“นิว ชัยพล – เมษา กิตติมา” เปิดใจหลังตั้งท้อง พร้อมเผยเส้นทางความรักจากเพื่อนสู่คู่ชีวิต
นิว ชัยพล ควงภรรยาสาวนอกวงการ เมษา กิตติมา เปิดใจครั้งแรกกับการเตรียมตัวเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ด้านนิว ชัยพล คุยฟุ้งหลังเปิดอู่ปุ๊ปก็ติดปั๊ป เรียกว่าแรงดีไม่มีตก ! พร้อมย้อนเล่าเส้นทางความรักกว่า 10 ปี เริ่มจากการเป็นเพื่อนจนเลื่อนขั้นมาเป็นคนรู้ใจ ก่อนเผยสาเหตุการเลิกราร่วม 2 ปี และเพราะเหตุใดจึงกลับมาลงเอยกันได้อีกครั้ง จนมีเบบี๋เป็นโซ่ทองคล้องใจ ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
ตอนนี้กี่เดือนแล้ว ?
เมษา : ตอนนี้ 27 สัปดาห์ 6 กว่า ๆ เกือบ 7 เดือน โชคดีมากไม่แพ้ท้องเลย ตอนนี้เริ่มมีความอึดอัดแล้ว เพราะท้องเราขยายขึ้นเยอะ
เห็นว่าเมษารู้ก่อนว่าเราท้อง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อย ?
เมษา : รู้ก่อน เพราะตรวจก่อน เพราะคุณนิวไปทำงานที่ขอนแก่น จริงๆเราอยากตรวจพร้อมเค้า แต่ช่วงนั้นไม่แน่ใจรู้สึกเหมือนร่างกายมันเปลี่ยนแปลงผิดปกติ ท้องหรือเปล่า เลยลองไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเอง 3 อัน หลายๆยี่ห้อ เพื่อความชัวร์ แล้วก็ลองตรวจดู ช่วงนั้นที่ตัดสินใจตรวจดูเพราะว่าใกลักับวันแม่ด้วย 12 สิงหา ถ้าท้องขึ้นมาจะได้เป็นข่าวดีบอกครอบครัวในวันแม่ด้วย แล้วเค้าจะกลับมาวันที่ 10 เลยชิงตรวจก่อนเค้ากลับบ้าน
อันแรกผลออกมา ?
เมษา : 2 ขีด
อันที่ 2 ต่อเลยมั้ย ?
เมษา : ต่อเลยทันที ไม่น่าใช่ เพราะว่าไม่น่าใช่ ตอนแรกยังคุยกันเลยว่าไม่น่าเป็นไปได้
นิว : ไม่น่าติด เพราะเรามีเครื่องวัดการตกไข่เราดูแล้วว่ามันเลยไปแล้วมันจางไปแล้ว เราก็ทำใจแล้วว่าเดือนนี้ยังไงก็ไม่ติด เดือนหน้าแล้วกันไม่เป็นไร
แล้วอันที่ 2 ก็ ?
เมษา : ก็ติด แบบเร็วมาก
แล้วอันที่ 3 ต่อเลยมั้ย ?
เมษา : ไม่ หยุดไว้ก่อน 2 อัน รอเค้ากลับมา ไม่โทรบอก เงียบเก็บไว้
นิว : ผมกลับมาถึงบ้าน 5 ทุ่มแล้วกำลังนอนบนเตียงไถโทรศัพท์ดูคลิปอะไรไป รอเค้าเข้ามา แล้วเค้าก็เดินเข้ามาวาง 2 อันนี้บนตัวผม แล้วผมก็อะไรวะคืออะไร เค้าก็บอกว่าท้องแล้ว จริงๆพอมีเซ็นส์ว่ารู้ มันมีความตื้นตัน มีความดีใจ มันเป็นความรู้สึกที่บอกยาก
มีความห่วงมั้ยที่ภรรยาจะเริ่มท้องแล้ว ?
นิว : รู้สึกไม่ห่วง แต่รู้สึกดีใจแต่เป็นการดีใจที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันติ้นตันอย่างบอกไม่ถูก เรากำลังจะเป็นพ่อแล้ว
ลึก ๆ ในใจรู้สึกเราแข็งแรงจังเลย ?
