ยิ่งไว ยิ่งดี งานวิจัยยืนยัน พัฒนาการสมองไว สร้างได้ในขวบปีแรก

กรุงเทพฯ 13 กันยายน 2566 – หลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดและเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตประจำวันอย่างไม่หยุดยั้ง สิ่งหนึ่งที่น่าตกใจคือ AI ที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้พัฒนาไปอย่างฉับพลันและก้าวกระโดด ความเปลี่ยนแปลงและโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนี้ กลายเป็นความกังวลของพ่อแม่ยุคใหม่ว่าลูกจะใช้ชีวิตในโลกอนาคตที่ต้องอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์และ AI อย่างไร แล้วสำหรับพ่อแม่ในวันนี้ จะมีวิธีเตรียมความพร้อมให้ลูกได้อย่างไร
S-Mom Club ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ศาสตราจารย์ฌอน ดิโอนี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI) โรงพยาบาลโรดไอแลนด์ และศาสตราจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบราวน์ ซึ่งศึกษาวิจัยด้านการพัฒนาสมองของมนุษย์อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่ยุคใหม่ในการเตรียมความพร้อมให้ลูกตั้งแต่วันนี้
“ผมขอเปรียบเทียบง่าย ๆ ว่า พัฒนาการของสมองเปรียบเสมือนกับการสร้างบ้าน ถ้าเราอยากได้บ้านที่แข็งแรงและใช้งานได้จริงนั้น ก็ต้องวางเสาเข็มไว้อย่างดีที่สุดตั้งแต่ต้น เมื่อรากฐานแข็งแรง ก็สามารถสร้างโครงสร้างตัวบ้านและตกแต่งให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกันกับคนเราที่เมื่อเติบโตขึ้นแล้วจะสามารถคิด ทำงาน หรือใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ถ้ามีรากฐานที่แข็งแรงนั่นคือ ‘สมอง’ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องพัฒนาการของสมองเด็กที่เป็นรากฐานสำคัญของวัยอื่น ๆ” ศ.ฌอน เล่า
ขวบปีแรกคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
ในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองเรียนรู้ได้ เร็วกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ของชีวิต เพราะทุกวินาทีจะเกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทถึง 1 ล้านเซลล์ ผ่านกระบวนการสร้างไมอีลิน (Myelination) สมองของเด็กในวัยนี้จึงเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กจดจำและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไว ยิ่งสมองสามารถเชื่อมโยงผ่านกันด้วยความเร็วสูงเท่าใด จะเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาทักษะในทุกๆ ด้านได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะการเคลื่อนไหว หยิบ จับ สั่งการ คิด วิเคราะห์ ตัดสินใจต่างๆ ของมนุษย์นั้น เกิดขึ้นภายใต้การทำงานของกลไกสมอง ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองในการพัฒนาสมองของลูก และเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้การเรียนรู้ต่างๆ ในอนาคตของลูกนั้นดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น

สฟิงโกไมอีลิน สารอาหารสมองที่สำคัญ หนึ่งในส่วนประกอบของนมแม่
“สมองทุกส่วนของมนุษย์จะต้องทำงานเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการมองเห็น การขยับตัว การจะฝึกเดินตั้งแต่เด็ก ซึ่งการเชื่อมต่อกันนั้นจะทำได้เร็วมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับไมอิลีนในสมองสฟิงโกไมอีลินและสารอาหารหลายชนิด ในนมแม่ จะช่วยสร้างและพัฒนาไมอีลินในสมองของทารกให้ดีขึ้น การเชื่อมโยงของสมองจะรวดเร็วขึ้น ยิ่งสมองมีความไวเท่าไหร่ เด็กยิ่งสามารถเรียนรู้ได้ไวมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสำคัญมากสำหรับการปรับตัวในยุค AI” ศ.ฌอน กล่าวเสริม

งานวิจัยยืนยัน สมองไวสร้างได้
ในงานวิจัยล่าสุด ศ. ฌอน ได้นำ MRI มาศึกษาผลและประสิทธิภาพของสารอาหารกลุ่ม Myelin Blend เช่น สฟิงโกไมอีลิน และดีเอชเอ ซึ่งมีอยู่ในนมแม่ กับกระบวนการสร้างไมอีลิน (Myelination) ผลการศึกษาพบว่าในเด็กที่ได้รับนมแม่ ให้ผลที่มากกว่าอย่างชัดเจน ทั้งในด้าน โครงสร้างไมอีลิน ปริมาณไมอีลิน และอัตราการสร้างไมอีลิน ซึ่งยืนยันว่าเด็กที่กินนมแม่ซึ่งมีสารอาหาร เช่น สฟิงโกไมอีลิน มีผลต่อการสร้างไมอีลินที่เร็วกว่าและมากกว่า
สฟิงโกไมอีลินเป็นไขมันชนิดฟอสโฟไลปิดที่พบมากในนมแม่ และเป็นไขมันที่มีความจำเพาะต่อการสร้างไมอีลินโดยเฉพาะ ไมอีลินนี้เป็นส่วนที่หุ้มเส้นใยประสาทที่จะมาเชื่อมโยงเส้นประสาทต่างๆ อันส่งผลต่อการส่งสัญญาณประสาทและการประมวลผลภายในสมอง สมองเด็กที่มีไมอีลินมากกว่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า สฟิงโกไมอีลินพบมากในนมแม่ ไข่ นม และชีส

“ไม่ว่าโลกอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ถ้าเด็กได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักและความเข้าใจ เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และได้รับสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาสมองตั้งแต่ขวบปีแรก จะทำให้สมองดี เรียนรู้ไว และพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทักษะและมีความสามารถในการปรับตัวในยุค AI ในอนาคตได้อย่างแน่นอน” ศ.ฌอน กล่าว