“ฮาย อาภาพร ควง เล่าปาฏิหาริย์องค์พญานาคให้งานใหญ่ค่าตัว 7 หลัก! 

ฮาย อาภาพร ขอควงเพื่อนซี้ ซินแสเป็นหนึ่ง เปิดจุดเริ่มต้นความสนิทกว่า 10 ปี พร้อมเล่านาทีเฉียดตายที่ทำเอาทั้งคู่ขำไม่ออกและเหตุการณ์ขนหัวลุกถ่ายภาพติดวิญญาณในบ้าน ถึงกับต้องด่าไล่ผี !! พร้อมเล่าจุดเริ่มต้นความเชื่อ ความศรัทธาในองค์พญานาคที่พี่ฮายบอกเลยว่าขออะไรก็ได้อย่างนั้นและปาฏิหาริย์แบบไม่คาดฝันหลังจากกลับสักการะองค์พญานาค ฟาดพรีเซ็นเตอร์ค่าตัว 7 หลัก ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกร 

คู่ซี้กันมา 10 กว่าปี ?

ฮาย : 11 แล้วเนอะ

อ.เป็นหนึ่ง : จริง ๆ 10 กว่าปีแล้ว

ซี้มากจนบางคนคิดว่าเป็นสามี-ภรรยากัน ?

อ.เป็นหนึ่ง : อันนี้เรื่องจริง

เริ่มต้นไปสนิทกันได้ยังไง ?

อ.เป็นหนึ่ง : วันนั้นไปร้านพี่ตี่ กระเทียม พี่ฮายเป็นสุดยอดของไอดอลเรา วันนั้นไปกับพี่ม้า พี่ม้าบอกว่าวันนี้มีฮายมานะ ฉันดีใจมาก ก็เลยไปทานข้าว

ฮาย : ก็ไม่คิดว่าจะเจอ เพราะแม่ม้านัดก็เห็นนั่งอยู่กับอาจารย์ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เราไม่ได้รู้จักอาจารย์นะ เจอกันครั้งแรกรู้สึกว่าอาจารย์คนนี้เห็นดาราไปหากันเยอะ แต่เราไม่ใช่เป็นสายหมอดู แล้วจู่ ๆ อาจารย์ก็ทักทายกันปกติ เรารู้แล้วว่าเป็นอาจารย์เป็นหนึ่ง 

อ.เป็นหนึ่ง : วันนั้นที่เจอพี่ฮายวันแรก แกคงประมาณว่าใช่หรอซินแสหัวล้าน ๆ พูดคะขา อ้วน ๆ มีหนวด ใช่หรอ 

ฮาย : ไม่ได้พูดแต่คิดในใจเฉย ๆ

อ.เป็นหนึ่ง : คือเราเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ต้องบอกแบบนี้จริงๆแล้ว ตลอด 11 ปี เราอยากจะพูดคำนี้กับพี่ฮายก่อน ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ฮายก่อนนะคะ คือในอดีตย้อนไป 10 กว่าปี เราเจอเรื่องราวชีวิตเยอะมาก เราเองเคยอยากจะถ่ายรูปกกับดาราคนมีชื่อเสียง แต่ย้อนกลับไปสมัยก่อนถ่ายไม่ได้ มีหลายคนบอกว่า เป็นหนึ่งเธอฟังไว้นะ ไม่มีใครอยากจคบเพื่อนที่เป็นหมอดู คนมีชื่อเสียงไม่อยากจะถ่ายรูปคู่ บางคนถ่ายรูปก็บอกขออนุญาตไม่ลงนะคะ เราก็ไม่ลง แม้กระทั่งเพื่อนเราก็ไม่อยากถ่ายรูปกับเรา จนเจอพี่ฮาย พี่ฮายลงรูปใน IG ลงรูปในทุกสิ่ง โดยที่พี่ฮายไม่มีความรู้สึกว่ามองเราว่าเป็นหมอดู คือเราระวังตัวตลอดเวลา เราเจียมตัวตลอดเวลา

