ส่องฟาร์มวัวมาตรฐานสากล ของเกษตรหนุ่มไฟแรง “ฌอง มิคาอิล” กับธุรกิจผลิตอาหาร “ฮาลาล”
พาไปส่องฟาร์มวัวมาตรฐานสากล ของเกษตรหนุ่มไฟแรง “คุณฌอง” (มิคาอิล ซาหนูน) กับธุรกิจผลิตอาหาร “ฮาลาล” ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
(คุณฌองกับคุณแม่)
เมื่อพูดถึงเกษตกร หลายคนคงนึกภาพหนุ่มผิวคล้ำ กร้านแดด แต่เกษตรกรหนุ่มหน้าตาคมเข้มคนนี้ ลบภาพของเกษตรกรที่เราคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง “ฌอง – มิคาอิล ชาหนูน” (Abdulrahman) เกษตรกรหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ คนนี้ นอกจากจะมีดีกรีปริญญาตรีแล้ว เขายังมีแนวคิดการทำฟาร์มเลี้ยงวัวที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อผลิตเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพส่งต่อให้ผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอีกด้วย
จากความชอบ…ต่อยอดสู่ธุรกิจผลิตเนื้อสัตว์ของครอบครัว
ที่เขาบอกกันว่า “เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินจริงนัก สำหรับเกษตรกรหนุ่มไฟแรงคนนี้ “ฌอง – มิคาอิล ซาหนูน” (Abdulrahman) ลูกชายคนเดียวของ “คุณสุภารัตน์ เหล่าปราณีชน” นักธุรกิจสาวเก่ง เจ้าของบริษัท ซูพีเรีย ควอลิตี้ ฟู้ด จำกัด ที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจอาหารชั้นนำของประเทศ เธอเป็นผู้นำเข้าเนื้อเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก ISO 22000, HACCP, HALAL และ GMP มากว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อไก่ ซีฟู้ด ฯลฯ ส่งให้กับโรงแรมหรูทั่วประเทศ ร้านอาหารและภัตตาคาร และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ รวมถึงเป็นเจ้าของ “แบรนด์ซูพีเรีย” เนื้อสำเร็จรูปพร้อมปรุง และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ อาทิ ไส้กรอก ซาลามี่ เนื้อเบอร์เกอร์ เป็นต้น
คุณฌอง เล่าให้เราฟังว่า “ตอนเด็ก ๆ ผมชอบเลี้ยงสัตว์ แล้วมีโอกาสไปเที่ยวฟาร์มของต่างประเทศบ่อย ๆ ก็เลยชอบ และอยากมีฟาร์มเป็นของตัวเองครับ” หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สาขาประชาสัมพันธ์ ฌองตัดสินใจทำฟาร์มเลี้ยงวัวเพื่อต่อยอดธุรกิจครอบครัว “แม่ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าเนื้อวัวจากต่างประเทศ ผมก็เลยคิดว่าการมีฟาร์มเป็นของตัวเอง จะเป็นสิ่งที่ช่วยทำรายได้ให้กับครอบครัวได้ครับ”
ด้วยความที่เขาคลุกคลีกับธุรกิจนำเข้าเนื้อสัตว์ของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก บวกกับความชอบการทำฟาร์มเป็นทุนเดิม ฌองได้สานฝันของตัวเองกับธุรกิจครอบครัวเข้าด้วยกันอย่างลงตัว นั่นคือทำฟาร์มเลี้ยงวัวแห่งแรกของตัวเองที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยฌองตั้งใจว่าจะทำให้เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานสากล ผลิตอาหารเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางด้านอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ และที่สำคัญคือต้องเป็นอาหาร “ฮาลาล” ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำด้วย และที่น่าชื่นชมไปกว่านั้นคือเขามีแนวคิดอยากทำเพื่อสังคมควบคู่ไปด้วย “ผมอยากทำฟาร์มเลี้ยงวัว และอยากช่วยเกษตรกรชาวไทยด้วยครับ” วันนี้เราเลยขอตามติดชีวิตเกษตรกรหนุ่มหัวใจสีเขียวคนนี้ ไปชมฟาร์มของเขาที่จังหวัดฉะเชิงเทรากันค่ะ