นิว : ก็เดือนเดียวติด ดีใจที่ติดเร็ว เพราะว่าเราอยากจะมีลูกเร็วอยู่แล้ว
เมษา : จริง ๆเค้าอยากมีมานานแล้ว เพราะเราแต่งงาน 18 ตุลา ปีที่แล้ว เค้าอยากแต่งแล้วมีเลยแต่เรายังไม่อยากมี เราอยากใช้ชีวิตด้วยกันก่อน เพราะเพิ่งแต่งงานต้องปรับตัว แล้วเรื่องปีชงด้วย เพราะปีที่แล้วเป็นปีเสือ เราเกิดปีวอกกลัวลูกออกมาชงกับเรา เมื่อไหร่ที่คลอดหลังตรุษจีน นับเลยดีเดย์ เดือนนี้แหละฉันจะปล่อย
ก่อนหน้านั้นถือความเชื่อมาก ฝ่ายหญิงไม่ให้ฝ่ายชายโดนเตียงเค้าเด็ดขาด ?
นิว : ก่อนแต่งงานเริ่มคุยเรื่องขอแต่งงานเสร็จแล้ว วันที่ผมไปบ้านเค้าไปกินข้าวอาจจะมีดื่มบ้าง ก็จะไม่กลับบ้านจะนอนบ้านเค้า เค้าก็ให้ผมนอนห้องรับแขก เตียงห้ามยุ่ง ห้ามแตะ ห้ามเข้าห้องนอนเค้าเลย เพราะเค้าถือมาก
เมษา : พอแต่งงานกันจะมีฤกษ์ปูเตียง ฤกษ์ส่งตัวที่เค้ามาทำพิธี เราก็รู้สึกว่าอยากให้มันเป็นวันแต่งงานเป็นต้นไป ก่อนหน้านั้นคุณห้ามมาโดน
ทำแบบนี้นานมั้ย ?
นิว : ก็ก่อนแต่งงานตั้งแต่ มิถุนา ผมแต่งงานเดือนตุลา ก็ 4 เดือน
เมษา : โดนเตียงอื่นได้ ไปนอนด้วยกันบนโซฟาได้ แต่ต้องไม่ใช่เตียงอันนี้ที่จะเป็นห้องหอ
ตอนนี้รู้เพศหรือยัง บอกได้มั้ย ?
เมษา : เพศชายค่ะ
จะคลอดต้องดูฤกษ์มั้ย เพราะก่อนแต่งงานยังห้ามแต่แตะเตียง ?
นิว : ฤกษ์ของการคลอดลูกเราปล่อยตามธรรมชาติ คลอดธรรมชาติด้วย
เมษา : อยากคลอดธรรมชาติ แต่ ..
นิว : แต่ยกเว้นถ้าเด็กไม่กลับหัวหรือหมอแนะนำว่าต้องผ่า อันนี้เราจะดูฤกษ์ เรารู้สึกอยากให้ธรรมชาติเป็นตัวกำหนด เค้าจะมาวันไหนก็แล้วแต่เค้า
มีตั้งชื่อไว้หรือยัง ?
เมษา : ชื่อยังไม่ได้ตั้งแบบฟันธงว่าจะให้ชื่อนี้ แต่เรามีเหมือนกลุ่มชื่อเป็นธีม ให้เกี่ยวข้องกับอะไร
คิดว่าจะมีลูกมากกว่า 1 ?
เมษา : ใช่ อยากมีมากกว่า 1 ค่ะ 1 คนไม่พอ อยากมีขั้นต่ำ 2 คน มากสุด 4 คน แต่ไม่เอามากกว่า 4
นิว : อย่างน้อยมี 2 คนให้เค้าเป็นเพื่อนกัน แล้วก็อยากมีทั้งชายทั้งหญิง คนหน้าก็จะลุ้นว่าอยากให้เป็นเพศหญิง แต่ก็ปล่อยตามธรรมชาติ
อยากได้แฝดมั้ย ?
นิว : ผมอยากได้ น่าจะมันดี ถ้าเกิดท้องที่ 2 เป็นแฝด 3 มาน่าจะปิดอู่ได้เลย แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสนะ เราจะไม่ได้ทำ เราจะปล่อยตามธรรมชาติ
อยากได้แฝดแต่จะไม่ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์แล้วจะเป็นไปได้หรอ ?
