หวั่นซ้ำรอยน้องชมพู่!  ครอบครัวคาใจ ลูก 3 ขวบ จมน้ำดับ ไม่เชื่อลูกเดินไปเอง

กรณี “น้องอลิส” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ จมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำกลางทุ่งนาในลักษณะนอนหงาย ห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ต.คอนกาม อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีระยะห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 800 เมตร ครอบครัวคาใจหลายเรื่อง ทั้งไม่เชื่อว่าน้องจะเดินไปเองได้ รวมทั้งเรื่องรองเท้าในที่เกิดเหตุซึ่งไม่ใช่รองเท้าของน้องอลิส แต่เป็นรองเท้าผ้าใบของเพื่อนที่เล็กกว่าเท้าตัวเอง อีกทั้งยังมีการถอดแพมเพิสและกางเกงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ  

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 19 มิ.ย. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ พ่อแบน,แม่บี,ย่าทิพย์ ไม่เชื่อว่าน้องจะเดินไปเองแล้วเสียชีวิต, พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว.

พ่อแม่มีลูกกี่คน?

แม่บี : มีลูกร่วมกัน 1 คน คือน้องอลิส แล้วก็มีลูกติดเราอีก 1 คน เขาอายุ 6 ขวบ

ลูกยังไม่ 4 ขวบ?

พ่อแบน : เพิ่ง 3 ขวบ เดือนพ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง

น้องแข็งแรง ร่าเริง แจ่มใส ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกับหนองน้ำ คิดว่าน้องเดินไปได้เองมั้ย?

พ่อแบน : ยังไงก็ไม่ได้ พื้นที่ขรุขระมีโคลน

เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น?

พ่อแบน :   ลูกอยู่ที่นี่ได้เทอมนึง มีครู 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ที่แห่งนี้เป็นของอบต. เด็กมีทั้งหมด 20 กว่าคน ซึ่งก็แล้วแต่พ่อแม่จะเอาลูกมาไว้

ย่าทิพย์ : เขารับเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป จนเข้าอนุบาลที่โรงเรียน

มีเด็กกี่คน?

ย่าทิพย์ :   ที่ทราบ เขาให้ครูคนนึงต่อเด็ก 10 คน ประมาณเกือบ 30 คนค่ะ

เหตุการณ์วันนั้น น้องหายไปเมื่อไหร่?

ย่าทิพย์ : วันที่ 14 ที่ผ่านมาค่ะ ย่าอยู่บ้าน ประมาณ 12.47 น. มีโทรศัพท์เข้ามาจากผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ใกล้ศูนย์เด็ก โทรมาบอกว่าผู้ช่วยได้รับน้องอลิสกลับบ้านหรือยัง ไม่เห็นน้องนะ ให้ออกมาตามหาน้องช่วยหน่อย พอได้ยินอย่างนั้น ลูกที่เขาไปเก็บเห็ดกำลังกินข้าวเที่ยงกัน ก็ออกจากบ้านไปคนละทางเลย

พอได้รับโทรศัพท์ก็เริ่มหา ย่าทำไงต่อ?

ย่าทิพย์ : ย่าได้มอเตอร์ไซค์คันนึงก็ไปตรงศูนย์เด็ก พ่อขึ้นไปทางเหนือบ้านไปศูนย์เด็ก มันไปได้สองทางเหมือนกัน ระหว่างทางเราเห็นคนวิ่งไปที่ทุ่งนาที่เขาหว่านข้าวแล้ว สระน้ำมีนอนอยู่ตรงต้นตาล แล้วมีทุ่งนาลงไป เราก็วิ่งตามคันนา ทั้งวิ่งทั้งเดิน เห็นเขาไปก็วิ่งตามเขาไป ลูกชายไปถึงก่อน

พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านด้วยกัน?

พ่อแบน :   เราอยู่ด้วยกันสามคน

เห็นคนกำลังมุงอยู่?

พ่อแบน : ผมเจอคุณครูกับผู้ใหญ่บ้านอยู่ตรงนั้น ก็วิ่งไปหาเขา เจอศพน้องลอยอยู่ในน้ำ

คนลงไปช่วยน้องเป็นใคร?

พ่อแบน : พลเมืองดี เขาได้รับแจ้งจากคุณครูที่ศูนย์ให้มาตามหาเด็ก

ครูไม่ได้แจ้งพ่อแม่คนแรกเหรอ เขาแจ้งใคร?

ย่าทิพย์ : อบต. แล้วแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวรู้ทีหลัง รู้ตอนเจอร่างน้องแล้ว

พล.ต.ต.วิชัย : เวลามีเหตุทั่วไป คนจะแจ้งตร. หรือถ้าต่างจังหวัดจะแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน แต่เด็กมีเบอร์โทรศัพท์พ่อแม่ เขาก็สามารถแจ้งพ่อแม่ได้ว่าเด็กหายไป ผมไม่ได้ติดใจว่าจะแจ้งใครก่อน แต่ติดใจเรื่องการสอบสวนในฐานะเป็นตำรวจ คดีนี้ตายผิดธรรมชาติ ต้องชันสูตรพลิกศพว่าคดีนี้มีสาเหตุการตายอย่างไร ใครเป็นผู้ทำให้ตาย มีพยานหลักฐานบุคคล พยานวัตถุหรือพยานนิติวิทยาศาสตร์ยังไง พบแล้วก็จะบ่งบอกว่าทำให้ตาย หรือตายเอง เราสามารถพิสูจน์ได้

ทั้งสามคนพอเห็นน้องอยู่ในน้ำ มีพลเมืองดีช่วยขึ้นมา น้องเสียชีวิตแล้ว ตรงจุดเกิดเหตุพบอะไรบ้าง?

พ่อแบน : รองเท้า กางเกง และแพมเพิส ถูกถอดอยู่ครับ

อายุ 3 ขวบ น้องถอดแพมเพิสเองได้มัย้?

พ่อแบน : ถอดได้เป็นบางครั้ง แต่ส่วนมากเขาจะฉี่ใส่กางเกง ถ้าไม่มีคนช่วยเขาก็ถอดได้ แต่จะยาก

แม่บี : แต่จะไม่ใช่แบบนี้ค่ะ ถ้าเขาถอดเอง มันจะม้วนค่ะ เขาค่อย ๆ ดึง ม้วนเป็นเลข 8

แต่อันนี้เหมือนจับดึงออกไปแล้ววางไว้ ส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าน้องหรือเปล่า?

พ่อแบน : ไม่ใช่ครับ น้องใส่รองเท้าสไปเดอร์แมน

วันที่น้องไปที่ศูนย์เด็กเล็ก คุณย่าเตรียมคู่นี้ให้เขา?

