รีวิว | AHS 1984 ซีรีย์ไล่เชือดสยองขวัญ ที่ยกองค์ประกอบของหนังไล่เชือดในยุค 80’s มาเล่าได้สนุกไม่น่าเบื่อและมีชั้นเชิงมากกว่าที่คิด!
มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง สมัครแอพดูหนังไว้หลายแอพ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดูอะไรดี เปิดเข้าเปิดออกอยู่อย่างนั้น ก็แอบเสียดายเงินที่ตัวเองสมัครอยู่ ก็เลยยอมหาอะไรดูจนได้ จนไปสะดุดกับซีรีย์เรื่องนึงใน Disney plus พร้อมกับปกเรื่องที่งานโครตอาร์ตแบบจัดๆ เรื่องนั้นคือ “American horror story” เราก็เลยกดเข้าไปดูและเช็คข้อมูลหน่อย ปรากฎว่ามันมีตั้ง 10 ซีซั่น (แม่เจ้า) อุทานในใจว่าจะดูจบไหม เลยลองไปหาข้อมูลอักที ปรากฎว่าซีรีย์เรื่องนี้ในแต่ละซีซั่น จะจบในเรื่องราวของตัวเอง ก็เลยง่ายหน่อยที่จะเลือกดู สาย Horror slasher อย่างเราสะดุดตากับซีซั่น 9 มากที่สุด “American horror story 1984” จึงเป็นตัวเลือกแรกของซีรีย์นี้ ที่เราหยิบมาดู
American horror story เป็นหนึ่งในซีรีย์แนว Horror slasher mystery ที่โด่งดังมากพอสมควร ตัวเราเคยเห็นและเคยได้ยินมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูแบบจริงๆจังๆสักที อย่างที่บอกไปข้างต้นจนแล้วจนรอด ก็หลุดเข้ามาดูเรื่องนี้ในที่สุด ซึ่งซีรีย์ตอนนี้มี 11 ซีซั่น และซีซั่นที่ 12 ก็กำลังจะตามมา (เห็นข่าวอยู่นะ) นี่จึงง่ายมากที่จะเลือกหยิบแต่ละซีซั่นมาดู เพราะว่าแต่ละซีซั่นของเรื่องนี้ จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน แต่ยังคงคอนเซ็ปความสยองเอาไว้ และแน่นอนส่วนตัวชอบดูหนังแนวฆาตกรไล่เชือดซะด้วย ซีซั่นที่ 9 จึงตอบโจทย์เรามากที่สุดแล้ว มีทั้งหมด 9 ตอนแปปเดียวก็ดูจบแล้ว ก่อนดูเราก็คิดแล้วแหละว่า แนวไล่เชือดทั่วไป จำเป็นต้องมี 9 ตอนเลยหรอ มันจะไม่น่าเบื่อเกินไปหรอ หลากหลายคำถามที่อคติก่อนดูเริ่มเข้ามาในหัวก่อนเลย แต่ก็ช่างมัน ไหนๆก็ไม่มีอะไรดูแล้ว งั้น 9 ตอนของซีรีย์เรื่องนี้ ซีซั่นนี้ จึงเป็นครั้งแรกของ American horror story ที่ผมหยิบมาดู ความรู้สึกหลังจากรับชมเสร็จจะเป็นยังไง ไปอ่านรีวิวพร้อมกันเลยครับ
American horror story 1984 จะเป็นเรื่องราวในช่วงยุค 80’s ยุคที่รุ่งเรืองและมีสีสันที่สุดในอเมริกา ณ ตอนนั้น พร้อมกับเหตุสะเทือนขวัญ ที่มีฆาตกรโหดไล่เชือดเหยื่อที่มาพักที่แคมป์ จนกลายเป็นเรื่องสยองที่เล่าต่อกันมา ซึ่งซีรีย์ภาคนี้ ก็เรียกได้ว่ามาในธีมหนัง Slasher ทำให้นึกถึงหนังไล่เชือดอมตะอย่าง Friday 13th เรื่องราวในภาคนี้ มีผู้หญิงคนนึงกำลังจะเปิดค่ายฤดูร้อน ซึ่งค่ายนี้มีชื่อว่า แคมป์เรดวู้ด ที่เคยมีโศกนาฎกรรมอันสยดสยองในอดีต ซึ่งตัวของผู้หญิงเจ้าของแคมป์ ก็ได้จ้างวาน เหล่าพี่เลี้ยงให้มาช่วยดูแลค่าย และแน่นอนเมื่อมาในธีมหนังไล่เชือดยุค 80’s