นิว : คุณแม่ คุณเมษาเค้าเป็นแฝด ทำให้เรามีสิทธิ์ลุ้น
เมษา : แฝดแท้เลย แบบไม่ได้ทำ
มีแพ้ท้องบ้างมั้ย ?
เมษา : ไม่มีเลย ไม่มีอาเจียนเลย มีเหม็นบางอย่าง เช่น กาแฟ แต่ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งที่แปลกคือของที่ชอบที่กลิ่นแรง ๆ อย่างเช่นเมื่อก่อนเราชอบกินหม่าล่า ชาบู หรือ เนื้อวัวก็จะเหม็นมาก
นิว : ผมไม่มีอาการแพ้ท้องแทนเค้าเลย แต่เมษาเค้าจะตรงข้ามทุกอย่างเลย แต่อันที่ไม่ชอบเลยอย่างเช่นแซนวิช พิซซ่า อาหารฝรั่ง อยากกินทุกวัน ผมนี่งง
คบกันมากี่ปีแล้ว ?
นิว : ถ้าตั้งแต่วันแรกที่เป็นแฟน ตุลาปีนี้ 10 ปี
ตอนแรกเจอกันเห็นว่าเป็นเด็กฝึกงานกับนักแสดง ?
เมษา : เป็นเด็กฝึกงานที่ Acts channel เรียนอยู่ปี 3 ที่อเมริกา เราจะกลับบ้านแค่ปีละ 1 ครั้งตอนปิดเทอมใหญ่ ๆ 3 เดือน เราเลือกมาฝึกงานที่ไทย ไม่งั้นไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็ได้ที่ Acts Channel ก็เข้าไปฝึกงานตามปกติ เจอเค้าเพราะเราถูกส่งไปตามกองเพื่อสัมภาษณ์สกู๊ป เจอเค้าครั้งแรกคืองาน Grammy Wonderland
นิว : แล้วเค้าก็มาสัมภาษณ์ผม แล้วก็เหมือนกันว่าผมเป็นเพื่อนกับเพื่อนสนิทเค้า เค้าก็เลยมาทักทายว่าเป็นเพื่อนคนเดียวกันนะ แล้วก็แยกย้าย เค้าก็กลับไปเรียนต่อที่อเมริกา ผ่านไปไม่กี่เดือนปี 2012 มีรายการส่งผมไปอเมริกางานออสการ์ ก็ติดต่อกับเพื่อนเค้าว่าผมจะไปแอลเอกับซานฟราน ให้เพื่อนเค้าพาเที่ยว ปรากฏว่าเพื่อนเค้าติดเรียนเลยส่งคนนี้มาแทน เค้าก็พาเราไปเที่ยวนู่นนี่ แต่ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ จนกลับมาก็ปรึกษากับเค้าตลอด ผมมีแฟนเลิกกับแฟน
เมษา : ต่างคนต่างมีแฟน อันนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีคอนแทคกันและกัน เป็นเพื่อนกันต่ออีกเป็นปี ๆ เลย
นิว : ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมมีแฟนเลิกกับแฟน ก็ปรึกษาเค้าเพราะเค้าเป็นเพื่อนผู้หญิง พอตอนเค้ากลับมาไทยมีปัญหากับแฟน เลิกกับแฟน แฟนเค้ายังอยู่อเมริกา เป็นรักระยะไกล ก็มีปรึกษากัน มีนัดกินข้าวกัน สนิทกันไปเรื่อย ๆ
ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนเมื่อไหร่ ?
นิว : ไม่รู้ จนกระทั่งผมอยากไปจีบผู้หญิงคนนึง เลยคุยกับเค้าน้อยลง พอไปจับผู้หญิงคนนึง ผ่านไปอาทิตย์เดียวผมรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างในชีวิตหายไป ความสบายใจมันหายไป คิดถึงการคุยกับคนคนนี้ ถ้างั้นเราก็หยุดไม่จีบต่อแล้ว มาคุยกับคนนี้
แล้วเรารู้สึกยังไง ?
