“รองแต้ม” โต้ “อัจฉริยะ” แฉตร.สร้างหลักฐานเท็จช่วยแก๊งสปีดโบ๊ต
“เดชา” อัดน่าสมเพช ข้อมูลขยะ ไม่มีราคา
รายการเป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.10 – 17.55 น. ทางช่อง JKN18 ดำเนินรายการโดย “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ได้สัมภาษณ์ พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ หรือ รองแต้ม อดีต กรณี “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” อ้างมีกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จ และตีแผ่กระบวนการนี้ มีความสงสัยเรื่องการเก็บหลักฐานและเรื่องราวต่าง ๆ ถึงขั้น “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ซัดให้เลิกหิวแสง
คุณอัจฉริยะแปลกใจการเก็บพยานหลักฐาน เพราะเก็บมา 4 วันเพิ่งมาเจอเส้นผม อยากให้อธิบายว่าการเก็บพยานหลักฐานมีขั้นตอนอย่างไร?
รองแต้ม : “เมื่อเวลาเกิดเหตุตำรวจจะต้องไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกเรื่อง และการเก็บหลักฐานไม่จำเป็นต้องเก็บครั้งเดียว จะเก็บกี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะครบประเด็น จนกว่าจะพบหลักฐาน คุณเคยดูในหนังมั้ยเวลาเกิดเหตุเขาจะใช้เชือกล้อมเพื่อไม่ให้คนเข้าไป อันนั้นแหละเขาล้อมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปทำงาน ไปตรวจเก็บหลักฐาน วันหลังก็เข้ามาเก็บหลักฐานใหม่ได้”
แต่คุณอัจฉริยะเขาตั้งข้อสงสัยว่าวันแรกพิสูจน์หลักฐานมาเยอะมากแต่ไม่เจอเส้นผม ไม่เจอหลักฐานว่าแตงโมนั่งอยู่ตรงไหน จนมาเจอวันที่ 4 จากในภาพจุดนั้นมีเจ้าหน้าที่รายล้อมตั้งแต่วันแรกแล้วทำไมถึงไม่เจอ?
รองแต้ม : “ผมไม่ได้ดูคลิปนะ เวลาคนที่เป็นพนักงานไปตรวจอาจมีหลายคนนะ แต่คนที่ตรวจอาจมีคนเดียวนะคนอื่นอาจถือกระเป่าถือเครื่องไม้เครื่องมือ คนที่เก็บจะต้องมีความชำนาญและเชี่ยวชาญว่าจะเก็บอะไรตรงไหนอย่างไร สมมติดูคนเดียวอาจตรวจไม่เจอก็ได้ เหมือนคดีต่างๆวันแรกเราอาจตรวจหาคราบเลือดไม่เจอ วันต่อไปเอาวิทยาศาสตร์เข้าไปอาจเจอ”
เขาสงสัยว่าเป็นไปได้มั้ยที่ตำรวจตั้งใจทำคดีให้เหมือนกับว่าแตงโมอยู่ท้ายเรือ อาจมีคนเอาเส้นผมไปหยอดไว้ตามจุดต่าง ๆ ?
รองแต้ม : “ผมถามคุณอัจฉริยะ คุณเอาภาพนิ่งมาแบบนี้ คุณได้เห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตอนทำงานหรือเปล่า คุณอัจฉริยะเขาไม่เห็นนะ เอาภาพตรงนี้มาวิพากษ์วิจารณ์มันไม่ใช่ คุณไม่รู้หรอกตำรวจทำอะไรบ้าง”
ตอนนี้เรื่องราวหรือหลักฐานต่าง ๆ ตำรวจสามารถเอามาเปิดได้หรือเปล่า?
รองแต้ม : “ตำรวจจริง ๆ เขาทำหมดแล้ว ผมว่าเดี๋ยวเขาก็ชี้แจงหมดแหละ คุณต้องคิดนะครับกลุ่มบุคคลที่หิวแสงต่าง ๆ ที่เอาหลักฐานออกมาคุณได้รับการรับรองจากใครหรือไม่ ตำรวจได้คลิปได้อะไรมาเขามีนักวิชาการมาวิเคราะห์เอาหลักฐานมาดูเอาคนมาตรวจพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาสาสตร์ ผมถามว่าทำไมคุณไม่เชื่อคนแบบนี้ หรือคุณไปเชื่อคนที่มโนพูดเรื่อยเปื่อย”
โฟนอินทนายเดชา คิดว่าที่คุณอัจฉริยะเอามาเปิดเผยวันนี้มีผลต่อรูปคดีมั้ย?