แม่บี : แม่เตรียมให้เขาค่ะ วันที่เขาหายไป รองเท้าคู่นี้อยู่ที่ศูนย์ ปกติน้องไม่ใส่รองเท้าผ้าใบ น้องไม่ชอบเลย ที่บ้านไม่มีรองเท้าผ้าใบให้น้องใส่เท่าไหร่ค่ะ มีแต่รองเท้าง่าย ๆ ให้ใส่แบบนี้

รองเท้าคู่นั้นเป็นของใคร?

แม่บี : ของน้องที่โรงเรียนค่ะ

ไม่งงเหรอ รองเท้าคู่นี้มาได้ยังไง?

แม่บี : งงค่ะ

ย่าทิพย์ : ทำไมต้องใส่ลงมาด้วย

พ่อแบน   : แล้วรองเท้าเขาไม่เปื้อนด้วย

ตอนเดินมาตรงจุดนี้ โคลนเยอะมั้ย?

พ่อแบน : เยอะครับ เป็นที่นา ต้องเดินลงบันไดมา

คุณพุทธจำลองเหตุการณ์ได้ดีมาก ให้เด็กมาเดินตรงนี้เลย เพื่อไปบ่อน้ำที่เจอร่างน้อง คุณพุทธเอาเด็กวัยเดียวกันแต่เป็นเด็กผู้ชาย น้องเดินไม่ไหว บอกว่าปวดเท้ามาก มันแปลกใจ อันดับแรก น้องออกจากจุดนั้นได้ยังไง น้องใส่รองเท้าผ้าใบ ซึ่งเท้าเล็กกว่าน้อง ยัดแทบไม่เข้า ใส่ไปได้ยังไง ต่อให้เท้าพอดีกัน เด็กสามขวบจะใส่รองเท้าผ้าใบเองยากมาก ระยะทางที่เดินไป ใต้รองเท้าเป็นไง?

ย่าทิพย์ : ไม่เปื้อนโคลน ไม่เปื้อนอะไรเลย

น้องเคยไปตรงจุดนี้มั้ย?

ย่าทิพย์ : ไม่เคยพาไป ไม่ใช่ที่นาของตัวเอง ไปทุ่งไปนาจะไม่พาเด็กไป

ตอนน้องไปศูนย์เด็กเล็ก น้องเคยอยากกลับบ้านแล้วเดินกลับเองมั้ย?

ย่าทิพย์ : ไม่เคยมีประวัติเดินกลับบ้านเอง

ถ้าถามว่าน้องอลิสเดินจากศูนย์เด็กเล็กไปจุดนี้ เดินไปเพื่ออะไรก่อน เดินลุยท้องนา แต่รองเท้าไม่มีรอยเปื้อน ก่อนถึงสระนี้ มีสระอื่นมั้ย?

ย่าทิพย์ : เป็นท้องนา แต่ไม่ลึก

บ้านเรามีบันไดมั้ย?

ย่าทิพย์ : ไม่มีค่ะ แค่บันไดสองขั้นหน้าบ้านเตี้ยๆ

คิดว่าลูกคุณลงได้มั้ย?

พ่อแบน : ไม่มีทางเลย

พ่อแม่ไม่เชื่อเลยว่าลูกสาวจะเดินไประยะทาง 800 เมตรไปเสียชีวิตในหนองน้ำ อลิศเคยพูดมั้ยว่าอยากได้รองเท้าผ้าใบ?

แม่บี :   ไม่ค่ะ พูดแค่ว่าอยากได้สไปเดอร์แมนอย่างเดียว

น้องไปไหนมาไหนคนเดียวมั้ย?

แม่บี : ไปสูงสุดก็บ้านย่า แต่พ่อแม่ดูอยู่ บ้านย่ากับบ้านแม่ไม่ไกลกัน ประมาณ 100 เมตร มองเห็นค่ะ ยืนดูแล้วบอกให้ระวัง ไม่เคยไปไกลกว่านี้ค่ะ

ณ วันนี้มุมที่เกิดขึ้น คุณครูมาพูดคุยกับเรามั้ย?

พ่อแบน : เขามา แต่ยังไม่พูดเรื่องน้องหายไปได้ยังไง เขาไม่ได้พูด บอกแค่ขอโทษ ขอขมา เขาไม่ได้มาคุยเรื่องอะไร

เขาเอาเงินมาให้เหรอ?

ย่าทิพย์ : เขาถือพานมาขอขมา ทางอบต. เขารวบรวมเงินมาเยียวยาเบื้องต้นก่อน เขาบอกว่าเงินส่วนนี้จะช่วยเยียวยาเบื้องต้น ไม่เกี่ยวกับคดี ไม่เกี่ยวกับค่าอะไรอย่างอื่นค่ะ เหมือนทำบุญกับน้อง

ครูไปให้สัมภาษณ์ว่ารู้สึกสบายใจขึ้น แต่ย่าบอกว่าไม่ใช่?

ย่าทิพย์ : ยังคาใจอยู่ค่ะ ไม่ชี้แจง

พ่อแบน : ยังไม่คุยเลย พวกผมก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่จะมาอธิบายให้ฟัง แต่ก็ไม่มา พวกผมก็อยากรู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ตอนนี้ไม่มีใครมาอธิบายเลย

ตอนน้องหายไป เขาพูดมั้ยว่าหายไปตอนไหน?

ย่าทิพย์ : เขาบอกกินข้าว 11 โมง กินอิ่มก็ให้เด็กออกไปวิ่งบริเวณรอบโรงเรียน ประมาณเที่ยงเตรียมเด็กเข้านอน แต่ตามหาอลิศไม่เจอ

แต่มีคนไปรับหลาน เขาบอกเด็กนอนปกติหรือยังไง?

ย่าทิพย์ : เขาไปรับเด็กประมาณเที่ยงครึ่ง คุณครูยังไม่ได้ทำอะไร ยังเงียบอยู่

เขาไปรับหลานเนื่องจากอะไร?

ย่าทิพย์ : หลานไม่สบาย ครูโทรบอกให้ไปรับหลาน เด็กก็ยังนอนอยู่ ครูก็ยังเงียบอยู่ คนไปรับเด็กเขาบอกอย่างนั้น

เป็นเวลาที่ใกล้กันมาก?

พ่อแบน : เวลาที่น้องหาย กับเวลาไปพบศพน้อง เวลาแค่นิดเดียวเอง เวลาพบศพน้องเที่ยง เวลาที่ผู้ใหญ่โทรมาหาผม 12.47 บอกว่าได้ไปรับน้องอลิสมั้ย น้องอลิสได้กลับบ้านมั้ย ออกมาตามหาเด็กกันหน่อย ผมก็ออกจากบ้าน 2-3 นาที

คุณน่าจะถึงที่โรงเรียน 12.50 น?