เมษา : อยู่ดี ๆ เค้าก็หายไปเลย ก่อนหน้านี้เลิกกับแฟน มีปัญหาก็ปรึกษาเรา แต่อันนี้หายไปเลย แล้วก็ไม่บอกด้วยนะว่าจะไปจีบอีกคนนึง แต่เรามารู้เองจากอย่างอื่นจากโซเชี่ยล ก็เลยอ๋อว่าที่หายไปเพราะไปจีบคนอื่นอยู่ ก็เลยโกรธ งอน แล้วก็ไปบอกเพื่อน เพื่อนก็เลยบอกว่ามึงชอบเค้าแหละ
นิว : เพื่อนเราทั้งคู่บอกว่ามึงสองคนชอบกันนะ มีความรู้สึกดีต่อกันแต่ไม่รู้ตัว ก็มาง้อเค้าพยายามคุยเหมือนเดิม ก็มีไปกินข้าวกัน ดูหนังกันเลยบอกเค้าวันนั้นว่าลองคบกันดูป่ะ แต่พูดเบา ๆ กลัวเค้าได้ยินเพราะยังสองจิตสองใจ ไม่ใช่ไม่แน่ใจ แต่กลัวเสียเพื่อนดี ๆไป ถ้าเกิดว่าแฟนไม่เวิร์ค เราถอยกลับมาไม่ได้แล้ว เราก็เลยสองใจว่าจะเป็นแฟนดีมั้ย เลยใช้ศาสตร์มูเตลูเข้ามา ตอนนั้นตี 2 ยี่สิบกว่า ผมเกิดวันที่ 27 เดือนกุมภา ถ้าเกิดผมยกนาฬิกาขึ้นมาเป็น 227 ผมจะพูดอีกครั้ง “ลองคบกันดูป่ะ” เค้าก็เงียบ กลัวเหมือนกัน
เมษา : จริง ๆ คือความคิดเหมือนกัน พอตอนเค้าพูดเราเลยยังไม่ได้ตอบทันที แต่เรามาคุยกันก่อนว่าทำไมถึงอยากคบกับเรา ถ้าเกิดมันไม่เวิร์คขึ้นมามันจะเป็นยังไง
แต่มีอยู่ช่วงนึงเลิกกันหรอ เกิดอะไรขึ้น ?
เมษา : ใช่ 2 ปี
นิว : ตอนนั้นคบกันได้ 5-6 ปี แล้วเค้าไปเรียนต่อเมืองนอก พอเค้ากลับมาบางสิ่งบางอย่างหายไปปีนึงต้องมาจูนกันใหม่ คือเราอยากแต่งงานแล้ว แต่ว่าเค้ายังไม่อยากแต่งอยากใช้ชีวิตก่อน มันก็เลยมีปัญหาเกิดขึ้น พอมันไม่ตรงกันเราเลิกกันดีกว่า ห่างกันไป 2 ปี ระว่าง 2 ปีนั้นก็เสียใจ ทำใจไม่ได้ เป็นเพื่อนไม่ได้
ถ้าเกิดไม่มีเราแบบนี้ ขอไม่มีในชีวิตเลยแล้วกัน เลยบล็อกทุกทาง ทุกอย่าง ทุกการติดต่อ
แล้วเมษาบล็อกเค้ามั้ย ?
เมษา : ไม่ได้บล็อก อยากเข้าไปดูมากเลย แต่เข้าไม่ได้
เมษาบอกว่าจริง ๆ อยากมีเค้าอยู่นะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ?
เมษา : เหมือนเค้าไม่ใช่สำหรับปัจจุบันเหมือนอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ณ ตอนนั้น รู้สึกว่าเป็นคนที่ใช่สำหรับอนาคตในการที่จะแต่งงาน เห็นภาพนะ แต่ว่าตอนนั้นอยู่ด้วยไม่มีความสุข
แล้วกลับมาเจอกันยังไง ?
นิว : ก็ทำรายการทางบริษัทของคุณแม่เมษาทำแคมเปญอยากแจกโชคให้กับผู้โชคดี แล้วเค้าหาพิธีกรใหม่มาทำ บริษัทที่ติดต่อมาเค้าก็บอกว่ารายการนี้เป็นของคาราบาวแดงแล้วทำคู่กับเมษา นิวจะทำมั้ยมีเวลา 15 นาที เพราะโปรเจ็คมันเริ่มแล้ว ถ้าไม่ทำเค้าจะหาคนอื่นทำ
เมษาเป็นแผนที่เราวางไว้มั้ย ?
