เปิ้ล จารุณี โดนคนในครอบครัวกระทืบอ่วม! ช้ำใน กินอาหารไม่ได้ ต้องพักรักษาตัวเกือบเดือน

นักแสดงมากความสามารถ เปิ้ล จารุณี เจ้าของฉายาราชินีนักบู๊ของเมืองไทย ที่วันนี้จะมาเล่าถึงเรื่องสุดช้ำใจโดนคนในครอบครัวกระทืบ จนต้องพักรักษาตัวนานเกือบเดือน รับเคยคิดน้อยใจชะตาตัวเอง เผยเส้นทางการเข้าวงการบันเทิงเพราะอยากหาเงินเลี้ยงครอบครัว ทำงานหนักในวงการ หลังหมดสัญญาได้เงินติดตัว 60,000 บาท กดดันจนทำร้ายตัวเอง เผยประสบการณ์เฉียดตายตอนถ่ายละครจนเป็นข่าวดัง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ ธัญญ่า ธัญญาเรศ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เมื่อไม่นานมานี้ถูกทำร้ายร่างกาย?

พี่เปิ้ล : อันนี้เป็นเรื่องรันทดที่สุดแล้วในชีวิต ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นคนใกล้ชิดเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราดูแลเค้ามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก เราไม่คิดว่าวันนึงเราจะมาถึงที่ถูกกระทืบๆๆๆ พี่ทำงานไม่ได้ มันเป็นคดีอาญา ป่วย 22 วัน เราต้องขอลาละคร ส่งแผล ผลการตรวจต่าง ๆ ให้ดู เราถูกกระทืบบนอกบนลิ้นปี่ เราไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ป้องกันตัวเองได้ แรก ๆ ที่โดนก็ยังพอเดินได้ แต่พอเราขับรถจากต่างจังหวัดมากรุงเทพก็ไม่ไหวค่ะ เลยต้องเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ทานอาหารไม่ได้ทานแล้วอาเจียน ก็ไปส่องกล้องมีผลในกะเพาะเลือดออก ก็ทำการรักษา เรื่องราวต่อเนื่องมาเป็นปีค่ะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเจอกันแบบธรรมดาแต่เราตะโกนทัก คำที่เค้าตอบกลับมาเรียกเราว่ามัน เราก็ตกใจเราบอก ทำไมละมึง เค้าพูดกับเราอย่าไปพูดกับมัน เราตอบกลับไปทำไมละมึง จากนั้นเค้าอยู่ท้ายรถผละจากรถเข้ามาเราพร้อมกับคำพูดที่ว่าขอทีเดียว เรายังติดสายอยู่ถือโทรศัพท์อยู่เลย เค้าบอกว่าเราหาเรื่องแล้วก็ตะโกนด่าเค้ามากมาย เค้ามีพยานเท็จเป็น 10 กว่าคนมันเป็นร้านก๋วยเตี๊ยวด้วย เค้าบอกว่าเราหาเรื่องเค้าก่อน ถ้าเราจะไปทำเค้าก่อนมันเป็นไปไม่ได้เพราะพี่โทรศัพท์อยู่กับหุ้นส่วน พอพี่โดนเราเอามือยันอัตโนมัติ แล้วโทรศัพท์หล่นแต่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกตัด พี่มีพยานคนเดียว ไม่งั้นพี่ไม่มีเส้นสายที่ไหนเจอพยานเท็จเข้าไป 11 คน พี่ต้องตายแน่ ๆ พี่ผ่านตรงนั้นมาด้วยความรู้สึกร้าวราน

ปมเรื่องคืออะไร ทำไมมาทำร้ายขนาดนี้?

พี่เปิ้ล : มันอาจจะยาวนานมาในจิตใจของเค้า เพราะความต่างของอายุต่างกันรอบนึง 12 ปี เค้าก็จะถูกโอบอุ้มดูแลในครอบครัว เราทำงานนอกบ้าน ความผูกพันในบ้านเฉพาะวันไหนที่ได้หยุด คือน้อยมาก มันก็กลายเป็นอีกกันข้างหลังแล้วเราก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวทำงาน สรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์

ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก?