ก็จะเต็มไปด้วยเหล่าตัวละครที่แฟนหนังแนวนี้น่าจะรู้จักดี อย่างนางเอกสาวสวยใสซื่อบริสุทธิ์ ผู้ชายเฮี้ยวๆที่ดูมั่นใจตัวเอง หนุ่มคนดำ หนุ่มกีฬา และสาวที่หมกมุ่นเรื่องเซ็กส์ แน่นอนนี่คือสูตรสำเร็จของการสร้างคาแรคเตอร์ในหนังแนวไล่เชือด นี่จึงเป็นอะไรที่รู้สึกเดิมๆมากในหนังหรือซีรีย์แนวนี้ แต่…อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ เพียงแค่หน้าหนังหรือซีรีย์ที่ออกแนวเกรดบีขนาดนี้
เปิดตอนแรกมายังไม่ค่อยหน้าสนใจเท่าไหร่ แต่ที่รู้สึกโดดเด่นเลยคือ บรรยากาศในยุค 80’s ที่ทำให้เราเชื่อได้อย่างสนิทใจเลยว่า ซีรีย์เรื่องนี้เกิดเรื่องราวขึ้นในยุคนั้นแบบจริงๆ ด้วยการเปิดตอนแรกที่ยังดูเรียบเฉยอยู่ การที่จะทำให้ผมดูต่อได้นั้น ซีรีย์เรื่องนั้นต้องเอาอยู่ตั้งแต่ตอนแรก แต่…เรายังอยากดูเรื่องราวต่อว่า มันจะเป็นยังไง ถึงแม้ว่าจะเปิดตอนมาได้เรียบเฉย ตามสไตล์หนังไล่เชือด แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกสนใจซีรีย์เรื่องนี้ยังไงก็ไม่รู้ มันมีความรู้สึกแปลกๆที่อยากทำให้เราดูต่อ ก็เลยลากยาวไปเรื่อยๆ และตัวซีรีย์ ก็ค่อยๆยกระดับความน่าติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเปรียบซีรีย์นี้ เป็นเส้นกราฟล่ะก็ มันก็จะค่อยๆไต่จากล่าง ขึ้นจุดสูงสุดแบบนั้นเลย ตอนดูรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ว่าซีรีย์มันพาเราไปไกลกว่าคำว่าหนัง Slasher ธรรมดาแล้ว ส่วนตัวไม่ได้คิดด้วยว่า ซีรีย์จะมาเล่นทางนี้ แรกๆคุณอาจจะเดาอะไรต่างๆนาๆได้ แต่เชื่อเถอะเมื่อเราดูไปสักพัก เราจะเริ่มเดาอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าตัวซีรีย์จะเอายังไงต่อ และก็ค่อยๆปูเรื่องราวในอดีตของแต่ละตัวละครออกมา ให้เรารู้สึกสนใจ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของฆาตกรในเรื่อง เชื่อว่าจะทำให้คุณรู้สึกเห็นใจและเอาใจช่วยตัวฆาตกรคนนี้แบบไม่รู้ตัวเลย
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซีรีย์นี้น่าสนใจ ก็คือบรรดาเหล่านักแสดง ทุกคนโดดเด่นพอกัน ไม่มีใครเกินหน้าเกินตา สิ่งนี้เองทำให้ตัวซีรีย์นี้มีความน่าสนใจ แต่บอกเลยว่าส่วนตัวรู้จักแค่ นางเอกคนเดียว (Emma robert) ส่วนคนอื่นๆในซีรีย์ก็อาจจะคุ้นหน้าบ้าง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเล่นหนังเรื่องอะไรมาบ้าง แต่ถือว่าการแสดงของแต่ละคนนั้นสุดยอดมาก โดยเฉพาะนางเอก อย่าง บรู๊ค (รับบทโดย Emma robert) และ ดูค (รับบทโดย Billie Lourd) ที่เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดของเรื่องนี้ บรู๊คที่เป็นตัวละคร สาวใสซื่อบริสุทธ์ แต่เธอเองก็มีอดีตอันขมขื่นและเลวร้ายเป็นอย่างมากนั้นจึงทำให้ตัวละครนี้ดูมีเสน่ห์น่าสนใจและน่าค้นหา พอๆกับ ดูค สาวที่หมกมุ่นเรื่องเซ็กส์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เราอาจจะรู้สึกเกลียดเธอในช่วงแรก แต่เชื่อเลยว่าตัวละครนี้ มีความลึกลับแฝงอยู่ในมาดของสาวมุ่งเซ็กส์ ทำให้ตัวละครนี้ดูน่าค้นหา ถึงแม้ว่าการกระทำของเธอในเรื่องจะทำให้ใครหลายคนที่ดูหงุดหงิดก็ตาม