ฮาย : อาจารย์เป็นคนที่คิดเยอะแล้วก็ให้เกียรติคนมาก ๆ ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เจอกับอาจารย์แล้วทักมาอยู่อย่างนึงซึ่งเราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง แล้วอาจารย์ทักวันแรก อาจารย์พูดหลายดอกมากที่โดน เราก็รู้สึกไม่ธรรมดา หลังจากวันนั้นมาอาจารย์ไม่พูดอะไรอีกเลย ไม่ดูดวงให้ ไม่ทักอะไรจนกว่าเราจะถาม คนอื่นมาดาราหรือใครน้อง ๆ รุ่นพี่เรามาให้เปลี่ยนลายเซ็นต์อาจารย์เปลี่ยนให้ทันที ทุกวันนี้ยังไม่ได้โดนเปลี่ยนลายเซ็นต์เลยนะ

อยากรู้ว่าทักว่าอะไร ?

ฮาย : เป็นเรื่องส่วนตัวที่บอกใครไม่ได้

อ.เป็นหนึ่ง : จริง ๆ เป็นเรื่องที่เราเห็นจากสิ่งที่เราดูโหงวเฮ้งต่าง ๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ ถ้าพูดขึ้นมามันเสี่ยงอยู่ 2 อย่างตัวแกเองจะมองเราในมุมไหน

ฮาย : แต่อาจารย์พูดอยู่คำหนึ่งว่ามันจะมีคำว่างามไส้ เขาเห็นในตัวเรา ภายใน 3 เดือนนี้พี่ฮายต้องระวังนะ เรื่องในบ้านซักอย่างหนึ่ง มันจะมีคำว่างามไส้ขึ้นมา 

แม่นขนาดไหน ?

ฮาย : เรียกว่างามไส้จริง ๆ ไม่ธรรมดา จนไปนอนบ้านอาจารย์ไปแกเคล็ดกันนิด ๆ หน่อย ๆ อาจารย์เขาก็ไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ไปนอนบ้านอยู่ครึ่งเดือน

อ.เป็นหนึ่ง : เรื่องของเรื่องตอนนั้นพี่ฮายน่าจะทำบ้านด้วยแล้วก็มีงานที่อยู่ใกล้ในย่านนั้น ก็เลยบอกพี่ฮายแทนที่พี่จะเช่าก็มาอยู่กับเราซะเลย

แล้วทำไมหลังจากนั้นไม่ทักอะไรพี่ฮายอีกเลย หลังจากทักชุดใหญ่ที่เจอกันวันแรก ?

อ.เป็นหนึ่ง : เอาจริงๆนะให้ทุกคนสังเกตุดู ทุกคนเป็นเพื่อนกันเป็นพี่น้องกันไม่เคยได้การทักทายจากดิฉันเลย เรารู้สึกว่าเราหาวิธีการแก้ดีกว่า พูดในเรื่องแก้ดีกก่า เราไม่อยากสร้างวจีกรรมให้คุณมีความรู้สึกว่าต้องเกิดความทุกข์แต่เรารู้หมด ใครจะเป็นยังไงรู้หมด แต่ของพี่ฮายมันมีลึกไปกว่านั้น พอฉันบอกแกไปแล้วถ้าเกิดแกไปเลยไม่กลับมาทำยังไงล่ะ แกไปเลยเหมือนใครหลายคนฉันก็น้อยใจนะพอเขาประสบความสำเร็จเขาก็ลืมฉันเลย

ลายเซ็นต์ก็ไม่ดูให้ ดวงก็ไม่ดูให้ แต่พาไปทำบุญ ?

ฮาย : พาไปทำบุญทุกที่ 

อ.เป็นหนึ่ง : คือลากไปทุกที่ค่ะ ซัวเถา ลาว เมียนมา ฮ่องกง ภูฏาน

ฮาย : แล้วก็มีไปมัลดีฟส์ด้วยกัน 3 ครั้ง เขาไปกันเป็นคู่ เราอ่ะเป็นคี่ไปทำไม อันนี้ไปเที่ยว ไปล้างสมอง ไปดำน้ำ

เห็นบอกเฉียดตายกันที่นี่แหละ ?