พี่เปิ้ล : ก่อนหน้าที่เราจะถูกทำร้าย เราเคยผลักเค้าออกไปได้เพราะเค้าดื่มเบียร์ วันนั้นที่เค้าจะทำร้ายเรา อีกคนนึงเราเลี้ยงดูมาเหมือนกันตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก ปัจจุบันคนนี้ทำให้เราไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะเราได้ยินจากกล้องวงจรปิดว่า ถ้าเค้าจะทำเค้าไม่ทำเหมือนอย่างเดิมนี่หรอกจะเอาให้โดดเดี่ยวเลย จะเอาให้มันเป็นอัมพาต นี่คือคนที่เราเลี้ยงเค้ามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรกนะ เราไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไงค่ะ แต่ตำพูดของเค้าได้ผลคือเราไม่กล้าเข้าบ้านอีก เราก็ต้องอยู่ให้ได้คนเดียว

ในการดูแลครอบครัวมาจากน้ำพักน้ำแรงพี่เปิ้ล?

พี่เปิ้ล : พี่ทำงานตั้งแต่อายุ 12 พอที่บ้านไม่ให้เรียนแต่เราอยากเรียน ในเวลาเดียวกันเราเห็นที่บ้านลำบาก ก็ยังตัวเล็กกะจองอแแงกันอยู่ เราก็เริ่มหางานทำ ที่ให้ได้เงินมากขึ้น แล้วมาเจอข่าวรับนักแสดง เราก็เอาเลยเพราะคิดว่ารายได้ดีกว่าแบกปูน สมัครเป็นแบบเตะต่อยไป รอบแรกเค้าก็ไม่ได้เลือก แต่เค้าก็ไปรื้อใบสมัครมาดู เราก็ถูกเรียกไป ตอนนั้นอายุ 14-15 

ตอนที่ดังมากอายุเท่าไหร่?

พี่เปิ้ล : ก็ 17 บ้านทรายทอง ตอนนั้นก็ทำตัวไม่ถูก บทมันส่งความพร้อมขององค์ประกอบปัจจัยทั้งหมดไม่ใช่พี่คนเดียว

จุดเริ่มต้นคืออยากหางานที่มีรายได้เยอะมาเลี้ยงทุกคน แต่ตอนที่โดนรุมกระทืบแล้วต้องออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวความรู้สึกเป็นยังไง?

พี่เปิ้ล : ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว ไม่แค้นค่ะ เสียใจอยู่แล้ว เป็นเราระวังตัวมากกว่า เพราะเค้าขู่อาฆาตเราอยู่

ทำไมไม่ใช้สื่อเพื่อพูดออกไป?

พี่เปิ้ล : เพราะมันเป็นเรื่องครอบครัวไงค่ะ คำตัดสินของพี่จบแล้วโดยผู้ที่ทำร้ายเรา ตอนแรกเค้าไม่รู้ว่าเรามีอะไรบ้างเค้าพยายามเอาพรรคพวก ได้พยานเต็มเลย ใส่ความเรามา พอไปถึงศาลเรามีคลิปวีดีโออยู่ชายคาบ้าน ว่าเรายืนนิ่ง ๆ เฉย ๆแล้วคุณแถเข้ามา ด้วยหลักฐานที่เรามีพร้อม เลยจบด้วยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก็ชดใช้ ไม่มีการขอโทษไม่มีการไหว้ เค้าบล็อคเรากันหมด เค้าตัดเรา

ทุกวันนี้ระแวงขนาดไหน?

พี่เปิ้ล : ก็คอยดูแลตัวเองเฉย ๆ ค่ะ เพราะว่าจริง ๆ จะว่าเราอ้างว่างโดดเดี่ยวอะไรก็ไม่ใช่ เราก็มีครอบครัวของบริษัท ถ้าเราเจอคนที่เห็นอกเห็นใจเข้าใจก็เป็นครอบครัวใหม่ของเราได้

ผลตัดสินออกมาพอใจมั้ย?

พี่เปิ้ล : พอใจค่ะจากตอนแรกที่เค้ามีพยานเยอะแยะไปหมดเรารู้สึกเราไม่มีเส้น เราคนเดียว เราไม่มีเสียงอะไรเลย เรามีคนที่เป็นพยานเดียวของเรา หลักฐานจากกล้องคือที่เราติดไว้เมื่อก่อนมีฆาตกรต่อเนื่อง แล้วก็มีเงินหายตลอด เราก็ติดด้วยความหวังดี แต่ความหวังดีมันกลายเป็นร้ายกลายเป็นจับผิดชั้น ตรงโน้นก็กล้องตรงนี้ก็กล้อง เค้าเป็นทีมกันตั้งแต่แรกเราทำงานนอกบ้าน

มาออกรายการวันนี้ต้องยิ่งระวังตัวมากขึ้นมั้ย?