พ่อแบน : คุณครูบอกว่าลงไปดูน้องอยู่ข้างล่าง ผมเห็นคุณครูกับผู้ใหญ่อยู่ในที่เกิดเหตุ  ผมก็วิ่งไปดูเลย

มีการไลน์หาย่าทิพย์ แล้วผ่านไปแค่ 8 นาที ผู้ใหญ่โทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าเด็กหาย พ่อใช้เวลา 3 นาทีไปถึงศูนย์เด็กเล็ก ก็เจอร่างลูกแล้วพ่อบอกว่าแปลกมั้ยล่ะ ตอน 12.40 ยังหาไม่เจออยู่เลย พอ 12.50 น. บอกว่าไปดูร่างลูกตรงนั้น 10 นาทีที่ตามหาแล้วไปเจอ เด็กลอยอยู่ในน้ำ?

พ่อแบน : ยังไงก็ไม่เชื่อว่าเด็กจะไปเอง เวลามันนิดเดียวเอง

12.00 น. ให้เด็กนอน 12.40 มีการคุยในไลน์ครั้งสุดท้าย ถามว่าแม่เด็กอยู่ในไลน์หรือเปล่า 12.48 น.มีการแจ้งไปว่าเด็กหาย พ่อบึ่งมอเตอร์ไซค์มา ตีให้ 5 นาทีเลย 12.53 น. พ่อไปถึงโรงเรียน พอไปถึงเขาบอกลูกอยู่กลางนา พ่อกับแม่วิ่งไปเจอศพแล้ว เจอศพ 12.50 น. ฝั่งคุณย่ามีการบอกว่ามีเด็กคนนึงไม่สบาย ครอบครัวเขามารับในเวลา 12.30 น. ตอนนั้นเด็กยังนอนอยู่เลย แต่ไม่ได้ลงลึกว่าเจอน้องอลิสหรือเปล่า แต่ทุกอย่างนิ่งสงบ ไม่ได้แตกตื่น?

ย่าทิพย์ : ทำไมไม่ไปบอกว่าให้ไปบอกเพื่อนบ้านหน่อย

มีผลชันสูตรของเจ้าหน้าที่นิติเวชครั้งแรก บอกว่าเด็กเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชม. ฉะนั้นถามว่าในเมื่อเราเจอศพเด็กตอน 12.50 น. เราต้องยิงมาที่ 10.50 น. ครูยังกริบ บอกกินข้าวกันอยู่ ทำไมครูไม่เห็นว่าน้องอลิสนั่งกินข้าวอยู่หรือเปล่า ไม่ได้กล่าวหาใครนะ แต่พ่อเห็นศพตอนครูบอก 12.53 น. เชื่อเจอศพ 12.50 น. แต่เขาชันสูตรมาแล้วว่าน้องเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2 ชม. แปลกใจว่าถ้าเด็กหายไปก่อนหน้านั้น ทำไมครูไม่เห็นอลิศ?

นพ.วีระชัย : ประเด็นเรื่องเวลา เมื่อครู่ได้คุยกับคุณย่า ไม่ใช่มากกว่า 2 ชม. คือไม่เกิน 2 ชม.บวกลบ โดยหลักการแพทย์ทั่วไปที่ชันสูตรพลิกศพ เขาจะตรวจการแข็งตัวของกล้ามเนื้อหลังตาย จะบอกเป็นช่วง หนึ่งถึงสอง สองถึงสี่ สี่ถึงหก กรณีนี้น่าจะบอกหนึ่งถึงสองนี่แหละ บวกลบ ช่วงระยะเวลาเป็นอีกแบบนึง อาจไม่ใช่มากกว่าสองชม. แต่ทีนี้มีประเด็น พอคุยลึกลงไปมีการผ่า มีอาหารในกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อกี้ได้สอบถามว่าอาหารที่พบ ถ้าตามข้อมูลการผ่าเป็นเส้น มันเป็นมื้อไหน ถ้ามื้อที่ทานของโรงเรียน โรงเรียนบอกทานตอน 11 โมง อาหารที่เข้าไปในกระเพาะ ผ่านเข้าไปคลุกเคล้ากับน้ำย่อยกว่าจะลงลำไส้ อยู่ช่วงครึ่งถึง 2 ชม. ยังไม่ลงไปที่ลำไส้ เขาพบในกระเพาะอาหารว่ามีลักษณะเส้น ซึ่งไม่ใช่อาหารที่ทานที่บ้านตอนเช้า ถ้าตอนเช้าน่าจะย่อยหมดแล้ว น่าจะเป็นอาหารที่โรงเรียน น่าจะมีการทานอาหารที่โรงเรียนจริงตอน 11 โมง ตรงนี้ตีกรอบไปว่าทานอาหารแล้ว แล้วมาเกิดเหตุ

เราตัดประเด็น 2 ชม.ทิ้งไป?

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าพิสูจน์แล้วว่าอาหารที่พบในกระเพาะเป็นอาหารที่เด็กกินในโรงเรียน แสดงว่า 11 โมงเด็กทานอาหารที่นั่น เด็กยังอยู่ แต่จะมาวิเคราะห์ในทางตร. ถ้าเด็กจะหาย จะหายช่วง 11 – 12 โมง เพราะเขาจะเอาเด็กไปนอน แล้วเท่าที่รู้มา เด็กไม่อยู่ 4 คน ไปเล่นข้างนอก อาจไปตามมาได้ 3 คน น้องหายไป 1 คน ช่วงที่แจ้งและพบ น่าจะไม่คลาดเคลื่อน เพราะตอนไปพบใหม่ๆ น้องยังตัวอ่อน

ย่าทิพย์ : ตัวอ่อน เหมือนเด็กนอนหลับ

พล.ต.ต.วิชัย : แสดงว่าตายใกล้ ๆ เวลานั้นแหละ แต่ในฐานะผมเป็นตร. จะวิเคราะห์เรื่องหลักการสืบสวนก่อน คดีตามธรรมชาติ สิ่งที่ต้องสอบสวนคือรู้สาเหตุการตาย หรือใครทำให้ตาย ต้องไปดูพยานบุคคล ซึ่งมีอย่างเดียวคือครู อาจมีป้าคนเดียวที่มารับลูก แต่ตอนมารับก็ไม่รู้หรอกเด็กนอนครบหรือไม่ครบ แสดงว่าเด็กหายไปช่วงนี้ พอหายไปแล้ว ถามว่าเด็กไปได้อย่างไร นี่เป็นข้อพิรุธ เด็กจะเดินไปไกลขนาดนี้ได้มั้ย ต้องลงสะพาน มีคูน้ำ มีผ่านกระดานไม้เดียว จะเดินผ่านกระดานแผ่นนี้ไปได้มั้ย เดินไปเจอท่อ ขึ้นท่อสูง 50 เซนฯ ซึ่งชันได้มั้ย แล้วจะไปลงน้ำได้มั้ย รองเท้าอีก ถ้าคิดในแง่ไม่ดี ถ้ามีใครทำให้ตาย สิ่งที่จะทำให้เห็นว่าครบสมบูรณ์ ก็เอารองเท้าให้เห็นว่าเดินไป แต่ดันหยิบรองเท้าผิดไป ก็เป็นพิรุธ ตร.ต้องทำการสืบสวนต่อ รองเท้ามีรอยเปื้อนมั้ย ถ้าไม่เปื้อนแสดงว่าหยิบไปวางแน่นอน ผมไม่รู้ตร.สอบสวนยังไง แต่ผมวิเคราะห์ว่าข้อสงสัยเป็นอย่างนี้ ต่อไปกางเกงที่ถอด ต้องดูว่าถอดสภาพแบบไหน รูดทีเดียวเลยมั้ย ลองขยายพื้นที่กว้างของภาพ ข้างๆ ถ้าเด็กเดินไป เด็กจะลื่นตกตรงนั้นมั้ย