เดชา : “ผมสมเพชเวทนานายอัจฉริยะนะ คุณไม่ได้รู้เห็นอะไรเลยไม่ได้อยู่บนเรือ ผมถามตำรวจแล้วอัจฉริยะอยู่บนเรือมั้ยก็ไม่มี ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นจากไปเอาข่าวมาจากไทยรัฐ ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเลย”
เขาบอกว่าเขาจะมาทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม เพราะเขาไม่เชื่อในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะตำรวจ สภ.นนทบุรี ที่เขาคิดว่ารู้จักกับ 5 คนบนเรือ?
เดชา : “ผมมองว่าคุณอัจฉริยะเหมือนคนมีปมด้อยนะ แกไม่ได้หาความยุติธรรมหรอกแกมาหาแสง ส่วนตำรวจเขาทำตามหน้าที่แล้ว timeline ต่างๆ มันเป็นความลับ นายอัจฉริยะเอามาได้ยังไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปแจ้งความดำเนินคดีเลย หมอพรทิพย์เคยถาม พฐ. นะครับ เขายังไม่บอกเลย นายอัจฉริยะเขาเป็นอะไร นายกหรือเทวดาครับ หรือผบ.ตร.”
ถ้าผมมีหลักฐานแล้วเอามาเปิดเผยผมเองก็จะมีความผิดแบบนี้เหรอ?
เดชา : “แน่นอนครับมันเป็นความลับในสำนวนครับ ขนาดหมอพรทิพย์เป็นกรรมาธิการถาม พฐ.เขายังไม่ตอบ”
ถ้าอย่างนั้นตัวข้อมูลที่พี่อัจฉริยะเอาออกมาวันนี้แทบจะไม่มีประโยชน์เลยหรือเปล่าครับ?
เดชา : “คือผมมองว่าเป็นข้อมูลขยะนะ ผมอยากจะพูดตรง ๆ ขยะเปียกที่มันไม่มีราคา”
มีหลายคนบอกว่ามันเป็นข้อสงสัยว่าเส้นผม 1 เส้นทำไมตรวจวันที่ 4 ถึงจะเจอ?
เดชา : “แล้วนายอัจฉริยะรู้ได้ไงว่าตรวจเจอวันที่เท่าไหร่ ทำไมเขาต้องไปบอกนายอัจฉริยะเขาเป็นผู้เสียหายเหรอครับ สิ่งที่นายอัจฉริยะพูดมันเป็นการมโน รำพึงรำพันไปเรื่อย แล้วก็อยากจะเอาชนะผมอยากมีเรื่องกับผม จะเอาอะไรมาสู้กับผม ผมจบเนติบัณฑิต เขาจบวิศวกรรมก็ต้องไปตอกเสาเข็มสิจะมาสืบสวนอะไรได้ไง”
ถ้ามีคนมีหลักฐานแล้วอยากช่วยเอาออกมาแล้วโดนต่อว่าเขาจะกล้าเอาออกมาเหรอ?
รองแต้ม : “ถ้าพี่น้องประชาชนมีหลักฐานที่เป็นประโยชน์สามารถเอามาให้พนักงานสอบสวนได้ถ้าคุณไม่เชื่อตำรวจคุณก็เอาไปส่งมอบให้องค์กรที่คุณไว้ใจแล้วกัน แล้วองค์กรเหล่านั้นก็จะส่งมาให้ตำรวจเอง แต่ไม่ใช่คุณได้หลักฐานอะไรมาก็ไม่รู้แล้วคุณเอามาวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าคุณคิดว่าคุณช่วยราชการแล้วคุณอยากจะช่วยคุณต้องเอาเก็บเป็นความลับ แล้วเอาไปบอกตำรวจ อะไรที่มันไม่ถูกต้องเขาจะได้ดำเนินการ แต่นี่คุณเอาออกมาให้มันเป็นเรื่องให้คนสนใจทั้งๆ ที่สิ่งที่คุณทำคุณยังไม่รู้เลยว่าตำรวจเขาทำกันหรือยัง”
เขาบอกว่าเขาไม่มันใจในการทำงานของตำรวจ?
