นักแสดงรุ่นใหญ่ ตุ๊ก เดือนเต็ม ที่วันนี้จะมาเผยถึงวินาทีสูญเสียเพื่อนรัก ลินดา ค้าธัญเจริญ ไปอย่างไม่มีวันกลับพร้อมเล่าความจริงที่หลายคนยังไม่เคยรู้ ทั้งแม่ตุ๊กและแม่ลินดาไม่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน อีกทั้งยังเล่าโมเมนต์น่ารักของคำว่าเพื่อนที่ดูแลกันมายาวนานกว่า 18 ปี แถมยังเล่าเหตุการณ์ที่หมอดูเคยทักคุณลินดาเอาไว้ก่อนที่จะป่วยผ่านทาง รายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทราบข่าวของอดีตนางแบบและนางเอก คือ พี่ลินดา ตอนนี้คุณแม่ทำใจได้หรือยัง? แม่ตุ๊ก : ตอนนี้มีความรู้สึกว่าเขายังอยู่ เราไม่ได้มีความทุกข์โศกตรงที่ว่า เหมือนทำอะไรทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่เขาก็ยังอยู่ในใจเรา ก็เหมือนเขายังอยู่ ใจหายไหม? แม่ตุ๊ก : ใจหาย แต่จริงๆ เราทำใจมาระยะนึงแล้ว เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วของวันนี้ เขาก็เป็นหนัก เขาก็เข้าไปอยู่โรงพยาบาล 4-5 เดือน แล้วก็มาอยู่ที่บ้าน 9 เดือน ตอนที่เข้าครั้งที่2 มีความหวังลึก ๆ ไหมว่าจะกลับไปเหมือนเดิม? แม่ตุ๊ก : เรามีความหวังทุกครั้ง แล้วก็คุยกับพี่เลี้ยงเขา 15 ปี เขาอยู่ดูแลกันตลอด 24 ชม. แล้วเราก็จะติดต่อเขา มันช่วงโควิดเนี่ยเราไม่สามารถเยี่ยมได้เลย เพราะเขาจะไม่ให้คนนอกเข้าไป ยกเว้นคนนั้น เพราะเขากลัวว่าคนไข้จะได้รับเชื้อ เราก็จะวีดิโอคุยกัน ก็ได้เห็นหน้า แต่ไม่ได้สื่อสารด้วยคำพูด แต่พอถึงจุดสุดท้าย แม่ตุ๊กตัดสินใจคุยกับหมอดีกว่าว่าเราจะไม่ยื้อ ตอนนั้นตัดสินใจนานไหม? แม่ตุ๊ก : ตั้งแต่เล็กเขาพูด เราก็ปรึกษากันว่าเราไม่ให้พี่ดาทรมานอีกแล้วนะ ตั้งแต่แรก เราบอกว่าถ้ามีอะไรขึ้นมา ไม่ให้ปั๊ม ไม่ให้เจาะ หรือไม่ให้ทำอะไรเพิ่มแล้ว ให้เขาไปอย่างสงบ เพราะว่าเป็นขนาดนี้แล้ว อย่าเจ็บอะไรอีกเลย แต่ก็ไม่คิดว่าจะไป เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่ไปก็คือไปเข้าโรงพยาบาล มีไข้ขึ้นสูง เข้าโรงพยาบาลวันที่ 4 พฤศจิกายน แต่เล็กเขามีเซ้นส์อะไรบางอย่าง เขาบอกว่า เขามีความคิดยังไงก็แล้วแต่มี๊ต้องได้กลับมา แต่เล็กก็เชื่อว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ตายของมี๊ดาหรอก เขาก็มีเซ้นส์ของเขา เราก็บอกทำใจเถอะ อะไรต่ออะไร เดี๋ยวเขาคงได้กลับมา ตอนนั้นช่วงโควิดเขาไม่ได้ให้เข้าเยี่ยมนะคะ เล็กก็ไปนั่งเฝ้า จนกระทั่งตรวจดูค่าของตับขึ้นสูงถึงระดับที่5 