ย่าทิพย์ :   ลื่น

พ่อแบน : แต่มันไม่ใช่สระน้ำนะตรงนั้น มันเป็นที่นา สระอยู่อีกที่นึง ห่างจากตรงนี้ 2-3 เมตรนี่แหละ

พล.ต.ต.วิชัย : ก็ไม่ได้ไกล รองเท้าถ้าเด็กจะถอด ต้องวางคู่กันมั้ย นี่วางไม่คู่กัน เวลาเป็นตร.ต้องวิเคราะห์ นี่เป็นข้อสงสัยที่ตร.ต้องทำการสืบสวนสอบสวน ให้เห็นประเด็นว่าอาจมีคนทำให้ตายก็ได้ ไม่ได้ตกน้ำตาย

ตัดประเด็นเด็กหายไปตอน 10 โมงกว่า น้องน่าจะได้กินอาหารกลางวันแล้ว 11 โมงน้องยังอยู่ พี่แต้มมองว่าตรงนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญคือน้องไปตรงนั้นได้อย่างไร?

พล.ต.ต.วิชัย : และผ่าพิสูจน์ น้ำเข้าปอด แสดงว่าจมน้ำตรงนั้น ไม่ได้ฆ่าที่อื่นแล้วเอามาทิ้ง

น้องชอบเล่นน้ำมั้ย?

พ่อแบน : ไม่ เล่นอยู่แต่ในบ้าน

สภาพน้องลอยหงายหน้าขึ้น ทำไมลอยหงายหน้า?

นพ.วีระศักดิ์ : ตอนแรกที่ผมได้รับทราบข้อมูล มีการสอบถามเข้ามาบอกว่าศพคาดว่าเสียชีวิตไม่เกิน 2 ชม. แต่มีเรื่องแปลกคือศพลอยน้ำ ซึ่งศพทั่วไปเสียชีวิตต้องจมน้ำก่อน เกิน 24 ชม. ถึงลอยขึ้นมา เพราะการจมน้ำ น้ำแทนที่อากาศในร่างกายแล้วก็จม หลังจากนั้นเกิดแบคทีเรียในร่างกายไปย่อยทำให้เกิดแก๊สลอยขึ้นมา พอเป็น 2 ชม.ก็เลยดูแปลก ก็ตั้งข้อสังเกตว่า 2 ชม.มีความเป็นไปได้ เป็นลักษณะของอากาศที่ยังคั่งอยู่ในร่างกาย ในปอด ทำให้ศพลอยอยู่ และน่าจะกล่องเสียง หลายๆ กรณี กล่องเสียปิด ทำให้น้ำเข้าไปไม่ได้ ทำให้หายใจไม่ได้ด้วย ก็ทำให้เสียชีวิต แต่พอมาดูรูปที่ชัดเจนวันนี้ มีโอกาสเป็นไปได้อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือกรณีน้องยังใส่เสื้อ มีอากาศอยู่ภายในเสื้อ ลักษณะตีโป่ง มีความเป็นไปได้ที่อากาศค้างอยู่เลยพยุงตัวน้อง ซึ่งเป็นเด็กมีน้ำหนักตัวน้อยให้ลอยอยู่ แต่เรียนว่าไม่ว่ากรณีจมน้ำเสียชีวิตหรือสงสัยว่าฆาตกรรมแล้วเอาไปทิ้งน้ำ ยังไงก็ต้องจมน้ำ ไม่ใช่ว่าถูกฆาตกรรมเสียชีวิตมาก่อนแล้วเอามาทิ้งน้ำ ตัวจะลอย ไม่ใช่นะครับ ถ้าเสียชีวิตด้วยวิธีใดมาก่อน เอามาทิ้งน้ำ น้ำก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ยังไงก็จมเหมือนกัน กรณีที่ลอยก็ไม่ได้สื่อถึงเรื่องถูกฆาตกรรม แต่เป็นลักษณะที่ไม่ได้เจอได้บ่อย แต่พอดูผลผ่าชันสูตรศพ บอกว่าพบน้ำอยู่ในปอดในปริมาณมาก โอกาสกล่องเสียงปิดจนทำให้น้ำไม่สามารถเข้าไปได้ก็ตัดทิ้งไป ก็น่าจะเหลือตรงตัวเสื้อที่มีอากาศอยู่ทำให้พยุงตัว ซึ่งน้องมีน้ำหนักตัวน้อย ทำให้ลอยอยู่ได้ อันนี้น่าจะเป็นไปได้ครับ

พี่แต้มมองยังไง?

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าฆาตกรรมผมว่าไม่เป็นหรอก ถ้าฆาตกรรม การทำร้ายร่างกายต้องมีร่องรอย แต่นี่ผ่าพิสูจน์แล้วไม่มีร่องรอยทำร้ายร่างกาย ถ้าทำให้ตาย สาเหตุโกรธเคืองระหว่างน้องกับครูก็ไม่มี อันนี้ก็ตัด ถ้าจะเกี่ยวข้องกับคดี มีอย่างเดียวคือประมาทหรือเปล่า ทำให้เด็กไปเสียชีวิตหรือเปล่า ผมคิดเองนะ สมมติเด็กดื้อ ไม่เข้านอน คนอื่นเข้านอนหมด อาจลงโทษเอาเด็กปล่อยไว้ ตรงแถวบันได ทีหลังจะได้เข้ามาให้พร้อมเขา พอไปแล้วมันถึงเลยเถิด ทำให้เสียชีวิตหรือเปล่า คิดเลวไปอีก ถ้าเสียชีวิตแล้ว ก็ต้องทำหลักฐานกันมั้ย เอารองเท้าไปวางมั้ย นี่คิดแบบเลวนะ ถ้าคิดแบบดี เด็กอาจเดินไปได้ แต่ข้อสงสัยที่มีคือหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ พยานวัตถุคือรองเท้า กางเกง แพมเพิส ถ้าผมทำผมต้องสร้างหลักฐานเท็จ ผมต้องเอาหลักฐานอื่นไปทำตรงนี้ ก็เป็นหน้าที่ตร.ต้องสอบให้ชัดว่ามันจะเป็นแบบนี้ได้มั้ย เด็กดื้อมั้ย เหมือนเราเลี้ยงหลาน หลานดื้อก็ให้อยู่นอกบ้าน ขอโทษเมื่อไหร่ก็ให้เข้าบ้าน ในฐานะหลักการสืบสวน เจตนาฆ่า ไม่มี แต่ถ้าจะมีก็เรื่องประมาท เพราะตอนนี้ตร.ก็แจ้งข้อหาประมาท

ระยะทางที่เดินไปด้วยประสบการณ์ คิดว่าเด็กเดินไปได้มั้ย?