รองแต้ม : “ถ้าคุณไม่มั่นใจคุณมั่นใจใคร คุณมั่นใจในนายกฯ บิ๊กตู่เหรอคุณก็ไปมอบให้ท่านนายกฯ นายกฯ ท่านก็ส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คุณบอกคุณไม่เชื่อใจใครแล้วเอาออกมาพูดแบบนั้นเหรอมันก็ไม่ได้เรื่องไง”
คุณอัจฉริยะพูดอย่างมั่นใจเลยว่าเป็นการฆาตกรรมและคุณแซนให้การเท็จแบบนี้มันจะมีปัญหามั้ยครับ?
เดชา : “คือคนที่ดูแล้วน่าสมเพชเวทนาที่สุดก็คือคุณอัจฉริยะ เพราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เผือกไปยุ่งกับเขาทุกเรื่องเลยแล้วไม่ได้เกี่ยวข้อง พยานหลักฐานตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนหามา ส่วนภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของตำรวจ 100% อยู่แล้ว อัจฉริยะเคยไปตรวจเรือมั้ย เคยไปผ่าศพหรือเปล่า”
เขาบอกว่าพี่เดชาทำคดีมั่วๆ ไม่ได้รู้จริง เขาบอกในไลฟ์ว่าเขามีแพทย์ที่บอกว่าแผลไม่ได้เกิดจากของมีคม เพราะฉะนั้นมันเป็นการฆาตกรรมและแตงโมไม่ได้อยู่ท้ายเรือ?
เดชา : “นั่งมโนอยู่บ้านแถวพระประแดง ตื่นขึ้นมาสองคนผัวเมียก็นั่งมโนกันไป แล้วหมอของเขาเนี่ยก็ไม่เคยผ่าศพเลย”
พี่อัจฉริยะอาจเอาข้อมูลอีกส่วนหนึ่งมาให้เพื่อที่จะได้มองต่างมุม?
เดชา : “สมมติว่าคุณอัจฉริยะมีความอยาก ไม่ว่าจะอยากหิวแสง ถ้าอยากหาข้อเท็จจริงต้องเอาหลักฐานไปให้ ผบ.ตร. กับ สภ.เมือง อัจฉริยะก็ขี้โม้อยู่แล้วบอกผู้บัญชาการรู้จักกันอะไรกัน ก็เห็นโม้อยู่ทำไมไม่ทำอย่างที่พูด”
พี่บอกเขาขี้โม้เดี๋ยวเขาก็ฟ้องพี่?
เดชา : “ผมกลัวจะไม่ฟ้องสิครับ คุณช่วยไปบอกให้เขารีบฟ้องหน่อยได้มั้ย”
ทำไมพี่ถึงไม่เชื่อว่าคุณอัจมีเจตนาดี?
เดชา : “เจตนาดีก็อย่างที่พี่แต้มบอกมีหลักฐานก็ไปส่งให้ตำรวจสิครับ เอามาแถลงข่าวเขาเรียกว่าอยากดัง”
เขาบอกว่าคดีนี้มันจะปิดไม่ได้ คิดว่าจริงมั้ย?
เดชา : “เขาเป็นใคร ผบ.ตร. หรือเทวดามาเกิด เป็นนายกฯ เหรอที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขาปิดหมดแล้ว วันนี้ผมคุยมันจบแล้ว ลิเกเลิกหมดแล้วครับ สำนวนเขามีความเห็นทางคดีจบแล้ววันอังคารก็ส่งอัยการแล้ว”
ถ้าคดีจบแล้วแล้วมีคนมาปั่นกระแสเรื่อยๆ เขาบอกเขาจะแจ้งความดำเนินคดีตำรวจด้วยนะถ้าปิดคดีแบบไม่เอาหลักฐานของเขาไปรวมในสำนวน?
