โซเซียลชื่นชม “บิว” พลเมืองดี ผู้เห็นเหตุการณ์ คดี “น้องนุ่น” หลังเล่าความจริงในรายการดัง
“บิว” พยานคนสำคัญ คดี “น้องนุ่น” เปิดใจ ถูกทัวร์ลง ว่าเห็นเหตุการณ์ทำไมไม่ช่วย ยันไม่เห็นตอนถูกทำร้าย ล่าสุด รถทัวร์เบรคทัน แห่ให้กำลังใจ
กรณี “นายศิริชัย รักทอง” หรือ “ทอย” อายุ 33 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญ ฆ่าเผาอำพราง “น.ส.ชลลดา มุธุวงศ์” หรือ “นุ่น” อายุ 27 ปี ภรรยาสาว ล่าสุดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาหนัก ฆ่าคนตายโดยเจตนา และอำพรางศพ พบเคยมีประวัติทำร้ายน้องนุ่นที่หน้าลิฟท์ เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา และมีพลเมืองดี เห็นเหตุการณ์ แล้วโพสต์ทางโซเซียล กลับโดนทัวร์ลงว่า “เห็นเหตุการณ์ทำไมไม่ช่วย”
ล่าสุด “บิว” พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ เผยกับรายการ โหนกระแสว่า “โดนด่าเยอะเหมือนกัน ว่าทำไมไม่ช่วย แต่คนไม่เข้าใจว่าตอนที่ผมเห็นคือตอนเป็นศพแล้ว ผมไม่ได้เห็นตอนกระโดดถีบหรือเตะ ถ้าเห็นแบบนั้นใครจะไม่ช่วย โดยบิวเล่าว่า เหตุการณ์วันนั้นว่า
“ผมขับรถส่งคนเมา เรียกตามแอปฯ มีไปส่งลูกค้าตามบ้าน ไปขับรถให้เขา ผมส่งเขาแถว ๆ แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด แถวที่เกิดเหตุ เราเอารถคืนบริษัทแล้วก็เดินกลับ เพื่อหาจุดสว่าง มีคนเยอะ ๆ เพื่อความปลอดภัย ระหว่างที่เดินเส้นแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ดมีการคืนพื้นที่ มันจะมืดหมด มองไม่เห็น ปกติสว่าง แต่วันนั้นมองเห็นแค่ไฟกะพริบขึ้นทางด่วนเฉย ๆ ผมเดินไปได้ยินเสียงเหมือนฟาดดัง ๆ ก็ตกใจใครมาทำอะไรตรงนี้ ตอนแรกคิดว่าเขาไม่เห็นผมนะ แต่พอมานั่งวิเคราะห์อีกที คิดว่าเขาคงเห็นว่ามีคนเดินผ่าน เขาก็เลยเบาลง ตอนนั้นเขาอุ้มลูกนะครับ แล้วเหมือนผู้ชายตบคนให้ตื่นจากการเมา ผมเจอคนเมาเป็นปกติอยู่แล้ว ก็คิดว่าผู้หญิงเมา สามีตบให้ตื่น
ผมไม่เห็น ตอนเขากระทืบ ตบ เตะเลย เราเข้าใจว่าคนปลุกคนเมาให้ตื่น เราก็คิดในใจว่าเออดีนะ ผัวมาปลุกเมียให้ตื่นให้สร่าง เพราะมันมืดมาก ผมไม่เห็นเลือดไม่เห็นอะไร ผมเห็นแค่นั้น ผมก็เดินเข้าเซเว่น ต่อมางานก็เข้ามาในระบบ ผมก็โฟกัสที่งานแล้ว ไม่ได้สนใจต่อ เหมือนสะกิดคนเมาให้ตื่น พอมานั่งคิดวิเคราะห์อีกที ผมคิดว่าเขาน่าจะเห็นผม เขาเลยเบาการกระทำลง ผมไม่เห็นแต่ต้น ผมเห็นตอนท้าย แล้วเขาหยิบหินมาทุบอะไรอีก ผมไม่เห็นเหตุการณ์อีกแล้ว