“ฟาร์มรัก” ของเกษตรกรหนุ่มผู้ตกหลุมรักการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์
วันนี้คุณฌองพาเรามาชมฟาร์มเลี้ยงวัวของเขาที่ฉะเชิงเทรา เพื่อให้เห็นบรรยากาศการทำเลี้ยงวัวที่ได้มาตรฐานด้วยตาตัวเอง เป็นการตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภค ถึงคุณภาพเนื้อวัวที่ผลิตจากฟาร์มของเขา ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะไร่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ 29 ไร่ ด้านหลังติดแม่น้ำ บรรยากาศร่มรื่น ที่นี่เป็นฟาร์มขนาดย่อม เลี้ยงวัวเนื้อและแพะสายพันธุ์จากต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นคอกเลี้ยงวัว ประมาณ 70 ตัว อีกส่วนหนึ่งเป็นคอกแพะ ยกสูงจากพื้น 3 เมตร เลี้ยงแพะสายพันธุ์ Boer จากแอฟริกา 30 กว่าตัว มีพื้นที่สำหรับปลูกหญ้าที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ และมีพื้นที่โล่งให้ฝูงวัวออกไปและเล็มหญ้าตามธรรมชาติ มีบ่อเลี้ยงปลาและปลูกพืชไร่ด้วย และในอนาคตเขายังความคิดจะทำโครงการอื่นๆ ในพื้นที่นี้แบบครบวงจร แต่จะเป็นอะไรขออุบไว้ก่อนค่ะ
บรรยากาศภายในฟาร์มของคุณฌองไม่เหมือนกับฟาร์มอื่น ๆ ที่เราเคยเห็น คงเพราะพื้นที่กว้างและเปิดโล่ง ทำให้ประชากรวัวอยู่กันแบบไม่แออัด บางส่วนถูกปล่อยออกไปกินหญ้าตามธรรมชาติ แม่วัวกับลูกอ่อนถูกแยกคอกออกมาต่างหาก ไม่ปะปนกัน ส่วนวัวตัวผู้ที่ขุนไว้สำหรับเตรียมเข้าโรงเชือดจะถูกรวมไว้อีกคอกต่างหาก วัวขุนพวกนี้จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ทุกเช้าคนดูแลจะทำความสะอาดคอก ให้อาหารและพาออกมาชั่งน้ำหนัก เรียกว่าตั้งแต่เดินเข้ามาเราไม่ได้กลิ่นมูลสัตว์หรืออะไรเลย เห็นได้ชัดเลยว่าวัวที่นี่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีจริงๆ “ฟาร์มของผมมีวัวและแพะเป็นหลักครับ ผมจะให้อาหารวันละ 2 ครั้ง อาหารวัวก็จะประกอบไปด้วยหญ้าเนเปียร์ ฟาง ข้าวโพด แล้วก็ปล่อยออกไปกินหญ้าตามธรรมชาติ” ฌองเล่าให้ฟังขณะพาเราชมฟาร์มของเขา
วัวที่เลี้ยงเป็นวัวเนื้อ สายพันธุ์แองกัส ชาร์โรเลย์ แล้วก็มีพันธุ์ผสมบราห์มันและโคไทยด้วย ซึ่งพันธุ์ชาร์โรเล่ย์จะให้ความนุ่มชุ่มฉ่ำของเนื้อเช่นเดียวกับพันธุ์แองกัส “เราเอาส่วนดีต่าง ๆ ของแต่ละสายพันธุ์มารวมกัน ก็เลยออกมาคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อเกรดพรีเมียมที่เรานำเข้าจากต่างประเทศ” และที่ต้องผสมสายพันธุ์ไทยด้วย เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย “ถ้าเป็นวัวฝรั่งมันอยู่บ้านเราไม่ได้ เราเอาวัวของไทยมาผสมกับพันธุ์ต่างประเทศ และเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ไม่มีฮอร์โมนเร่งโต เพราะมันอันตรายต่อคนกิน มันมีสารตกค้าง วัวเราโตช้าแต่ชัวร์ว่าปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอน”