อ.เป็นหนึ่ง : ต้องอธิบายแบบนี้ด้วยตัวดิฉันเองเป็นคนไม่ชอบน้ำ เพราะมีความรู้สึกว่าน้ำเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ที่ไปเอาใจทุก ๆ คนที่เขาอยากไป แล้ววันนั้นจะมีโปรแกรมล่องเรือไปกลางทะเลเพื่อไปดำน้ำ ฉันตัดสินใจฉันไม่ไป ฉันจะนอนโรงแรมอย่างเดียวใครอย่ามายุ่งกับดิฉัน 

ฮาย : พี่ก็เลยบอกว่าอาจารย์เป็นหัวเรือใหญ่นะ แล้วอาจารย์ก็ตัวใหญ่ด้วยแล้วถ้าอาจารย์ไม่ลงแล้วทุกคนจะยังไงมันก็จะรู้สึกว่าไม่สนุก

อ.เป็นหนึ่ง : พี่ฮายก็มากล่อม ไปก็ไปเพื่อพี่ฮาย ฉันก็เลยบอกทุกคนห้ามมาบังคับฉันเป็นคนไม่ชอบใครมาบังคับเด็ดขาด ฉันอยู่บนเรือคนเดียว ทุกคนก็ลงน้ำกันไป ซักพักนึงพี่ฮายกวักมือเรียกแล้วฉันก็ยืนมองว่าพี่ฮายเรียก ฉันก็ไม่เอาฉันไม่กล้าว่ายน้ำ แต่เอาไงดีพี่ฮายเรียก ใส่ชุดชูชีพเลยเดี๋ยวฉันไปนะ เขาก็กวักมือเรียกหลายรอบเลย มันไกลมากฉันกะว่าซัก 20 นาทีเพราะมันไกลจริง พอกระโดดน้ำปุ๊ปไม่เกิน 10 วิถึง มันเร็วมาก ฉันบอกพี่ฮายฉันเก่งมากฉันแป๊ปเดียวเอง พี่ฮายบอกว่าเก่งอะไร นี่เธอรู้มั้ยว่าฉันกำลังจะตาย

ฮาย : มันไปอย่างเดียว คลื่นมันแรงมาก ซึ่งเราอยู่ในทะเลเราไม่รู้หรอกว่าคลื่นมันแรงแค่ไหน เรารู้สึกว่าเราว่ายจะไปหามันถอยตลอด เพราะว่ามันเป็นลูกใหญ่ บางทีมองไม่เห็นเรือพอคลื่นลงเราถึงจะเห็นเรือแล้วก็โบกมือบอกทุกคนว่าช่วยหน่อยฉันไปไม่ได้ 

อ.เป็นหนึ่ง : กวักมือเรียกฉันทำไม 

ฮาย : ไม่ได้กวักมือเรียก จะบอกว่าอาจารย์บอกทุกคนหน่อยว่าฉันไปไม่ได้ 

อ.เป็นหนึ่ง : พอลงไปถึงปั๊ปพี่ฮายบอกว่าอาจารย์เรื่องใหญ่เลยนะ พอคลื่นมาทีก็ท่วมหัวเรานะ 

ฮาย : จริง ๆ แล้วอาจารย์ก็ตัวขนาดนี้ ตอนนั้น 200 โลมั้ย 

อ.เป็นหนึ่ง : ตอนนั้น 160 โล พี่ฮายกับน้องอีกท่านบอกว่าเดี๋ยวอาจารย์อยู่ตรงกลางเดี๋ยวพี่จะหิ้วปีกซ้ายแล้วอีกคนจะหิ้วปีกขวา

เดิมทีจะเรียกเขาไปช่วย แล้วคนไปช่วยเป็นผู้ประสบภัย ?

ฮาย : เป็นภาระที่สุด ภาระเพื่อนมาก

อ.เป็นหนึ่ง : พี่ฮายบอกว่าอาจารย์ตีขาแรง ๆ ช่วยพี่เลยนะ เดี๋ยวพี่จะดันตัวอาจารย์ เราบอกได้ค่ะพี่ แล้วฉันหันไปเห็นข้างหลังมันมีป้ายเขียนเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า “มึงอย่าเลยตรงนี้นะ ถ้าเลยตรงนี้คือทะเลใหญ่หายไปเลยนะ” ฉันพยายามจะถีบตัวเองจนฉันบอกพี่ฮายว่า พี่ฮายพี่ปล่อยน้องไว้ตรงนี้เถอะคือให้น้องตายซะตรงนี้เลย แล้วพี่ก็กลับมา ไม่ไหวแล้ว พี่ฮายบอกว่าตื่นอาจารย์ ไป ลุย ! ก็พยายามกรี๊ดร้อง

