BGRIM เดินหน้าลงทุน ในเกาหลี เพิ่มกำลังการผลิต ขยายพอร์ท “พลังงานหมุนเวียน”
BGRIM เดินหน้าลงทุน Wind Power Plants ในสาธารณรัฐเกาหลี เพิ่มกำลังการผลิต 1,030.6 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ท “พลังงานหมุนเวียน” สู่เป้าหมาย Net Zero
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า B.Grimm Power Korea Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ได้เข้าทำสัญญาเพื่อการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า Wind Power Plants รวมกำลังการผลิต 1,030.6 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายธุรกิจพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้อย่างแท้จริง
สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ B.Grimm Power Korea ได้เข้าทำสัญญาเพื่อการพัฒนาโครงการ Wind Power Plantsในประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ดังต่อไปนี้
(1) เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Goni Jodo Co., Ltd. เพื่อเข้าถือหุ้น 70% ใน Jodo Wind Power Generation Co., Ltd. มูลค่าเงินลงทุนรวม 700,000,000 วอนเกาหลีใต้ (เทียบเท่า 536,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อการลงทุนในโครงการ Offshore Wind Power Plant ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งในเฟสแรกจำนวน 517 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า (Power Plant License) เรียบร้อยแล้ว โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง
(2) เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่บุคคลเกี่ยวโยงกัน เพื่อเข้าถือหุ้น 15% ใน Shinan – Eoui Wind Power Co., Ltd. ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการลงทุนในโครงการ Offshore Wind Power Plants ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 99 เมกะวัตต์ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า (Power Plant License) และยื่นคำขอเพื่อเข้าทำสัญญาการเชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connection Agreement) กับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 1 ปี 2566 และกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 3 ปี 2568
(3) เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบุคคลธรรมดาที่ไม่ใช่บุคคลเกี่ยวโยงกัน เพื่อเข้าถือหุ้น 15% ใน Cheonsa-Eoui Wind Power Co., Ltd. ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการลงทุนในโครงการ Offshore Wind Power Plants ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 99 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า (Power Plant License) และยื่นคำขอเพื่อเข้าทำสัญญาการเชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connection Agreement) กับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 1 ปี 2566 และกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 3 ปี 2568
(4) เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น กับ Goni Gunghung Co., Ltd. เพื่อเข้าถือหุ้น 70% ใน Gunghung Offshore Wind Power Co., Ltd. ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 536,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการลงทุนในโครงการ Offshore Wind Power Plants ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 240 เมกะวัตต์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า (Power Plant License) และได้เข้าทำสัญญาการเชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connection Agreement) กับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการอนุมัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 3 ปี 2566 และกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 1 ปี 2569
(5) ทั้งนี้ ในปี 2564 ที่ผ่านมา B.Grimm Power Korea ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้น 49.9% ใน KOPOS Co.,Ltd. และ ณ ปัจจุบัน KOPOS Co.,Ltd. ได้พัฒนาโครงการ Onshore Wind Power Plants ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 75.6 MW ซึ่งสามารถได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า (Power Plant License) และได้เข้าทำสัญญาการเชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connection Agreement) กับ Korea Electric Power Corporation (KEPCO) เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า Onshore Wind Farm เฟสแรกจำนวนกำลังการผลิตติดตั้ง 20 MW โดยมีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 1 ปี 2567 และโครงการส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการรอการอนุมัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างให้ครบถ้วนต่อไป
อนึ่ง การเข้าลงทุนโดยการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 70% ของ B.Grimm Power Korea ใน Jodo Wind Power Generation Co., Ltd. และ Gunghung Offshore Wind Power Co., Ltd. นั้น จะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติของ Ministry of Trade, Industry and Energy (MOTIE) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐเกาหลี ตามขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจาก MOTIE และทำการโอนหุ้นสัดส่วนร้อยละ 70 เรียบร้อยตามสัญญาแล้ว Jodo Wind Power Generation Co., Ltd. และ Gunghung Offshore Wind Power Co., Ltd. จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์ ต่อไป
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า “BGRIM มุ่งส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศล้วนได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผลงานของ BGRIM ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาต่างได้รับความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน ประสบความสำเร็จในการได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ อาทิ การได้รับคัดเลือกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยให้เป็นผู้ก่อสร้างโครงการโซล่าร์เซลล์ลอยน้ำ Hydro-floating Solar Hybrid เขื่อนสิรินธร ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ การที่ BGRIM ได้รับรางวัล Best Power Plant Project Developer – Solar ประจำปี 2019 (2562) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 257 เมกะวัตต์ Phu Yen TTP ประเทศเวียดนาม และ ล่าสุดการได้รับรางวัล Solar Power Project of the Year 2022 – The Asian Power Awards 2022 สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 39 MW ในประเทศกัมพูชา ที่ก่อนหน้านี้ BGRIM เคยได้รับรางวัล Best New Solar PV Project, Cambodia ประจำปี 2021 (2654) ในสาขา Utility / Energy – International Finance มาแล้วอีกด้วย ซึ่งการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติเหล่านี้ถือเป็นการตอกย้ำว่า BGRIM เป็นองค์กรทางธุรกิจซึ่งได้รับความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติทั้งในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และการมีความรับผิดชอบการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกิจการด้านสังคม และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนในทุกประเทศทุกแห่งที่ BGRIM ได้เข้าดำเนินธุรกิจตลอดมาอย่างแท้จริง”
BGRIM ตั้งเป้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ด้วยเป้าหมายรายได้ 100,000 ล้านบาทต่อปี