธุรกิจมันเปลี่ยนไปเร็ว เราก็เหมือนพยายามที่จะให้บริษัทยังอยู่ ถ้าถามจริง ๆ มาดามฟินไม่ได้ยอดตกนะ แต่เหมือนเราต้องเหนื่อยขึ้น ต้องใช้แรงในการไลฟ์สดเยอะขึ้น ก็เลยเริ่มรู้สึกกดดันตัวเอง เครียด คาดหวังกับทีมเด็ก ๆ มากขึ้น ทีมเกือบ 200 คน

เห็นว่าตอนนั้นเหวี่ยงคนรอบข้างขึ้นลง จนคนรอบข้างกลัวเราไปหมด ?

ทราย : ใช่ ตอนนั้นไม่รู้สึกตัวเองเลย ไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไป แต่รู้แค่ว่าเราไม่ไหว เราร้องไห้ ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้ แล้วก็ทะเลาะกับเตี่ยทำให้เตี่ยเสียใจ ด้วยความเครียดเพราะว่าเราก็คาดหวังด้วย แล้วก็เหนื่อยด้วย 

แล้วใครเตือนสติเราตอนนั้น ?

ทราย : ตอนนั้นเอาจริง ๆ ทรายโชคดีที่คนรอบข้างเข้าใจอารมณ์เราหมดเลยว่าเรากำลังเจออะไรอยู่ เราเป็นอะไรอยู่ เขาก็ให้อภัย ก็อยู่กันมาแบบนี้ 2 ปีขึ้น ๆ ลง ๆ ดีขึ้น เดี๋ยวร้องไห้ 

แล้วตอนนี้โอเคหรือยัง ?

ทราย : ตอนนี้มีความสุขมาก ทำงานเหมือนเดิมเลย แต่ว่าเปลี่ยนที่ตัวเอง ตอนนั้นมันคิดไม่ได้มันก็คิดไม่ได้จริง ๆ มันแย่จริง ๆ

ตอนนั้นคิดมั้ยว่าเราต้องไปหาหมอแล้ว ?

ทราย : คิด คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นซึมเศร้า ในเมื่อเราจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เราไปหาหมอ คุณหมอก็บอกว่าเรามีภาวะที่จะเป็น แล้วก็ให้กินยา พอกินยาไปปุ๊ปเหมือนโลกมันหยุดเลย ทรายหักดิบเลย ทรายกินประมาณเดือนนึงแล้วรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ มันต้องนอน แล้วก็ไม่มีชีวิตจิตใจเลย เช้ามากคือง่วงตลอดเวลา เรารู้สึกว่าไม่อยากอยู่แบบนี้ นั่งดูเขาเล่นน้ำกันไม่มีความรู้สึกอยากไปเล่นคือง่วงนอน มันแย่มาก ตอนนี้แฮปปี้แล้ว แต่ตอนนั้นพอพูดถึงก็จะรู้สึกว่ามันไม่ดี คือตอนนั้นรอบข้างดีขนาดไหนก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี 

อะไรที่ทำให้พี่ทรายเราลุกขึ้นมาต่อสู้กับอารมณ์ของเรา ณ ตอนนั้น ?

ทราย : เอาจริง ๆ คือธรรมะจริง ๆ คือทรายมีโอกาสไปวัดที่เราไปสร้างพระด้วยกัน แล้วก็ไปทำกฐินก็ไปที่วัดปกติแล้วไปเจอพระอาจารย์องค์หนึ่งที่ท่านมาเข้าพิธีด้วย แล้วทรายได้มีโอกาสไปจุดเทียนน้ำมนต์ให้ท่านแล้วก็มีคนแอบกระซิบว่าพระอาจารย์องค์นี้เป็นพระอาจารย์ของอาจารย์ดิเรกที่ทรายนับถืออยู่นะ เป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์อีกทีนึงต้องเก่งมาก ๆ แน่ ๆ เขาอาจจะช่วยให้เราดีได้ ขายดีได้ เราก็เข้าไปบอกท่านว่า ท่านคะพรมน้ำมนต์ให้หนูหน่อย ท่านก็โมโหขึ้นมาเลย เราตกใจว่าเป็นอะไร ท่านบอกว่าจะดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่น้ำมนต์อยู่ที่ตัวมึง อันนี้คือช็อตแรกแล้วก็ฟาดปึ้ง ! พิธีก็พาให้เราแยกจากอาจารย์ ออกมาก็มาคุยกับพี่ที่ดูแลทรายว่า เธอฉันรู้สึกว่าพระอาจารย์มีอะไรจะคุยกับเราแต่ว่าคนเยอะ ทรายก็บอกว่าเชื่อมั้ยไม่ถึง 5 นาที อาจารย์ต้องโทรให้ขึ้นไป อันนี้รู้สึกเองว่าท่านมีอะไรจะพูดแต่ท่านไม่พูด ท่านโทรมาจริง ๆ มีหลวงพ่อชำนาญกับอาจารย์ดิเรกอยากเจอพี่ทรายให้ขึ้นไปที่กุฎิ เราก็ขึ้นไป พอขึ้นไปปุ๊ป ท่านถามเลยว่า มึงไหว้ผีทำไม มึงขอพรผีทำไม