ฮาย : ประมาณครึ่งชั่วโมงทุกคนขึ้นเรือแล้วรู้ว่าเรา 3 คน ที่มันไปอยู่ตรงโน้น พอเรารู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้วเราก็ปล่อยแล้ว แต่คนที่พาไปเขารู้ว่าตรงนั้นมันคือเขตอันตราย เขาก็เอาเรือไปรับเรา เรานึกว่าเราต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่

วินาทีนั้นที่อาจารย์รู้สึกว่าไม่เอาละ ยอมตายอยู่ที่นี่มันเป็นยังไง ?

อ.เป็นหนึ่ง : ประเด็นคือน้ำเวลามันสูงขึ้นเราต้องถีบตัวเลยน้ำ แต่น้ำมันท่วมจมูกไป 4-5  รอบ จนฉันรู้สึกว่ากูไม่รอดแล้ว แล้วรู้สึกว่ากูไม่ไหวแล้ว พี่ฮายบยอกว่าต้องสู้นะ อีกคนก็บอกว่าอาจารย์ต้องสู้นะ ฉันบอกว่าฉันไม่รอดแล้ว เพราะว่า 160 กิโลในยุคนั้น ระบบหัวใจ ระบบใด ๆ ก็ตามมันเริ่มไม่รอด ฉันเริ่มรู้สึกเพลีย ง่วงนอน 

ฮาย :  คนน้ำหนักเยอะมันก็มีปัญหาเรื่องความดัน ก็บอกอาจารย์ตั้งสติดี ๆ นะ ไม่ทิ้งหรอก เราไม่ทิ้งกัน เดี๋ยวเรือเขาเห็นเขาก็มารับเอง ให้กำลังใจตลอด ตั้งแต่วันนั้นอาจารย์ก็กลับมาออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง แกก็เลยหันมาดูแลตัวเอง

รอดจากทริปมัลดีฟส์มาได้เห็นบอกว่ามีอีกวีรกรรมนึงที่รู้สึกว่าอันนี้แหละเราต้องช่วยเพื่อน บ้านพี่ฮายมีผี ?

ฮาย : ปีนั้น 59 พี่ฮายได้บ้านอีกหลังที่ติดกันก็เลยจะทุบ 2 หลังรวมกันเป็นหลังเดียว อาจารย์แกบอกว่าถ้าการจะมีบ้านสองหลังเชื่อมกันอย่าให้เป็นบ้านอกแตก แล้วมันจะต้องทำยังไง ทีนี้เขาก็ทุบหลังฝั่งที่บ้านพี่ฮายอยู่เป็นประจำ พี่ฮายมาอยู่คอนโดแล้ว ทีนี้ต้นไม้มันมีอยู่ต้นนึงเป็นต้นฟอกซ์เทลที่ใหญ่มากประมาณ 20 ปี เวลาเรากรวดน้ำหรือจำทำอะไรเราก็จะไปตรงนั้นตลอด ทีนี้เวลาทำบ้านช่างเขาไม่ได้บอกเราว่าจะตัดต้นไม้ของเราทั้งหมด แล้วไปตัดต้นไม้ต้นที่พี่รักมากเขาไม่ได้บอกเราก่อน แล้วมีอยู่ 4 ต้น ทุกต้นตายหมดเลยเหลือต้นนี้ต้นเดียวทีมีชีวิตอยู่แล้วงอกงาม พวงเขาใหญ่เหมือนหมากเต็มต้นเลย แล้วเขาไปตัดแล้วรู้สึกว่าเลื่อยไปโดนหน้าขาเลย เลือดท่วมเลย เราไปเราก็ตกใจตัดต้นไม้ทำไมไม่บอกเรา เราโกรธมาก แล้วเราเห็นเหมือนมียางผุดออกมากเป็นสีแดง เหมือนมากแม่ เหมือนเลือด เราก็คิดว่าแม่ต้องหมากมาเทไว้แน่ ๆ เลย แล้วมันผุดตลอด ก็เลยโทรหาอาจารย์แล้วส่งไลน์ให้ดูว่าอาจารย์มันเกิดอะไรขึ้น แล้วคนตัดก็เข้าโรงพยาบาลอยู่นะ อาจารย์ก็บอกว่าพี่ฮายต้องขอขมา