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าคนพาเดิน ผมว่าเด็กไปได้ 800 เมตร ถ้าเดินไปเองค่อนข้างยาก ดูระยะทางที่เขาเดิน ลงบันได แล้วมีคูรอยขาด มีกระดานแผ่นเดียววาง ตรงนี้เด็ก 3 ขวบจะเดินได้มั้ย

คุณพุทธจำลองให้เด็ก 3 ขวบเดิน น้องเดินตะแคง แต่บอกว่าปวดเท้ามาก?

พล.ต.ต.วิชัย : โดยธรรมชาติเราต้องคิดว่าเขาเดินได้มั้ย แล้วมันจะลื่นมั้ย ทำให้เห็นว่าเด็กไม่น่าเดินได้ ถ้าเด็กหลงก็ไม่น่าลงไปตรงนั้น เด็กเดินไปไม่เจอใครนี่ร้องตายเลย หลงก็ร้องไห้แล้ว

ย่าทิพย์ :   ตอนนั้นอากาศร้อน เด็กมันจะเดินไปทำไม

นพ.วีระศักดิ์ : กรณีน้องชมพู่ก็ถกเถียงกัน ว่าเดินได้ไม่ได้

ผมลงพื้นที่ ก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้จะเดินขึ้นไป ผมมั่นใจว่าไม่ได้ แต่บางคนบอกว่าได้?

นพ.วีระศักดิ์ : ก็จะมีทั้งคนที่เห็นว่าได้และไม่ได้ แต่ความเป็นจริงเอาหลักการก่อน เด็ก 3 ขวบเดินได้ วิ่งได้ ทำอะไรได้  มีความเป็นไปได้มั้ย มีความเป็นไปได้ แต่ดูสภาพข้างหน้าจริงๆ ทุกคนประเมินแบบไม่รู้เด็กเลย แต่คนรู้จักเด็กจริงๆ คือพ่อแม่ ย่า ถ้าเขาบอกว่าไม่ได้ก็น่าเชื่อถือ แต่ทางสืบสวน สอบสวน ตร.จะถามแค่นี้ก็ไม่เพียงพอ อาจไปถามคนรู้จักญาติอื่นๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เด็กเวลาประเมิน ประเมิน 3 อย่าง กาย จิต สังคม กายเขาสามารถเดินได้หรือไม่ จิตใจถ้าติดพ่อแม่ ห่างออกไปแล้วร้องไห้งอแง สังคมคือเขาไปกับคนอื่นมั้ย ปกติเป็นคนแปลกหน้าเขาจะไปมั้ย

แม่บี : ไม่ไป

นพ.วีระศักดิ์ : ทั้งหมดนี้คือการประเมิน ถ้าไปดูคำพิพากษาคดีน้องชมพู่ก็จะมีการพูดถึงเรื่องนี้ว่ามีการสอบปากคำตร.แล้วพบว่าน้องติดพ่อแม่ โอกาสไปกับคนอื่นเป็นไปได้ยาก ยกเว้นบางคน ซึ่งก็มีรายละเอียดแบบนี้ในการสืบสวน สอบสวน ส่วนเรื่องที่คนนั้นบอกว่าได้ คนนี้บอกไม่ได้ คุณจะยึดหลักการอะไรล่ะ ข้อเท็จจริงคนที่จะรู้จริงคือคนในครอบครัว ถ้าผมมองนะในระยะไกลแบบนี้ โอกาสที่เด็กเดินด้วยตัวคนเดียว เดินไปไม่ร้องไห้งอแง ผมว่าเป็นไปไม่ได้ แต่จะใช่หรือไม่ใช่ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลหลักฐานของตร.

พล.ต.ต.วิชัย : ตอนน้องชมพู่เราวิเคราะห์กันว่าน้องติดพ่อแม่มาก ใครจะอุ้มไปไม่ได้ นอกจากพ่อแม่ และคนที่ใกล้ชิดที่สุด ตอนนั้นเราสงสัยผู้ที่มีเรื่องอยู่ เราบอกว่าน้องเดินไปได้มั้ย มาวิเคราะห์ว่าเดินไม่ได้หรอก หนึ่งเดินขึ้นเขา ถ้าหลงลงจากเขามากกว่า จะเดินขึ้นทำไม แล้วเดินไปตั้ง 2-3 กิโล ก็ต้องมีรอยบาดตัวเด็ก เด็กที่เห็นก็ถอดเสื้อผ้า เราก็วิเคราะห์ได้แน่ว่ามีคนพาไป มาเปรียบเทียบคดีนี้ได้ว่าเด็กขนาดนี้จะเดินไปได้มั้ย ถ้าเดินไปไม่ได้ต้องมีคนพาไป เด็กต้องร้อง เพราะหลงหน่อยเด็กก็ร้องแล้ว

นพ.วีระศักดิ์ : กรณีนี้ในการพิสูจน์ ถ้าย้อนกลับไปคดีน้องชมพู่ มันไม่ได้จบแค่นั้น มันมีการสืบสวนสอบสวน ที่ตร.ต้องไปสอบถามญาติ คนใกล้ชิด ประเมินความเป็นไปได้ด้วย ว่ามีโอกาสเดินไปได้จริงหรือเปล่า

พล.ต.ต.วิชัย :   วิเคราะห์จากครูบาอาจารย์ว่าอยู่หรือไม่อยู่ เดี๋ยวหลักฐานตัวนี้จะไปล้อมกรอบคนเกี่ยวข้องมากขึ้น

คิดว่าเกิดอะไรกับลูกเรา หลานเรา เราไม่ได้โทษใคร แค่คิดความน่าจะเป็น?

พ่อแบน : ยังไงลูกก็เดินไปไม่ได้ รองเท้าก็ใส่ไม่ได้ แพมเพิสถอดแบบนั้นก็ไม่ได้

ถ้าคิดว่าเด็กอยากเล่นน้ำ ถอดรองเท้า ถอดกางเกง ถอดแพมเพิส?

พล.ต.ต.วิชัย : มันหลายขั้นตอนไป  มีขั้นตอนเยอะเหลือเกิน ผมว่าไม่น่า

พ่อแบน : ถ้าจะเล่นเขาคงเล่นเลย

นพ.วีระศักดิ์ : เรื่องพัฒนาการเด็กอาจไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แต่เรื่องพฤติกรรมยืนยันว่าคนใกล้ชิดจะทราบดี น้องมีพฤติกรรมอย่างไร พ่อแม่ถ้าเปิดใจเป็นกลาง เล่าพฤติกรรมตรงๆ ผมว่าเป็นประโยชน์ทางคดี หรือคนรอบข้างจะบอกได้ ว่าเด็กทั่วไปเป็นแบบที่ว่าหรือไม่ ซึ่งอาจมีบางคนก็ได้ที่อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นข้อยกเว้นไป

ผมก็มีลูก ผมว่าไม่มีทาง มันซับซ้อนไป?