รองแต้ม : “คุณเอาอำนาจอะไรมา คุณมีหน้าที่อะไร คดีนี้เมื่อตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนคิดว่าครบประเด็นตำรวจจะสรุปให้กับอัยการ อัยการก็ต้องไปดูว่าคดีนี้สมบูรณ์หรือไม่ ถ้าอัยการเห็นว่ามันไม่สมบูรณ์ก็จะส่งให้ตำรวจไปทำการสืบสวนเพิ่มเติมตามประเด็น หรือคุณอัจฉริยะมีหลักฐานแล้วส่งให้อัยการก็อาจสั่งได้ การแถลงปิดคดีคือตำรวจเชื่อว่าครบแล้ว คดียังไม่ปิดนะ ยังสามารถที่จะสอบเพิ่มเติมได้ ถ้าอัยการมีความเห็นตรงกับตำรวจเขาจะส่งไปฟ้องต่อศาล”
โฟนอินคุณอัจฉริยะ พี่คิดว่าในสิ่งที่พี่ออกมาพูดสามารถเปลี่ยนคดีที่ตำรวจว่าเป็นอุบัติเหตุมาเป็นฆาตกรรมได้มั้ย?
อัจฉริยะ : “ผมขอโต้แย้งพี่แต้มนิดนึงเรือนี้เป็นเรือของกลาง การเก็บครั้งที่ 1,2,3 ไม่เจอผมใครเลยแม้แต่เส้นเดียว พอมาถึงวันที่ 1 พนักงานสอบสวนบอกให้ พฐ. มาเก็บ ผมถามว่าเส้นผม 3 เส้นนี้มาอยู่ได้ยังไง ในเมื่อทั้ง 3 วันที่ไปตรวจไม่เจอเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว”
รองแต้ม : “คือคุณสงสัยได้หมดนะครับแต่คุณต้องรู้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่มันเป็นยังไง ผมเชื่อว่าที่คุณอัจฉริยะพูดตำรวจเขาทำมาแล้ว เขาตรวจหาหมดแหละ แต่บางทีตรวจวันแรกมันอาจไม่เจอ วันหลังมันอาจเจอก็ได้ ดังนั้นการที่เจอวันหลังอย่าไปคิดว่าตำรวจเขาเอาหลักฐานไปใส่ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจที่เขาจะมาบอกว่าวันนั้นตรวจตรงนี้ไม่เจอ ทำไมตรวจตรงนี้แล้วเจอ แล้วทำไมต้องมาตรวจ เดี๋ยวตำรวจเขาจะมีความเห็นเลย ความสงสัยจะถูกเปิดหลังจากที่มีการแถลงแล้ว”
อัจฉริยะ : “วันที่ 28 ตอนเย็นแล้วยืนอยู่ตรงที่เส้นผมด้วย เส้นผมสีดำผนังสีขาวถ้ามันมีเส้นผมจริงต้องมองเห็น มันมองไปก็เห็นแล้ว ผมบอกเลยว่าคำพูดของแซนคือสิ่งที่ตำรวจเอามาเป็นแม่แบบเลยว่าแตงโมตกเรือเพราะจับขาแซน แล้วทำไมผมแตงโมอยู่ที่ท้ายเรือคนเดียว แล้วทำไมผมของคนอื่นไม่สักเส้น ถ้ามีทั้งของแซนบ้างเล็กน้อย อย่างน้อยมันก็ไม่มีข้อสงสัย”
เป็นไปได้มั้ยครับว่าเรื่องนี้ตำรวจมีข้อมูลในสำนวนแล้วแค่ไม่ได้บอก?
รองแต้ม : “มีสิทธิ์ครับเขาไม่บอกท่านอัจฉริยะหรือคนอื่นหรอกเพราะมันเป็นเรื่องความลับ ผมถามพี่อัจฉริยะว่าไม่ได้ไปยืนที่เกิดเหตุ เห็นแค่จากภาพ เดี๋ยวเวลาแถลงแล้วอะไรก็กระจ่างหมด”
พี่อัจอาจโดนตำรวจแจ้งความกลับในข้อหาหมิ่นประมาทก็ได้นะ?
อัจฉริยะ : “ผมพร้อมอยู่แล้วครับ ถ้าเขาจะดำเนินคดีผม ก็ต่างคนต่างใช้สิทธิตามกฎหมายครับ”
พี่เดชาบอกว่าพี่อัจเป็นคนนอกแล้วยังจะฟ้องเขาด้วย พี่คิดว่าเรื่องนี้จะจบยังไง?
เดชา : “เขาไม่ได้พูดในเรื่องของคดี เขากล่าวหาว่าผมไปตบทรัพย์ อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเป็นคดีแตงโมผมไม่สนใจหรอกครับ