แล้ว มันไม่สามารถขับของเสียออกมาได้ เขาถึงได้มีการอักเสบ มีการเลือดออก หมอก็แปลกใจ ให้เลือดคุณลินดาทุกวันเลย ทำไมเลือกไปอยู่ที่ไหนหมด ลินดายังซีด แต่ภาวะคือร่างกายมันไม่รับอะไรแล้ว มันก็เลยกลายเป็นเลือดเข้าไปอยู่ในช่องท้อง วันที่4 เข้าไปคือไข้ขึ้นสูง แล้วอยู่กี่วันถึงรู้? แม่ตุ๊ก : ไปเรื่อยๆ ก่อน ว่าอาทิตย์นี้ให้เลือด แต่ทำไมยังซีดอยู่ มีภาวะหายใจด้วย หมอก็รักษาตามอาการ ก็ปรึกษาเพราะเรามอบให้คุณเล็กเลยว่าทุกอย่างให้เล็กเป็นคนเซ็นและตัดสินใจได้ เพราะเล็กอยู่ตรงนั้น เราไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่การที่เราจะตกลงอะไรกันจะต้องโทรมาถามกันก่อนว่าจะเอายังไง แล้วเล็กค่อยบอกกับหมอ เขาก็เล่า มีอาการเริ่มดร้อป เราก็บอกว่าล้างไตก็ไม่ได้แล้วล่ะ เป็นระดับนี้ ร่างกายไม่สมบูรณ์ จะมานั่งล้างไต มาเสียบท่อ มาอะไรต่ออะไรเราบอกไม่เอาแล้ว จบตรงที่ว่ารักษาตามอาการ แล้วคุณหมอดีมาก บอกเลยว่าคุณเล็กทำใจนะ เขาไม่วันนี้ แต่คงไม่เร็วๆ นี้หรอก คุณหมอเรียกเล็กไปคุยทุกเย็นไปบำบัดจิตให้เล็กด้วย เล็กก็ทำใจ แต่เขาขอวาระสุดท้ายขอไม่ให้ทำอะไรอีกแล้ว คุณหมอบอกไม่เป็นไรเที่ยวนี้ชีพจรเขาจะค่อย ๆ ตกไปเอง แต่เขาจะไม่ทรมาน เหมือนคนที่ไม่ได้รับประทานอาหาร ร่างกายมันก็ดับไปเอง เราก็เตรียมใจไปแล้ว จนสุดท้ายที่คุณหมอบอกว่าพี่เล็กเข้าไปนอนเฝ้าได้เลยพอแบบนั้นเรารู้แล้วว่า ดาจะต้องเสีย พอเล็กเขาเห็นดาปุ๊บ เขาจะน้ำตาไหล จับมือ เขาก็จะรู้ว่าให้เล็กเข้าไปนอนเฝ้าได้ เล็กก็ไปนอนเฝ้าอยู่ตรงนั้นได้ เราก็รู้แล้วว่าถ้าไม่ถึงขั้นนี้เขาคงไม่ให้เข้าไปเฝ้าหรอก ในมุมของคุณแม่ก่อน 1 วันก็มีเซ้นส์แปลก ๆ บางอย่าง? แม่ตุ๊ก : ใช่ ๆ รู้สึกว่าไปแน่ ๆ เลย ตอนแรกเราจะติดต่อเพื่อนอีกคนตลอด เราไม่มีใคร ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเราจะไปวัดไหน อะไรตรงไหน เราก็จะต้องเตรียมการไว้ก่อน เขาบอกว่าเดี๋ยวไปวัดเทพศิรินทร์ได้ เสร็จแล้วเราก็มารู้ข่าวว่าถ้าวัดเทพศิรินทร์ต้องหลังวันที่2 ธันวาคม พี่เลยเลยบอกเพื่อนว่าจองวัดพระศรีไว้ให้ก่อน ให้จองวัดเลย? แม่ตุ๊ก : ให้จองวัด จองศาลาไว้เลย แต่ยังไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร ซึ่งเพื่อนคนนี้เขาสนิทกับทางนั้นอยู่ เขาเลยจอง แล้วบอกเราว่าทำให้เรียบร้อยแล้วนะ ก็ได้จองเอาไว้ ก็เป็นอันสบายใจแล้วว่าอย่างน้อยก็มีที่ตรงนี้...