พล.ต.ต.วิชัย : นอกจากมีการสอน

เคยสอนมั้ยถ้าจะลงไปว่ายน้ำต้องถอดรองเท้า ถอดกางเกงก่อน?

ย่าทิพย์ : ไม่มี เวลาเอาน้ำใส่สระน้ำให้เล่นอยู่บ้าน ใส่รองเท้ามายังไงก็ลงไปทั้งรองเท้า

หลายอย่างแปลก?

พล.ต.ต.วิชัย : รองเท้าเป็นของรุ่นน้อง แล้วจะใส่กันได้มั้ย

มีเหยียบส้นมั้ย?

ย่าทิพย์ : ไม่มี

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าจงใจถอดรองเท้าต้องอยู่คู่กัน อีกข้างอยู่ไหน

ย่าทิพย์ : อยู่ตรงพงหญ้านั่นแหละค่ะ

นพ.วีระศักดิ์ : กรณีแบบนี้พอสงสัยมากขึ้น ก็จะมีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง หลักฐานที่เก็บในที่เกิดเหตุต้องเรียนว่าอย่างคดีน้องชมพู่เรื่องนิติเวชก็ชัดเจน ว่าขาดน้ำ ทำให้เสียชีวิต ไม่ได้สื่อถึงเรื่องถูกฆาตกรรม แต่หลักฐานที่ไปดำเนินคดีเป็นเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ คือเรื่องเส้นผม คดีนี้ถ้าเกิดสงสัย ก็จะกลายเป็นเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ว่ามันจะมีอะไรที่ไปเชื่อมโยงได้บ้าง ฉะนั้นหลักฐานในที่เกิดเหตุ ณ ตอนนี้ไม่รู้เก็บไปมากน้อยเพียงใด ถ้ามีข้อสงสัยก็ลำบากเหมือนกันถ้าผ่านไปหลายวัน รอยเท้าในที่เกิดเหตุ ดีเอ็นเอ เสื้อผ้าต่างๆ รอยพิมพ์ของรองเท้าในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะจุดที่ตกด้วย มีอะไรเกี่ยวข้องหรือไม่

พ่อคิดว่าเกิดอะไรกับลูก?

พ่อแบน : คิดว่าน่าจะทำลูกผมเจ็บ หรือเสียชีวิตแล้ว แล้วเอาลูกผมไปทิ้ง

นพ.วีระศักดิ์ : ถ้ายึดตามผลผ่าชันสูตรศพที่ชัดเจน ไม่มีร่องรอยเรื่องบาดแผลที่จะทำให้เด็กเสียชีวิต ขณะเดียวกันเสียชีวิตจากการจมน้ำมันก็ชัดเจน แต่ต้องเชื่อมโยงต่อว่าเป็นการจมน้ำจากอุบัติเหตุ หรือมีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ อันนั้นก็ต้องไปว่ากันด้วยหลักฐาน ถ้ามีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าเด็กไว้เนื้อเชื่อใจหรืออะไรก็ตาม เขาอาจไม่มีการขัดขืน แต่เหตุที่เกิด ลงไปในน้ำแล้วเสียชีวิต ฉะนั้นร่องรอยการต่อสู้หรือร่องรอยบาดแผลต่างๆ มันอาจไม่เห็น ก็ไม่แตกต่างจากคนจมน้ำโดยอุบัติเหตุ ฉะนั้นตรงนั้นมันแยกไม่ได้จากการผ่าชันสูตรพลิกศพ แต่มันต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์นี่แหละที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องว่าสิ่งที่สงสัย มันจะพาไปถึงจุดนั้นหรือเปล่า ว่ามันใช่หรือไม่

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าตายแล้วไปโยน น้ำในปอดจะไม่เหมือนกัน หรือตายแล้วโยนไปเขาไม่หายใจ ก็ไม่สามารถกินน้ำเข้าไปได้ ต้องอยู่ตรงนั้นแหละ แต่จะโยนหรือตก ต้องพิสูจน์ให้ได้ตรงนี้

พิสูจน์ได้ใช่มั้ยว่าน้ำในปอดเป็นน้ำจากจุดนั้นหรือเปล่า?

นพ.วีระศักดิ์ : พิสูจน์ได้ วิธีการพิสูจน์ปัจจุบันเขาเรียกว่าตรวจเฉพาะจุดได้ ปกติน้ำจากแหล่งนี้มีลักษณะแบบนี้ ตรงกับที่พบในปอดหรือไม่ เขาตรวจได้ ตรงนี้ไม่มีประเด็นเลย แต่อาจมีประเด็นเพิ่มเติมที่คุณย่าสงสัย ทำไมน้ำเป็นโคลนแดง แต่กลับไม่มีโคลนอยู่ในปอด เวลาน้ำเข้าไป ถ้าเป็นลักษณะน้ำที่เป็นโคลนอยู่ในน้ำปริมาณมาก มันจะเป็นเศษดินเศษโคลนติดอยู่ที่ปาก ทางเดินหายใจส่วนต้นให้เห็นได้ ฉะนั้นการผ่าชันสูตรพลิกศพ กรณีจมน้ำแบบนี้ มีทั้งเจอและไม่เจอ เพราะไม่ได้เสมอไปที่ลงไปแล้วจะมีโคลนจากในน้ำขึ้นมาเลยทันที เด็กกว่าจะไปถึงพื้นดินอาจเสียชีวิตไปแล้ว อาจตะกุยตะกาย น้ำที่เข้าไป เป็นโคลนก็จริง แต่เวลาผ่านเข้าไปบริเวณหลอดลม มันไม่เห็นเป็นโคลนให้เห็นชัดเจน ตรงนั้นอาจเจอได้ทั้งมีโคลนและไม่มีโคลน วิธีพิสูจน์คือพิสูจน์ว่าเป็นน้ำจากแหล่งนี้หรือไม่

กรณีเจอร่างนอนหงาย เกิดขึ้นได้ยาก?