You are What you eat เนื้อคุณภาพดีต้องมาจากแหล่งผลิตที่ดี
ในยุคที่ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ “อาหาร” เป็นไม่ได้เป็นแค่ปัจจัยสี่ที่ทำให้เราอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสุขภาพดีและไม่เจ็บป่วย ถ้าเราทานอาหารที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่ต้นทาง ทำให้เรามั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้างในร่างกายที่จะทำให้เราป่วยในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าของฟาร์มหนุ่มคนนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เขาตั้งใจทำฟาร์มโคเนื้อเพื่อผลิตอาหารที่ไม่เพียงได้มาตรฐานคุณภาพและความสะอาดเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นอาหารฮาลาลที่บริสุทธิ์ เพื่อพี่น้องชาวมุสลิมทานได้อีกด้วย
คุณฌองเล่าให้เราฟังว่า การที่จะได้เนื้อวัวที่มีคุณภาพได้มาตรฐานฮาลาล ต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มต้นตั้งการเลือกสายพันธุ์ที่ดี การเลี้ยงดูที่ถูกต้อง ให้กินอาหารธรรมชาติ เช่น หญ้าเนเปีย ข้าวโพด ข้าวสาลี ที่สำคัญคือไม่ใช้สารเร่งเนื้อแดงและฮอร์โมนเร่งโต วัวที่นี่อยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ดี คอกสะอาด ไม่แออัด อากาศถ่ายเท เป็นวัวอารมณ์ดี ตั้งแต่จากฟาร์มไปถึงโรงเชือด เพราะอย่างที่รู้กันว่า ถ้าวัวเครียดก่อนตายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนและกรดยูริคกระจายไปทั่วร่างกาย และตกค้างอยู่ตามเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคในระยะยาว
“มันขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดูครับ วัวมันก็เครียดเป็น ถ้าเราทำไม่ดี วัวมันก็เครียด เนื้อมันก็ตึง คล้ำดำ เหมือนคนหน้าดำคร่ำเครียด ถ้าเราเลี้ยงในบริเวณกว้าง ๆ อากาศดี ให้อาหารดี ๆ แล้วก็พูดกับมันดี ๆ เวลาให้อาหารก็ขอดุอาอ์ให้มันทุกครั้ง (สวดตามหลักศาสนามุสลิม) สัตว์มันจะได้ไม่เครียดครับ”
คุณฌองบอกว่าเนื้อวัวที่นี่เป็นเกรดพรีเมี่ยม ไม่ใช่เกรดหน้าเขียง คุณภาพเนื้อจะนุ่ม ชุ่มฉ่ำ มีไขมันแทรก เพราะเลือกสายพันธุ์ที่ดี วัวที่เอามาทำเนื้อจะเป็นวัวตัวผู้ เพราะเนื้อจะเฟิร์มกว่า เป็นวัวตอนแล้วนำมาขุนจนได้น้ำหนักและวัยที่เหมาะสม ก่อนส่งไปโรงเชือดที่ได้สะอาดได้มาตรฐานฮาลาล ทำให้ได้เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมที่สะอาดปลอดสารร้อยเปอร์เซ็นต์
“เราทำมา 2 ปี มีเนื้อวัวจากฟาร์มส่งออกแล้ว ได้รับการตอบรับดีมาก ลูกค้าเทสต์แล้วชอบมาก ความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตลาดของเราเป็นลูกค้าเราที่มีอยู่แล้ว คือ โรงแรม ร้านอาหารดี ๆ ในประเทศและต่างประเทศ และส่งให้กับซูเปอร์มาร์เกตชั้นนำ เป็นเนื้อสำเร็จรูปสามารถนำไปปรุงอาหารได้เลย เช่น เดอะมอลล์ เอ็มโพเรียม พารากอน ฯลฯ”