แล้วทรายขอจริง ๆ หรอ ?

ทราย : เราไม่รู้ว่าที่เราไปไหว้เป็นอะไรข้างใน

เพราะทรายก็เป็นสายมู ?

ทราย : มูเยอะ มูทุกอย่างทุกทาง หมอดู ต้นไม้ ไปหมด 

แล้วสิ่งที่ทรายไหว้ขอผีสรุปคืออะไร ?

ทราย : ทรายว่าน่าจะเป็นหลาย ๆ อย่าง พระอาจารย์พูดเลยว่าอะไรที่ไม่ใช่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขาพูดแค่นี้ เพราะฉะนั้นมันน่าจะเป็นการเก็บสะสมมาทุกอย่าง 

แล้วมีเปลี่ยนมั้ยจากที่เรามูมาทุกอย่างพอพระอาจารย์ทักมา ?

ทราย : เริ่มมีสติมากขึ้น แต่จริง ๆ คำพูดของอาจารย์ที่ทำให้เรามีสติเลยคือ ชีวิตเอ็งมันไม่มีอะไรก็อย่าไปทำให้มันมี ทุกวันนี้อย่าไปมีคำถามกับตัวเองว่าทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องเป็นเรา ทำไมต้องแบก จริง ๆ การเกิดมาเพื่อทำสิ่งดี ๆ ให้คนอื่นนั่นคือสิ่งที่ประเสิรฐแล้วของการเกิดเป็นมนุษย์ ทรายคิดตลอดว่าทำไมต้องเป็นเราทำเพื่อคนอื่น ด้วยความที่เราเหนื่อยมาก ๆ กดดันตัวเอง ต้องดีกว่านี้ ต้องเก่งกว่านี้ มันอยู่ที่ความคิดจริง ๆ พออาจารย์พูดมาว่าอยู่เพื่อคนอื่น ทำดีเพื่อคนอื่น ประโยชน์เพื่อคนอื่นนั่นคือประเสริฐสุดแล้วนะ เราต้องไม่มีคำถามกับสิ่งพวกนี้แล้ว

แล้วพอพระอาจารย์ทักแบบนี้มันทำให้เราปลดล็อคมั้ย ?

ทราย : ก็ปลดล็อคได้พอสมควร เริ่มมีสติมากขึ้น 

ทรายเป็นคนที่เชื่อหมอดูมาก มีหลายอาจารย์มั้ย ?

ทราย : เป็นสิบค่ะ 

พี่ทรายสมัยก่อนดูดวงทุกวัน ?

ทราย : ใช่ มันก็เหนื่อย เหมือนพอเราทำทุกอย่างที่จะทำได้แล้ว แต่ทำไมมันยังไม่ดี แต่จริง ๆ แล้วมันแค้่ทัศนคติเราจริง ๆ พระอาจารย์ก็บอกว่าวันนี้กูไม่ได้ทำให้มึงรวยขึ้นหรือดีขึ้น มึงมีสติเอง มึงสวดมนต์เอง มึงยึดมั่นในพระไตรปิฎกเอง เมื่อก่อนเราก็ฟังเรื่องพวกนี้มาแต่ก็ยังคิดไม่ได้ เราก็ยังไปลุ่มหลง

ทุกวันนี้ยังดูหมอดูอยู่มั้ย ?

ทราย : ไม่ดูแล้วค่ะ แต่ว่าทรายเข้าใจนะ หมอดูบางคนที่เป็นอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ เรายังเคารพท่านเหมือนเดิมเลย เพราะท้ายสุดแล้วเขาก็อยากให้เราได้ดี แต่ว่ามันอาจจะมีมุมที่ตรงนี้แม่นนะคะ เราก็เข้าไปหาเขาโดยที่เราไม่รู้จักเขา เราไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครเลยตัดสินใจว่าเลิกดูดีกว่า เราก็ไม่เข้มแข็งด้วย พอจิตใจราอ่อนแอด้วยมันก็ไปหมดเลย แล้วเราก็ทุกข์ด้วย

มีอีกเรื่องที่เปลี่ยนตัวเองคือเรื่องดื่ม จริง ๆ แล้วเป็นคนดื่มหนักหรอ ?