พี่เปิ้ล : วันนี้แหละค่ะที่โชคดีต้องขอบคุณรายการด้วยนะคะ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่พี่อยากพูด เรื่องครอบครัวสำคัญมาก ๆ ถ้ากฏหมายไม่ดูแลได้ดีเพียงพอก็ไม่ทำให้สังคมมีความสุขได้พี่รู้สึกแบบนั้น 

ตอนนี้อโหสิกรรมให้ทุกคนในครอบครัวมั้ย?

พี่เปิ้ล : พี่อโหสิหมดเลยค่ะ แต่เรายังกลัวกับคำที่เค้าพูดอาฆาตไว้ มีแค่เรื่องระวังตัวอย่างเดียว เรื่องอาฆาตแค้นเราไม่ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม เราไม่ได้เป็นฝ่ายทำเค้า เค้าเป็นฝ่ายตัดเรา

น้อยใจโชคชะตาตัวเองบ้างมั้ย?

พี่เปิ้ล : เคยค่ะ เพราะว่าเรื่องของพี่แปลก ๆ ทั้งนั้น แปลกจนเรารู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นหาคำตอบไม่ได้ เราก็ไปโทษเรื่องกรรม 

เล่นละครมาทั้งชีวิตมีเงินเก็บ 60,000 เอง?

พี่เปิ้ล : ทั้งหมดเลยค่ะ พอเราหมดแล้วโรงหนังถูกทุบ พอเราไม่มีสังกัดเราเหลือเงิน 60,000 ทำงานมา 13 ปี แต่เราก็ทุกลักทุเลกันมาตลอดพอเราขอเก็บเงินเอง พอมาเล่าตอนนี้บางคนอาจจะมองว่าทำไมโง่นานขนาดนี้ แต่มันเป็นยุคในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุญคุณ ภาพ การทำตัว พี่ไม่มีสิทธิเหมือนใครเลย ออกจากบ้านไปไหนก็ไม่ได้ เรา 14 ถามอะไรก็ได้หมด เราเล่าเรื่องให้เค้าฟังหมด เค้าบอกถ้าที่บ้านเก็บไม่มีเหลือ ก้าวเท้าเข้าวงการปุ๊ปก็ถูกร้อยไว้ด้วยหนี้แล้วค่ะสังกัดให้ยืมเงินซื้อบ้าน ในยุคนั้นเราทำอะไรไม่ได้ ทุกครั้งที่เราขอเก็บเงินเองจะมีนางเอกเกิดใหม่คนนึงแล้วดร็อปงานเรา มีนางเอกประมาณ 4 คน 

ความกดดันที่เกิดขึ้นจนทำร้ายตัวเอง?

พี่เปิ้ล : ห้ามทุกอย่าง แล้วเราทำงานหนัก พอกลับเข้าบ้าน บ้านก็มีปัญหา เยอะแยะหมดค่ะ ความใฝ่ฝันของเราสำเร็จคือมีบ้านให้ครอบครัวได้ แต่เราต้องทำงานให้มันกับค่างวด เราก็จะโดนทั้งทางครอบครัว ทั้งทางสังกัด เมื่อก่อนแรงนะ มีข่าวจารุณีเดินเมาอยู่ปากซอย แล้วผู้ใหญ่ต้องจ่ายเงิน แต่จารุณีไม่ได้ทำ ข่าวเมคเยอะมากอันนี้เป็นความรุนแรงยุคก่อน มีผู้ใหญ่หลายคนที่เป็นห่วง มีฉากถ่ายเทนนิส เราเอาไม่เทนนิสฟาดขาตัวเอง ฟาด ๆ  ณ เวลานั้นหลายเรื่องเรื่องความกดดัน มันกดดันไปหมดเลย

ตอนถ่ายลูกสาวกำนัน มีข่าวเรือพุ่งชนตอหม้อสะพาน?

พี่เปิ้ล : ตอนยุคตัวเองเล่นไม่มีสตั๊นท์แมน จะขับเรือเราก็ฝึกตรงนั้นอยู่ชั่วโมงนึง ก็ขับหนีผู้ราย เทค 2 ขับให้เร็วกว่านี้เราก็ย่ามใจเพราะขับได้แล้ว พอบิดมันคุมไม่อยู่ทักษะเราไม่พอ เลือดออกจมูก เลือดออกปาก หน้าต้องเย็บ ตอนขึ้นรถตู้เราหัวใจหยุดเต้นก็ต้องปั๊ม พอไปถึงโรงพยาบาลได้ดมยา 2 รอบ เกือบตายอีก

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

About Author