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงเลยก็คงไม่ได้คือ “ตัวฆาตกร” ในซีรีย์ ที่ตัวซีรีย์นั้นพรีเซ้นความโหดและความน่ากลัวของฆาตกรตัวนี้ไว้เยอะพอสมควร เมื่อในอดีตแคมป์เรดวู้ด เคยมีการฆาตกรรมสังหารโหดยกแคมป์มาแล้ว โดยมีฆาตกรสังหารเหล่านักศึกษาอย่างเลือดเย็น โดยการฆ่าเหยื่อแล้วเฉือนหูมาประดับเป็นพวงกุญแจ นั้นจึงทำให้ฆาตกรคนนี้มีฉายาว่า “Mr.jingle” ด้วยความที่ตัวเขาเป็นคนสูงร่างใหญ่ มาพร้อมกับพวกกุญแจที่แขวนไปด้วยหูของเหยื่อที่ตัวเองสังหารไป นั้นจึงทำให้เวลาที่เขาเดิน เหมือนเสียงกุญแจกระทบกัน นั้นจึงทำให้เขาได้ฉายาตามดังกล่าวว่า Mr.jingle แต่เรื่องราวในซีรีย์นั้นเกินเบอร์ไปมาก และไม่คิดด้วยจะเรื่องราวที่โหดร้ายกับฆาตกรคนนี้ แล้วเราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าคุณได้ดูซีรีย์เรื่องนี้คุณจะมีคามรู้สึกแปลกกับฆาตกรคนนี้ และเอาใจช่วยเขาอย่างแน่นอน
มาพูดถึงในส่วนของด้านโปรดักชั่นของซีรีย์กันบ้างดีกว่า ต้องบอกว่าซีรีย์เรื่องนี้ เทียบเท่ากับภาพยนตร์ได้เลย ด้วยธีมซีรีย์ที่มาในยุค 80’s เสื้อผ้า คอสตูม หรือแม้แต่โปรดักชั่นต่างๆ รวมถึงเพลงประกอบของซีรีย์ที่บอกเลยว่า โดนเด่นมากและเราจะติดหูกับธีมหรือเพลงของซีรีย์เรื่องนี้อย่างง่ายดาย พอๆกับ guardian of the galaxy แน่นอน (รู้สึกว่าเพลงในยุคเก่านั้นมีเสน่ห์มากเลย) รวมถึงการฆ่าฟันในซีรีย์เรื่องนี้ก็โหดไม่แพ้กัน ด้วยความที่เป็นซีรีย์ Horror เรื่องความโหดของซีรีย์ แล้วมาแนว Slasher ต้องมีเห็นเลือดกันบ้างอยู่แล้ว เพราะงั้นซีรีย์เรื่องนี้เรทความโหดมากกว่า 18+ อย่างแน่นอน
สรุปแล้ว “American horror story 1984” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่โครตดีและโครตสนุก ดูจบได้ในคืนเดียวเลย ด้วยความที่ซีรีย์ AHS น่าจะเป็นซีรีย์เฉพาะกลุ่มด้วย เลยอาจจะไม่ค่อยมีกระแสในบ้านเราเท่าไหร่นัก แต่แนะนำจริงๆนะ ว่าอยากให้ทุกคนได้ลองดู แล้วลองไปดูเรื่องราวของแต่ละซีซั่นกันด้วยว่าสนใจแนวเรื่องราวไหน เพราะแต่ละซีซั่นเรื่องราวก็ไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องดูเรียงตั้งแต่ซีซั่นแรก เลือกดูอันไหนก็เข้าใจได้หมด โดยรวม AHS 1984 เป็นซีรีย์ที่แปลกมากในแนวเดียว และจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้แบบไม่น่าเหลือเชื่อ ลองหลงเข้าไปดูและคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
รับชมถูกลิขสิทธิ์ทุกภาคได้ที่ Disney+hotstar (มีซับไทย ไม่มีพากย์ไทย)