ทราย : มันเริ่มดื่มหนักช่วงหลัง ๆ ค่ะพี่ญ่ามันเริ่มติดฟีล ตอนที่ดื่มกับพี่ญ่าพี่เป็กคือแค่สนุกสนานเฮฮากันไปกลับได้ แค่พอมาอยู่กับเพื่อน ๆ วงที่เราสนิท พอจะกลับปุ๊ป อย่าเพิ่งกลับ ๆ 

มันเริ่มจากการที่ดื่มกับเพื่อนเสร็จยังไม่พอ ไปดื่มกับน้อง ๆ แล้วมาทำงานไลฟ์รู้สึกว่าตัวเองต้องดื่มน้ำองุ่นซักหน่อย ?

ทราย : ใช่ค่ะ แต่หลังมันหลุดไปเยอะ แต่ว่ายังไม่เคยหลุดตอนไลฟ์สดนะคะ ตอนไลฟ์สดยังคุมเกมส์ได้ ถ้าตอนหลัง ๆมันติดฟีลสนุกไปแล้ว หลัง ๆ พอจะลุกกลับบ้านเพื่อน ๆ เราก็จะบอกว่าอย่าเพิ่งกลับ เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ทิ้งตัวเลย ต้องกินให้ล้มไปเลยจะได้กลับบ้าน 

แล้วตอนนี้ยังเป็นอยู่มั้ย ?

ทราย : ล่าสุดก็เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเอง(หัวเราะ) ตอนนี้นี้น้อยลง อย่างเมื่อก่อนคือทุกอาทิตย์ หลัง ๆ คือเดือนละครั้งที่ทิ้งตัวหนัก ๆ

เรื่องที่ไปเกาหลีไปทำอะไรมาบ้าง ?

ทราย : ทรายไปทำมาทั้งหน้า ทำตาเพราะว่าตาไม่เท่ากันสองข้าง ทำตาสองชั้น แล้วก็กรีดตาให้ดูยาวขึ้น แล้วก็เหนียงค่ะ กรีดไขมันกระพุ้งแก้ม เก็บเหนียง แล้วก็เอนโดไทน์ ดูดไขมันด้วยค่ะที่ขา เพราะขาทรายใหญ่ ตอนแรกหมอก็จะไม่ให้เราดูดเพราะทรงเราเล็กแต่พอหมอเห็นเราถอดกางเกงแล้วจับก็โอเคดูด เพราะมันเยอะมาก มันย้อย กินของหวาน ไหน ๆ ไปแล้วก็ทำทั้งตัวเลย มีสะโพก แขน แล้วก็ด้านหลัง เวลาที่เรานั่งมันจะย้อยออกมาเป็นชั้น ๆ ก้อน ๆ ก็เอาออกหมดเลย 

ซึ่งหมอบอกไม่เจ็บ ?

ทราย : ไม่เจ็บแต่ว่าเจ็บมากค่ะ เจ็บทั้งตัว 

ตรงไหนเจ็บสุด ?

ทราย : ขาค่ะ เรานึกว่าเราเจ็บสุดคือคลอดลูก อันนี้คือทรมานมาก ยืนไม่ได้ขาเราเหมือนเป็นแท่งตะเกียบ มันยืนไม่ได้แล้วมันก็เจ็บทรมานมาก

ทำพร้อมกันหมดเลยมั้ย ?

ทราย : วันแรกทำหน้า วันที่สองทำตัว นรกชัด ๆ เลย ที่เกาหลีคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เหมือนเขาไม่เจ็บอะไรกับเราเลย แต่เขาดูแลดี 

ซึ่งหมดเงินไป 7 หลัก ?

ทราย : เกือบ 7 หลัก หน้าน่าจะแพงสุดเพราะหน้าเหมือนจะทำเยอะ เอนโดไทน์ดึงขึ้นไปด้วย หนูก็คุยกับพี่ญ่าด้วยไงก็เลยอยากทำด้วย 

กว่าจะเข้าที่นานมั้ย ?

ทราย : นานค่ะ เขาบอกว่าประมาณ 6 เดือน อันนี้ 2 เดือนแล้ว ทุกอย่างยังระบมอยู่ ตาก็ยังมีเจ็บอยู่ 6 เดือนคือหายเข้าที่เลย 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ 

This image has an empty alt attribute; its file name is 0

About Author