เมษา : ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับเราเลย เราไม่ได้เลือกเค้า เราแค่ถูกวางตัวว่าจะเป็นพิธีกร ให้เป็นตัวแทนของแบรนด์แล้วอยากปรับลุคด้วย ส่วนในแง่ของรายการเป็นในส่วนของการตลาดบริษัทเค้าจัดการ เราไม่ได้รู้เรื่องเลย เรารู้ว่าเค้าเลือกนิว เรารู้ในที่ประชุม
เจอครั้งแรกเมื่อไหร่ ?
เมษา : วันโปรโมทเลย
นิว : เราอยากทำเพราะเราอยากทำพิธีกรที่เป็นเกมส์โชว์ แล้วเราอยากทำรายการสด พี่ที่ทำรายการนี้เค้าเก่งมากเรื่องทำพิธีกร ถ้าเราได้ประสบการณ์นี้จะดีมาก นั่นคือในเรื่องของการทำงาน แต่ในชีวิตจริงถ้าเราก้าวข้ามผ่านที่จะเจอเค้าได้ เราก็จะก้าวได้แล้ว พร้อมเริ่มต้นใหม่
เจอครั้งแรกเป็นไง ?
นิว : เงียบ หันหลัง ไม่คุยกันเลย
เมษา : พอเราจะทัก เค้ามองเราเป็นอากาศ ทำเป็นมองไม่เห็น
จากวันนั้นมามีเบบี๋ได้ยังไง อะไรมันเปลี่ยน ?
นิว : กำแพงของเราก็ทลายลงไป เพราะเราตั้งกำแพงว่าเราจะไม่เป็นเพื่อน แต่เราเจอกันทุกอาทิตย์ มันก็ต้องเริ่มคุยกันมากขึ้น ต้องยอมรับว่า 2 ปีที่หายไป ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึงเค้า ย้อนไปตั้งแต่วันแรกเมื่อย้อนกลับไป 2013 ไม่มีวันไหนที่ผมไม่รักเค้า ตอนเลิกกันผมก็รักเค้าตลอด 2 ปี มีใครเข้ามาใหม่ผมก็พยายามเปิดใจแล้ว แต่พอรู้สึกว่ายังคิดถึงเค้าอยู่ก็จะบอกว่าขอโทษนะ เรายังคิดถึงเมษาอยู่ ไม่อยากเริ่มต้นใหม่กับใคร พอไปถึงช่วงนึงเราคุยกับเค้าไปเรื่อยๆ กำแพงเริ่มทลาย ความรู้สึกดีๆมันเริ่มกลับมา เราก็บอกเค้าว่าถ้าจะกลับมาเป็นแฟนกัน กลับมาคบกัน คือคบแล้วแต่งงานนะถ้าคบแบบลองดูอีกทีนึง แบบนี้ไม่คบแล้ว เสียเวลาชีวิต
พอตัดสินใจคบกันแล้ว ตัดสินใจว่าต้องแต่งงาน ?
นิว : พอคบกันก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันดีขึ้น เราก็ไม่รอช้า คบกันไม่กี่เดือนขอแต่งงานเลย
เมษา : เซย์เยสเลย ตอนที่ขอเหมือนทุกอย่างมันใช่แล้ว เหมือนแยกย้ายกันไปเพื่อที่จะเติบโต เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ดี อะไรที่ไม่ดีก็เหมือนไปปรับกันมา จนมันลงตัวมาก ๆ จนเป็นโมเม้นท์ที่ใช่ ก็เลยเซย์เยสไปเลย
รักมากมั้ย ?
นิว : รักมากครับ รักมากที่สุดในชีวิต เราให้ทุกอย่างกับเค้าได้ ตั้งแต่วันที่แต่งงานเราก็บอกเค้าอย่างนั้น เราเป็นคนสองคนที่มาอยู่ด้วยกัน บางสิ่งบางอย่างคิดไม่เหมือนกัน เราก็ขอโทษในบางอย่างที่เราทะเลาะกันในบางเรื่อง แต่ในสิ่งที่เราทะเลาะกันเรารู้กันอยู่แล้วว่าเราอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่กัน
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ นิว ชัยพล-เมษา กิตติมา