หลังบิวรู้ข่าว ก็ติดต่อคนที่บอกว่าเพื่อนหาย พอดีผมมาดูข่าว แล้วเขาสงสัยช่วงไทม์ไลน์ที่หายไป ช่วงตีหนึ่งครึ่งถึงตีสาม หายไปอยู่ที่ไหน เพราะเพื่อนน้องนุ่นคุยกับนุ่น 01.27 น. แสดงว่าช่วงหลังจากนั้น 4 นาที คือหายไปเลย ผมเจอเขาตอนตี 2 ก็กลายเป็นว่า ถ้าผมอยากช่วยหรือบอกได้ ผมเจอคนนี้ในช่วงตี 2 ในไทม์ไลน์นั้นที่นักข่าวอีกช่องเขาสงสัยว่าหายไปไหน เพราะผู้ชายให้การว่าเขาไปกินข้าวกันตรงเส้นเลียบคลองประปา แต่ผมเห็นคือถนนแจ้งวัฒนะปากเกร็ด มันไม่ใช่แล้ว เราก็ไม่ได้นะ ผมเจอรถคันนี้ ผู้ชายอุ้มลูก บีเอ็มสีขาว ใช่เลยแน่ ๆ แต่เขาบอกเพื่อนน้องนุ่นว่าไปกินข้าวกันต่อ หลังได้ยินเรื่องนี้ ผมก็ติดต่อเพื่อนเขาไปเลย เพื่อนบอกว่าไม่ใช่นะพี่ แน่ใจเหรอว่าเป็นคนนี้ ผมก็บอกว่าแน่ใจสิ ให้พาไปชี้จุดก็ได้ให้คุณแม่ติดต่อมาก็ได้ ให้พี่ไปโรงพักก็ได้ เพื่อให้ปากคำเพิ่ม ว่าสิ่งที่ผู้ชายพูดในข่าวไม่เป็นความจริงนะ
ผมก็บอกว่าผมเป็นพยานให้ได้นะ ถ้าคุณหาช่วงเวลาไม่เจอ อย่างน้อยเราไม่เห็นคลิปก่อนหน้านั้นนะ ผมก็พยายามหาในเพจ และแสดงตัวว่าผมเป็นคนเห็น คนไปด่า ไม่เข้าใจ เขาคงเข้าใจผิดครับ พอผมติดต่อเพื่อนเขา เพื่อนเขาก็ตั้งกลุ่มในเฟซขึ้นมา แล้วให้คุยว่าผมอยู่ตรงไหน ก็เลยนัดคุณแม่ไปที่สถานีปากเกร็ดตีสาม เพราะผมเสร็จงานประมาณตีสองครึ่งหรือตีสาม คุณแม่ก็ไปแจ้งความคนหาย ไปเห็นหน้าแม่เขา ก็อดสงสารไม่ได้ คนเรากำลังเดือดร้อน ก็พาเขาไปแจ้งความ ผมก็บอกว่าผมเจอเขาตรงจุดนี้นะ พรุ่งนี้แม่มาติดต่อร้านที่ได้กล้องมา แม่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เข้าใจครับว่าเป็นชาวบ้าน ก็อดสงสารไม่ได้อีก แยกจากคุณแม่ประมาณ 6 โมงครึ่ง 11 โมงก็มาเจอคุณแม่อีกที มาที่ร้านเพื่อดูกล้อง
พอผมดูข่าวก็ติดต่อเพื่อนเขา ได้ไปในกลุ่มที่เขาคุยกัน เขาบอกว่าสะดวกเจอแม่ที่สภ.ปากเกร็ดมั้ย เราก็บอกว่าได้ เพราะอยู่แถวนั้นพอดี ก็นัดเจอคุณแม่ประมาณตีสาม ตีสี่ ไปแจ้งความกับตำรวจ ตำรวจถามว่าน้องเป็นอะไรกับเขา ผมก็บอกว่าผมจะมาให้การว่าเขาไม่ได้พูดตรงตามในข่าว ผมแค่จะมายืนยัน ตำรวจก็บอกว่าเรื่องผัวเมีย น้องไปยุ่งอะไรด้วย ผมก็เหมือนฟิวส์ขาด ก็พิมพ์ไปในแชตเลยว่าให้ติดต่อนักข่าวเลย ไม่ได้การแล้วถ้าเป็นแบบนี้ พึ่งไม่ได้เลย แต่เขาอยากเอาตัวเด็กออกมาก่อน ความตั้งใจผมแค่อยากบอกว่าเจอน้องที่มุมนี้ อย่างน้อยถ้าเจอกล้องก็เจอเส้นทางแล้ว ยังไงก็ตามได้ถูก แต่กลายเป็นว่าพอไปขอดูกล้องก็เจออย่างที่เห็นกัน
เมื่อรู้ความจริงว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ขณะออกอากาศ มีผู้เข้ามาให้กำลังใจ และชื่นชม “บิว” กันมากมาย อีกทั้ง พิธีกร หนุ่ม กรรชัย ยังกล่าวว่า “บิวคือคีย์สำคัญของเรื่องนี้” และ “บิวคือพลเมืองดี”
เรียบเรียงโดย ทีมงาน สยามรัฐวาไรตี้