อ.เป็นหนึ่ง : ต้องขอขมาการตัดต้นไม้ใหญ่ไม่ว่าจะใด ๆ ก็ตาม คุณทำในยามวิกาลตอนนั้น 3-4  ทุ่ม เราก็เลยขับรถพุ่งตรงมาเลย บ้านแกทุบหมดแล้วมันจะมีแค่เสา 3-4 ต้น 

ฮาย : มันคือโครงบ้านที่เอาออกไม่ได้ ถ้าเอาออกเราจะเสียอีก 2 ล้าน พี่ฮายก็เลยเอาโครงเก่า เหลือแต่ที่ดินกับเสาสามต้นแค่นั้น

อ.เป็นหนึ่ง : แล้วเราก็เริ่มขอขมาระหว่างนั้นเราเห็นฟุบฟับ ๆ มันเหมือนควันอ่ะ เดี๋ยวพี่ฮายให้ลูกน้องพี่ถ่ายรูปนะ อย่าเอาเครื่องอาจารย์เพราะถ้าเเอาเครื่องอาจารย์มันจะเหมือนมาเมค แล้วคนก็ถ่าย ๆ พอถ่ายปั๊ปติดอะไรไปดูกัน (ถ่ายติดวิญญาณเป็นรูปคนชะโงกออกมาจากเสา 3 คน)

ฮาย : เสามีอยู่ 3 ต้น อีต้นกลางมีอยู่ 3 ตัว เหมือนมองมาแล้วก็ชะโงกมา เราเห็นแล้วเราขนลุกมากเลย 

อ.เป็นหนึ่ง : คือภาพมันชัดเจนว่าในตรงบริเวณนั้นไม่มีเงาแสงใดๆเพราะเป็นเสาต้นที่ถูกรื้อออกไปแล้วเป็นเสาต้นเดียวที่ท่ามกลางไม่มีอะไรเลย 

ฮาย : วันนั้นเป็นพระจันทร์เต็มดวงด้วย เราก็เลยเห็น

อ.เป็นหนึ่ง : ที่เห็นคือโผล่มาซ้ายอาจจะเป็นพ่อ ขวาเป็นใครก็ตาม ทั้งหมด 3 คน ชัดเจน เดี๋ยวพี่ต้องใส่บาตรให้เขาซัก 7  วัน 

ระหวางนั้นก็เห็นบอกว่าคนในบ้านถูกผีหลอกระเนระนาด ?

ฮาย : ก็มีบ้าง พอพี่ใส่บาตรให้ 7 วัน อาจารย์บอกว่าเขาคงไปแล้ว ก็ทำบ้านพอเริ่มตั้งโครงตั้งอะไรพี่รู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้ ไปทีไรแล้วหงุดหงิดไปหมด บ้านสร้างเกือบเสร็จพี่ก็ไปพี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังตลอดเวลา เดินแล้วรู้สึกเหมือนมีลมหายใจอยู่ข้างหลังเรา เราเดินแล้วเหมือนสะดุดตลอดเวลาเหมือน เราก็นึกในใจว่าแสดงว่ายังอยู่ใช่มั้ย อีครอบครัวนี้ยังอยู่ใช่มั้ย ก็ยังไม่พูดอะไร ก็บอกอาจารย์ว่าหนูหงุดหงิดทุกครั้งเลยอีสามตัวมันยังอยู่หรือเปล่า ทุกอย่างเดินสายหมดแล้วแต่พี่รู้สึกเลยบ้านไม่ใช่อย่างที่พี่ต้องการพี่ก็เลยสั่งทุบเลย เดินสายไฟแล้วนะ สร้างไป 9 ล้านพี่ทุบเลยพี่โมโห ทุบแล้วก็สร้างขึ้นมาใหม่ หลังใหม่ที่ทุกคนเห็นในรูปแบบทุกวันนี้ที่อยู่ ไปวันแรกก็เดินตามอีกนะจ๊ะ เลยถามว่ามึงยังอยู่กันอีกใช่มั้ยอีครอบครัวนี้ ฉันใส่บาตรให้เธอ 7 วันแล้ว ก็ยังอยู่ นี่บ้านกูนะ ก็เลยพูดกับเขาแบบหยาบ ๆ นี่บ้านกูมึงจะดูโฉนดที่ดินมั้ย พวกเธอเป็นใครไม่มีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ พวกเธอต้องออกไปเพราะถ้าพวกเธอไม่ออกไปฉันจะเอาหมอผีมาจับถ่วงน้ำแล้วเอาลงไปไม่ให้ผุดให้เกิดทุกชาติเลยไม่ให้ได้เกิด ก็ด่า ๆ ด่าแล้วสบายใจ รู้สึกเดินเข้าไปรู้สึกดีขึ้น ถึงเวลาก็นิมนต์พระอาจารย์มา แล้วพี่ก็ทำบุญทุกอย่างเลย พอไปอยู่ก็ถูกหวยทุกงวดอย่างที่ทุกคนเห็น