คุณสุภารัตน์ในฐานะผู้นำเข้าเนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมเสริมว่า “ลูกค้าหลายคนลองทานแล้วชอบ บอกว่าคุณภาพดี เทียบเท่าเนื้อนอกเกรดดี ราคาก็ไม่ได้แพงกว่า ถ้าเป็นเนื้อนอกเกรดต่ำ รสชาติมันต่างกัน เนื้อจะแห้ง ตึง ของเราจะเนื้อจะนุ่ม ชุ่ม และหอม ลูกค้ากินแล้วติดใจ บางทีของขาดเราเอาของนอกไปแทน ลูกค้าถามว่าเมื่อไรจะมา (หัวเราะ) ตอนนี้เรามีส่งออกไปประเทศลาวด้วย แต่ยังไม่ได้ส่งที่อื่น เพราะในประเทศยังผลิตไม่ค่อยพอ แต่เป้าหมายในอนาคตจะขยายตลาดไปต่างประเทศ เพราะตอนนี้ก็เดินทางไปดูตลาดที่ต่างประเทศไว้บ้างแล้วค่ะ”
ตอนนี้นอกจากเนื้อสดแล้ว และสเตกสำเร็จรูป Steak Ready Brand ส่งให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ เช่น เบอร์เกอร์, ไส้กรอก, ซาลามี่, เมอเกรซ (Merguez Sausages) หรือไส้กรอกฝรั่งเศส และซอสต่าง ๆ ส่งตามร้านอาหารที่เขาขายพวกเนื้อวัว และต่อยอดมาเป็นธุรกิจเฟรนไชส์ Burgers & Sausages ชื่อแบรนด์ Sup’s Stars ซึ่งใช้เนื้อวัวคุณภาพดี ไม่ใช่เศษเนื้อมาทำเนื้อเบอร์เกอร์ เพื่อรองรับลูกค้ามุสลิมและนักท่องเที่ยวชาวอาหรับ ได้ทานเบอร์เกอร์อย่างมั่นใจว่าเป็นอาหารฮาลาล “เราไม่อยากกินจังก์ฟู้ด เราทำให้มันไม่จังก์ฟู้ด เบอร์เกอร์เราไม่ได้ใส่แป้ง ซอสก็ไม่ใส่แป้ง น้ำตาล เราอยากให้คนได้กินอาหารดี ๆ มีคุณภาพ เราเองก็ไม่อยากกินของไม่ดี” นอกจากจะใส่ใจในผู้บริโภคแล้ว ธุรกิจนี้ยังสามารถต่อยอดอาชีพให้คนที่สนใจทำธุรกิจเฟรนส์ไชส์เบอร์เกอร์เนื้อคุณภาพอีกด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทฯ
เกษตกรหนุ่มหัวใจสีเขียวกับความฝันที่ต้องการทำงานเพื่อสังคม
ได้เยี่ยมชมฟาร์มวัวและแพะของเกษตรหนุ่มหัวใจสีเขียวคนนี้แล้ว อดรู้สึกดีใจแทน “มีทเลิฟเวอร์” สายเนื้อทุกคนไม่ได้ ที่ยังมีเกษตรกรที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก และที่น่าชื่นชมไปกว่านั้น คือรู้มาว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อผลกำไรอย่างเดียว แต่ยังมีแนวคิดอยากช่วยเหลือเกษตรในพื้นที่ อาทิ รับซื้อวัวของเกษตรกรและขายวัวให้เกษตรกร ในพื้นที่เพื่อนำไปเลี้ยงด้วย
นอกจากนี้คุณฌองยังมีแนวคิดในการทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กยากจนให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาด้วย “ตอนนี้เรามี “มูลนิธิซูพีเรีย” ซึ่งช่วยเหลือคนยากจนมามากว่าสิบปีแล้วครับ ในอนาคตผมอยากจะสร้างโรงเรียนเด็กอ่อนอนาถายากจนที่หนองจอก เชียงใหม่ และฉะเชิงเทรา เป็นสถานที่สำหรับเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ตั้งแต่อนุบาล สอนพิเศษ เรียนมารยาท ศาสนา กีฬา ขี่ม้า ว่ายน้ำ เกษตร สอนภาษาอังกฤษ อาหรับ ไทย สอนกุรอ่าน ให้เขากินนอนอยู่กับเรา รับทั้งเด็กชายและหญิงตั้งแต่เล็ก ๆ จนถึง 8-9 ขวบ ไม่จำเป็นต้องเป็นมุสลิม เด็กไทยก็ได้ครับ (ยิ้ม) เพราะเราอยากปลูกฝังเขาตั้งแต่เด็กๆ เลย” ฌองทิ้งท้ายก่อนจากกันว่า “ผมภูมิใจที่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก และได้ช่วยเหลือคนอื่น ควบคู่กันไป ทั้งโลกนี้และโลกหน้าครับ”
วันนี้นอกจากเราจะได้เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงวัวที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแหล่งอาหารชั้นเลิศแล้ว ยังเต็มอิ่มกับแนวคิดดีๆ ของเกษตรกรหนุ่มผู้หลงรักการทำฟาร์มและทำงานให้สังคมอีกด้วย