นพ.วีระศักดิ์ : เจอได้น้อย เมื่อวานยังคุยกับพี่ยอดร่วมกตัญญู พี่ยอดเขาเจอศพจมน้ำเยอะมาก ก็ถามว่าประสบการณ์เจอบ้างมั้ย เขาบอกว่าเจอสองครั้ง เขาบอกว่าเป็นการกระโดดลงมาจากที่สูงตรงแม่น้ำเจ้าพระยา ลงมาแล้วเสียชีวิตทันที น้ำไม่เข้าไป ปอดมีอากาศอยู่ก็เลยลอย ทั้งสองเคสของพี่ยอด ส่วนผมเจอเด็กจมน้ำ คล้ายๆ แบบนี้เลยที่ทุ่งนา แต่ไม่จม แต่พิสูจน์ได้ว่าน้ำไม่ได้เข้าไปในปอด หลอดลมมันตีบ มีลักษณะพยุงอยู่ เพราะจะเห็นว่าเสื้อมันโป่ง ใช้คำว่าเป็นไปได้นะ แต่ย้อนกลับถ้าสงสัยว่าถูกทำให้เสียชีวิตมาก่อนแล้วเอามาทิ้งน้ำ ยังไงก็จมน้ำ

พล.ต.ต.วิชัย : น้ำนิ่ง ๆ ก็จมอยู่ตรงนั้น ยกเว้นมีคลื่น ไหลออกไป ศพก็จะเลื่อนไป แต่เคยเจอศพลอยต่ำกว่าผิวน้ำ สามารถเห็นหน้าเห็นตัวได้ มี ยกเว้นเน่า ก็ขึ้นอืดเลย มันก็มี

นพ.วีระศักดิ์ : ผมยืนยันกับคุณย่า ถ้าศพเสียชีวิตมาก่อนหน้านี้แล้วเอามาทิ้งลงน้ำยังไงก็ต้องเริ่มจากการจมน้ำ เพราะน้ำเข้าไปแทนที่ กรณีศพลอยจึงไม่ได้สื่อเลยว่าเป็นการฆาตกรรม หรือทำให้ตายมาก่อน เพียงแต่เป็นลักษณะที่เจอได้ไม่บ่อย

พล.ต.ต.วิชัย : จมน้ำอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ใครทำให้จมหรือเปล่า ประเด็นแค่นี้ เป็นหน้าที่ตร.ต้องสอบสวน อย่างอื่นตัดไปได้เลย

สงสัยเรื่องทางที่น้องเดินไป เท้าไม่เปื้อนอะไรเลย มันดูสะอาดเหลือเกิน?

พล.ต.ต.วิชัย : ต้องดูที่พื้น ยังไงฝุ่นก็ต้องติด ถ้าไม่มีก็สงสัยอีกอย่างนึง

คาใจผมมากคือเด็กจะลงน้ำ แต่ถอดกางเกง แพมเพิส และรองเท้า?

นพ.วีระศักดิ์ : วางเป็นระเบียบด้วย แพมเพิสดูเป็นระเบียบดีด้วยนะ  ลูกผมเกือบ 3 ขวบก็ยังถอดไม่ได้ ม้วนก็ไม่ออกหรอกครับ

พล.ต.ต.วิชัย : ถ้าถอดไปเล่นน้ำ ผมว่าเขาระเบียบจัดไป

มันเป็นกางเกง ถ้าถอดต้องม้วนลงมา?

นพ.วีระศักดิ์ : ซึ่งมันแน่น เวลาถอดจะม้วนยาก แต่อาจมีคนบางคนบอกว่าลูกเขาถอดได้ อันนั้นก็ไม่เถียง ถ้าเขามีการฝึกฝน แต่ลูกผมยังถอดไม่ได้เพราะผมไม่ได้สอนให้เขาทำ

ทางนี้สอนมั้ย?

แม่บี : ไม่

พล.ต.ต.วิชัย : วิเคราะห์พฤติกรรมเด็กทั่วไป คนทำได้ก็อาจมี แต่จะเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ มันยาก

อยู่ในสายกับรองนายกอบต.คอนกาม“ชุมพร ประวาฬ” ตอนนี้คุณครูเป็นยังไง รู้สึกว่าต้องคดีประมาท?

ชุมพร : ครับ ก็อยู่ในชั้นสอบสวนครับ

มีข้อสงสัยหรือพิรุธมั้ย?

ชุมพร : ก็ตามที่เป็นข่าวครับ

ท่านสงสัยมั้ยกับคดีนี้?

ชุมพร : ยังไม่ออกความคิดเห็นครับ

เรื่องนี้พ่อแม่เขากังวลใจมาก เขาเชื่อว่าลูกเขาไม่มีทางเดินไปได้ตรงจุดนั้น ท่านคิดว่าเด็กเดินไปได้มั้ย?

ชุมพร : ผมก็ลงไปดูพื้นที่อยู่ ก็อาจไปเอง ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าจะได้มั้ย

ท่านตอบงง ๆ เหมือนมีคนอยู่ข้าง ๆ ดูไม่ค่อยอยากตอบ งงมั้ย?

พ่อแบน : งง

พล.ต.ต.วิชัย : คิดว่าเขาไม่กล้าพูด กลัวเป็นคำพูดที่ต้องเป็นพยานหลักฐาน พวกนี้กลัวหมดแหละ กลัวจะตาย ข้าราชการต่างจังหวัด

ตอนแรกเขาอยากจะคุยมั้ย หรือไปบังคับให้เขาพูดหรือเปล่า?

พล.ต.ต.วิชัย : ต้องถามว่าในความรู้สึกคิดว่าเดินได้หรือไม่ได้

อยู่ในสายกับ นพ.ธีรนันท์ มิตรภานนท์ ผอ.รพ.แพทย์รังสิต จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น มองว่าเด็ก 3 ขวบจะเดินไปเองได้มั้ย ไปถึงถอดรองเท้า กางเกง แพมเพิส คิดว่าทำได้มั้ย?

นพ.ธีรนันท์ : อันแรกต้องไปดูพื้นฐานเด็ก เด็กขี้กลัวต้องจูงมือผู้ปกครอง อยู่ดีๆ เดินไปไกลๆ ทิ้งคนอื่นไป ผมว่าเป็นไปได้ยาก สองอยู่ดีๆ เด็กถอดเสื้อลงน้ำ มันไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเด็ก เด็กจะลงน้ำเขาก็ลงไปเลย ไม่น่าคิดล่วงหน้า คิดว่าไม่น่าใช่ครับ

ยืนยันว่าเด็กเข้า 3 ขวบโอกาสยากที่จะคิดว่าถอดรองเท้า กางเกง แพมเพิสก่อนลงน้ำ มันยากมาก?

นพ.ธีรนันท์ : ใช่ครับ เด็กถ้าจะทำอะไรแปลกๆ มันต้องมีอะไรล่อใจ เช่นเจอปลา เจออะไร เขาตะครุบเลยแล้วเผลอตกลงไป มากกว่ามีการวางแผนถอดโน่นถอดนี่คิดว่าไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ หรือเด็กขี้กังวล ไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนคนเดียว ยิ่งเดินไปเป็นร้อยเมตร ผมว่าไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ ยกเว้นมีหมา หรือมีสัตว์ที่เขาตามไป แต่พอเขานึกขึ้นได้เขาก็จะวิ่งกลับครับ

อย่างรองเท้าผ้าใบของรุ่นน้อง มีโอกาสมั้ยที่น้องจะใส่ไปได้?