นอกจากนี้อาจารย์ยังพาไปบูชาพญานาคด้วย ?

อ.เป็นหนึ่ง : จุดเริ่มต้นเลยช่วงกระแสในยุคนั้นถ้ำนาคาเขาขึ้นกันบ่อย แล้วเราก็มีโอกาสเลยชวนพี่ฮายไป

เห็นว่าเป็นคนบันเทิงกลุ่มแรกเลยที่ไปถึงที่นั่น ?

อ.เป็นหนึ่ง : ใช่ค่ะ

ฮาย : แรก ๆ เลย แล้วอาจารย์น้ำหนัก 180 โล แล้วต้องปีน อาจารย์สู้ อาจารย์ขึ้นได้ทำไมเราจะขึ้นไม่ได้ แต่ใจจะขาดเลยนะ

อ.เป็นหนึ่ง : พี่ฮายตั้งจิตอธิษฐาน พี่ฮายบอกอาจารย์เสมอว่าอาจารย์ให้อาจารย์ตั้งจิตอธิษฐานถึงองค์พญานาคราชว่าเราจะขอขึ้นไปขอให้เรามีพลังได้เดินขึ้นไป พี่ฮายเป็นคนเดินขึ้นไวมาก เร็วเหมือนปาฎิหาริย์ 

ฮาย : ไปแรก ๆ ไปกับอาจารย์อยู่ 3 ครั้งแรก ทีนี้บางครั้งที่เราไปแล้วเราได้ เราขอทุกอย่างแล้วเราได้ไม่รู้เป็นอะไร ตอนไม่ได้ไปงานที่รู้สึกว่าจะเป็นของเราก็หลุดมือไป แล้วพี่ฮายก็ไป พรีเซ็นเตอร์จะเข้านะ แล้วทำไมเงียบจังเลยมันหลัก 2-3 ล้าน เราก็ใจฟู ได้ตัวนี้มามันก็โอเค อยากได้ ครึ่งเดือนแล้วเมื่อไหร่เขาจะติดต่อกลับมาซักที เราก็ขอว่าปู่จ๋าขอให้ลูกโชคดีนะ ขอตัวนี้ตัวเดียวเลย ตัวพรีเซ็นเตอร์ตัวนี้ขอให้ผ่าน เชื่อมั้ยพอเครื่องบินลงแตะพื้นปั๊ป มีโทรศัพท์เข้ามา เรารีบโทรกลับเลย พี่ฮายตกลงลูกค้าคอนเฟิร์มนะ เข้าไปกอดอาจารย์ มหัศจรรย์มาก เราได้ หลังจากนั้นรวบตึงภายใน 10 วันถ่ายงานเสร็จเรียบร้อย

งอนกันจริงหรอ ?

ฮาย : อาจารย์มั้งงอน แต่เราไม่เคยงอน

อ.เป็นหนึ่ง : ต้องบอกว่าพี่ฮายเป็นคนดูแลเราทุกอย่าง มีอะไรเป็นห่วงทุกเรื่อง 

ฮาย : คือคุยกันทุกวันแต่ทำงานก็อาจจะห่างบ้าง 

อ.เป็นหนึ่ง : แล้ววันนึงพี่ฮายก็หายไปเลย พี่ฮายพอมีคนใหม่มาแกก็ลืมเราไง ลืมน้อง

ฮาย : ไม่ได้ลืมหรอก พอเราทำงานก็ตามประสา แต่ถึงจะห่างกันแค่ไหนเจอกันก็จูนกันติด 

อ.เป็นหนึ่ง : พอวันหนึ่งคนเขารักกันแต่บังเอิญไม่ได้คุยกันก็มีข่าวออกมาว่าเราตีกัน ทะเลาะกันหรือเปล่า ผิดใจกันมั้ย เราก็ตอบไปว่า ไม่มีนะเรายังดีกันอยู่ แต่ต่างคนต่างมีภาระกิจในเรื่องของงาน เรายังรักกันอยู่ 

มีเรื่องบางอย่างที่ยังค้างคาใจ ?

อ.เป็นหนึ่ง : คือก็พิจารณาอยู่ว่าพูดได้มั้ย พูดยังไงนะ ด้วยความที่พี่ฮายเตือนเราตั้งแต่เรายังเข้าวงการแรก ๆ เราเองในยุคแรก ๆ คนมาบ้านเราเยอะมาก ตั้งแต่ทุ่มนึงยันตีหนึ่งแล้วมีอยู่บางวันก็มีคนมา 200 กว่าชีวิตแล้วมาทั้งวงการเลย แล้วพี่ฮายก็บอกว่า อาจารย์อันนี้พี่เตือนนะการที่อาจารย์เป็นคนดีแล้วดีมากจริง ๆ อาจารย์เปิดรับทุกคนแบบนี้ไม่ได้ แล้วพอวันหนึ่งที่อาจารย์ควบคุมใครไม่ได้ อาจารย์จะไม่เหลือใครเลย เมื่อวันนั้นมาถึงมันก็เป็นเรื่องจริง มาถึงจริง ๆ เราก็รู้สึกแย่ แล้วพี่ฮายก็เข้ามาเติมเต็มในหลายสิ่งในหลายเรื่องราวทั้งหมด พอมีอยู่มาวันหนึ่งเราก็มีความรู้สึกว่าพี่ฮายด้วยงานแกเยอะ ก็มีอยู่บางประเด็นที่มันเข้าหูเราประมาณว่าพอดีไปเจอพี่ฮาย พี่ฮายพูดถึงเราแบบนี้ๆๆ เราก็เลยยกหูหาแกเลย ถามพี่ฮายว่า พี่ฮายเราเชื่อว่าพี่ฮายถามเราด้วยความเป็นห่วง เราเป็นคนไม่คิดลบกับทุกเรื่องเราว แล้วเราเชื่ออยู่เรื่องนึงว่า ถ้าคุณจะมีเพื่อนดี ๆ สักคนหนึ่ง คุณจำไว้เลยเมื่อไหร่ที่คุณหูเบาไปฟังใครคนนึงคุณจะพลาดโอกาสสำคัญ เมื่อคุณโดนอะไรก็ตามคุณควรจะยกหูหาเพื่อนคุณจริง ๆ แล้วถามเขาเลย ถ้าคุณไปเชื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อนคุณ คนดีหูไม่เบาค่ะ  

ฮาย : เพราะว่าวันนั้นที่อาจารย์โทรมาเราก็ขำ โถอาจารย์เดี๋ยวอาจารย์จะต้องเจอสิ่งเหล่านี้อีกมากมาย

มาฟังความในใจจากพี่ฮายบ้าง ?

ฮาย : จะบอกเขาตลอด บางที 3 เดือนไม่ได้เจอ 6 เดือนไม่ได้เจอ เงียบไป บางทีไลน์ไปแกอ่านแต่ไม่ตอบ เราก็รู้แกคงยุ่งแต่เรารู้นิสัย ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะน้อยใจ ก็จะบอกว่าอาจารย์มีธุระจำเป็นต้องคุยนะ เจอเมื่อไหร่ก็จูนติดไม่เจอกัน 10 ปีก็ยังเหมือนเดิม เพราะใจมันถึงใจแล้ว เวลามีปัญหาจะบอกว่าหนูยังมีอกให้อาจารย์คอยซบอยู่นะ ร้องไห้กับหนูได้เลย อาจารย์บอกว่าเป็นคนแรกที่กล้าร้องโฮเหมือนเด็ก ๆ 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ 

About Author