นพ.ธีรนันท์ : ผมว่าอย่างที่ทุกท่านทราบ คงเป็นไปได้ยาก อยู่ดีๆ จะใส่ผมว่าเป็นไปได้ยาก ทางกลับกันถ้าไม่เคยใส่แล้วไม่ถนัด การเดินระยะทางเป็นร้อยเมตรไม่ให้ล้มก็เป็นไปได้ยากมากเลยครับ

พล.ต.ต.วิชัย : พี่หมอพูดตรงกับสิ่งที่เราสงสัย เรื่องการใส่รองเท้า เอารองเท้าเขามาใส่ แล้วเป็นทรงแบบนี้ น่าเชื่อว่าไม่น่าใช่ วิสัยเด็กทั่วไปลงน้ำก็ลงอย่างนั้นหมด ไม่มีระเบียบวินัยอย่างนี้ เพียงแต่จะหาสาเหตุจากไหน ใครเป็นผู้กระทำ วางแผนตรงนี้ ตรงนี้ต่างหากที่ต้องตามไป

วันนี้จะทำยังไงกันต่อไป?

พล.ต.ต.วิชัย : ก็เป็นหน้าที่ตร.ต้องทำการสอบสวนให้แน่ชัดให้ได้ ผมเชื่อว่าถ้ามีการกระทำความผิด เดี๋ยวพิรุธก็ออกมา ใครจะผิด ใครจะประมาท เชื่อว่าทำแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นจะช่วยปกปิด ถึงเวลาแล้วก็ช่วยเขาไม่ได้หรอก ยกตัวอย่างถ้ามีการลงมือกระทำความผิด แต่ไม่ใช่ฆ่านะ อาจเป็นเรื่องความประมาท อาจปรากฏได้ทีหลัง หลักฐานต่างๆ ตร.เอามาประกอบ แล้วซักทีละประเด็น จะได้ชัดเจนขึ้น ไม่ต้องห่วงหรอก

คุณย่าบอกว่าธรรมดาตื่นเช้าต้องได้ยินเสียงอลิศ?

ย่าทิพย์ : (ปล่อยโฮ)

ล่าสุดไปทำพิธีเชิญวิญญาณ?

ย่าทิพย์ : ค่ะ(ร้องไห้) ยายเขาไปหาแม่ชี เขาบอกว่าน้องยังไม่กลับจากที่ตกน้ำ ก็เลยไม่สบายใจ เลยเอาพระไปสองรูปอัญเชิญดวงวิญญาณน้องขึ้นจากน้ำ น้องเป็นเด็กน่ารัก สดใส พอตื่นก็ได้ยินจากที่นอนเลย

พ่อแบน : น้องขี้เล่น ไม่งอแง ไม่อะไรเลย

จะทำยังไงต่อไป?

พล.ต.ต.วิชัย :   ตอนนี้เขาแจ้งข้อหาผู้ต้องหาประมาท ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ส่วนเขาจะมาเล่าให้เราฟังมั้ยก็เป็นหน้าที่เขา เขาไม่เล่าก็ได้ แต่เป็นหน้าที่ตร.ที่ต้องทำการสืบสวนสอบสวน แต่สิ่งนึงที่เราสามารถเรียกร้องค่าเสียหายเขาทางแพ่งได้กับการที่เราสูญเสียลูกไป อาญาก็ปล่อยให้ตร.ทำไป เพราะความประมาทของครูบาอาจารย์ทำให้ลูกเราเสียชีวิต

ตอนนี้คุณครูถูกยึดโทรศัพท์ เพราะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว?

พล.ต.ต.วิชัย : เขาต้องเอาโทรศัพท์ไปตรวจสอบการใช้ ไม่ได้ยึดหรอก เอาไปตรวจสอบ บางทีข้อมูลพยานหลักฐานอาจปรากฏอยู่ในโทรศัพท์ หรือการพูดคุยกันในกลุ่มต่างๆ ตร.ต้องเอาไปตรวจสอบ มีอะไรกะทันหัน เผื่อปรึกษาวางแผน ความถี่โทรศัพท์ก็ตรวจสอบได้ อาจมีข้อมูลอะไรบ่งบอกได้

หมอหมูอยากบอกอะไร?

นพ.วีระศักดิ์ : ต้องเรียนว่ากรณีนี้เรื่องการผ่าชันสูตรศพ ผลออกมาเป็นแบบนี้ ญาติอย่าเพิ่งกังวลใจว่าไม่ตรงใจกับที่เราคิดเอาไว้ ย้อนกลับไปดูหลายๆ คดี มันต้องมีเรื่องทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องวัตถุพยานในที่เกิดเหตุจะเชื่อมโยงถึงได้ กรณีนี้ยังมีข้อพิสูจน์ ต้องรอการพิสูจน์ เดี๋ยวรอพนักงานสอบสวนดำเนินการ ผมเชื่อว่าจะได้คำตอบหลายๆ ข้อที่คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่าสงสัยในลำดับถัดไป

พล.ต.ต.วิชัย : เขาไม่ได้ยึดถือวิทยาศาสตร์อย่างเดียว มันมีพยานหลักฐานอื่นซึ่งสามารถเชื่อมโยงเอาผิดผู้กระทำความผิดได้ ขอให้น้องสบายใจได้

พ่ออยากบอกอะไร?

พ่อแบน : อยากขอบคุณสื่อทุกแขนงทุกฝ่ายที่ช่วยตามเรื่องของน้องให้

แม่บี :   ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตร.ที่ช่วยเต็มที่ค่ะ เขาก็ไม่ได้พักเหมือนกัน

ย่าทิพย์ : ขอบคุณรายการโหนกระแสนะคะ ที่ให้มาไขข้อข้องใจกับคุณหมอและพี่แต้ม ไม่รู้จะบอกอะไร คิดถึงหลาน ตื่นมาก็คิดถึงเขาไปหมด

อยากบอกอะไรครู?

ย่าทิพย์ : อยากบอกคุณครูว่าถ้าครูมีลูกก็ต้องคิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ด้วยค่ะ ถ้าลูกเป็นแบบนี้คุณครูจะคิดยังไง

พ่อแบน : ให้ออกมาอธิบาย ให้ชี้แจงว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น นี่ไม่พูดเลย อยากให้ชี้แจงว่าวันนั้นเกิดอะไร เด็กงอแงหรือยังไง อยากให้มาเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง ผู้ปกครองก็ไม่รู้เหตุการณ์ครับ ช่วงเวลานั้นมันเป็นความรับผิดชอบของคุณครู

อยากบอกอะไรท่านรอง?

พ่อแบน :   ท่านรองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้เหมือนกัน งง ปกติไม่ได้พูดแบบนี้นะ แต่นี่เหมือนมีคนสะกด สั่นๆ ยังไงก็ไม่รู้

ย่าทิพย์ : ปกติท่านรองพูดเก่งนะ

About Author